กับรักแบบนี้ ไม่รู้จะตั้งชื่อว่าอะไรดี??

- พอดี จขกท ตอนนี้กำลังเฮิร์ท เบาๆ งั้นขอเล่าของ จขกท ให้ฟังนิดๆนะครัย (คืออยากระบาย มันจะจุกอกตายอยู่แล้ว 55555)

คือ.. ตอนนี้ผมรู้สึกว่า เวลาที่ผมเสียไปกับงานเพื่อความ "พร้อมที่จะดูแลใครซักคน" มันสูญเปล่ารึเปล่า

*เพิ่มตอนพิมทั้งหมดเสดแล้ว ยอมรับเลยยากมาก ตามอารมณ์อะครับขึ้นๆลงๆ คงไม่ดีนัก เพราะมันมาจากเรื่องจริงและสิ่งที่จำได้ หากผิดพลาดขออภัย  
ขอบคุณนะครับ เผื่อใครสนใจ อ่านมัน เมื่อยมือมาก พิมในไอโฟน
ไปๆมา กลายเป็นผมโดนตัวเองสอน  ตอนมานั่งหาคำผิด คิดอีกที พิมไปได้ไงวะเยอะขนาดนี้


          หลังจากเรียนจบมหาลัยผมก็เริ่มทำงานเลย เหมือนเด็กจบใหม่ส่วนใหญ่
ที่หางานทำคือจะได้หาตังค์ใช้เองได้(ใครๆก็คงคิดงี้) ตอนนั้นยังไม่คิดเรื่องจริงจังกับใครเท่าไหร่
ลืมบอกผมก็เป็นคนเจ้าชู้เล็กๆ ตามประสาผู้ชาย มีคบซ้อนครั้ง2ครั้ง ส่วนใหญ่คบทีละคนแต่หาคนที่ใช่มันต้องคุยหลายคน
งานที่ผมทำค่อนข้างสบายเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อผิดพลาดของสินค้าที่จะส่งผ่านไปต่างประเทศซึ่งมันจะมีงานเยอะๆแค่ไม่กี่ช่วงต่อปีเท่านั้น
เงินเดือนไม่มากมายนะครับ สองหมื่นปลายๆเอง จะได้เพิ่มก็ตามงานนอกที่รับเป็นงานๆ (ต้องแอบรับนะครับ เบาๆไว้เผื่อใคริยู่ในวงการ ซึ่งผมไม่รับงานนอก)

ผมก็เลยมีเวลาว่างเยอะ เลยใช้เวลาเดินห้าง เดินร้านหนังสือ จีบสาวที่ยืนอ่านหนังสือในร้านหนังสือ

เดี๋ยวๆ คงจะคิดว่าผมไปแซวเกรียนๆล่ะสิ ป่าวนะครับ ผมต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ5555
ถ้าตัวอย่างคงประมาณว่า..
คุณครับหนังสือเล่มนั้นดีมั้ยครับ (ทำหน้าสนใจ) ผมว่าแน่นอน มันคือการเริ่มต้นการสนทนาที่ดี แสดงความสนใจ ในสิ่งที่อีกฝ่ายสนใจ ^^
กลับมาต่อๆ ผมก็ยังใช้ชีวิตแบบกึ่งสโลว์ไลฟ์ จนวันนึง ผมได้บังเอิญเจอรุ่นน้องคนนึงในเฟสบุ๊ค (คือรักครั้งล่าสึส เอ้ย!! ล่าสุด นั่นเอง)
เป็นรุ่นน้องสมัยมัธยม  ผู้ชายๆหลายๆคนคงมีโมเม้นนี้เหมือนผม "ใครจะไปรู้วะ ว่าโตมันมันจะน่ารักขนาดนี้ อร๊ากกก!!"
แล้วตอนนั้นเพิ่งเป็นเฟรชชี่ แถมเป็นดาวคณะ หนุ่มตามจีบเป็นเข่งๆ แน่ๆ

