4 สหายพาขับรถลุยฝรั่งเศสตะวันตก 4 วัน 4 คืน จาก Paris สู่ Roeun - ผ่าน Honfleur -ไปยัง Caen - Mont Saint Michel – Loire Castles-Tours – กลับถึง Paris
ตอนที่ 1 Roeun
Link
http://ppantip.com/topic/34699832
ตอนที่ 2 Honfleur, Beuvron-en-Auge, Caen
Link
http://ppantip.com/topic/34722557
ตอนที่ 3 Mont Saint Michel
Link
http://ppantip.com/topic/34747895
ตอนที่ 4 The Loire Castles
ตอนจบ ชมปราสาทแห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์ (The Loire Castles)
จากมงแซ็งมิเชลลงมาทางใต้เกือบ 3 ชั่วโมงราว 195 กิโลเมตร เราจะเลาะไปตามลุ่มแม่น้ำลัวร์เพื่อเที่ยวปราสาทต่างๆ
ปราสาทที่สวยงามทรงคุณค่าทางศิลปะและมีชื่อเสียงหลายแห่งของฝรั่งเศส ริมฝั่งแม่น้ำลัวร์ที่อลังการตระการตา ในตอนกลางของประเทศฝรั่งเศสที่เคยเป็นดินแดนที่ทรงอิทธิพลของประเทศ เป็นเสมือนดินแดนในฝันของเจ้าชายเจ้าหญิง มีปราสาทราชวังใหญ่โตโอฬารที่มีความงดงามทางสถาปัตยกรรมเป็นอย่างยิ่ง ปราสาทเรียกในภาษาฝรั่งเศสว่า ชาโตว์ (chateau) ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการแสดงออกทางฐานะ และหน้าตาทางสังคม แสดงถึงความฟุ้งเฟ้อตามสไตล์ฝรั่งเศส ปราสาทเหล่านี้มีทั้งหมด 300 กว่าหลัง สร้างโดยกษัตริย์ และขุนนางในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10-20 และในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 2000 องค์การยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนปราสาทแห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์ให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม
เริ่มตั้งแต่ปราสาทแรก Brissac ต้องเสียเงินค่าเข้าด้วยถ้าจะชมทั้งด้านในและด้านนอกต้องเสีย 10 กว่ายูโร เราเลยเลือกชมแค่รอบๆเสียแค่ 4.5 ยูโร
ปราสาทอันสง่างามหลังสนามหญ้าอันกว้างขวางในฤดูใบไม้ร่วง
ปราสาทนี้เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 และในศตวรรษที่ 15 โครงสร้างได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยปิแอร์เดอเบรส รัฐมนตรีสมัยกษัตริย์ชาร์ลส์ที่เจ็ดของฝรั่งเศส ในปี 1589 ช่วงสงครามศาสนาของฝรั่งเศสปราสาทถูกครอบครองโดยผู้นำโปรเตสแตนต์เฮนรีแห่งนาวาร์ซึ่งต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นดยุคแห่ง Brissac ปราสาทได้ถูกบูรณะเพราะถูกทำลายจากสงตรามในปี 1611 จึงทำให้เป็นปราสาทที่สูงที่สุดในประเทศฝรั่งเศสและสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของสถาปัตยกรรมบาโรก (Baroque architecture)
เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรางัดอาหารกลางวันที่เตรียมไว้มากินกันในรถ เพราะยังเหลือปราสาทให้เที่ยวอีกหลายแห่ง
ขับรถเลาะไปตามลุ่มแม่น้ำลัวร์ราวชั่วโมงกว่าไปยังปราสาทอุสเซ่ (Usse Castle) หรือ ปราสาทเจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beauty’s Chateau)
ด้วยบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกของ ป้อมปราการ อาคารที่มีหลังคาลาดชัน ปล่องไฟ และโบสถ์ซึ่งเป็นงานชิ้นเอกในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (masterpiece of Renaissance architecture) เป็นแรงบันดาลใจให้ Charles Perrault แต่งนิทานที่พวกเราคุ้นเคยกันดีเรื่องเจ้าหญิงนิทรา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีปราสาทแสนสวยตั้งอยู่กลางป่าลึกลับ ณ เมือง Chinon….
