สำหรับคนที่มีแพลนมาเที่ยวรัสเซียแล้วมีเวลาอยู่นานๆผมแนะนำนะครับว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตควรจะหาเข้าซาวน่าแบบรัสเซียดูว่ามันจะโหดสัสรัสเซียไหม ประโยคนี้เป็นประโยคที่พูดกันฮิตติดหูประชาชนชาวไทยแล้ว...แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ซาวน่าแบบรัสเซียที่เป็นของชุมชนจริงๆเหลือน้อยเต็มทีแล้ว เริ่มกันเลยละกันนะครับ
ซาวน่าแบบรัสเซีย....ตลอดการอยู่รัสเซียมาจะขึ้นปีที่แปดพิ่งจะมีโอกาสได้เข้าซาวน่าแบบรัสเซียเป็นครั้งแรก เคยได้ยินกิติศัพท์มาหนาหูว่ามันเหม็นบ้างหละ แต่คนรัสเซียก็นิยมเข้ากัน ดังนั้งเพื่อคลายข้อสงสัย กับเวลาที่เหลืออยู่ในประเทศนี้อันน้อยนิดเลยตัดสินใจลองดู ประจวบกับเพื่อนชาวรัสเซียชวนหลายครั้งเลยตัดสินใจลองดู มันจะเหม็นสักเท่าไหร่กันวะอยู่กับเมทเหม็นร่วมปีก็อยู่มาแล้วเชีย ก่อนอื่นมาหาสาระนิดนึงก่อนนะครับซาวน่าแบบรัสเซีย แปลเป็นภาษาอังกฤษคือ Russian bath หรือภาษารัสเซียเรียกว่า บาเนีย...คือการอาบน้ำของคนรัสเซีย ในสมัยก่อนในแต่ละเขตหรือตำบล จะมีซาวน่าเป็นของรัฐบาลเลย เปรียบเสมือนโรงเรียนในรัสเซียเพราะโรงเรียนในรัสเซียนั้นจะไม่มีชื่อเรียกเหมือนกับเมืองไทย แต่จะใช้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนหมายเลขเท่าไหร่ของเมืองอะไร...ก็เปรียบเช่นบาเนียของรัสเซียเช่นกันเรียกว่าบาเนียหมายเลข....ประวัติบาเนียของรัสเซียไม่ได้มีระบุอย่างแน่ชัดว่าเข้ามาในช่วงไหน แต่มีการสันนิษฐานว่าคำว่า บาเนีย นั้นอาจจะมีการแปลงมาจากภาษาลาตินจากคำว่า balineum จากที่ฟังเพื่อนเล่าคร่าวๆ(เอาไปเป็นสิ่งอ้างอิงไม่ได้นะครับ)ว่าคนรัสเซียเป็นคนในประเทศหนาว ในสมัยก่อนแต่ละบ้านไม่มีน้ำร้อนดังนั้นคนรัสเซียก็จะมีบาเนียเป็นที่อาบน้ำชำระร่างกายซึ่งแน่นอนไม่ได้ทำทุกวัน....พอมาในยุคหลังๆคนที่มีฐานะก็จะสร้างบาเนียในอาณาเขตพื้นที่ของตนสำหรับครอบครัวและนอกจากเป็นที่ชำระร่างกายแล้วยังเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนของคนรัสเซียอีกด้วย...ส่วนคนที่ไม่มีฐานะก็ไปเข้าของรัฐบาล...ซึ่งบาเนียที่ผมเข้าคือหมายเลข 73 ครับต้องขอออกตัวก่อนว่าข้างในถ่ายรูปไม่ได้นะครับได้แต่ข้างนอกเลยต้องเขียนบรรยายสภาพว่าเป็นอย่างไร...พอไปถึงก็เปิดประตูไปทางซ้ายเป็นตู้สำหรับเก็บเงินค่าเข้าส่วนขวามือของทางเดินเป็นที่ฝากเสื้อ พอไปถึงก็จ่ายตังค่าเข้าซึ่งขอบอกว่าตกใจกับราคามาก....