เรือประจัญบานคองโก (Kongo) "" เธอสวย เข้มแข็ง.. และมีประวัติที่น่าสนใจในรบ

กระทู้สนทนา
เรือประจัญบานคองโก (Kongo) ""  เธอสวย  เข้มแข็ง. ดุดัน ผ่านสงครามมากมาย  . และมีประวัติการรบที่น่าสนใจ....

( หัวข้อพิมพ์ผิด  แก้ไม่ได้ละ.  พิมพ์หลังเลิกเรียนตาลายหิวข้าว. )  

มาดูความสง่างาม ความสวยของเธอกัน  ตั้งแต่วัยเด็ก  จนถึงวัยสาวงาม










ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1

20 มีนาคม 1908

ที่สำนักงานใหญ่ของ Sir W. G. Armstrong, Whitworth & Co., Ltd เมืองนิวคาสเซิล ที่ซึ่งได้ออกแบบและสร้างเรือหลัก (Capital Ship) ลำใหม่ให้กองทัพเรือสหราชอาณาจักร เรือลาดตระเวนประจัญบานชั้นอินวินซิเบิล เอชเอ็มเอส อินวินซิเบิล (HMS INVINCIBLE) มีระวาง 17250 ตันติดตั้งปืนหลักขนาด 12 นิ้ว 2 กระบอกต่อป้อม จำนวน 4 ป้อม สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 26 นอต ซึ่งเรือเอชเอ็มเอส อินวินซิเบิล นี้เป็นต้นแบบของเรือลาดตระเวนประจัญบานลำใหม่ที่จักรวรรดิญี่ปุ่นมีแผนจัดหามาประจำการ






ปี 1910

คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นผ่านงบประมาณให้กองทัพเรือจัดหาเรือประจัญบานและเรือลาดตระเวนประจัญบาน 4 ลำ ชื่อของเรือประจัญบานคือ ฟุโซ และเรือลาดตระเวนประจัญบาน คือ คองโก

17 มกราคม 1911

Barrow-in-Furness, Cumbria ประเทศอังกฤษ ที่อู่หมายเลข 414 วางกระดูงูเรือลาดตระเวนประจัญบานที่ญี่ปุ่นสั่งต่อ ระวาง 32200 ตัน ซึ่งออกแบบโดย Sir George Thurston

18 พฤษภาคม 1912

               ________  ปล่อยเรือลงน้ำ   เรือได้รับชื่อว่า คองโก






12-27 มกราคม 1914
เข้าเทียบท่าที่คุเระ เพื่อติดตั้งและตรวจสอบกล้องวัดระยะปืน
27 มกราคม 1914
ออกจากคุเระไปคุนิยะ
12 กุมภาพันธ์ 1914
ออกจากคุนิยะ
18 กุมภาพันธ์ 1914
มาถึง ชินแฮ ที่เกาหลี
3 สิงหาคม 1914 : สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มขึ้น
15 สิงหาคม 1914
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เค้าท์ โอคุมะ ชิเกะโนบุ ได้ยื่นคำขาดไปยัง ไกเซอร์ วิลเฮล์ม (Kaiser Wilhelm) ที่กรุงเบอร์ลิน ว่าต้องการให้กองกำลังของเยอรมันที่อยู่ที่ชิงเต่าในประเทศจีนยอมแพ้และถอน กำลังออกไป โดยให้ทำลายสิ่งปลูกสร้างและฐานที่มั่นที่สร้างไว้ทั้งหมด และยังเรียกร้องให้ดินแดนอาณานิคมของเยอรมันนีในประเทศจีนและหมู่เกาะใน มหาสมุทรแปซิฟิกตกเป็นของญี่ปุ่น

16-23 สิงหาคม 1914
ออกจากโยโกสุกะวันที่ 16 ไปซาเซโบะ และกลับมายังโยโกสุกะในวันที่ 23
23 สิงหาคม 1914
ไม่มีคำตอบจากทางเยอรมัน จักรวรรดิญี่ปุ่นประกาศสงครามกับเยอรมัน จากนั้นกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นเริ่มเข้ายึดครองดินแดนอาณานิคมของ เยอรมันในหมู่เกาะแคโรไลน์ ปาเลา มาเรียนาและหมู่เกาะมาร์แชล
ในช่วงที่สงครามเริ่มขึ้น พลเรือโท ยามายะ ทามิน ผู้บัญชาการกองเรือรบที่ 1 ส่งเรือคองโกซึ่งขณะนี้นาวาเอก ยามานากะ ชิบาคิชิ เป็นผู้บังคับการเรือ ไปยังมิดเวย์เพื่อลาดตระเวน


