บอกกล่าว: เรื่องนี้ มีลักษณะเป็นนิยายขนาดสั้น หรือ Novella เลยแท็กทั้งเรื่องสั้นและนิยาย เป็นเหตุการณ์ที่สมมุติขึ้น แต่อาจมีการอ้างอิงบุคคลหรือสถานที่จริงอยู่บ้าง เนื้อหาอาจไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชน เพราะมีเรื่องของความรุนแรงอยู่พอสมควร และมีการพูดถึงความสัมพันธ์ของตัวละครที่เป็นผู้ชายด้วยกัน ต้องขออภัยเอาไว้ล่วงหน้า และขอบคุณสำหรับการติดตามด้วยค่ะ
--------------------------------------------------------------------------
(4)
เจอร์มินสตรีท, ลอนดอน, ปลายเดือนกรกฎาคม 1889
ถนนเจอร์มินอยู่เขตเซนต์เจมส์ใจกลางกรุงลอนดอน อันเป็นแหล่งที่พักอาศัยของชนชั้นขุนนาง นักธุรกิจ และผู้มีอันจะกินทั้งหลาย และเป็นแหล่งกำเนิดของสโมสรสำหรับสุภาพบุรุษซึ่งเฟื่องฟูเป็นอย่างมากในปัจจุบัน จนกระทั่งมีคนเรียกขานย่านนี้ว่า ‘คลับแลนด์’ หรือ ‘ดินแดนสโมสร’ เพราะมีสโมสรสำหรับสุภาพบุรุษกระจายตัวอยู่ในย่านนี้เป็นจำนวนมาก ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องหรือที่สามารถตอบสนองรสนิยมของสุภาพบุรุษทั้งหลายจึงเกิดขึ้นเป็นเงาตามตัว ไม่ว่าจะเป็นร้านตัดเสื้อและเครื่องแบบทหาร ตัดรองเท้าและบู๊ต ร้านขายยาสูบและซิการ์ อุปกรณ์อันเกี่ยวเนื่องกับการดูแลตนเองและเครื่องใช้อื่น ๆ เช่น ปกคอเสื้อ สายรั้งกางเกง น้ำหอมและโคโลญน์ รวมไปถึงการบริการอื่น ๆ อย่างโรงละคร และโรงอาบน้ำตุรกีอันเป็นสถานที่ซึ่งแอนโธนี เกรเซียนนัดพบ นพ. โทเบียส ฟอล์กเนอร์ในช่วงเย็นวันนี้
เดิมที เราตกลงกันว่าจะมาด้วยกันสองคน เว้นเสียแต่ข้าพเจ้าจะติดทำคดีอื่น ๆ แต่ท้ายที่สุด คนที่ติดธุระจนไม่สามารถมาตามนัดหมายได้กลับกลายเป็นฝ่าย นพ. ฟอล์กเนอร์ เนื่องจากต้องไปช่วยงานอาจารย์ที่เคยสอนด้านศัลยศาสตร์และกรณีที่ทำอยู่ไม่อาจปลีกตัวออกมาตามนัด เมื่อข้าพเจ้าส่งข้อความไปถึงแอนโธนี เกรเซียนเพื่อสอบถามว่า จะยกเลิกนัดหรือไม่ เขาก็ตอบกลับมาว่า ให้คงการนัดหมายดังเดิม ข้าพเจ้าจึงต้องมายังถนนเจอร์มินตามลำพัง
พูดกันตามตรง ข้าพเจ้าไม่เคยสนใจสิ่งที่เรียกว่า ‘โรงอาบน้ำตุรกี’ เลยแม้แต่น้อย และมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้น้อยมาก เพราะออกจะเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยเกินไปสำหรับคนอย่างข้าพเจ้าซึ่งเป็นชนชั้นกลางธรรมดาคนหนึ่ง แม้จะไม่ใช่บุคคลประเภทที่ต้องหาเช้ากินค่ำก็ตาม