ค่าเข้าใช้บริการคือคนละ 20 รูเบิลหรือคิดเป็นเงินไทยนะตอนนี้คือ 9 บาท คือไม่ระบุเวลาด้วยจะอยู่กันให้สุกกันไปข้างเลยก็ยังได้....คนเก็บเงินเป็นสาววัยกลางคน ส่วนห้องฝากเสื้อเป็นป้าอายุสัก 60 นิดๆน่าจะได้ เดินผ่านห้องเก็บตังไปก็จะเจอห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งพบว่าประชาชายที่มาใช้บริการนั้นส่วนใหญ่อายุเลย 45 ปีซะส่วนใหญ่ และส่วนใหญ่กว่าคือคุณลุงอายุ 60 อัพ และก็อัพอัพได้ถึง 80 เลย พอถอดเสื้อเสร็จแล้วเพื่อนแนะนำให้รู้จักคุณลุงเซอเก ซึ่งลุงแกมาใช้บริการบ่อย จากนั้นเพื่อนแนะนำว่าให้ไปซื้อใบของต้นโอ๊กไว้ใช้สำหรับฟาดตัวในขณะอบ แต่ราคาแพงมากครับ มัดนึงราคา 170 รูเบิลหรือประมาณ 85 บาทแพงกว่าค่าเข้าเกือบสิบเท่า ถัดจากห้องเปลี่ยนเสื้อก็จะเป็นห้องอาบน้ำ คือเป็นห้องโถงกว้างๆมีฝักบัวอยู่ริมกำแพง ส่วนตรงกลางห้องจะเป็นเก้าอี้ยาววางประมาณ 10 แถวๆนึงประมาณ 8 คนยื่น จะวางกะละมังแถวละ 8 ใบ กะละมังมีไว้ทำไมนั่นหรอ...ก็คือว่าเอาไว้ใส่น้ำเย็นขอบอกว่าน้ำเย็นในรัสเซียนั้นเย็นมาก แบบว่าเอามือแช่ 15 วินาทีมือชา(นอกเหนือจากนั้นก็เอาใบแห้งของต้นโอ๊คที่มัดเป็นกำๆใหญ่แช่ในน้ำเย็นสัก 15 นาทีจากนั้นแช่น้ำอุ่นอีก 15 นาทีคราวนี้ใบแห้งๆก็กลับมาพองโต) จากนั้นเพื่อนก็พอเดินเข้าไปในห้องอบซึ่งอุณหภูมิอยู่ที่ 75 -90 องศาเข้าไปรอบแรกแค่พอเหงื่อออกให้ร่างกายค่อยๆปรับ พอออกมาก็ไปล้างตัวกับฝักบัวโดยปรับน้ำให้เย็นอุณภมิปกติ จากนั้นเราก็ออกไปนอกบ้านซึ่งอากาศนะวันนั้น 0 องศาเดินแค่มีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเน้นว่าผืนเล็กจริงๆแบบว่าปิดไม่มิดติดพุง คื่อที่เอาผืนเล็กไปเพราะเพื่อนไม่ได้บอกว่าต้องออกมานั่งนอกบาเนีย เราก็จินตนาการว่าเหมือนอบซาวน่าทั่วไปเลยเอาผืนเล็กมาแค่เช็ดตัว ที่ขำไปกว่านั้นคือตอนเดินออกมาต้องผ่านห้องป้าฝากเสื้อและห้องเก็บเงิน เราก็ไม่รู้ต้องปิดยังไงเลยเอาผ้าปิดแค่ข้างหน้าอ้อมไปข้างหลังเดินเห็นแก้มก้นนิดๆ เพื่อนหันมาเห็นแล้วบอกว่าให้พาดไปทางข้างแทนถึงผ้าปิดไม่หมดเค้าก็จะเห็นแค่ขาอ่อน เออจริง แต่ป้าๆคงเห็นบ่อยแล้วหละ.....จากนั้นเราก็จะเดินเข้าไปใหม่อีกรอบโดยรอบที่สองนี้กะละมังที่เราเห็นวางอยู่ก็เริ่มได้ใช้งานคือเอาใส่น้ำเย็นที่อุณหภูมิเย็นเจี๊ยบๆๆๆๆๆอย่างที่บอกคือเอามือแช่น้ำ 15วินาทีมือชา พอเราเข้าไปในห้องอบประมาณ 5 นาทีเอามือถูตัวไปเรื่อยๆพบว่าเห้ย ขี้ไคลสามารถปั้นช้างได้ 5 เชือก ออกมาเยอะมากถูส่วนไหน ไถติดมือมาเป็นก้อนๆเลยนึกขึ้นได้ว่า จริงๆแล้วเราไม่ได้อ้วนนะ ที่ทำให้เราดูอ้วนมันคือขี้ไคลนี้เอง(อันนี้คิดเองเออเอง แบบว่าไม่ยอมรับตัวเอง)....