นัทเองค่ะ นัทตี้เทรนฮาร์ด
บทความนี้จะเปลี่ยนชีวิตของหลายคน 😊
ยาวหน่อยนะ แต่ถ้าตั้งใจอ่าน ทำความเข้าใจกับมันรับรองชีวิตเปลี่ยน ผอมลงแน่ๆ
ทำไมบางคนกินคลีนหรือกินอาหารน้อยลงกว่าที่ร่างกายต้องการและออกกำลังกายเป็นประจำ ทำทุกวิถีทาง แล้วน้ำหนัก(ไขมัน)ถึงไม่ลงสักที
คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าการจะลดน้ำหนักคือต้องกินอาหารให้น้อยลง เพราะคิดว่าการกินน้อยจะทำให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้ เพราะฉะนั้นน้ำหนักต้องลดแน่นอน คนส่วนใหญ่จึงเลือกวิธีนี้เพราะมันไม่เหนื่อยไง อยากจะบอกว่าน้ำหนักมันลดค่ะ แต่มันลดแค่ช่วงแรกแล้วต่อไปถึงคุณจะกินน้อย ต่อให้ออกกำลังกายมากด้วยอะ น้ำหนักมันก็ไม่ลดอีกแล้ว แถมยังต้องสูญเสียกล้ามเนื้อและระบบต่างๆ เช่น ในผู้หญิงก็คือประจำเดือนจะมาไม่ตรงเวลา หรือกระดูกพรุนประมาณเนี่ยค่ะ แต่ถ้าวันนึงเกิดท้อขึ้นมา กลับมากินเยอะเหมือนเดิมก็จะเข้าสู่โยโย่เอฟเฟค (โยโย่เอฟเฟค
https://www.facebook.com/trainhardlookhotbynattie/posts/928137523891906:0 )
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่าร่างกายมันมีกลไก นึงที่เรียกว่า homeostasis หรือ ภาวะสมดุลอยู่ค่ะ หรือนัทชอบเรียกว่า safe mode คือวิธีการที่ทำให้ร่างกายอยู่ได้อย่างเป็นปกติที่สุดในทุกสภาวะ
เจ้าภาวะสมดุลเนี่ยแหละมันเป็นตัวที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถเบิร์นไขมันออกไปใช้ได้ เนื่องจาก ถ้าขาดอาหารมากร่างกายจะพยายามรักษาไขมันซึ่งเป็นแหล่งพลังงานเอาไว้ เพราะว่าร่างกายมันกลัวว่าจะไม่มีพลังงานในการดำเนินชีวิต หรือพูดง่ายๆ คือมันกลัวตายนั่นเอง ไขมันจึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่มันจะกำจัดทิ้ง เพราะเซลล์ไขมันไม่ต้องใช้พลังงาน จำได้มั้ยที่นัทเขียนจากบทความที่แล้ว (ยิ่งกินยิ่งผอม
https://www.facebook.com/trainhardlookhotbynattie/posts/1003398926365765:0 )
เพราะฉะนั้นเราจะทำยังไงเพื่อทำให้ร่างกายมันเบิร์นหรือดึงไขมันออกมาใช้ล่ะ
อย่างแรกเลยเราต้องกินค่ะ
กินให้พอดี เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์มากกว่าอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และกินให้ครบทั้ง 5 หมู่ห้ามขาดหมู่ใดหมู่หนึ่ง คนมักจะเข้าใจผิดว่าต้องลดแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตเยอะๆ เพราะถูกสอนมาว่ากินแป้งแล้วอ้วน คือคิดผิดมหาศาล นัทเคยเขียนเรื่องความสำคัญของคาร์โบไฮเดรตต่อร่างกายไว้แล้วลองเข้าไปอ่านดู (อยากลดความอ้วนก็กินคาร์โบไฮเดรตได้
https://www.facebook.com/trainhardlookhotbynattie/posts/918876904817968:0 )
การลดคาร์โบไฮเดรตมากๆเค้าจะทำตอนประกวดเพาะกายเท่านั้นแหละค่ะ ประกวดเสร็จเค้าก็กินเหมือนเดิม แล้วเราเป็นคนธรรมดาๆ จะไปลดคาร์บเยอะๆให้ร่างกายมันขาดสมดุลทำไม