โรงอาบน้ำตุรีกีที่อาคารหมายเลขเจ็ดสิบหกถนนเจอร์มิน ดูเผิน ๆ ก็เหมือนกับอาคารทั่วไปที่ตั้งอยู่บนถนนสายเดียวกัน ต่างจากอาคารอื่นไปเล็กน้อยตรงที่ส่วนระเบียง เสา และบันไดด้านหน้ามีโครงสร้างทำจากไม้เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากยังวันอยู่จึงมีคนเข้าออกจากสถานที่แห่งนั้นไม่มาก ทั้งหมดล้วนแต่เป็นสุภาพบุรุษที่แต่งกายอย่างภูมิฐาน มีฐานะทั้งสิ้น เสียงสนทนาที่แว่วมาเข้าหูล้วนแต่เป็นเรื่องธุรกิจ ศิลปะ หรือสิ่งใดก็แล้วแต่ที่ไม่อยู่ในชีวิตประจำวันของข้าพเจ้า ในเวลานี้ ข้าพเจ้าจึงได้แต่ยืนเป็นเบื้อใบ้ทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าอาคาร
ระหว่างยืนเก้ ๆ กัง ๆ ชั่งใจอยู่ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ตรงไหน เสียงทักที่มาจากทางด้านหลังก็ดังขึ้นเหมือนระฆังช่วย
“สารวัตรเฟย์” แอนโธนี เกรเซียนร้องทัก และแง้มปีกหมวกให้ข้าพเจ้าเป็นการทักทาย “รอนานหรือเปล่าครับ”
ข้าพเจ้าค้อมศีรษะทักทายเขาตอบ “ไม่เลย คุณเกรเซียน ผมเพิ่งมาก่อนคุณมาถึงเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น”
เมื่ออยู่กลางแจ้ง ได้สังเกตดูบุคคลที่ขอนัดพบอย่างถนัดตาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ข้าพเจ้าพบว่า การแต่งกายของเขาเป็นแบบทันสมัย ตัดเย็บอย่างประณีตจากร้านตัดเสื้อสุภาพบุรุษในย่านถนนเจอร์มินหรือเซวิลโรว์ กิริยามารยาทและสำเนียงพูดของเขาเป็นสำเนียงของสุภาพบุรุษที่มีการศึกษาโดยแท้ ไม่เหลือเค้าของเด็กหนุ่มชั้นแรงงานจากชุมชนแออัดในอีสต์เอนด์ที่ผู้คนพูดกันด้วยสำเนียงค็อกนีย์ นั่นแสดงให้เห็นว่า ผู้อุปถัมภ์ของเขา โดยเฉพาะเซอร์เอ็ดเวิร์ด สแตนตันได้จับแมวจรที่อยู่ตามท้องถนนมาล้างคราบโคลนย้อมขนใหม่ให้เป็นแมวบ้านที่สะอาดสะอ้านงดงามอย่างหมดจดได้อย่างน่าทึ่ง
“เข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ” แอนโธนี เกรเซียนเสนอ
น้ำเสียงของเขาอาจฟังดูร่าเริง แต่หูของข้าพเจ้าจับได้ว่ามันเป็นการประดิษฐ์เพื่อให้ประทับใจ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดร่องรอยความผิดหวังไม่มิด ซึ่งข้าพเจ้าเข้าใจดีว่า คนที่เขาอยากพบ คือ นพ. ฟอล์กเนอร์ มิใช่ข้าพเจ้า โดยมารยาทแล้ว ข้าพเจ้าควรเป็นฝ่ายขอตัว แต่เพราะความจำเป็นและตระหนักดีว่า โอกาสที่จะได้พูดจากับเขาตามลำพังเป็นการส่วนตัว ซึ่งน่าจะทำให้ได้ข้อมูลบางอย่างมากกว่า ข้าพเจ้าไม่อาจทิ้งโอกาสในการสอบถามเรื่องของจิมมี่ ซัลลิแวนและข้อสงสัยอื่นเกี่ยวกับตัวเขาไปได้ และบอกให้เขาเดินนำข้าพเจ้าขึ้นบันไดเข้าไปในตัวอาคาร
แม้จะพยายามรักษากิริยาให้เป็นปกติ แต่ความอึดอัดและประหม่าที่เคยเกิดขึ้นนานมาแล้ว เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานสังคมในลอนดอนเป็นครั้งแรกก็หวนกลับมาในความรู้สึกของข้าพเจ้าอีกครั้ง และยิ่งทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตนเองกลายเป็นบุคคลที่อยู่ผิดที่ผิดทางที่สุดในโรงอาบน้ำตุรกี