"ถึงเธอจะไม่ใช่สเปค แต่เธอคือคนที่เจอแล้วสปาร์คครับ" ด้วยความที่ผมมันไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น ผมจึงเริ่มเดินหน้าทักแชทไป 5555
พอเริ่มคุยกันแน่นอน เธอจำผมไม่ได้ ผมอธิบายจนเธอคงพอนึกออกมั้ง
แต่บทสนทนาส่วนใหญ่เธออ่านแล้วไม่ตอบ (มันแสดงให้รู้ว่าเธอไม่ได้สนใจผม)
พอเธอเป็นฝ่ายถามผมบ้าง คำถามแรก.. "พี่ชอบหนูหรอ"โอ้ย ไม่มีผู้หญิงคนไหนตรงขนาดนี้นี่คือคำตอบผม
เหมือน เราทำลายกำแพงกันและกัน เธอขยี้กำแพงผมแค่ประโยคเดียวเลย
เรื่องราวต่อๆ มาเราก็คุยกันมาเรื่อยเปื่อยแหละครับ  
เธอเป็นผู้หญิงตรงๆ รู้สึกยังไงก็พูดเลย ผมชอบมากๆตรงนี้แหละ (ผญ ส่วนใหญ่ เป็นอะไรแล้วไม่พูด)
   ผมก็ไม่รู้ไปทำท่าไหนสุดท้ายมาสนิทกันมากๆ ก็ตอนไลน์เริ่มนิยม และท้ายสุด ผมก็ทิ้งเบอร์ผมให้เธอโทรมา จากนั้นผมก็หายไป เกือบเดือนกว่าจะโทรมา ผมนี่ลุ้นแทบตาย 5555
      พอมีเบอร์ได้คุยกัน ผมยิ่งรู้จักเธอ เธอยิ่งรู้จักผม ชีวิตของผมก็เริ่มเปลี่ยนไป ผมทำความรุ้จักสาวแปลกหน้าน้อยลง คุยกับเด็กๆในสังกัดน้อยลง สนใจเธอมากขึ้น

...ความสัมพันธ์อยู่บนคำว่า พี่น้อง
        ระหว่างนั้นผมกับเธอคุยแทบทุกเรื่อง ทุกอย่างดูไปได้ดี เธอไปไหน อยู่ไหน ก็มักจะถ่ายรูปมาให้ดู ไอ้นั่นสวยมั้ย ไอ้นี่สวยมั้ยก็มักจะให้ผมเลือก (ทำตัวเหมือนแฟนใส่กรูอิก หึหึ)
เรามีเวลาเจอกันบ้างแต่ไม่บ่อยมาก งานผมต้องเข้าออฟฟิตอยู่ตลอด และมันไกลมากจากมหาลัยเธอ
ถ้าเธอกลับบ้านถึงจะได้เจอ บางเดือนก็กลับแค่1-2ครั้ง เธอไม่ได้กินหรูอยู่แพง ชอบให้ผมพาเดิน หาของกินข้างทางมากกว่า (น้ำตาจะไหล เซฟเงินในกระเป๋าได้เยอะ)
           ลึกๆผมก็รู้ว่าจบไม่สวยแน่ๆ ถ้าผมยังไม่ชัด นานแล้วนะที่ผมไม่รู้สึก "ไม่กล้า" แต่ตอนนั้นมันกลับมา
ผมตั้งใจจะบอกระหว่าง เดินไปส่งเธอหน้าบ้าน พอจะบอกว่าความรู้สึกน้องไปตรงๆ ผมเกิดไม่กล้าขึ้นมา กลายเป็นเล่าสิ่งๆนึงในใจไปแทน..
       ถ้ามีแฟนพี่ ตั้งใจว่าจะเป็นแบบพ่อ "ซุปเปอร์คุณพ่อที่ว่าแน่ ก็ยังแพ้มนุษย์เมีย"  ทำไมวะกลัวเมียอ่ะ เท่จะตาย (ผมคิดงี้จริงๆนะ น่ารักดีพ่อแม่ผม เวลาแกล้งกัน)
   การตอบรับจากเธวันนั้นมันคือรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะจากเธอ มันทำให้ความประหม่าผมหายไปหมด (จำบทสนทนาที่ชัดๆไม่ได้ มุขเยอะกันทั้งคู่จำได้ชัดแค่การกระทำ)

เธอ : งั้นหนูเป็นมนุษย์เมียของพี่นะ จะอัดพี่ให้น่วมเลย

ผม :  กลัวจังเลย แล้วผมก็จับแขนแกล้งเหวี่ยง เข้าหาเสาไฟฟ้า (แบบนักมวยปล้ำแต่เบาๆมือ **อันตรายอย่าทำตามถ้าไม่ชำนาญ)

ผมเดินต่อไปแล้วก็หยิบลูกอมในกระเป๋ามาแกะกินหน้าตาเฉย เธอก็วิ่งมาจี้เอวผม

เธอ : เอาลูกอม มากินมั่งเลย ปลอบใจ เด็กสาวผู้เสียขวัญจากการกระทำอันโหดร้าย

ผม : ลูกอมหรอ? สำหรับ...(ชื่อเธอ) ไม่มี!!! (แต่มือก็ล้วงลูกอมมาให้เธอ)

ผม : อ้าวๆ ไหนๆ บอกมาดิ เจอมะกี้เข้าไปจะอัดพี่ท่าไหน 5555(หัวเราแบบตัวโกง)

เธอ : ก็รอพี่หลับ หนูจะเร่งแอร์ แล้วก็รอพี่ห่มผ้า..