รู้มั้ยว่าในวันๆนึง เราต้องกินหรือได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตให้ได้ประมาณ 50% ของพลังงานทั้งหมดที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันเลยนะ
นอกจากกินให้ดีๆ ถ้าคลีนได้ยิ่งดี และพอดีกับที่ร่างกายต้องการแล้ว อย่างที่ 2 คือ เราต้องกินให้ปริมาณเท่าๆกันในทุกวันด้วยนะคะ อย่างเช่น ถ้ากินวันละ 1700 แคลก็ต้องกินแบบนั้นไปช่วงนึงเลย อาจจะประมาณ 1 เดือน แล้วจะเข้าสู่โปรแกรมไดเอตแบบไหนต่อค่อยว่ากัน
เห็นหลายคนเป็นเลย พอฮึดขึ้นมาก็ไดเอต กินคลีน ทำไปได้ซัก 5 วันก็ล้มเลิก แล้วก็กลับมากินไม่คลีน กินเยอะเหมือนเดิม พอรู้สึกว่ามันไม่ดี ก็กลับไปไดเอตใหม่
นัทอยากบอกว่า 5 วันที่ไดเอ็ดไปไม่มีความหมายเลยค่ะ เพราะภาวะสมดุลมันทำงานของมันอยู่
ตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นคือ สมมุติว่าเราอยู่ฮาวายอากาศร้อน ร่างกายก็จะชินกับอากาศร้อน พอเราไปขั้วโลกเหนือ ไปถึงเราจะรู้สึกหนาวมาก เพราะว่าร่างกายเราชินกับอากาศร้อน แต่ถ้าเราอยู่ขั้วโลกเหนือได้ระยะนึง เราก็จะมีความรู้สึกว่ามันไม่ได้หนาวเหมือนตอนแรกที่เรามาถึง นั่นคือร่างกายมันปรับตัวได้แล้วค่ะ
แต่ในทางตรงข้าม ถ้าเราบินไปบินมา เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวทุกวัน ร่างกายมันจะไม่ปรับตัวค่ะ เพราะกำลังจะปรับตัวก็อากาศเปลี่ยนอีกแล้ว มันไม่รู้จะปรับไปทำไม ปรับไปในทางไหน
เช่นเดียวกับการกินค่ะ ถึงแม้เรากินอาหารค่อนข้างจะคลีนหรือเลือกที่มีประโยชน์ก็จริง แต่เราเดี๋ยวกินน้อย เดี๋ยวกินเยอะ เดี๋ยวกินน้อย เดี๋ยวกินเยอะ ร่างกายมันจะงงค่ะ เทรนเนอร์บอก 555 มันจะไม่รู้ว่าตกลงจะต้องให้เผาผลาญไขมันที่สะสมไว้ หรือจะต้องเก็บไขมันไว้ดี เพราะบางวันก็ขาด บางวันก็เกิน มันจะคิดว่านี่คือเรื่องปกติของเรา มันจะอยู่เฉยๆ ของมันไปแบบนี้ เพราะมันก็มีชีวิตอยู่รอดได้ โดยที่ไม่ต้องจัดการอะไร
แต่ในทางตรงข้ามถ้าเรากินโดยการให้ปริมาณแคลอรี่เท่าๆกันทุกวันไปช่วงหนึ่ง โดยที่เรากินน้อยกว่าแคลลอรี่ที่ต้องใช้ในแต่ละวันนิดหน่อย อย่าไปกินน้อยเกิน เดี๋ยวจะโยโย่ และเราก็ออกกำลังกายด้วย คราวนี้แหละร่างกายมันจะจำได้ เพราะมันได้อาหารหรือพลังงานเท่ากันทุกวัน และพลังงานก็ไม่พอใช้เหมือนเดิมทุกวัน ตอนนี้แหละมันจะดึงพลังงานสำรองหรือไขมันมาใช้ค่ะ เข้าใจยังคะ
นัทโดนเทรนเนอร์ว่าประจำเลย เรื่องกินอาหารแบบแคลไม่นิ่ง บางวันกินมาก บางวันกินน้อย ร่างกายเลยพัฒนาไม่ค่อยได้ มันงง ถ้ามันพูดได้มันคงบอกว่า "ตกลงแกจะไดเอตหรือจะ bulk กันแน่ฟระ" 😂😂😂 แต่กิจวัตรประจำวันของนัทมันยากมากเลยที่จะให้กินแบบแคลนิ่งๆ เพราะนัททำงานไม่เป็นเวลา แต่คราวนี้จะตั้งใจใหม่แล้ว คนที่ทำงานเป็นเวลาสบายเลย พยายามเข้านะ
สู้ไปด้วยกันฮะ
นัท
เข้าไปคุยกันได้ที่เพจนัทนะคะ เข้าเฟสบุค พิมพ์ train hard look hot by nattie
https://www.facebook.com/trainhardlookhotbynattie
Instagram @nattietrainhard
YouTube nattie trainhard