นอกจากคนที่เชิญแล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่รู้จักใครและไม่รู้จะวางตัวอย่างไร จนแวบหนึ่ง ข้าพเจ้าอดคิดไม่ได้ว่า หาก นพ. ฟอล์กเนอร์ตามมาทันก็คงจะดี แต่สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าทำได้ในตอนนั้น คือ คอยสังเกตเอาเองว่า ผู้คนที่นั่นปฏิบัติกันอย่างไร
ข้าพเจ้าไม่ได้ขัดเขินกับการต้องผลัดเสื้อผ้าแบบเต็มยศเป็นผ้านุ่งลายตารางที่ใช้พันท่อนล่างเพียงผืนเดียว ด้วยพนักงานชาวตะวันออกกลางและผู้ที่มารับบริการที่นี่ล้วนแต่งกายไม่ต่างกันและเป็นผู้ชายเหมือนกันหมด แต่สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าอึดอัด คือ การมีคนคอยบริการราวกับเป็นคนรับใช้ส่วนตัวอย่างไรอย่างนั้นเสียมากกว่า แต่ดูเหมือนว่า ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ดูจะคุ้นชินกับการได้รับความเอาใจใส่เช่นนี้เป็นอย่างดี
เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและนำข้าวของส่วนตัวไปฝากกับผู้ที่ทำหน้าที่เก็บรักษาเรียบร้อยแล้ว พนักงานชาวตุรกีร่างสูงใหญ่ ขนดก ไว้หนวดดัดโง้งเหนือริมฝีปากนำออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไป พร้อมกับแอนโธนี เกรเซียนที่แต่งกายเช่นเดียวกัน แต่ใช้ผ้าเช็ดตัวอีกผืนหนึ่งห่มพันท่อนบนด้วยอีกผืนหนึ่ง ก่อนที่พนักงานจะนำเราเข้าไปยังส่วนที่เรียกว่า ห้องร้อน
Turkish Bath at 76 Jermyn Street, London (1870s)
ภาพที่ปรากฏต่อสายตาทำให้ข้าพเจ้าตะลึงจ้องมองทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้า รู้สึกเหมือนตนเองตกไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง
เหนือศีรษะของข้าพเจ้า คือ หลังคาที่ทำเป็นโดมโค้งยอดแหลม มีช่องรับแสงเป็นกระจกลายกุหลาบให้แสงสว่างจากธรรมชาติส่องผ่านม่านไอน้ำลงมาเบื้องล่างและสะท้อนกระทบผนังกระเบื้องและเสาซุ้มโค้งแบบตะวันออกกลางที่เรียงรายอยู่ตลอดแนวโถงยาวนั้น ตรงกลางห้องเป็นแท่นหินอ่อนใหญ่พอสำหรับหลายคนจะนั่งหรือนอนอยู่ตรงนั้นตามแต่ความสบายของตนเอง ระหว่างต้นเสาสูงตระหง่าน มีพื้นที่ที่ถูกแบ่งออกเป็นช่อง มีที่นั่งและแท่นนอนทำจากหินเรียงกันอยู่ และมีความเป็นส่วนตัวพอสมควร
ทั่วทั้งบริเวณมีไอร้อนอบอวลไปทั่ว และเมื่อยืนอยู่ครู่หนึ่ง ข้าพเจ้าก็รู้สึกได้ทันทีว่า เหงื่อเริ่มหยดซึมออกมาตามร่างกาย เพราะความร้อนภายในอาคาร ทว่าไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะเหมือนตอนออกแรงเล่นกีฬาหรือทำงานหนัก แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ไม่ธรรมชาติ และข้าพเจ้าก็ไม่ชอบเอาเสียเลย