ในงานเฉลิมฉลองการประสูติของเจ้าหญิงองค์หนึ่ง มีนางฟ้าหลายตนเสก ความงาม ปัญญา และ ความสามารถในดนตรี มอบให้เป็นของขวัญวันประสูติของเจ้าหญิง
นางฟ้าใจร้ายผู้ที่โกรธแค้นที่ตนไม่ได้การรับเชิญก็โผล่มาในงาน นางจึงเสกคำสาปให้เป็นของขวัญประสูติ คำสาปนั้นคือ เมื่อเจ้าหญิงเติบใหญ่เป็นสาว พระนางจะถูกเข็มปั่นด้ายทิ่มนิ้วและสิ้นชีพทันที นางฟ้าผู้ที่ยังไม่ได้ให้พรพระนางก็ตัดสินใจแก้คำสาป แต่เธอมิสามารถแก้ได้ทั้งหมด ส่วนที่แก้ได้คือ แทนที่พระนางจะสิ้นชีพเมื่อโดนเข็มตำ ความตายจะกลายเป็นการหลับนอนแทน พระนางจะต้องบรรทมไปถึง 100 ปี จนกว่าจะมีเจ้าชายมาจุมพิต
พระบิดาของพระนาง ได้สั่งให้ราษฎรเลิกใช้และทำลายเข็มปั่นด้ายทั้งหมดในราชอาณาจักร และถ้ามีผู้ขัดขืน ผู้นั้นจะได้รับการลงทัณฑ์ด้วยความตาย
แต่เมื่อเจ้าหญิงอายุ 15 หรือ 16 ปี พระนางก็ได้มาเจอสาวชราผู้หนึ่ง ผู้ที่ไม่ได้รับข่าวการทำลายเข็มปั่นด้าย ด้วยความประหลาดตาของพระนาง พระนางจึงสนใจอยากลองปั่นด้ายขึ้นมาทันที ในที่สุด เจ้าหญิงก็โดนเข็มปั่นด้ายทิ่มแทงนิ้วและกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ตามคำสาปของนางฟ้าใจร้าย
นางฟ้าใจดีทั้งหลายก็ได้กลับมา พวกเธอเสกให้ทุกคนในวังหลับหมดไปพร้อมกับเจ้าหญิงและพวกเธอก็เสกให้ต้นงิ้วที่มีหนามมากมายขึ้นรอบๆ วัง เพื่อไม่ให้มีใครเข้ามาได้
หนึ่งร้อยปีผ่านมา มีเจ้าชายผู้ที่ได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับเจ้าหญิงนิทรานี้ ตัดสินใจฝ่าฟันป่าขวากหนามเข้าไปหาเจ้าหญิง ด้วยความอยากพิสูจน์ว่าเรื่องราวของเจ้าหญิงเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เมื่อเจ้าชายได้เข้าไปในวังของเจ้าหญิงนิทรา เจ้าชายก็รู้ทันทีเลยว่า เรื่องเล่านั้นเป็นเรื่องจริง เจ้าชายจึงได้จุมพิตเจ้าหญิง ซึ่งทำให้เธอฟื้นขึ้นมาทันที หลังจากนั้นทุกคนในวังก็ตื่นพร้อมๆ กันกับเจ้าหญิง
หุ่นแสดงเรื่องเจ้าหญิงนิทราได้ถูกจัดขึ้นเป็นห้องๆ เพื่อเล่าเรื่องเทพนิยายอันโด่งดัง
จากนั้นก็ไปอีกฟากหนึ่งที่จัดโชว์ห้องต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากปราสาทอื่นที่เคยชมกัน เพราะที่นี่จะมีนิทรรศการแสดงชุดสมัยศตวรรษที่18 ชุดสวยงามในอริยาบทต่างๆ ทำให้ห้องดูมีชีวิตชีวาขึ้น
ปัจจุบันเจ้าของปราสาทยังคงอาศัยอยู่ที่นี่ แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมคนละ 14 ยูโร เพื่อเป็นค่าดูแลและซ่อมแซมปราสาทที่ต้องใช้เงินมหาศาล
ต้องรีบเดินทางต่อไปให้ทันเก็บภาพตอนพระอาทิตย์ตกที่ ปราสาทเฌอนองโซ (Chenonceau Château)ซึ่งห่างออกไป เกือบ 70 กิโลเมตร
แค่ทางเข้าก็ทำให้เราประทับใจด้วยทิวไม้สองข้างทางซึ่งใบกำลังล่วงเป็นสีเหลืองทองบนพื้นนำพาพวกเราสู่ปราสาทอันงดงาม
ต้องเสียค่าเข้าชม 12.5 ยูโรก่อนนะคะ
ถึงลานด้านหน้ากว้างแบบลานปราสาทยุคกลางล้อมรอบด้วยคูน้ำ
