การเข้าคุกอย่างไรให้ถูกวิธีและอยู่รอดปลอดภัย ตอนที่ 6 กระเทย ( ดอกไม้ปลอม ในดงโจร)

แสงแดดจ้าอันร้อนแรงยามเที่ยงบวกกับลมแห้งๆ   ที่พัดฝุ่นแดงๆ บนถนนกรวดให้คลุ้งขึ้น  เป็นบรรกาศที่พบเห็นได้บ่อยจนคุ้นชิน  ของคนในหมู่บ้านที่มานั่งรอรถประจำทางในเวลานี้  ที่ศาลาไม้เก่าๆหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งในชนบท   
                 แต่ไม่ใช่กับอีนก เด็กชายร่างเล็ก ท่าทางตุ้งติ้ง  ซึ่งเป็นที่รู้จักกันของคนทั้งหมู่บ้าน และรู้ว่ามันเป็นกระเทย  ซึ่งปกติมันจะมาใช้บริการศาลานี้  เฉพาะช่วงเช้าเพื่อไปเรียนในตัวอำเภอ  แต่วันนี้มันต้องมานั่งรอรถในเวลาเที่ยง  ตามการคำนวนเวลาเดินทาง  ให้ถึงอำเภอ  ขึ้นรถต่อ  และถึงกรุงเทพในตอนเช้า  
                การเดินทางครั้งนี้ของมันเป็นการเดินทางที่แบกความฝันของตัวเองและภาระการเลี้ยงดูแม่  จึงทำให้มันต้องเข้าไปทำงานกับญาติที่กรุงเทพ
                “อีนก พ.บ.”  เป็นชื่อที่คนในเรือนจำรู้จักกันดี  อีนกเป็นกระเทยร่างเล็ก ผิวออกไปทางคล้ำ หน้าตาก็ไม่ได้จัดว่าสวยอะไร แต่มันมีจุดเด่นตรงหน้าอกที่ใหญ่ของมัน  มันเป็นกระเทยที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์  ในแดนรักษาพยาบาล  
                ในแต่ละวันมันจะมีหน้าที่หลักคือคอยเขียนใบประวัติให้คนคุกที่มาใช้บริการ หรือถ้าว่างก็จะไปช่วยดูแลผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้   คอยป้อนข้าว   เอายาให้ผู้ป่วยกินตามเวลา   
       “เชิญค๊าๆ   เข้ามาเป็นแถวนะ แล้วมาหาคนสวยเลยค๊า”  อีนกเรียกเสียงแหลม  ขณะที่เริ่มมีคนคุกเดินแถวเข้ามารับการตรวจที่แดน
       “เอ้านี่อีนก ไอ้กรุงผัวฝากขนมมาให้หน่ะ” ชายผู้ที่พาคนคุกมารับการตรวจพูด  พร้อมส่งถุงขนมให้อีนก
       “ขอบคุณค่ะน้า” อีนกตอบ พร้อมรับถุงขนมแล้วยกดู
                 ในถุงขนมนั้นมีจดหมายเล็กๆถูกพับเป็นรูปหัวใจ  อยู่ภายในถุงด้วย  จดหมายเล็กนี้ทำให้มันยิ้มได้  มันวางถุงขนมลงในลิ้นชักใหญ่ และเลือกจะปฎิบัติหน้าที่ของตนเองก่อน  อดใจที่จะอ่านจดหมายนี้ในตอนสายๆหลังจากคนป่วยจากทุกแดน   มาใช้บริการกันหมดแล้ว
          ถึงนกสุดที่รัก
                 นกเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม เราไม่ได้เจอกันเกือบ 3 เดือนแล้วนะ ตอนนี้พี่ลงจากขังเดี่ยวแล้ว แต่ยังไม่ได้ถอดตรวนเลย  อีกสักอาทิตย์นึงคงได้ถอด  พี่คงจะได้แกล้งป่วยไปนกได้ แล้วเจอกันนะ    พี่กรุงสุดหล่อ                                                                                                                                                                     
                  นี่คือข้อความในจดหมายที่ทำให้อีนกนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ได้   แล้วมันก็นึกย้อนไปในวันแรกๆที่เข้ามาในที่เรือนจำ ตอนนั้นมันตื่นกลัวมาก ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตของตัวเองจะต้องเข้ามาในที่แบบนี้  ร้องไห้ทุกวันตั้งแต่โดนจับอยู่ที่สถานีตำรวจ  พอเข้ามาเรือนจำ  มันถูกข่มขืน ถูกรุมเวียนเทียน คืนเดียวหลายๆคน  บังคับให้ยอมร่วมเพศทีเดียวหลายๆคน  ตอนที่อยู่แดนแรกรับ