*นอกเรื่อง ยิ่งพิมพ์ ยิ่งนึกถึงเรื่องเก่าๆ จากที่เฟลๆ ตอนนี้เริ่มดีขึ้นละ

ผม : เห้ยๆ นี่มันจะอัดหรือจะฆ่ากันฟระ!! อย่าบอกนะว่าหนูไปนั่งถือมีดอยู่มุมห้องอ่ะ

หนู : บ้า!! เห็นหนูชอบความรุนแรงขนาดนั้นรึไง !?

ผม : อ่าวๆ ว่าต่อดิ จะทำไงต่อ

เธอ : ก็พอพี่ห่มผ้านะ หนูก็จะม้วนพี่เข้าไปในผ้าห่มแบบแยมโรล พี่ก็หนีไม่ได้แล้ว แถมตัดเรื่องพละกำลังของพี่ออกไปได้เลย

ผมนึกภาพออกเลยในทันที
ผม : โหย นี่กะจะตีแบบ ไม่ต้องหนี ไม่ต้องสู้เลยช่ะ?

ผม : แต่แผนนี้ มันไม่ได้คิดเมื่อกี้แน่ๆ นี่คิดจะอัดพี่แบบนั้นอยู่ใช่มั้ยถ้ามีโอกาส

เธอ : ก็มีบ้าง เวลาที่พี่กวนๆ แล้วก็ชอบคุยเรื่องสาวๆให้หนูฟัง

บทสนทนาจบแค่นั้นเพราะถึงบ้านเธอแล้ว ผมก็กลับบ้านผม

สุดท้ายก็ไม่ได้บอก.. พอเธอปี2 เธอเรียนหนักขึ้น เวลาเราตรงกันน้อยลงเราคุยกันผ่านไลน์ กับโทรคุย โดย.. ยังไม่ได้ระบุความสัมพันธ์กันแบบชัดเจน
เพราะผมว่า แบบนี้มันดีกว่า เผื่อคนที่ดีกว่าผมเข้ามถ้ามี (คือตอนนั้นมั่นใจสุดๆว่าไม่มีใครในโลกแล้วที่จะทำให้เธอยิ้มและมีความสุขได้เท่าเรา นอกจากพ่อ แม่ เธอ ก็กรูนี่ละว้า)    (ตอนนี้โครต ดาร์ค เลย TT)

  ผมก็เพิ่งเริ่มคิดเรื่องสร้างฐานะ เมื่อประมาณเกือบสองปีก่อน เพราะมันมีตัวอย่างจากเพื่อน โดนทางบ้านฝ่ายหญิงปฏิเสธ สุดท้าย ก็ไปแต่งกับคนรวย
    
     มันทำให้ผมเสียหลัก ผมมีวิธีคิดแบบบ้านๆทั่วไปแล้วใช้มันดำเนินชีวิตมาตลอด คำพูดฮิตๆอ่ะ ""ใช้ชีวิตแบบวันนี้คือวันสุดท้ายอยู่""  แต่ที่ต่างมาหน่อยคือถามตัวเองทุกวันว่า ถ้าตายวันนี้ตอนนี้ ผมจะเสียใจมั้ย  
เนี่ยแหละ
    มาต่อที่เรื่องที่ผมเอาเวลาไปให้งานเพื่อฐานะกัน  ผมอาจจะบ้าก็ได้นะ ผมอยากมีเงินเยอะๆ แต่ยังมีเวลากึ่งสโลว์ไลฟ์อยู่เหมือนเดิมซึ่งมันไม่มีเส้นทางที่ผมจะทำได้ง่าย ถ้าผมจะทำแต่งานผมอาจจะรวยก็จริง แต่ผมคงไม่มีความสุข คงไม่ได้มอบยิ้มให้สาวๆ  ผมเลยทุ่มเวลา เพื่อไปจุดๆนึงเล็กๆ เพื่อจะได้มีเวลาใช้กับเธอเยอะๆ (เธอ ตอนนี้ ยังระบุตัวตนไม่ได้นะ TT )
        อารมณ์ตอนแรกที่พิมพ์คือ เสียใจแบบ อั้นๆประมาณ....(คำอุทาน)มาสรุป ณ ตอนนี้นะครับ เธอมีมนุษย์ผุ้ชายที่ใช้คำว่า"แฟน" แล้ว
        ผู้หญิงคนที่ผมเคยคิดว่า ผมคนเดียวคือตัวความสุขของเค้า คือรอยยิ้มของเค้า มันคงไม่ใช่ผมอีกต่อไปแล้ว
        เรื่องนี่ ไม่รู้นะว่าผมพลาดตรงไหน แล้วแต่คนมอง ถ้าผม ผมจะมองว่า ที่ผมอุตส่าทุ่มเทจนมีพอด ที่สร้างรายได้เกิน เงินเดือนงานประจำของผมได้แล้ว ผมสามารถลาออกจากงานมามีเวลาให้เธอเต็มที่ได้แล้ว แต่มันจะมีประโยชน์อะไรวะ ถ้าไม่มีเธอแล้ว