พอร่างกายเริ่มร้อน ก็รีบออกไปที่ห้องอาบน้ำแล้วเอากะละมังที่รองน้ำเย็นไว้ยกราดตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็เดินออกไปนั่งหน้าบ้านจะเห็นว่าตามร่างกายจะมีควันออกจากตัว ต้องนั่งให้ควันออกหมดจากผิวหนังแล้วก็เดินเข้าไปใหม่อีกรอบ มารอบที่สามทำเหมือนเดิมทุกขั้นตอน มารอบที่ 4 พอเข้าไปคราวนี้ไปพร้อมกับใบต้นโอ๊ค พอไปถึงเพื่อนก็เอาผ้าเช็ดตัวของมันปูให้ผมนอนคว่ำ จากนั้นมันก็ระเลงฟาดเบาๆด้วยใบต้นโอ๊คโดยเริ่มจากคอตีไปเรื่อยๆจนถึงปลายขาแล้วก็ตีไล่ขึ้นมาโดยอุณหภูมิประมาณ 80 องศาหลังจากนั้นก็จะเพิ่มน้ำหนักการตีไปเรื่อยๆ ความเจ็บแสบเริ่มทวีตัวขึ้นถ้าไม่เกรงใจลุงโซเวียตคงกรีดร้องประหนึ่งผีร้ายโดนน้ำมนต์กับข้าวสารเสก....พอร่างกายเริ่มแดงเพื่อนก็บอกว่าให้หงายตัวขึ้น แล้วเอามือปิดตรงจุดสำคัญไว้ จากนั้นก็ระเลงฟาดไปเรื่อยๆสักพักร่างกายแดงมากแล้วก็ออกไปเอาน้ำราดตัวแล้วก็ออกไปนอกบ้าน แต่คราวนี้พิเศษตรงที่ต้องไปนอนบนหิมะให้ผิวหนังคลายตัวคือบอกตรงๆ ปรี๊ดมากแต่เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆละรอบสุดท้ายก็ไม่มีอะไรธรรมดา....สรุปว่าระยะเวลาทั้งหมดที่เข้าไป 2 ชมเศษๆ สิ่งที่ทำให้เห็นจากการเข้าบาเนียในครั้งนี้คือ
1. คุณลุงสมัยโซเวียทั้งหลายยังเข้าใช้บริการอย่างเนืองแน่นเพราะมีหลายที่ถูกปิดไปหรือไม่คนส่วนใหญ่ก็หันไปเข้าซาวน่าที่เป็นแบบทันสมัยมากขึ้น และคุณลุงหลายคนก็พาหลานมาฝึกเข้าบาเนียและสอนซึ่งเป็นการปลูกฝังให้เด็กๆได้รู้จักรัสเซียนบาเนีย
2. เป็นที่พบปะพูดคุยและพักผ่อนของคนรัสเซียไปทำความรู้จักคุยกัน ส่วนผมเป็นเสมือนมนุษย์ต่างดาวเพราะทุกคนให้ความสนใจมนุษย์หน้าตี๋คนนี้ และก็แอบถามเพื่อนผมว่า ผมมาจากไหน แหมลุงไม่ถามผมตรงๆหละ
3. คนที่เข้าไปต้องมีกิจกรรมร่วมกันคือช่วยกันทำความสะอาดห้องอบ เพราะว่าเวลาที่เราเข้าไปอบแล้วเอาใบต้นโอ๊คตีตามร่างกายนั้นเศษใบจะตกหล่นตามพื้น ดังนั้นทุกๆ30 นาทีจะมีการให้คนออกมารอแล้วอาสาสมัครเข้าไปทำความสะอาดกวาดเศษใบไม้ออกมาแล้วจับคู่ีถือผ้าเช็ดตัวสะบัดขี้นลงเพื่อเป็นการไล่อากาศเก่าออกเพราะห้องเป็นหัองทึบ
4. บาเนียเปิดทุกวันสลับวันชายหญิง วันคู่ผู้ชายเข้าวันคี่ผู้หญิงเข้า
5. คิดว่าถ้ามีโอกาสจะต้องไปอีกแน่ๆครับ