13 ธันวาคม 1915
คองโกเป็นเรือกำลังสำรองที่ 2 ที่โยโกสุกะ นาวาเอก อะราคาวะ ชูโกะ เป็นผู้บังคับการเรือ
15 กันยายน 1916
คองโกเป็นเรือกำลังสำรองที่ 1 ที่โยโกสุกะ
1 ธันวาคม 1916
เรือคองโกขึ้นกับ หมู่เรือประจัญบานที่ 3 กองเรือที่ 2 นาวาเอก โยชิโอกะ ฮันซาคุ เป็นผู้บังคับการเรือ
9 มกราคม 1917
ทดลองติดตั้งเครื่องบิน
1 เมษายน 1917
ออกจากซาเซโบะเพื่อไปปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนนอกเขตทะเลจีน
11 เมษายน 1917
กลับมาถึงซาเซโบะ
1-6 พฤษภาคม 1917
เข้าอู่แห้งที่โยโกสุกะ ติดตั้งหอควบคุมการยิงปืน
19 พฤษภาคม 1917
ทดสอบและปรับแต่งระบบควบคุมการยิง นอกฝั่งซากามิ



11 พฤศจิกายน 1918 : การสงบศึก
หลักการ fourteen point ได้รับการยอมรับและมีผลบังคับในเวลา 1100 สงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติลง ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศผู้ชนะสงคราม
หลักการ fourteen point คืออะไร   ยกมาจาก wikipedia  


1.    สร้างข้อตกลงแห่งสันติภาพที่ไม่ปิดบัง ตรงไปตรงมา ซึ่งจะทำให้ปราศจากความเข้าใจส่วนตัวนานาชาติ แต่ควรจะเป็นการทูตที่เปิดเผยและอยู่ในสายตาของสาธารณชน
2.    เปิดเสรีในการเดินทางทางทะเล ซึ่งเป็นเขตน่านน้ำสากล ทั้งในยามสงบและยามสงคราม ยกเว้นแต่ว่าจะถูกปิดกั้นจากการกระทำของนานาชาติเพื่อการดำรงไว้ซึ่งข้อตกลง นานาชาติ
3.    การยกเลิกการกีดกันทางการค้า และการสร้างความเท่าเทียมกันทางการค้าระหว่างประเทศซึ่งได้ยินยอมในสันติภาพ และมีส่วนร่วมในการดำรงรักษามันไว้
4.    ให้ความมั่นใจว่าจะมีการอาวุธยุทธภัณฑ์ของกองทัพนานาชาติลงจนถึงจุด ที่มีความปลอดภัย ต่ำกว่าความเสี่ยงของสงคราม และสามารถป้องกันประเทศของตนเองเท่านั้น
5.    ให้ความยุติธรรมอย่างทั่วถึงในการจัดการกับอาณานิคมโพ้นทะเลของทุก ประเทศ รวมไปถึงให้โอกาสและความสำคัญแก่การประกาศเอกราชของชนพื้นเมืองภายใน อาณานิคม ให้มีน้ำหนักเท่ากับประเทศแม่
6.    การถอนเอาอาณาเขตปรัสเซียออกไป และรวมไปถึงรกรากของสหภาพโซเวียตนั้นเป็นการปลอดภัยและเสรีในความร่วมมือของ นานาชาติที่จะเสนอโอกาสซึ่งไม่ขัดขวางและไม่อยู่ในฐานะที่อับอายในการที่มี สิทธิ์เต็มที่ในการใช้อำนาจปกครองตัวเอง เพื่อการพัฒนาทางการเมืองและนโยบายแห่งชาติของตัวเอง รวมไปถึงการให้ความรับรองแก่สหภาพโซเวียตที่จะเข้าสู่เวทีนานาชาติภายใต้ สถาบันที่ได้จัดตั้งขึ้นมาเอง และนอกจากนั้น ให้ความช่วยเหลือแก่สหภาพโซเวียตในทุกวิถีทาง การปฏิบัติต่อสหภาพโซเวียตโดยประเทศอื่นๆ ในช่วงเวลาต่อมานั้นก็7เป็นการทดสอบสำหรับจุดประสงค์ของแต่ละประเทศ และเปิดโอกาสให้สหภาพโซเวียตมีความสนใจของตน ด้วยความใจกว้างและด้วยปัญญา
7.    เบลเยี่ยมควรจะถูกกำหนดให้ได้รับการฟื้นฟูจากนานาชาติ โดยปราศจากความพยายามที่จะจำกัดเอกราชให้เท่าเทียมกับประเทศเสรีอื่นๆ โดยการกระทำดังกล่าวนั้นจะเป็นการฟื้นฟูความไว้วางใจระหว่างประเทศในกฎหมาย ซึ่งพวกเขาได้จัดตั้งเองและตั้งใจแน่วแน่ที่จะสร้างความสัมพันธ์กับชาติ อื่นๆ ผลจากการกระทำดังกล่าวจะเป็นการรักษาความมั่นคงของกฎหมายนานาชาติอีกด้วย
8.    ดินแดนของฝรั่งเศสทั้งหมดควรจะได้รับอิสระและฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย จากสงคราม และความผิดของปรัสเซียต่อฝรั่งเศสในปี 1871 เกี่ยวกับมณฑลแอลซาซ-ลอเรน ซึ่งไม่ได้ชำระสะสางสันติภาพของโลกมาเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษ ควรจะถูกทำให้ถูกต้อง เพื่อให้สันติภาพได้รับการดูแลรักษาอย่างมั่นคง
9.    ควรจะมีการปรับแนวเขตแดนของประเทศอิตาลีควรจะตั้งอยู่บนแนวเขตแดนของชาติที่สามารถจำได้
10.    ประชาชนของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีเดิม ควรจะได้รับการป้องกันและช่วยเหลือ รวมไปถึงได้รับโอกาสอย่างเสรีที่จะพัฒนาตนเอง
11.    โรมาเนีย เซอร์เบียและมอนเตเนโกรควรจะได้รับการฟื้นฟูจากความเสียหายของสงคราม เซอร์เบียมีอาณาเขตทางออกสู่ทะเล และความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบอลข่าลต่อกันนั้นตั้งอยู่บนคำแนะนำของชาติ พันธมิตรตามประวัติศาสตร์บนเส้นของความจงรักภักดีและความรักชาติ และนานาชาติสมควรที่จะรับรองความเป็นอิสระทางการเมืองและทางเศรษฐกิจรวมไป ถึงความมั่นคงในดินแดนของตน
12.    ส่วนแบ่งของตุรกีจากจักรวรรดิออตโตมานเดิมควรจะได้รับความช่วยเหลือ ให้มีเอกราช แต่เชื้อชาติอื่นๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ภายใต้การปกครองของตุรกีควรจะได้รับการรับรองถึงความปลอดภัย ในชีวิต และโอกาสอย่างเสรีที่จะได้รับการพัฒนาตนเอง และช่องแคบดาร์ดาแนลส์ควรจะถูกเปิดเป็นเส้นทางเดินเรือเสรีแก่ทุกประเทศ
13.    รัฐอิสระของโปแลนด์ควรจะถูกสถาปนาขึ้นซึ่งรวมไปถึงดินแดนที่ประชาชน โปแลนด์อาศัยอยู่ ซึ่งควรจะถูกรับรองทางออกสู่ทะเลเป็นของตัวเอง รวมไปถึงความเป็นอิสระทางการเมืองและเศรษฐกิจ และความมั่นคงในดินแดนของตนตามข้อตกลงของนานาชาติ
14.    การรวมตัวกันของประชาชาติควรจะถูกก่อตั้งขึ้นภายใต้พันธะที่แน่นอน เพื่อจุดประสงค์ที่สามารถให้ความช่วยเหลือกันได้กับทุกฝ่าย และให้การรับรองแก่รัฐที่มีขนาดเล็กกว่าเทียบเท่ากับตนเอง โดยการจัดตั้งองค์การสันนิบาตชาติขึ้นมา