ปราสาทเฌอนองโซ (Chenonceau Château) เป็นปราสาทเก่าแก่ มีอายุมากกว่า 400 ปี ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 สร้างบนฝั่งแม่น้ำแชร์ อาณาบริเวณโดยรอบเป็นทุ่งหญ้าและป่า ออกแบบโดยฟิลแบรต์ เดอลอร์ม สถาปนิกเรอเนซองส์ตระกูลเมเนียร์ (Menier) ลักษณะของสถาปัตยกรรมของเฌอนองโซ เป็นแบบผสมระหว่างสถาปัตยกรรมโกธิค และสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์ตอนต้น
พระเจ้าฟรังซัวร์ที่ 1 โปรดเสด็จมาที่นี่ ต่อมาตกเป็นสมบัติของพระโอรสพระเจ้าอองรีที่ 2 ซึ่งทรงอภิเษกกับพระนางแคเธอรีน (Catherine de Medici) แต่ทรงโปรดสาวงามนางหนึ่งและได้ยกปราสาทเชอนองโซให้เป็นที่อาศัยของพระสนมดิอาน (Diane de Poitiers) ดิอานโปรดปรานปราสาทแห่งนี้มาก ได้สร้างสะพานเชื่อมจากปราสาทไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำแชร์
ต่อมาเมื่อพระเจ้าอองรีที่ 2 เสด็จสวรรคต พระนางแคเธอรีนได้ยึดปราสาทเชอนองโซจากพระสนมดิอาน และเสด็จประทับที่ปราสาทแห่งนี้แทน พระนางได้สร้างปราสาทสองชั้นเหนือสะพานของดิอาน ตอนเย็นปราสาทแห่งนี้จะเรืองรองด้วยแสงไฟจากงานเลี้ยงรื่นเริง ซึ่งส่องแสงสะท้อนบนน้ำที่นิ่งสงบของแม่น้ำแชร์
บริเวณภายในส่วนทางคร่อมปราสาท ที่มีทางเดินเชื่อมต่อกับตัวปราสาทหลักเป็น ส่วนแกลลอลี่บนตอม่อโค้ง 5 ช่องลงบนแม่น้ำแชร์
มาเดินเล่นชมสวนกันก่อนกลับแล้วเก็บภาพเงาสะท้อนน้ำอันงดงามอีกครั้ง
ที่จริงมีปราสาทที่น่าเที่ยวอีกหลายแห่ง ได้แก่ Amboise, Azay-le-Rideau, Blios, Cheverny, Chinon, Montsoreau, Langeais, Loches, Saumur แต่พวกเรามีเวลาน้อยไป ถ้าใครชอบเที่ยวปราสาทควรวางแผนใช้เวลาที่นี่หลายวันหน่อย
พลบค่ำแล้วเราจองที่พักไว้ที่เมืองตูร์ วันนี้เหนื่อยมามากเลยจัดแจงเอามาม่าจากจากเมืองไทยมาต้มกินกันเป็นอาหารเย็น
รุ่งขึ้นมาเที่ยวเมืองตูร์ (Tours) กัน เมืองนี้อยู่ในเขตแม่น้ำลัวร์ทางตอนเหนือและแม่น้ำแชร์ทางตอนใต้ มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน จัตุรัสเมืองเก่า ชื่อว่า Place Plumereau เรียงรายไปด้วยบ้านกึ่งไม้ซุงที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง เป็นเมืองคลาสสิคที่น่าชมอีกเมือง
โบสถ์แห่งเมืองตูร์ สร้างอุทิศแด่บิชอปแซงต์กาเตียง (Saint-Gatien) เริ่มสร้างในปี ค.ศ.1170 เพื่อแทนโบสถ์หลังเดิมที่ถูกไฟไหม้ในสงครามเมื่อ 4 ปีก่อนหน้านี้ แต่สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่เป็นศิลปะแบบกอธิกส์ยุคศตวรรษที่ 15
ภายในโบสถ์คงความงดงามไม่แพ้โบสถ์อื่นๆ
จากเมืองตูร์งขับรถไปราวชั่วโมงครึ่งเราจะแวะปราสาทชองบอร์ (Chambord) ปราสาทที่ใหญ่โตอลังการที่สุดในแถบลุ่มแม่น้ำลัวร์
Autumn in Normandy and The Loire Castles IV นอร์มังดีและปราสาทแห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์ในฤดูใบไม้ร่วง
ตอนที่ 1 Roeun
Link http://ppantip.com/topic/34699832
ตอนที่ 2 Honfleur, Beuvron-en-Auge, Caen
Link http://ppantip.com/topic/34722557
ตอนที่ 3 Mont Saint Michel
Link http://ppantip.com/topic/34747895
ตอนที่ 4 The Loire Castles