เคยสงสัยมั้ยคะว่าทำไมกินคลีนหรือกินน้อยและออกกำลังกายแล้วทำไมยังอ้วนเหมือนเดิม
นัทเองค่ะ นัทตี้เทรนฮาร์ด
บทความนี้จะเปลี่ยนชีวิตของหลายคน 😊
ยาวหน่อยนะ แต่ถ้าตั้งใจอ่าน ทำความเข้าใจกับมันรับรองชีวิตเปลี่ยน ผอมลงแน่ๆ
ทำไมบางคนกินคลีนหรือกินอาหารน้อยลงกว่าที่ร่างกายต้องการและออกกำลังกายเป็นประจำ ทำทุกวิถีทาง แล้วน้ำหนัก(ไขมัน)ถึงไม่ลงสักที
คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าการจะลดน้ำหนักคือต้องกินอาหารให้น้อยลง เพราะคิดว่าการกินน้อยจะทำให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้ เพราะฉะนั้นน้ำหนักต้องลดแน่นอน คนส่วนใหญ่จึงเลือกวิธีนี้เพราะมันไม่เหนื่อยไง อยากจะบอกว่าน้ำหนักมันลดค่ะ แต่มันลดแค่ช่วงแรกแล้วต่อไปถึงคุณจะกินน้อย ต่อให้ออกกำลังกายมากด้วยอะ น้ำหนักมันก็ไม่ลดอีกแล้ว แถมยังต้องสูญเสียกล้ามเนื้อและระบบต่างๆ เช่น ในผู้หญิงก็คือประจำเดือนจะมาไม่ตรงเวลา หรือกระดูกพรุนประมาณเนี่ยค่ะ แต่ถ้าวันนึงเกิดท้อขึ้นมา กลับมากินเยอะเหมือนเดิมก็จะเข้าสู่โยโย่เอฟเฟค (โยโย่เอฟเฟค https://www.facebook.com/trainhardlookhotbynattie/posts/928137523891906:0 )
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่าร่างกายมันมีกลไก นึงที่เรียกว่า homeostasis หรือ ภาวะสมดุลอยู่ค่ะ หรือนัทชอบเรียกว่า safe mode คือวิธีการที่ทำให้ร่างกายอยู่ได้อย่างเป็นปกติที่สุดในทุกสภาวะ
เจ้าภาวะสมดุลเนี่ยแหละมันเป็นตัวที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถเบิร์นไขมันออกไปใช้ได้ เนื่องจาก ถ้าขาดอาหารมากร่างกายจะพยายามรักษาไขมันซึ่งเป็นแหล่งพลังงานเอาไว้ เพราะว่าร่างกายมันกลัวว่าจะไม่มีพลังงานในการดำเนินชีวิต หรือพูดง่ายๆ คือมันกลัวตายนั่นเอง ไขมันจึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่มันจะกำจัดทิ้ง เพราะเซลล์ไขมันไม่ต้องใช้พลังงาน จำได้มั้ยที่นัทเขียนจากบทความที่แล้ว (ยิ่งกินยิ่งผอม https://www.facebook.com/trainhardlookhotbynattie/posts/1003398926365765:0 )
เพราะฉะนั้นเราจะทำยังไงเพื่อทำให้ร่างกายมันเบิร์นหรือดึงไขมันออกมาใช้ล่ะ
อย่างแรกเลยเราต้องกินค่ะ
กินให้พอดี เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์มากกว่าอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และกินให้ครบทั้ง 5 หมู่ห้ามขาดหมู่ใดหมู่หนึ่ง คนมักจะเข้าใจผิดว่าต้องลดแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตเยอะๆ เพราะถูกสอนมาว่ากินแป้งแล้วอ้วน คือคิดผิดมหาศาล นัทเคยเขียนเรื่องความสำคัญของคาร์โบไฮเดรตต่อร่างกายไว้แล้วลองเข้าไปอ่านดู (อยากลดความอ้วนก็กินคาร์โบไฮเดรตได้ https://www.facebook.com/trainhardlookhotbynattie/posts/918876904817968:0 )
การลดคาร์โบไฮเดรตมากๆเค้าจะทำตอนประกวดเพาะกายเท่านั้นแหละค่ะ ประกวดเสร็จเค้าก็กินเหมือนเดิม แล้วเราเป็นคนธรรมดาๆ จะไปลดคาร์บเยอะๆให้ร่างกายมันขาดสมดุลทำไม