                  ที่แดนแรกรับไม่มีใครออกตัวเอามันไปเป็นเมีย  เพราะรู้ว่ายังไงมันก็ต้องย้าย เลยได้แต่หากำไรจากตัวมันไปวันๆเท่านั้นเอง   ด้วยความกลัว  อีนกไม่กล้าบอกเจ้าหน้าที่  ยอมถูกทารุณกรรมทางเพศไป  จนวันที่ได้ย้ายแดน ถึงได้พ้นนรกเสียที  
                  พอเข้าแดนคดีทั่วไปวันแรก  มันดีใจมากที่ได้เจอคนรู้จัก “ไอ้กรุง” ชายสูงโปร่ง ผิวขาว อายุราวยี่สิบปลายๆ   อีนกเคยเจอไอ้กรุงตอนที่มันมาใช้บริการที่ร้านคาราโอเกะ  ที่อีนกทำงานอยู่ ถือได้ว่าเป็นลูกค้าประจำคนนึงของมันเลยก็ว่าได้  อีนกเพิ่งหายสงสัยตอนนี้เอง ว่าลูกค้าคนนี้หายไปไหน  ไม่เจอมา เกือบปีแล้ว
         “พี่กรุงๆ  จำหนูได้ไหม” อีนกตะโกนเรียกเสียงดังขณะนั่งรอแยกห้อง แล้วเห็นไอ้กรุงเดินอยู่ไกลๆ
         “ใครว่ะ  รู้จักกูด้วย”  ไอ้กรุงตะโกนเสียงดัง  แล้วเดินมาดูที่กลุ่มคนใหม่
          “อ้าว น้องนกนี่เอง  มาได้ไงเนี้ย” ไอ้กรุงทักด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
                 นั่นคือจุดเริ่มต้นที่อีนกและไอ้กรุงที่ได้กลับมาเจอกัน  และเริ่มสานความสัมพันธ์ฉันท์คู่รัก   ไอ้กรุง  เข้ามาที่นี่ได้เกือบๆ 10 เดือนแล้ว  โดนคดีร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนบาดเจ็บสาหัส  ตัดสินมาแล้ว จำคุก 3 ปี 6 เดือน   ที่ข้างนอกไอ้กรุงเป็นนักเลงคุมตลาด  คอยเก็บค่าแผง  ปล่อยเงินกู้ให้พ่อค้าแม่ค้า โดยมีนายทุนเป็นตำรวจยศสูง  จึงทำให้ไอ้กรุงและพวก  กร่างพอตัว
                 จนวันนึงถึงคราวซวย  ไอ้กรุงและพวกไปกินเหล้าในผับ  เกิดเขม่นโต๊ะข้างๆ  แน่นอนหนีไม่พ้นเรื่องเล็งผู้หญิงคนเดียวกัน  ด้วยความเป็นนักเลงเจ้าถิ่นมีหรือจะยอม  ไอ้กรุงและพวกอีก 3 คนรุมกระทืบคู่กรณีซะจนสาหัส นอนห้อง ไอ.ซี.ยู.เลยทีเดียว  หารู้ไม่ว่าคู่กรณีของพวกมันเป็นลูกชายนักการเมืองระดับจังหวัด  จึงทำให้คดีไม่เงียบเหมือนที่เคยกระทืบลูกหนี้  หรือ ทุบแผงพ่อค้า แม่ค้า ที่ค้างค่าเช่า  งานนี้นายมันก็ช่วยไม่ได้  มันและพวกเลยต้องรับกรรม
               ไอ้กรุงอยู่ที่นี่ในระดับชนชั้นที่ถือว่าดีพอตัว เพราะมันรู้จักคนเยอะ  เพื่อนๆที่เคย เที่ยว กิน เล่นกัน ก็มาอยู่ในนี้หลายคน  เข้ามาไม่นานก็ขึ้นเป็นผู้ช่วยเสมียนกองงานสายไฟแล้ว  และนายมันก็ยังมีน้ำใจ  ส่งคนมาเยี่ยมมันบ้างเป็นครั้งคราว มาแต่ละทีก็ฝากเงิน และซื้อของให้มันเยอะพอสมควรเลย ทำให้มันมีทั้งอำนาจและเงิน ทำให้เป็นที่ยำเกรง ไม่ค่อยจะมีใครกล้าจะมีปัญหากับมัน
                 ส่วนทางด้านนายมันก็ยังอยากจะเลี้ยงมันไว้เผื่อวันข้างหน้าที่มันออกมายังเรียกใช้ได้   เพราะตัวไอ้กรุงเอง มีข้อดีคือมันซื่อสัตย์และใจถึงพอตัว  ที่ผ่านมาช่วยนายหาเงินได้ไม่น้อยเลย  เหมาะกับการใช้งานได้อีก   
                 ในคุกหากรู้ว่ากระเทยคนไหนมีผัวเป็นตัวตนแล้ว จะไม่มีใครกล้าไปแกล้ง  หรือไปเกาะแกะ  เพราะเป็นการให้เกียรติกัน แต่ถ้าอีเมียมันแรด แล้วไปอ่อยคนอื่น  นั่นก็อีกเรื่องนึง  แต่ทุกทีตอนจบของปัญหาแย่งกระเทยก็จบด้วยการแทงกันทุกราย   “เสียอะไรก็ได้ แต่ห้ามเสียหน้า เรื่องแบบนี้ยอมกันไม่ได้จริงๆ”  นั่นคือคำกล่าวของคนคุกที่มีเมียกระเทย
