The Revenant ใช้ชื่อภาษาไทยว่า “ต้องรอด” เสนอว่า ควรเปลี่ยนชื่อไทยเป็น “อวสานโลกสวย” นะ (ถ้าไม่ติดว่า มีหนังไทยใช้ชื่อนั้นไปแล้วอ่ะนะ 555) เพราะความหนัก ดิบ ดุ เถื่อน ตลอดจนความ “โหดสัส” ของเนื้อเรื่อง ทั้งที่สะท้อนผ่านสภาพสังคมสภาพชีวิตที่หนังแสดงให้เห็น ไปจนถึงสถานการณ์ดิบเถื่อนต่างๆที่ตัวละครเผชิญ
เป็นหนังดีที่ดูไปก็อดไม่ได้ที่จะต้องลุ้นไปหนาวไปเหนื่อยไปตามพระเอกด้วย แต่ตัวหนังอดไม่ได้ที่จะมีช่วงเนือยๆตอนกลางเรื่องบ้าง ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากความยาวของหนังที่ยาวกว่าสองชั่วโมงครึ่ง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ภาพสวยมาก ไม่ว่าจะหิมะปกคลุมภูเขา ฉากป่าไม้ แม่น้ำลำธาร และตลอดการถ่ายทำใช้แสงธรรมชาติตลอดทั้งเรื่องอีกด้วย ทั้งเรื่องเกิดในฤดูหนาว อารมณ์แบบหิมะขาวโพลน ซึ่งวันที่ไปดู อากาศในกรุงเทพฯค่อนข้างหนาว แอร์ในโรงหนังก็หนาว พอเห็นภาพในโรงหนังยิ่งหนาวไปกันใหญ่ เอาเข้าไป...
จากภาพที่เห็น เรื่องนี้เฮียลีโอทุ่มเทแสดงแบบกะเอาออสการ์อย่างที่เขาแซวกันจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่โดนล้อมาตลอดทั้งปี
โดยรวมเรื่องนี้ให้ B+นะ
ต่อไปนี้คือสปอยล์...
ก่อนไปดู เช่นเดียวกับหลายๆคนที่ตั้งใจจะไปรอดูฉาก “คนสู้หมี” แต่พอเข้าไปดูจริงๆ ฉากที่น่าลุ้นกว่ากลับเป็นฉาก “คนสู้คน” ตอนท้ายเรื่อง...ดูไปเสียวไป ทั้งมีดทั้งขวาน บรรยากาศหนาวก้อหนาว (ทั้งนอกจอในจอ เห้อ!)
หนังได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงในปี 1823 ของฮิวจ์ กลาส ผู้เป็น fur trapper (อาชีพวางกับดักสัตว์เพื่อเอาขนสัตว์) ที่เข้าร่วมกับคณะ fur-trapping expedition คณะหนึ่ง แล้วระหว่างนั้น เขาโดนหมีกริซลี่โจมตีในป่าจนบาดเจ็บสาหัส จนหัวหน้าคณะเดินทางจ่ายเงินจ้างชายสองคน คือ จอห์น ฟิทซ์เจอรัล กะ จิม บริดเจอร์ ให้อยู่รอฝังเขาแบบคริสเตียนเมื่อเขาตาย แต่เขาไม่ตายซักที จนชายสองคนตัดสินใจทิ้งเขาไปแล้วออกเดินทางไปสบทบกับคณะ แต่ฮิวจ์ กลาสกลับรอดมาได้ และออกเดินทางจนตามสบทบกับคณะได้สำเร็จ
ถึงหนังโปรโมตว่า ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริง แต่พอได้ไปดูหนังเข้าจริงๆ ประกอบกับศึกษาข้อมูลลึกลงไป น่าจะเปลี่ยนเป็นว่า มโนต่อจากเหตุการณ์จริง ดีกว่านะ แต่อันนี้คือแซวเล่นเฉยๆนะ ไม่ได้ว่าอะไร เพราะก็เข้าใจว่า เขาไม่ได้จะให้เป็นแค่หนังแนวการเอาตัวรอดของมนุษย์