รู้มั้ยว่าในวันๆนึง เราต้องกินหรือได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตให้ได้ประมาณ 50% ของพลังงานทั้งหมดที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันเลยนะ
นอกจากกินให้ดีๆ ถ้าคลีนได้ยิ่งดี และพอดีกับที่ร่างกายต้องการแล้ว อย่างที่ 2 คือ เราต้องกินให้ปริมาณเท่าๆกันในทุกวันด้วยนะคะ อย่างเช่น ถ้ากินวันละ 1700 แคลก็ต้องกินแบบนั้นไปช่วงนึงเลย อาจจะประมาณ 1 เดือน แล้วจะเข้าสู่โปรแกรมไดเอตแบบไหนต่อค่อยว่ากัน
เห็นหลายคนเป็นเลย พอฮึดขึ้นมาก็ไดเอต กินคลีน ทำไปได้ซัก 5 วันก็ล้มเลิก แล้วก็กลับมากินไม่คลีน กินเยอะเหมือนเดิม พอรู้สึกว่ามันไม่ดี ก็กลับไปไดเอตใหม่
นัทอยากบอกว่า 5 วันที่ไดเอ็ดไปไม่มีความหมายเลยค่ะ เพราะภาวะสมดุลมันทำงานของมันอยู่
ตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นคือ สมมุติว่าเราอยู่ฮาวายอากาศร้อน ร่างกายก็จะชินกับอากาศร้อน พอเราไปขั้วโลกเหนือ ไปถึงเราจะรู้สึกหนาวมาก เพราะว่าร่างกายเราชินกับอากาศร้อน แต่ถ้าเราอยู่ขั้วโลกเหนือได้ระยะนึง เราก็จะมีความรู้สึกว่ามันไม่ได้หนาวเหมือนตอนแรกที่เรามาถึง นั่นคือร่างกายมันปรับตัวได้แล้วค่ะ
แต่ในทางตรงข้าม ถ้าเราบินไปบินมา เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวทุกวัน ร่างกายมันจะไม่ปรับตัวค่ะ เพราะกำลังจะปรับตัวก็อากาศเปลี่ยนอีกแล้ว มันไม่รู้จะปรับไปทำไม ปรับไปในทางไหน
เช่นเดียวกับการกินค่ะ ถึงแม้เรากินอาหารค่อนข้างจะคลีนหรือเลือกที่มีประโยชน์ก็จริง แต่เราเดี๋ยวกินน้อย เดี๋ยวกินเยอะ เดี๋ยวกินน้อย เดี๋ยวกินเยอะ ร่างกายมันจะงงค่ะ เทรนเนอร์บอก 555 มันจะไม่รู้ว่าตกลงจะต้องให้เผาผลาญไขมันที่สะสมไว้ หรือจะต้องเก็บไขมันไว้ดี เพราะบางวันก็ขาด บางวันก็เกิน มันจะคิดว่านี่คือเรื่องปกติของเรา มันจะอยู่เฉยๆ ของมันไปแบบนี้ เพราะมันก็มีชีวิตอยู่รอดได้ โดยที่ไม่ต้องจัดการอะไร
แต่ในทางตรงข้ามถ้าเรากินโดยการให้ปริมาณแคลอรี่เท่าๆกันทุกวันไปช่วงหนึ่ง โดยที่เรากินน้อยกว่าแคลลอรี่ที่ต้องใช้ในแต่ละวันนิดหน่อย อย่าไปกินน้อยเกิน เดี๋ยวจะโยโย่ และเราก็ออกกำลังกายด้วย คราวนี้แหละร่างกายมันจะจำได้ เพราะมันได้อาหารหรือพลังงานเท่ากันทุกวัน และพลังงานก็ไม่พอใช้เหมือนเดิมทุกวัน ตอนนี้แหละมันจะดึงพลังงานสำรองหรือไขมันมาใช้ค่ะ เข้าใจยังคะ
นัทโดนเทรนเนอร์ว่าประจำเลย เรื่องกินอาหารแบบแคลไม่นิ่ง บางวันกินมาก บางวันกินน้อย ร่างกายเลยพัฒนาไม่ค่อยได้ มันงง ถ้ามันพูดได้มันคงบอกว่า "ตกลงแกจะไดเอตหรือจะ bulk กันแน่ฟระ" 😂😂😂 แต่กิจวัตรประจำวันของนัทมันยากมากเลยที่จะให้กินแบบแคลนิ่งๆ เพราะนัททำงานไม่เป็นเวลา แต่คราวนี้จะตั้งใจใหม่แล้ว คนที่ทำงานเป็นเวลาสบายเลย พยายามเข้านะ
สู้ไปด้วยกันฮะ
นัท
เข้าไปคุยกันได้ที่เพจนัทนะคะ เข้าเฟสบุค พิมพ์ train hard look hot by nattie
https://www.facebook.com/trainhardlookhotbynattie
Instagram @nattietrainhard
YouTube nattie trainhard