อาจจะดูน้ำเน่านะ แต่ผมอ่ะ ไม่ได้อยากมอบรอบยิ้มให้ใครไปทั่วหรอก ขอแค่คนๆเดียวยิ้มกับมุขแปกๆของผมไปตลอดก็พอแล้ว
ผมเชื่อและยังเชื่ออยู่นะครับว่า เงินเอาชนะความรู้สึกไม่ได้หรอก ถ้าผู้หญิงรู้สึก"รัก" สิ่งนั้นจะไม่เปลี่ยนไป บทเรียนของผมก็คงไม่แย่ซะทีเดียวนะ พอพิมมาถึงจุดๆนี้แล้ว อย่างน้อย ผมก็กำลังได้ออกจากงานประจำแล้ว แต่ยังมีเงินพอใช้/เดือน พอๆกับทำงานประจำ  
    สุดท้าย การมีเวลาให้กันคือสิ่งจำเป็นกับทุกๆเรื่องครับ ถ้าผมไม่ทุ่มให้งาน ผมก็คงไม่สำเร็จ ถ้าผมไม่ทุ่มให้รัก ผมก็ต้องเสียไป การลงทุนมีความเสี่ยงจริง  

     หวังนะหวังว่าเธอคงไม่ได้เจอกระทู้นี้หรอกมั้งเนอะ เพราะอินเลิฟอยู่นิ ถ้าเจออยากบอกนะว่า เหตุผลว่าทำไมพี่ไม่รับโทรสับ ไม่ตอบแชททุกช่องทาง
พี่เฟดตัวหายไปเฉยๆพอรู้เรื่อง เพราะพี่ให้เกรียติกับแฟนหนูไง พี่ว่ามันคงดูไม่แฟร์ ถ้าพี่ยังติดต่อหนูอยู่ เพราะถ้าแฟนพี่คุยกับผู้ชายอื่นพี่ก็คงไม่ชอบหรอก
หนูไม่ผิดนะ เรื่องนี่ไม่มีใครผิด วินๆ ถ้าพี่เป็นหนู คงจะมีคนคุยก็ปกติ จะคบกับใครก็ปกติแหละ ยิ่งเราไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย แฟนก็ไม่ใช่ ครั้งสุดท้ายที่คุยเรื่องนี้กันคือตอนแรกนิเนอะว่า "พี่-น้อง" งั้นพี่อวยพรให้มีความสุขมากนะ
ฝากถึงแฟนหนูด้วยว่า พี่โอเคร แต่ถ้าทำหนูเสียใจ พี่จะไปตบมันเกรียนแตกแน่




*** เพิ่มเติมที่บอกว่าจำการกระทำได้ ในตัวอย่างบทสนทนาเนี่ยเพราะ เพราะ.. ผมใช้ประจำกับสาวๆหลายคนมันเป็นสตอรี่ ที่จะสร้างความทรงจำให้ผมคิดถึงเธอแล้วยิ้ม และผมก็หวังว่าเธอจะคิดถึงผมแล้วยิ้ม(อย่ามองผมเลวนะ ผมคบทีละคน เรื่องคบซ้อนแค่สมัยมัธยม และผมไม่เคยเล่นกับความรู้สึกใคร ผมจริงใจกับคนที่ผมคบด้วยเสมอ)
อย่าสงสัย ว่าผมมีแฟนมาแล้วกี่คน สำหรับคนอื่น จำนวนมันคือเรื่องที่เอาไว้อวดเท่ๆ แต่สำหรับผม มันคือตัวบอก รักที่ผิดพลาด ผมตั้งใจจะไม่ยอมให้มันต้องจบกับเรื่องเดิม
- ฝากถึงผู้ชาย  อย่ามัวโทดปัจจัยภายนอกครับ ถ้าติดเกม มีแฟนกี่คนไม่เลิก ก็อย่าถามครับ โทดตัวเองไว้หล่อดี ถึงใครไม่รู้เราก็รู้ 5555
- ฝากถึงสาวๆ ระวังตัวไว้คุณอาจจะเจอผม ตามร้านหนังสือ นะครับ 555555  เมี๊ยวววว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่