6. ใครที่อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ถามเข้ามาได้นะครับ แต่ผมไม่ค่อยได้เข้าเวปนี้สักเท่าไหร่ครับ นานๆมาเขียนทีนึง ยังไงเขียนไปในข้อความส่วนตัวใน
https://www.facebook.com/diaryetapae/ ได้นะครับ
[CR] เปิดSingซาวน่าแบบรัสเซีย
ซาวน่าแบบรัสเซีย....ตลอดการอยู่รัสเซียมาจะขึ้นปีที่แปดพิ่งจะมีโอกาสได้เข้าซาวน่าแบบรัสเซียเป็นครั้งแรก เคยได้ยินกิติศัพท์มาหนาหูว่ามันเหม็นบ้างหละ แต่คนรัสเซียก็นิยมเข้ากัน ดังนั้งเพื่อคลายข้อสงสัย กับเวลาที่เหลืออยู่ในประเทศนี้อันน้อยนิดเลยตัดสินใจลองดู ประจวบกับเพื่อนชาวรัสเซียชวนหลายครั้งเลยตัดสินใจลองดู มันจะเหม็นสักเท่าไหร่กันวะอยู่กับเมทเหม็นร่วมปีก็อยู่มาแล้วเชีย ก่อนอื่นมาหาสาระนิดนึงก่อนนะครับซาวน่าแบบรัสเซีย แปลเป็นภาษาอังกฤษคือ Russian bath หรือภาษารัสเซียเรียกว่า บาเนีย...คือการอาบน้ำของคนรัสเซีย ในสมัยก่อนในแต่ละเขตหรือตำบล จะมีซาวน่าเป็นของรัฐบาลเลย เปรียบเสมือนโรงเรียนในรัสเซียเพราะโรงเรียนในรัสเซียนั้นจะไม่มีชื่อเรียกเหมือนกับเมืองไทย แต่จะใช้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนหมายเลขเท่าไหร่ของเมืองอะไร...ก็เปรียบเช่นบาเนียของรัสเซียเช่นกันเรียกว่าบาเนียหมายเลข....ประวัติบาเนียของรัสเซียไม่ได้มีระบุอย่างแน่ชัดว่าเข้ามาในช่วงไหน แต่มีการสันนิษฐานว่าคำว่า บาเนีย นั้นอาจจะมีการแปลงมาจากภาษาลาตินจากคำว่า balineum จากที่ฟังเพื่อนเล่าคร่าวๆ(เอาไปเป็นสิ่งอ้างอิงไม่ได้นะครับ)ว่าคนรัสเซียเป็นคนในประเทศหนาว ในสมัยก่อนแต่ละบ้านไม่มีน้ำร้อนดังนั้นคนรัสเซียก็จะมีบาเนียเป็นที่อาบน้ำชำระร่างกายซึ่งแน่นอนไม่ได้ทำทุกวัน....พอมาในยุคหลังๆคนที่มีฐานะก็จะสร้างบาเนียในอาณาเขตพื้นที่ของตนสำหรับครอบครัวและนอกจากเป็นที่ชำระร่างกายแล้วยังเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนของคนรัสเซียอีกด้วย...ส่วนคนที่ไม่มีฐานะก็ไปเข้าของรัฐบาล...ซึ่งบาเนียที่ผมเข้าคือหมายเลข 73 ครับต้องขอออกตัวก่อนว่าข้างในถ่ายรูปไม่ได้นะครับได้แต่ข้างนอกเลยต้องเขียนบรรยายสภาพว่าเป็นอย่างไร...พอไปถึงก็เปิดประตูไปทางซ้ายเป็นตู้สำหรับเก็บเงินค่าเข้าส่วนขวามือของทางเดินเป็นที่ฝากเสื้อ พอไปถึงก็จ่ายตังค่าเข้าซึ่งขอบอกว่าตกใจกับราคามาก....ค่าเข้าใช้บริการคือคนละ 20 รูเบิลหรือคิดเป็นเงินไทยนะตอนนี้คือ 9 บาท คือไม่ระบุเวลาด้วยจะอยู่กันให้สุกกันไปข้างเลยก็ยังได้....