ตอนจบ ชมปราสาทแห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์ (The Loire Castles)
จากมงแซ็งมิเชลลงมาทางใต้เกือบ 3 ชั่วโมงราว 195 กิโลเมตร เราจะเลาะไปตามลุ่มแม่น้ำลัวร์เพื่อเที่ยวปราสาทต่างๆ
ปราสาทที่สวยงามทรงคุณค่าทางศิลปะและมีชื่อเสียงหลายแห่งของฝรั่งเศส ริมฝั่งแม่น้ำลัวร์ที่อลังการตระการตา ในตอนกลางของประเทศฝรั่งเศสที่เคยเป็นดินแดนที่ทรงอิทธิพลของประเทศ เป็นเสมือนดินแดนในฝันของเจ้าชายเจ้าหญิง มีปราสาทราชวังใหญ่โตโอฬารที่มีความงดงามทางสถาปัตยกรรมเป็นอย่างยิ่ง ปราสาทเรียกในภาษาฝรั่งเศสว่า ชาโตว์ (chateau) ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการแสดงออกทางฐานะ และหน้าตาทางสังคม แสดงถึงความฟุ้งเฟ้อตามสไตล์ฝรั่งเศส ปราสาทเหล่านี้มีทั้งหมด 300 กว่าหลัง สร้างโดยกษัตริย์ และขุนนางในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10-20 และในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 2000 องค์การยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนปราสาทแห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์ให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม
เริ่มตั้งแต่ปราสาทแรก Brissac ต้องเสียเงินค่าเข้าด้วยถ้าจะชมทั้งด้านในและด้านนอกต้องเสีย 10 กว่ายูโร เราเลยเลือกชมแค่รอบๆเสียแค่ 4.5 ยูโร
ปราสาทอันสง่างามหลังสนามหญ้าอันกว้างขวางในฤดูใบไม้ร่วง
ปราสาทนี้เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 และในศตวรรษที่ 15 โครงสร้างได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยปิแอร์เดอเบรส รัฐมนตรีสมัยกษัตริย์ชาร์ลส์ที่เจ็ดของฝรั่งเศส ในปี 1589 ช่วงสงครามศาสนาของฝรั่งเศสปราสาทถูกครอบครองโดยผู้นำโปรเตสแตนต์เฮนรีแห่งนาวาร์ซึ่งต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นดยุคแห่ง Brissac ปราสาทได้ถูกบูรณะเพราะถูกทำลายจากสงตรามในปี 1611 จึงทำให้เป็นปราสาทที่สูงที่สุดในประเทศฝรั่งเศสและสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของสถาปัตยกรรมบาโรก (Baroque architecture)
เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรางัดอาหารกลางวันที่เตรียมไว้มากินกันในรถ เพราะยังเหลือปราสาทให้เที่ยวอีกหลายแห่ง
ขับรถเลาะไปตามลุ่มแม่น้ำลัวร์ราวชั่วโมงกว่าไปยังปราสาทอุสเซ่ (Usse Castle) หรือ ปราสาทเจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beauty’s Chateau)
ด้วยบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกของ ป้อมปราการ อาคารที่มีหลังคาลาดชัน ปล่องไฟ และโบสถ์ซึ่งเป็นงานชิ้นเอกในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (masterpiece of Renaissance architecture) เป็นแรงบันดาลใจให้ Charles Perrault แต่งนิทานที่พวกเราคุ้นเคยกันดีเรื่องเจ้าหญิงนิทรา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีปราสาทแสนสวยตั้งอยู่กลางป่าลึกลับ ณ เมือง Chinon….