แต่เขาจะให้เป็นแนวดราม่าทริลเลอร์ผจญภัย หนังเลยใส่ความดราม่าโน้นนี้เติมเข้ามาเพื่อให้มันมีความเข้มข้น และมีจุดมุ่งหมายที่จะนำเสนอมากขึ้น ซึ่งจุดมุ่งหมายในที่นี้ คือ การที่ตัวละครฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อกลับไปแก้แค้นหลังจากถูกพรากทุกอย่างไป และที่สำคัญ พออ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง แล้วยิ่งเข้าใจเลยล่ะว่า คือที่ใส่ดราม่าเข้ามาคือดีแล้วล่ะ เพราะไม่งั้นมันจะแทบไม่มีอะไรสนุกๆเลย จะมีให้ดูก็คงแต่ความรันทดลำบากลำบนของการเดินทางแค่นั้น อะไรประมาณนั้น
เรื่องจริง...ฮิวจ์ กลาส โดนหมีกริซลี่โจมตีในฤดูร้อน ...แต่เฮียลีโอโดนหมีกริซลี่โจมตีในฤดูหนาว อารมณ์แบบหิมะขาวโพลนท่วมจอ (จะให้ภาพมันออกมาดูดราม่ากว่าเดิมอ่ะดิๆ)
เรื่องจริง...หลังจากฮิวจ์ กลาสบาดเจ็บสภาพสาหัสมาก หัวหน้าคณะจึงจ่ายให้ จอห์น ฟิทซ์เจอรัล กะ จิม บริดเจอร์ อยู่รอให้ ฮิวจ์ กลาส ตายเอง แล้วค่อยฝังศพเขาตามแบบคริสเตียน แต่ฮิวจ์ กลาสไม่ตายซะที ทั้งสองจึงตัดสินใจวางร่างฮิวจ์ กลาสลงในหลุมตื้นๆ เก็บอาวุธของเขาไป และออกเดินทางต่อเพื่อไปสมทบกับคณะ
...แต่ในหนัง จอห์น ฟิทซ์เจอรัล พยายามกดดันให้ ฮิวจ์ กลาส ยอมให้ตนฆ่าเขาให้ตายไปซะ เพราะไม่อยากอยู่เฝ้ารอให้เขาตายเองแล้ว อีกทั้งจอห์น ฟิทซ์เจอรัล ก็ไม่ชอบหน้า ฮิวจ์ กลาส อยู่แล้วด้วย ในที่สุด ฮิวจ์ กลาส ยอมตกลง แต่ลูกชายฮิวจ์ กลาสดันมาเห็นตอนจอห์น ฟิทซ์เจอรัล พยายามฆ่าพ่อของเขาเข้า ด้วยไม่รู้ถึงข้อตกลงดังกล่าว จึงเข้าใจผิด และโมโห สุดท้ายโดนจอห์น ฟิทซ์เจอรัลฆ่าตายต่อหน้าต่อตาผู้เป็นพ่อ แต่บริดเจอร์ไม่รู้เรื่องดังกล่าวเลย เพราะเขาไม่ได้อยู่ด้วยในตอนนั้น หลังจากนั้น จอห์น ฟิทซ์เจอรัล ก็วางแผนหลอกบริดเจอร์ จนเขาต้องยอมทิ้งฮิวจ์ กลาสไว้เบื้องหลังอย่างจำใจ แล้วออกเดินทางต่อไปกับจอห์น ฟิทซ์เจอรัล เพื่อไปสบทบกับคณะที่แคมป์
...แต่ตามเรื่องจริง ฮิวจ์ กลาส ไม่มีลูกด้วยซ้ำนะจ๊ะ ดังนั้น ไอ้ดราม่าแก้แค้นอะไรทั้งหมดนั้นคือ “มโน” นะจ๊ะ คริๆ
เรื่องจริง... แต่กลายเป็นว่า ฮิวจ์ กลาส รอดค่ะ และใช้เวลาราวหกสัปดาห์ทุลักทุเลกลับไปสมทบกับคณะจนได้ บ้างก็ว่าเป็นการเดินทางถึงร้อยไมล์เชียวนะ และฮิวจ์ กลาส ก็ให้อภัย จอห์น ฟิทซ์เจอรัล กะ บริดเจอร์ ที่ทิ้งตนไว้ข้างหลัง แหม ก็เขาไม่ได้มีเรื่องฆ่าลูกอะไรนั้นให้ดราม่ากันแก้แค้นกันแบบในหนังนินา
สั้นๆคือ...