คนเก็บเงินเป็นสาววัยกลางคน ส่วนห้องฝากเสื้อเป็นป้าอายุสัก 60 นิดๆน่าจะได้ เดินผ่านห้องเก็บตังไปก็จะเจอห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งพบว่าประชาชายที่มาใช้บริการนั้นส่วนใหญ่อายุเลย 45 ปีซะส่วนใหญ่ และส่วนใหญ่กว่าคือคุณลุงอายุ 60 อัพ และก็อัพอัพได้ถึง 80 เลย พอถอดเสื้อเสร็จแล้วเพื่อนแนะนำให้รู้จักคุณลุงเซอเก ซึ่งลุงแกมาใช้บริการบ่อย จากนั้นเพื่อนแนะนำว่าให้ไปซื้อใบของต้นโอ๊กไว้ใช้สำหรับฟาดตัวในขณะอบ แต่ราคาแพงมากครับ มัดนึงราคา 170 รูเบิลหรือประมาณ 85 บาทแพงกว่าค่าเข้าเกือบสิบเท่า ถัดจากห้องเปลี่ยนเสื้อก็จะเป็นห้องอาบน้ำ คือเป็นห้องโถงกว้างๆมีฝักบัวอยู่ริมกำแพง ส่วนตรงกลางห้องจะเป็นเก้าอี้ยาววางประมาณ 10 แถวๆนึงประมาณ 8 คนยื่น จะวางกะละมังแถวละ 8 ใบ กะละมังมีไว้ทำไมนั่นหรอ...ก็คือว่าเอาไว้ใส่น้ำเย็นขอบอกว่าน้ำเย็นในรัสเซียนั้นเย็นมาก แบบว่าเอามือแช่ 15 วินาทีมือชา(นอกเหนือจากนั้นก็เอาใบแห้งของต้นโอ๊คที่มัดเป็นกำๆใหญ่แช่ในน้ำเย็นสัก 15 นาทีจากนั้นแช่น้ำอุ่นอีก 15 นาทีคราวนี้ใบแห้งๆก็กลับมาพองโต) จากนั้นเพื่อนก็พอเดินเข้าไปในห้องอบซึ่งอุณหภูมิอยู่ที่ 75 -90 องศาเข้าไปรอบแรกแค่พอเหงื่อออกให้ร่างกายค่อยๆปรับ พอออกมาก็ไปล้างตัวกับฝักบัวโดยปรับน้ำให้เย็นอุณภมิปกติ จากนั้นเราก็ออกไปนอกบ้านซึ่งอากาศนะวันนั้น 0 องศาเดินแค่มีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเน้นว่าผืนเล็กจริงๆแบบว่าปิดไม่มิดติดพุง คื่อที่เอาผืนเล็กไปเพราะเพื่อนไม่ได้บอกว่าต้องออกมานั่งนอกบาเนีย เราก็จินตนาการว่าเหมือนอบซาวน่าทั่วไปเลยเอาผืนเล็กมาแค่เช็ดตัว ที่ขำไปกว่านั้นคือตอนเดินออกมาต้องผ่านห้องป้าฝากเสื้อและห้องเก็บเงิน เราก็ไม่รู้ต้องปิดยังไงเลยเอาผ้าปิดแค่ข้างหน้าอ้อมไปข้างหลังเดินเห็นแก้มก้นนิดๆ เพื่อนหันมาเห็นแล้วบอกว่าให้พาดไปทางข้างแทนถึงผ้าปิดไม่หมดเค้าก็จะเห็นแค่ขาอ่อน เออจริง แต่ป้าๆคงเห็นบ่อยแล้วหละ.....จากนั้นเราก็จะเดินเข้าไปใหม่อีกรอบโดยรอบที่สองนี้กะละมังที่เราเห็นวางอยู่ก็เริ่มได้ใช้งานคือเอาใส่น้ำเย็นที่อุณหภูมิเย็นเจี๊ยบๆๆๆๆๆอย่างที่บอกคือเอามือแช่น้ำ 15วินาทีมือชา พอเราเข้าไปในห้องอบประมาณ 5 นาทีเอามือถูตัวไปเรื่อยๆพบว่าเห้ย ขี้ไคลสามารถปั้นช้างได้ 5 เชือก ออกมาเยอะมากถูส่วนไหน ไถติดมือมาเป็นก้อนๆเลยนึกขึ้นได้ว่า จริงๆแล้วเราไม่ได้อ้วนนะ ที่ทำให้เราดูอ้วนมันคือขี้ไคลนี้เอง(อันนี้คิดเองเออเอง แบบว่าไม่ยอมรับตัวเอง)....