                   ตอนนี้อีนกเลยมีความสะดวกสบายหลายอย่าง   ไม่มีใครกล้าข่มเหงรังแกมันอีก  ใช้ชีวิตคู่ในคุกกับไอ้กรุงอย่างสุขสันต์   เช้านั่งกินข้าวด้วยกันก่อนออกไปทำงานที่แดนพยาบาล  เลิกงานก็กลับเข้าแดน  มานั่งพรอดรักกับผัวในกองงานรอเวลาอาบน้ำ  กินข้าว  พอได้เวลาขึ้นเรือนนอน ก็จูบลากัน  ก่อนที่อีนกต้องแยกขึ้นไปนอนห้องกระเทย   พอวันอาทิตย์ก็หามุมเงียบๆกกกอดกันทั้งวัน
              เป็นเหตุให้ตาร้อนกันในหมู่พวกกระเทย  และอีนกจะตกเป็นเป้าสนทนาทุกครั้งที่ขึ้นเรือนนอน   
         “แหม น่าอิจฉาจริงๆ  มาใหม่ก็ได้ผัวเป็นผู้ช่วยเสมียนกองงานเลยนะ” เสียงกระแนะกระแหน จากอีเปิ้ลกระเทยเพื่อนร่วมห้อง
         “ใช่ๆ ที่ พ.บ. มาแป๊ปเดียว ก็ได้ไปทำประวัติคนไข้เลย ใช่สิ กูเรียนมาน้อยนี่ อยู่ตั้งนานแล้ว ยังเช็ดขี้  เช็ดเยี่ยวคนป่วยอยู่เลย”  อีกุ้งกระเทยรุ่นเจ๊  พูดอีกเสียงสมทบ
          “จ้า อีเจ๊  เดี๋ยววันไหนว่าง หนูจะไม่ไปช่วยแล้ว  ส่วน อีนางเปิ้ล ผัวหน่ะ เสมียน พ.บ. เลยนะ เปลี่ยนกันไหม” อีนกแก้ลำทั้ง 2 นาง
          “จะกัดกัน อีกนานไหมเนี้ย จะเล่นไหมเนี้ยไพ่หน่ะ” อีหน่อย กระเทยรุ่นเจ๊อีกคน  รีบตัดบท
          “ไปๆ อีพู่ กับ อีปอบ ไม่ได้เล่นไปนั่งหน้าขังเลย ดูนายให้ด้วย เดี๋ยวเจ๊เฮงๆ มีติ๊บ” อีกุ้งสั่งกระเทยรุ่นน้อง
          “หนูชื่อป๊อบ มาเรียกหนูปอบ ไมอ่ะเจ๊” อีป๊อบพูด แล้วสะบัดหน้าเดินบิดก้น ไปหน้าห้องตามคำสั่ง
            ถึงแม้พวกกระเทยจะกระแนะกระแหน  -ดันกันกันยังไง  ก็ไม่เคยถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลย  อาจเป็นเพราะบทลงโทษ ไม่แบ่งว่าเป็นชายหรือกระเทย  โดนทำโทษโดนเท่ากัน  และอีกเหตุผลนึงน่าจะเป็นที่ว่า เวลาทำงานก็ต้องเจอกัน เวลานอนก็ต้องเจอกัน  เห็นหน้ากันตลอด  หากทะเลาะกัน  คงอึดอัดตาย  เพราะห้องนอนของกระเทยไม่ได้ใหญ่เท่าของคนคุกทั่วไป   หากมีสมาชิกกระเทยเกิน 8 คนก็แน่นแล้ว
            ช่วงเวลาแห่งความสุขของอีนกผ่านไปรวดเร็ว   ลืมวันลืมคืน  จนกระทั่งถึงวันที่ศาลเรียกตัวเพื่อออกไปฟังคำตัดสิน   ขณะที่นั่งรถออกจากเรือนจำ ใจของมันไม่สงบเลย  ถึงแม้ในใจมันจะรู้ดีอยู่แล้วว่า  ยังไงก็ต้องติด จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง  เพราะยอมรับสารภาพความผิดในคดีนี้ไปแล้ว  แต่มันก็ยังแอบหวังเล็กๆ  ว่าศาลอาจจะลงโทษมันสักปี  สองปี อย่างที่ตำรวจบอกมันตอนให้รับสารภาพ  
              เอี๊ยดๆๆ....เสียงเบรคยาวของรถประจำทาง  จอดเลยศาลาไม้เก่าไปนิดหน่อย การเบรคของรถยิ่งทำให้ฝุ่นแดงคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ  อีนกที่รอรถอยู่ต้องเอามือปิดจมูก แล้วรีบลุกขึ้นไปที่รถ รถกำลังจะเคลื่อนตัวแล้ว อีนกมองไปที่นอกหน้าต่าง เพ่งสายตาไปไกล เป้าหมายคือบ้านของมัน
           “ฮืม...เฮ้อ” อีนกถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมนึกในใจ ต้องทำให้แม่สบายให้ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่