เรื่องจริง... ฮิวจ์ กลาส กะ จอห์น ฟิทซ์เจอรัล ทำงานอยู่ในคณะเดียวกัน
ในหนัง... ฮิวจ์ กลาส คือ พระเอก ส่วน จอห์น ฟิทซ์เจอรัล คือ คนร้าย ที่ทำงานอยู่ในคณะเดียวกัน... จบจ๊ะ
[Spoil] รีวิว The Revenant ต้องรอด... ต้อง(อยู่ให้)รอด เพราะโลกนี้มันโหดร้ายยยย... (+เกร็ดเหตุการณ์จริง vs ในหนัง)
เป็นหนังดีที่ดูไปก็อดไม่ได้ที่จะต้องลุ้นไปหนาวไปเหนื่อยไปตามพระเอกด้วย แต่ตัวหนังอดไม่ได้ที่จะมีช่วงเนือยๆตอนกลางเรื่องบ้าง ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากความยาวของหนังที่ยาวกว่าสองชั่วโมงครึ่ง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ภาพสวยมาก ไม่ว่าจะหิมะปกคลุมภูเขา ฉากป่าไม้ แม่น้ำลำธาร และตลอดการถ่ายทำใช้แสงธรรมชาติตลอดทั้งเรื่องอีกด้วย ทั้งเรื่องเกิดในฤดูหนาว อารมณ์แบบหิมะขาวโพลน ซึ่งวันที่ไปดู อากาศในกรุงเทพฯค่อนข้างหนาว แอร์ในโรงหนังก็หนาว พอเห็นภาพในโรงหนังยิ่งหนาวไปกันใหญ่ เอาเข้าไป...
จากภาพที่เห็น เรื่องนี้เฮียลีโอทุ่มเทแสดงแบบกะเอาออสการ์อย่างที่เขาแซวกันจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่โดนล้อมาตลอดทั้งปี
โดยรวมเรื่องนี้ให้ B+นะ
ต่อไปนี้คือสปอยล์...
ก่อนไปดู เช่นเดียวกับหลายๆคนที่ตั้งใจจะไปรอดูฉาก “คนสู้หมี” แต่พอเข้าไปดูจริงๆ ฉากที่น่าลุ้นกว่ากลับเป็นฉาก “คนสู้คน” ตอนท้ายเรื่อง...ดูไปเสียวไป ทั้งมีดทั้งขวาน บรรยากาศหนาวก้อหนาว (ทั้งนอกจอในจอ เห้อ!)
หนังได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงในปี 1823 ของฮิวจ์ กลาส ผู้เป็น fur trapper (อาชีพวางกับดักสัตว์เพื่อเอาขนสัตว์) ที่เข้าร่วมกับคณะ fur-trapping expedition คณะหนึ่ง แล้วระหว่างนั้น เขาโดนหมีกริซลี่โจมตีในป่าจนบาดเจ็บสาหัส จนหัวหน้าคณะเดินทางจ่ายเงินจ้างชายสองคน คือ จอห์น ฟิทซ์เจอรัล กะ จิม บริดเจอร์ ให้อยู่รอฝังเขาแบบคริสเตียนเมื่อเขาตาย แต่เขาไม่ตายซักที จนชายสองคนตัดสินใจทิ้งเขาไปแล้วออกเดินทางไปสบทบกับคณะ แต่ฮิวจ์ กลาสกลับรอดมาได้ และออกเดินทางจนตามสบทบกับคณะได้สำเร็จ
ถึงหนังโปรโมตว่า ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริง แต่พอได้ไปดูหนังเข้าจริงๆ ประกอบกับศึกษาข้อมูลลึกลงไป น่าจะเปลี่ยนเป็นว่า มโนต่อจากเหตุการณ์จริง ดีกว่านะ แต่อันนี้คือแซวเล่นเฉยๆนะ ไม่ได้ว่าอะไร เพราะก็เข้าใจว่า เขาไม่ได้จะให้เป็นแค่หนังแนวการเอาตัวรอดของมนุษย์