ในงานเฉลิมฉลองการประสูติของเจ้าหญิงองค์หนึ่ง มีนางฟ้าหลายตนเสก ความงาม ปัญญา และ ความสามารถในดนตรี มอบให้เป็นของขวัญวันประสูติของเจ้าหญิง
นางฟ้าใจร้ายผู้ที่โกรธแค้นที่ตนไม่ได้การรับเชิญก็โผล่มาในงาน นางจึงเสกคำสาปให้เป็นของขวัญประสูติ คำสาปนั้นคือ เมื่อเจ้าหญิงเติบใหญ่เป็นสาว พระนางจะถูกเข็มปั่นด้ายทิ่มนิ้วและสิ้นชีพทันที นางฟ้าผู้ที่ยังไม่ได้ให้พรพระนางก็ตัดสินใจแก้คำสาป แต่เธอมิสามารถแก้ได้ทั้งหมด ส่วนที่แก้ได้คือ แทนที่พระนางจะสิ้นชีพเมื่อโดนเข็มตำ ความตายจะกลายเป็นการหลับนอนแทน พระนางจะต้องบรรทมไปถึง 100 ปี จนกว่าจะมีเจ้าชายมาจุมพิต
พระบิดาของพระนาง ได้สั่งให้ราษฎรเลิกใช้และทำลายเข็มปั่นด้ายทั้งหมดในราชอาณาจักร และถ้ามีผู้ขัดขืน ผู้นั้นจะได้รับการลงทัณฑ์ด้วยความตาย
แต่เมื่อเจ้าหญิงอายุ 15 หรือ 16 ปี พระนางก็ได้มาเจอสาวชราผู้หนึ่ง ผู้ที่ไม่ได้รับข่าวการทำลายเข็มปั่นด้าย ด้วยความประหลาดตาของพระนาง พระนางจึงสนใจอยากลองปั่นด้ายขึ้นมาทันที ในที่สุด เจ้าหญิงก็โดนเข็มปั่นด้ายทิ่มแทงนิ้วและกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ตามคำสาปของนางฟ้าใจร้าย
นางฟ้าใจดีทั้งหลายก็ได้กลับมา พวกเธอเสกให้ทุกคนในวังหลับหมดไปพร้อมกับเจ้าหญิงและพวกเธอก็เสกให้ต้นงิ้วที่มีหนามมากมายขึ้นรอบๆ วัง เพื่อไม่ให้มีใครเข้ามาได้
หนึ่งร้อยปีผ่านมา มีเจ้าชายผู้ที่ได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับเจ้าหญิงนิทรานี้ ตัดสินใจฝ่าฟันป่าขวากหนามเข้าไปหาเจ้าหญิง ด้วยความอยากพิสูจน์ว่าเรื่องราวของเจ้าหญิงเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เมื่อเจ้าชายได้เข้าไปในวังของเจ้าหญิงนิทรา เจ้าชายก็รู้ทันทีเลยว่า เรื่องเล่านั้นเป็นเรื่องจริง เจ้าชายจึงได้จุมพิตเจ้าหญิง ซึ่งทำให้เธอฟื้นขึ้นมาทันที หลังจากนั้นทุกคนในวังก็ตื่นพร้อมๆ กันกับเจ้าหญิง
หุ่นแสดงเรื่องเจ้าหญิงนิทราได้ถูกจัดขึ้นเป็นห้องๆ เพื่อเล่าเรื่องเทพนิยายอันโด่งดัง
จากนั้นก็ไปอีกฟากหนึ่งที่จัดโชว์ห้องต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากปราสาทอื่นที่เคยชมกัน เพราะที่นี่จะมีนิทรรศการแสดงชุดสมัยศตวรรษที่18 ชุดสวยงามในอริยาบทต่างๆ ทำให้ห้องดูมีชีวิตชีวาขึ้น
ปัจจุบันเจ้าของปราสาทยังคงอาศัยอยู่ที่นี่ แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมคนละ 14 ยูโร เพื่อเป็นค่าดูแลและซ่อมแซมปราสาทที่ต้องใช้เงินมหาศาล
ต้องรีบเดินทางต่อไปให้ทันเก็บภาพตอนพระอาทิตย์ตกที่ ปราสาทเฌอนองโซ (Chenonceau Château)ซึ่งห่างออกไป เกือบ 70 กิโลเมตร
แค่ทางเข้าก็ทำให้เราประทับใจด้วยทิวไม้สองข้างทางซึ่งใบกำลังล่วงเป็นสีเหลืองทองบนพื้นนำพาพวกเราสู่ปราสาทอันงดงาม
ต้องเสียค่าเข้าชม 12.5 ยูโรก่อนนะคะ