อีกไม่กี่นาทีต่อมา ข้าพเจ้าได้ค้นพบสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าอึดอัดยิ่งกว่า คือ การพบว่าแอนโธนี เกรเซียนกำลังจับจ้องสำรวจข้าพเจ้าตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ด้วยสายตาที่ข้าพเจ้าไม่คุ้นเคยและไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่า เขามองข้าพเจ้าด้วยความรู้สึกอย่างไร เมื่อเขาเห็นว่า ข้าพเจ้าสังเกตเห็นการกระทำของเขาแล้ว เขาเสมองไปทางอื่นเล็กน้อย และดูจะโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อข้าพเจ้าแสร้งทำเป็นไม่เห็น และเริ่มต้นสนทนาด้วยการเอ่ยขอให้เขาแนะนำเรื่องโรงอาบน้ำตุรกี ก่อนบอกให้ข้าพเจ้าตามเขาไปด้วยท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน
(มีต่อนะคะ)
Dark Tales of London: เหตุอื้อฉาวที่ถนนคลีฟแลนด์ (ตอนที่ 4)
ตอนที่ 1 : http://ppantip.com/topic/33341470
ตอนที่ 2 : http://ppantip.com/topic/33408446
ตอนที่ 3 : http://ppantip.com/topic/33467802
บอกกล่าว: เรื่องนี้ มีลักษณะเป็นนิยายขนาดสั้น หรือ Novella เลยแท็กทั้งเรื่องสั้นและนิยาย เป็นเหตุการณ์ที่สมมุติขึ้น แต่อาจมีการอ้างอิงบุคคลหรือสถานที่จริงอยู่บ้าง เนื้อหาอาจไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชน เพราะมีเรื่องของความรุนแรงอยู่พอสมควร และมีการพูดถึงความสัมพันธ์ของตัวละครที่เป็นผู้ชายด้วยกัน ต้องขออภัยเอาไว้ล่วงหน้า และขอบคุณสำหรับการติดตามด้วยค่ะ
เดิมที เราตกลงกันว่าจะมาด้วยกันสองคน เว้นเสียแต่ข้าพเจ้าจะติดทำคดีอื่น ๆ แต่ท้ายที่สุด คนที่ติดธุระจนไม่สามารถมาตามนัดหมายได้กลับกลายเป็นฝ่าย นพ. ฟอล์กเนอร์ เนื่องจากต้องไปช่วยงานอาจารย์ที่เคยสอนด้านศัลยศาสตร์และกรณีที่ทำอยู่ไม่อาจปลีกตัวออกมาตามนัด เมื่อข้าพเจ้าส่งข้อความไปถึงแอนโธนี เกรเซียนเพื่อสอบถามว่า จะยกเลิกนัดหรือไม่ เขาก็ตอบกลับมาว่า ให้คงการนัดหมายดังเดิม ข้าพเจ้าจึงต้องมายังถนนเจอร์มินตามลำพัง
พูดกันตามตรง ข้าพเจ้าไม่เคยสนใจสิ่งที่เรียกว่า ‘โรงอาบน้ำตุรกี’ เลยแม้แต่น้อย และมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้น้อยมาก เพราะออกจะเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยเกินไปสำหรับคนอย่างข้าพเจ้าซึ่งเป็นชนชั้นกลางธรรมดาคนหนึ่ง แม้จะไม่ใช่บุคคลประเภทที่ต้องหาเช้ากินค่ำก็ตาม
โรงอาบน้ำตุรีกีที่อาคารหมายเลขเจ็ดสิบหกถนนเจอร์มิน ดูเผิน ๆ ก็เหมือนกับอาคารทั่วไปที่ตั้งอยู่บนถนนสายเดียวกัน ต่างจากอาคารอื่นไปเล็กน้อยตรงที่ส่วนระเบียง เสา และบันไดด้านหน้ามีโครงสร้างทำจากไม้เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากยังวันอยู่จึงมีคนเข้าออกจากสถานที่แห่งนั้นไม่มาก ทั้งหมดล้วนแต่เป็นสุภาพบุรุษที่แต่งกายอย่างภูมิฐาน มีฐานะทั้งสิ้น เสียงสนทนาที่แว่วมาเข้าหูล้วนแต่เป็นเรื่องธุรกิจ ศิลปะ หรือสิ่งใดก็แล้วแต่ที่ไม่อยู่ในชีวิตประจำวันของข้าพเจ้า ในเวลานี้ ข้าพเจ้าจึงได้แต่ยืนเป็นเบื้อใบ้ทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าอาคาร