แต่เขาจะให้เป็นแนวดราม่าทริลเลอร์ผจญภัย หนังเลยใส่ความดราม่าโน้นนี้เติมเข้ามาเพื่อให้มันมีความเข้มข้น และมีจุดมุ่งหมายที่จะนำเสนอมากขึ้น ซึ่งจุดมุ่งหมายในที่นี้ คือ การที่ตัวละครฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อกลับไปแก้แค้นหลังจากถูกพรากทุกอย่างไป และที่สำคัญ พออ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง แล้วยิ่งเข้าใจเลยล่ะว่า คือที่ใส่ดราม่าเข้ามาคือดีแล้วล่ะ เพราะไม่งั้นมันจะแทบไม่มีอะไรสนุกๆเลย จะมีให้ดูก็คงแต่ความรันทดลำบากลำบนของการเดินทางแค่นั้น อะไรประมาณนั้น
เรื่องจริง...ฮิวจ์ กลาส โดนหมีกริซลี่โจมตีในฤดูร้อน ...แต่เฮียลีโอโดนหมีกริซลี่โจมตีในฤดูหนาว อารมณ์แบบหิมะขาวโพลนท่วมจอ (จะให้ภาพมันออกมาดูดราม่ากว่าเดิมอ่ะดิๆ)
เรื่องจริง...หลังจากฮิวจ์ กลาสบาดเจ็บสภาพสาหัสมาก หัวหน้าคณะจึงจ่ายให้ จอห์น ฟิทซ์เจอรัล กะ จิม บริดเจอร์ อยู่รอให้ ฮิวจ์ กลาส ตายเอง แล้วค่อยฝังศพเขาตามแบบคริสเตียน แต่ฮิวจ์ กลาสไม่ตายซะที ทั้งสองจึงตัดสินใจวางร่างฮิวจ์ กลาสลงในหลุมตื้นๆ เก็บอาวุธของเขาไป และออกเดินทางต่อเพื่อไปสมทบกับคณะ
...แต่ในหนัง จอห์น ฟิทซ์เจอรัล พยายามกดดันให้ ฮิวจ์ กลาส ยอมให้ตนฆ่าเขาให้ตายไปซะ เพราะไม่อยากอยู่เฝ้ารอให้เขาตายเองแล้ว อีกทั้งจอห์น ฟิทซ์เจอรัล ก็ไม่ชอบหน้า ฮิวจ์ กลาส อยู่แล้วด้วย ในที่สุด ฮิวจ์ กลาส ยอมตกลง แต่ลูกชายฮิวจ์ กลาสดันมาเห็นตอนจอห์น ฟิทซ์เจอรัล พยายามฆ่าพ่อของเขาเข้า ด้วยไม่รู้ถึงข้อตกลงดังกล่าว จึงเข้าใจผิด และโมโห สุดท้ายโดนจอห์น ฟิทซ์เจอรัลฆ่าตายต่อหน้าต่อตาผู้เป็นพ่อ แต่บริดเจอร์ไม่รู้เรื่องดังกล่าวเลย เพราะเขาไม่ได้อยู่ด้วยในตอนนั้น หลังจากนั้น จอห์น ฟิทซ์เจอรัล ก็วางแผนหลอกบริดเจอร์ จนเขาต้องยอมทิ้งฮิวจ์ กลาสไว้เบื้องหลังอย่างจำใจ แล้วออกเดินทางต่อไปกับจอห์น ฟิทซ์เจอรัล เพื่อไปสบทบกับคณะที่แคมป์
...แต่ตามเรื่องจริง ฮิวจ์ กลาส ไม่มีลูกด้วยซ้ำนะจ๊ะ ดังนั้น ไอ้ดราม่าแก้แค้นอะไรทั้งหมดนั้นคือ “มโน” นะจ๊ะ คริๆ
เรื่องจริง... แต่กลายเป็นว่า ฮิวจ์ กลาส รอดค่ะ และใช้เวลาราวหกสัปดาห์ทุลักทุเลกลับไปสมทบกับคณะจนได้ บ้างก็ว่าเป็นการเดินทางถึงร้อยไมล์เชียวนะ และฮิวจ์ กลาส ก็ให้อภัย จอห์น ฟิทซ์เจอรัล กะ บริดเจอร์ ที่ทิ้งตนไว้ข้างหลัง แหม ก็เขาไม่ได้มีเรื่องฆ่าลูกอะไรนั้นให้ดราม่ากันแก้แค้นกันแบบในหนังนินา
สั้นๆคือ...
เรื่องจริง... ฮิวจ์ กลาส กะ จอห์น ฟิทซ์เจอรัล ทำงานอยู่ในคณะเดียวกัน
ในหนัง... ฮิวจ์ กลาส คือ พระเอก ส่วน จอห์น ฟิทซ์เจอรัล คือ คนร้าย ที่ทำงานอยู่ในคณะเดียวกัน... จบจ๊ะ