ถึงลานด้านหน้ากว้างแบบลานปราสาทยุคกลางล้อมรอบด้วยคูน้ำ
ปราสาทเฌอนองโซ (Chenonceau Château) เป็นปราสาทเก่าแก่ มีอายุมากกว่า 400 ปี ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 สร้างบนฝั่งแม่น้ำแชร์ อาณาบริเวณโดยรอบเป็นทุ่งหญ้าและป่า ออกแบบโดยฟิลแบรต์ เดอลอร์ม สถาปนิกเรอเนซองส์ตระกูลเมเนียร์ (Menier) ลักษณะของสถาปัตยกรรมของเฌอนองโซ เป็นแบบผสมระหว่างสถาปัตยกรรมโกธิค และสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์ตอนต้น
พระเจ้าฟรังซัวร์ที่ 1 โปรดเสด็จมาที่นี่ ต่อมาตกเป็นสมบัติของพระโอรสพระเจ้าอองรีที่ 2 ซึ่งทรงอภิเษกกับพระนางแคเธอรีน (Catherine de Medici) แต่ทรงโปรดสาวงามนางหนึ่งและได้ยกปราสาทเชอนองโซให้เป็นที่อาศัยของพระสนมดิอาน (Diane de Poitiers) ดิอานโปรดปรานปราสาทแห่งนี้มาก ได้สร้างสะพานเชื่อมจากปราสาทไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำแชร์
ต่อมาเมื่อพระเจ้าอองรีที่ 2 เสด็จสวรรคต พระนางแคเธอรีนได้ยึดปราสาทเชอนองโซจากพระสนมดิอาน และเสด็จประทับที่ปราสาทแห่งนี้แทน พระนางได้สร้างปราสาทสองชั้นเหนือสะพานของดิอาน ตอนเย็นปราสาทแห่งนี้จะเรืองรองด้วยแสงไฟจากงานเลี้ยงรื่นเริง ซึ่งส่องแสงสะท้อนบนน้ำที่นิ่งสงบของแม่น้ำแชร์
บริเวณภายในส่วนทางคร่อมปราสาท ที่มีทางเดินเชื่อมต่อกับตัวปราสาทหลักเป็น ส่วนแกลลอลี่บนตอม่อโค้ง 5 ช่องลงบนแม่น้ำแชร์
มาเดินเล่นชมสวนกันก่อนกลับแล้วเก็บภาพเงาสะท้อนน้ำอันงดงามอีกครั้ง
ที่จริงมีปราสาทที่น่าเที่ยวอีกหลายแห่ง ได้แก่ Amboise, Azay-le-Rideau, Blios, Cheverny, Chinon, Montsoreau, Langeais, Loches, Saumur แต่พวกเรามีเวลาน้อยไป ถ้าใครชอบเที่ยวปราสาทควรวางแผนใช้เวลาที่นี่หลายวันหน่อย
พลบค่ำแล้วเราจองที่พักไว้ที่เมืองตูร์ วันนี้เหนื่อยมามากเลยจัดแจงเอามาม่าจากจากเมืองไทยมาต้มกินกันเป็นอาหารเย็น
รุ่งขึ้นมาเที่ยวเมืองตูร์ (Tours) กัน เมืองนี้อยู่ในเขตแม่น้ำลัวร์ทางตอนเหนือและแม่น้ำแชร์ทางตอนใต้ มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน จัตุรัสเมืองเก่า ชื่อว่า Place Plumereau เรียงรายไปด้วยบ้านกึ่งไม้ซุงที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง เป็นเมืองคลาสสิคที่น่าชมอีกเมือง
โบสถ์แห่งเมืองตูร์ สร้างอุทิศแด่บิชอปแซงต์กาเตียง (Saint-Gatien) เริ่มสร้างในปี ค.ศ.1170 เพื่อแทนโบสถ์หลังเดิมที่ถูกไฟไหม้ในสงครามเมื่อ 4 ปีก่อนหน้านี้ แต่สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่เป็นศิลปะแบบกอธิกส์ยุคศตวรรษที่ 15
ภายในโบสถ์คงความงดงามไม่แพ้โบสถ์อื่นๆ
จากเมืองตูร์งขับรถไปราวชั่วโมงครึ่งเราจะแวะปราสาทชองบอร์ (Chambord) ปราสาทที่ใหญ่โตอลังการที่สุดในแถบลุ่มแม่น้ำลัวร์