ระหว่างยืนเก้ ๆ กัง ๆ ชั่งใจอยู่ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ตรงไหน เสียงทักที่มาจากทางด้านหลังก็ดังขึ้นเหมือนระฆังช่วย
“สารวัตรเฟย์” แอนโธนี เกรเซียนร้องทัก และแง้มปีกหมวกให้ข้าพเจ้าเป็นการทักทาย “รอนานหรือเปล่าครับ”
ข้าพเจ้าค้อมศีรษะทักทายเขาตอบ “ไม่เลย คุณเกรเซียน ผมเพิ่งมาก่อนคุณมาถึงเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น”
เมื่ออยู่กลางแจ้ง ได้สังเกตดูบุคคลที่ขอนัดพบอย่างถนัดตาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ข้าพเจ้าพบว่า การแต่งกายของเขาเป็นแบบทันสมัย ตัดเย็บอย่างประณีตจากร้านตัดเสื้อสุภาพบุรุษในย่านถนนเจอร์มินหรือเซวิลโรว์ กิริยามารยาทและสำเนียงพูดของเขาเป็นสำเนียงของสุภาพบุรุษที่มีการศึกษาโดยแท้ ไม่เหลือเค้าของเด็กหนุ่มชั้นแรงงานจากชุมชนแออัดในอีสต์เอนด์ที่ผู้คนพูดกันด้วยสำเนียงค็อกนีย์ นั่นแสดงให้เห็นว่า ผู้อุปถัมภ์ของเขา โดยเฉพาะเซอร์เอ็ดเวิร์ด สแตนตันได้จับแมวจรที่อยู่ตามท้องถนนมาล้างคราบโคลนย้อมขนใหม่ให้เป็นแมวบ้านที่สะอาดสะอ้านงดงามอย่างหมดจดได้อย่างน่าทึ่ง
“เข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ” แอนโธนี เกรเซียนเสนอ
น้ำเสียงของเขาอาจฟังดูร่าเริง แต่หูของข้าพเจ้าจับได้ว่ามันเป็นการประดิษฐ์เพื่อให้ประทับใจ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดร่องรอยความผิดหวังไม่มิด ซึ่งข้าพเจ้าเข้าใจดีว่า คนที่เขาอยากพบ คือ นพ. ฟอล์กเนอร์ มิใช่ข้าพเจ้า โดยมารยาทแล้ว ข้าพเจ้าควรเป็นฝ่ายขอตัว แต่เพราะความจำเป็นและตระหนักดีว่า โอกาสที่จะได้พูดจากับเขาตามลำพังเป็นการส่วนตัว ซึ่งน่าจะทำให้ได้ข้อมูลบางอย่างมากกว่า ข้าพเจ้าไม่อาจทิ้งโอกาสในการสอบถามเรื่องของจิมมี่ ซัลลิแวนและข้อสงสัยอื่นเกี่ยวกับตัวเขาไปได้ และบอกให้เขาเดินนำข้าพเจ้าขึ้นบันไดเข้าไปในตัวอาคาร
แม้จะพยายามรักษากิริยาให้เป็นปกติ แต่ความอึดอัดและประหม่าที่เคยเกิดขึ้นนานมาแล้ว เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานสังคมในลอนดอนเป็นครั้งแรกก็หวนกลับมาในความรู้สึกของข้าพเจ้าอีกครั้ง และยิ่งทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตนเองกลายเป็นบุคคลที่อยู่ผิดที่ผิดทางที่สุดในโรงอาบน้ำตุรกี
นอกจากคนที่เชิญแล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่รู้จักใครและไม่รู้จะวางตัวอย่างไร จนแวบหนึ่ง ข้าพเจ้าอดคิดไม่ได้ว่า หาก นพ. ฟอล์กเนอร์ตามมาทันก็คงจะดี แต่สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าทำได้ในตอนนั้น คือ คอยสังเกตเอาเองว่า ผู้คนที่นั่นปฏิบัติกันอย่างไร