พอร่างกายเริ่มร้อน ก็รีบออกไปที่ห้องอาบน้ำแล้วเอากะละมังที่รองน้ำเย็นไว้ยกราดตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็เดินออกไปนั่งหน้าบ้านจะเห็นว่าตามร่างกายจะมีควันออกจากตัว ต้องนั่งให้ควันออกหมดจากผิวหนังแล้วก็เดินเข้าไปใหม่อีกรอบ มารอบที่สามทำเหมือนเดิมทุกขั้นตอน มารอบที่ 4 พอเข้าไปคราวนี้ไปพร้อมกับใบต้นโอ๊ค พอไปถึงเพื่อนก็เอาผ้าเช็ดตัวของมันปูให้ผมนอนคว่ำ จากนั้นมันก็ระเลงฟาดเบาๆด้วยใบต้นโอ๊คโดยเริ่มจากคอตีไปเรื่อยๆจนถึงปลายขาแล้วก็ตีไล่ขึ้นมาโดยอุณหภูมิประมาณ 80 องศาหลังจากนั้นก็จะเพิ่มน้ำหนักการตีไปเรื่อยๆ ความเจ็บแสบเริ่มทวีตัวขึ้นถ้าไม่เกรงใจลุงโซเวียตคงกรีดร้องประหนึ่งผีร้ายโดนน้ำมนต์กับข้าวสารเสก....พอร่างกายเริ่มแดงเพื่อนก็บอกว่าให้หงายตัวขึ้น แล้วเอามือปิดตรงจุดสำคัญไว้ จากนั้นก็ระเลงฟาดไปเรื่อยๆสักพักร่างกายแดงมากแล้วก็ออกไปเอาน้ำราดตัวแล้วก็ออกไปนอกบ้าน แต่คราวนี้พิเศษตรงที่ต้องไปนอนบนหิมะให้ผิวหนังคลายตัวคือบอกตรงๆ ปรี๊ดมากแต่เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆละรอบสุดท้ายก็ไม่มีอะไรธรรมดา....สรุปว่าระยะเวลาทั้งหมดที่เข้าไป 2 ชมเศษๆ สิ่งที่ทำให้เห็นจากการเข้าบาเนียในครั้งนี้คือ
1. คุณลุงสมัยโซเวียทั้งหลายยังเข้าใช้บริการอย่างเนืองแน่นเพราะมีหลายที่ถูกปิดไปหรือไม่คนส่วนใหญ่ก็หันไปเข้าซาวน่าที่เป็นแบบทันสมัยมากขึ้น และคุณลุงหลายคนก็พาหลานมาฝึกเข้าบาเนียและสอนซึ่งเป็นการปลูกฝังให้เด็กๆได้รู้จักรัสเซียนบาเนีย
2. เป็นที่พบปะพูดคุยและพักผ่อนของคนรัสเซียไปทำความรู้จักคุยกัน ส่วนผมเป็นเสมือนมนุษย์ต่างดาวเพราะทุกคนให้ความสนใจมนุษย์หน้าตี๋คนนี้ และก็แอบถามเพื่อนผมว่า ผมมาจากไหน แหมลุงไม่ถามผมตรงๆหละ
3. คนที่เข้าไปต้องมีกิจกรรมร่วมกันคือช่วยกันทำความสะอาดห้องอบ เพราะว่าเวลาที่เราเข้าไปอบแล้วเอาใบต้นโอ๊คตีตามร่างกายนั้นเศษใบจะตกหล่นตามพื้น ดังนั้นทุกๆ30 นาทีจะมีการให้คนออกมารอแล้วอาสาสมัครเข้าไปทำความสะอาดกวาดเศษใบไม้ออกมาแล้วจับคู่ีถือผ้าเช็ดตัวสะบัดขี้นลงเพื่อเป็นการไล่อากาศเก่าออกเพราะห้องเป็นหัองทึบ
4. บาเนียเปิดทุกวันสลับวันชายหญิง วันคู่ผู้ชายเข้าวันคี่ผู้หญิงเข้า
5. คิดว่าถ้ามีโอกาสจะต้องไปอีกแน่ๆครับ
6. ใครที่อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ถามเข้ามาได้นะครับ แต่ผมไม่ค่อยได้เข้าเวปนี้สักเท่าไหร่ครับ นานๆมาเขียนทีนึง ยังไงเขียนไปในข้อความส่วนตัวใน https://www.facebook.com/diaryetapae/ ได้นะครับ