นิทานพื้นบ้านหรือวรรณกรรมชาติเยอรมัน ตลอดที่ผมติดตามมาผมพบว่าเยอรมันถือได้ว่า เป็นชาติที่มีศักยภาพ ในการสร้างและ การเล่าเรื่องอย่างมาก 
เราทุกคนก็รู้ดีว่าเยอรมันขึ้นชื่อ

เรื่อง ปรัชญา ดนตรี งานศิลปะ วัฒนธรรมและวรรณกรรม และเป็นนักสร้างและนักเล่าเรื่องที่อัจฉริยะอย่างมาก

ถ้าถามว่าเยอรมันมีศักยภาพพอที่สร้างอุตสาหกรรมอนิเมชั่นเทียบเท่าญี่ปุ่นหรืออเมริกาได้หรือไม่ ผมบอกไว้เลยว่าได้

เพราะอย่าง เยอรมันในยุค 1920-30 (หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 1) วงการฮอลลีวูดของอเมริกาเกือบมีคู่แข่ง แล้วนั้นคือเยอรมัน หนังเยอรมัน ในยุคนั้นถือได้ว่าปฏิวัติวงการอย่างมากทั้งการจัดการงานศิลป์ บทเล่าเรื่องและ ความแฟนตาซีและไซไฟ โมเดิล ซึ่งทุกอย่างเหมือนจะดี ถ้าฮิตเลอร์และนาซี ไม่ขึ้นมา

ซึ่งพอนาซีขึ้นมา เหล่าผู้กำกับหนังชั้นครูหรือระดับหัวกะทิมากความสามารถของเยอรมันต่างหนีตายไปอเมริกาจนหมด (บางคนเป็นยิว บางคนไม่อยากทำงานกันนาซี)และไปสร้างชื้อที่นั้น

เอาเข้าจริงเยอรมันมีศักยภาพที่จะสร้างอนิเมชั่นและเป็นคู่แข็งดิสนีย์ได้เลย

แต่ที่ไม่แจ้งเกิดก็เพราะสงครามโลกครั้งที่ 2 พอจบสงคราม เยอรมันพินาศประเทศถูกแบ่งออกเป็นตะวันตกและตะวันออก พอเข้าสู่สงครามเย็น ถึงเยอรมันตะวันตกที่เป็นประชาธิปไตย ถึงจะเศรษฐกิจเติบโต เทียบเท่า อเมริกาและญี่ปุ่น ชีวิตผู้คนดีขึ้น แต่อย่าลืมว่าเยอรมันตะวันตกในช่วงเวลานั้นคือปราการด้านหน้าในการป้องกันคอมมิวนิสต์ของโซเวียต ถ้าสงครามระเบิดเยอรมันตะวันตกคือที่แรกที่จะรับคอมมี่ไปเต็มๆ ทำให้งบประมาณและภาษีประชาชนก็เลยทุมกับกองทัพ และอุตสาหกรรมที่สำคัญ

พอจบสงครามเย็น เยอรมันรวมชาติ ผลสุดท้ายก็ต้องทุมเงินไปพัฒนาตะวันออก
ซึ่งต่างจากญี่ปุ่น ที่เป็นเกาะและห่างไกลจากภัยคอมมิวนิสต์ ประกอบกับอเมริกาให้การคุ้มครอง เงินและงบประมาณเลยทุมไปกับการพัฒนาประเทศ เทคโนโลยีได้เต็มที่ ทำให้สังคมญี่ปุ่นในตอนนั้นไม่ตึงเคลียด เลยพัฒนาศิลปะและอนิเมะ ได้ง่ายๆ

ผมอาจเรียกได้ว่า เยอรมันมีศักยภาพเป็นคู่แข็งด้านอนิเมชั่น กับอเมริกา ญี่ปุ่น หรือดิสนีย์ ได้สบายๆ เลย เพราะเยอรมันมีฝีมือในการสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ ได้อาจเรียกได้ว่าฝีมืออาจเทียบเท่าญี่ปุ่นหรืออเมริกา แต่เพราะสงคราม และ การถูกแบ่งแยกทำให้บุคลากรหันไปทุ่มเททางด้านอื่น ๆ อย่างอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์และการป้องกันประเทศ

พวกอนิเมเตอร์เยอรมันหลายคนก็เลยต้องออกจากประเทศไปทำงานในอเมริกาเป็นจำนวนมาก
พอรวมชาติกว่าจะฟื้นตัวได้ก็เรียกได้ว่าหมดเงินไปเยอะ

พูดได้เลยว่าถ้าไม่มีสงครามโลก ไม่มียุคเผด็จการฮิตเลอร์หรือการแบ่งประเทศ เยอรมันจะเป็นชาติที่มีศักยภาพด้านวงการบันเทิง ทั้งหนังและอนิเมชั่น อย่างมาก อาจทำให้ ฮอลีวูดหรือดิสนีย์ มีคู่แข็งที่สมน้ำสมเนื้ออย่างมาก

และคุณคิดว่าอนิเมชั่นของเยอรมันจะออกไปแนวไหนระหว่างอเมริกาหรือญี่ปุ่น หรือก็ผสมๆกัน