1 ธันวาคม 1918
คองโกเป็นเรือกำลังสำรองที่ 2 ที่โยโกสุกะ
1 เมษายน 1919
เข้าอู่ที่โยโกสุกะเพื่อติดตั้งและปรับปรุงระบบหัวฉีดสำหรับกลไกเครื่อง ยนต์ในปืนหลัก และปรับปรุงสมรรถนะ นาวาเอก โนซากิ โคจูโร่ เป็นผู้บังคับการเรือ
28 พฤษภาคม 1919 : สนธิสัญญาแวร์ซาย
หลังจากเยอรมันนีแพ้สงคราม ญี่ปุ่นได้รับดินแดนอาณานิคมของเยอรมันในแปซิฟิก ยกเว้นชิงเต่า

1 ธันวาคม 1928 – 15 กุมภาพันธ์ 1931 : ปรับปรุงสมรรถนะใหม่ครั้งแรก
เนื่องจากไม่สามารถสร้างเรือประจัญบานลำใหม่ๆได้เพราะว่าติดข้อกำหนดใน สนธิสัญญาวอชิงตัน ญี่ปุ่นต้องปรับปรุงเรือลาดตระเวนประจัญบาน ที่มีอยุ่แล้วโดยเพิ่มความหนาเกราะตัวเรือ เพิ่มเกราะกันตอร์ปิโด เพิ่มเครื่องบินตรวจการในทะเล เครื่องโยโคโช E1Y3 แบบ 14 จำนวน 3 ลำ หม้อน้ำแบบเก่าจำนวน 36 เครื่องถูกนำออกและติดตั้งหม้อน้ำรุ่นใหม่ 10 เครื่อง ปล่องกลางเรือลดลงจาก 3 ปล่องเหลือ 2 ปล่องและเพิ่มท่อปล่อยตอร์ปิโดอีก 4 ท่อ





Kongo just prior to her 1929 reconstructio

_________________
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่