ข้าพเจ้าไม่ได้ขัดเขินกับการต้องผลัดเสื้อผ้าแบบเต็มยศเป็นผ้านุ่งลายตารางที่ใช้พันท่อนล่างเพียงผืนเดียว ด้วยพนักงานชาวตะวันออกกลางและผู้ที่มารับบริการที่นี่ล้วนแต่งกายไม่ต่างกันและเป็นผู้ชายเหมือนกันหมด แต่สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าอึดอัด คือ การมีคนคอยบริการราวกับเป็นคนรับใช้ส่วนตัวอย่างไรอย่างนั้นเสียมากกว่า แต่ดูเหมือนว่า ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ดูจะคุ้นชินกับการได้รับความเอาใจใส่เช่นนี้เป็นอย่างดี
เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและนำข้าวของส่วนตัวไปฝากกับผู้ที่ทำหน้าที่เก็บรักษาเรียบร้อยแล้ว พนักงานชาวตุรกีร่างสูงใหญ่ ขนดก ไว้หนวดดัดโง้งเหนือริมฝีปากนำออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไป พร้อมกับแอนโธนี เกรเซียนที่แต่งกายเช่นเดียวกัน แต่ใช้ผ้าเช็ดตัวอีกผืนหนึ่งห่มพันท่อนบนด้วยอีกผืนหนึ่ง ก่อนที่พนักงานจะนำเราเข้าไปยังส่วนที่เรียกว่า ห้องร้อน
Turkish Bath at 76 Jermyn Street, London (1870s)
เหนือศีรษะของข้าพเจ้า คือ หลังคาที่ทำเป็นโดมโค้งยอดแหลม มีช่องรับแสงเป็นกระจกลายกุหลาบให้แสงสว่างจากธรรมชาติส่องผ่านม่านไอน้ำลงมาเบื้องล่างและสะท้อนกระทบผนังกระเบื้องและเสาซุ้มโค้งแบบตะวันออกกลางที่เรียงรายอยู่ตลอดแนวโถงยาวนั้น ตรงกลางห้องเป็นแท่นหินอ่อนใหญ่พอสำหรับหลายคนจะนั่งหรือนอนอยู่ตรงนั้นตามแต่ความสบายของตนเอง ระหว่างต้นเสาสูงตระหง่าน มีพื้นที่ที่ถูกแบ่งออกเป็นช่อง มีที่นั่งและแท่นนอนทำจากหินเรียงกันอยู่ และมีความเป็นส่วนตัวพอสมควร
ทั่วทั้งบริเวณมีไอร้อนอบอวลไปทั่ว และเมื่อยืนอยู่ครู่หนึ่ง ข้าพเจ้าก็รู้สึกได้ทันทีว่า เหงื่อเริ่มหยดซึมออกมาตามร่างกาย เพราะความร้อนภายในอาคาร ทว่าไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะเหมือนตอนออกแรงเล่นกีฬาหรือทำงานหนัก แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ไม่ธรรมชาติ และข้าพเจ้าก็ไม่ชอบเอาเสียเลย
อีกไม่กี่นาทีต่อมา ข้าพเจ้าได้ค้นพบสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าอึดอัดยิ่งกว่า คือ การพบว่าแอนโธนี เกรเซียนกำลังจับจ้องสำรวจข้าพเจ้าตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ด้วยสายตาที่ข้าพเจ้าไม่คุ้นเคยและไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่า เขามองข้าพเจ้าด้วยความรู้สึกอย่างไร เมื่อเขาเห็นว่า ข้าพเจ้าสังเกตเห็นการกระทำของเขาแล้ว เขาเสมองไปทางอื่นเล็กน้อย และดูจะโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อข้าพเจ้าแสร้งทำเป็นไม่เห็น และเริ่มต้นสนทนาด้วยการเอ่ยขอให้เขาแนะนำเรื่องโรงอาบน้ำตุรกี ก่อนบอกให้ข้าพเจ้าตามเขาไปด้วยท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน
(มีต่อนะคะ)