สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
เราว่า จขกท.ไม่ต้องงงเลยค่ะ การขอแต่ละครั้งจุดประสงค์คลุมเครือ จขกท.น่าจะมาขอคำแนะนำในพันทิพก่อนไปสัมภาษณ์ จะได้มีคนแนะนำทางออกที่ดีและน่าเชื่อถือได้ ขนาดรอบแรกไม่ผ่าน รอบที่ 2 ก็บอกว่าพร้อมมั่นใจเต็มพิกัดอีก ผลก็ไม่ผ่านอีก จขกท.ต้องมาทำการบ้านเยอะเลยก่อนจะไปรอบที่ 3
ตอนเราขอวีซ่าเราก็โสด อายุเท่ากับ จขกท. มีกิจการเล็กน้อยของตัวเอง พักบ้านเพื่อนผู้ชายด้วย 55555 แต่เรามีหนังสือเชิญและบอกเหตุผลไปว่าทำไมต้องไปพักบ้านเค้า เพื่อนเรามาไทยก็มาพักบ้านเรา มันเลยเหมือนการแลกเปลี่ยนการเป็นเจ้าภาพทำนองนั้น เจ้าหน้าที่เก็บจดหมายเชิญพร้อมสำเนาพาสปอร์ตเพื่อนเราไปด้วยค่ะ เราใช้สเตทเมนท์ตัวเองมีเงินติดบัญชีหลักแสนปลายๆ ค่ะ เจ้าหน้าขอดูสมุดบัญชีตัวจริงทุกเล่มที่เราเอาไปเลยค่ะ ในจดหมายเชิญระบุชัดเจนว่า อาศัยบ้านเพื่อนนอนเฉพาะตอนที่อยู่ San Diego เท่านั้น ถ้าเราไปเที่ยวเมืองอื่นเราก็ช่วยกันออกทั้งค่าที่พัก ค่าน้ำมันรถ (เรามีแผน road trip แนบไปด้วยค่ะ ขับรถจากใต้ไปเหนือ รัฐ CA. ) ค่าอาหาร จิปาถะ อย่างอื่นเราออกเองหมด เพราะเราไป 3 อาทิตย์ ก่อนไปเมกาเคยไปเที่ยว ออสเตรเลีย สวีเดน มาเลเซีย แค่สามประเทศค่ะ
จขกท.บอกว่าพร้อมและชัดเจนทุกอย่าง แต่จากที่หลายๆความเห็นพูดคือ ยังไม่ชัดเจนเพียงพอค่ะ รอสักหนึ่ง- สองปี แล้วไปขอใหม่นะคะ
ครั้งแรกที่พลาดคือ จะไปเที่ยวคนเดียว โสด ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศมาก่อน มีเงินในบัญชีไม่ถึงหมื่น ถ้าไม่มีสปอนเซอร์ที่โน่นแล้ว จขกท.จะอยู่จะกินแบบไหนคะ ? มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่ บอกว่าไม่ได้เตรียมไป นี่มันคือเอกสารหลักเบื้องต้นในการขอวีซ่าท่องเที่ยวของทุกประเทศ เราต้องแสดงว่าเราพร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตตัวเองในขณะไปเที่ยวที่ประเทศของเค้าค่ะ หรือถ้าตอนนั้นเงินในบัญชีมีไม่พอและรอเงินโบนัสหรืออะไรก็ตามควรมีจดหมายแนะนำตัวเองแนบไปด้วยค่ะ
ครั้งที่ 2 พลาดตรงเอาเพื่อนมาอ้างแบบรู้จักกันไม่ดีพอ ไม่ได้สนิทพอ มีหนังสือเชิญให้ไปเที่ยว ไปเยี่ยมเยียนกันไหม ? อยู่อเมริกาสถานะอะไร? และเคยไปมาหาสู่ ติดต่อกันสม่ำเสมอหรือไม่ ? มีอีเมลหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ ฉันท์เพื่อนไปแสดงไหม? นี่คือประเด็นหลักเลยที่เจ้าหน้าที่เค้าไม่ให้ผ่าน คือ ไม่รู้จักกันแต่เอาชื่อมาอ้างส่งๆ ไม่ได้ค่ะ ต้องรู้จักกันจริงๆและสนิทกันในระดับหนึ่ง แล้วแม่เพื่อนเป็นซิตีเซ็นด้วย จขกท.ก็ไม่รู้ด้วยว่าท่านได้ซิตี้เซนมาในรูปแบบไหน? วีซ่าอเมริกานี่ขนาดเป็นญาติพี่น้องสายเลือดเดียวกันนี่ยังไม่อยากจะอ้างอิงกันเลยนะเห็นแต่ละรีวิว ถ้างานการมั่นคง มีเงินเพียงพอ ก็บอกไม่รู้จักไปเลย ไปเที่ยวเองง่ายกว่าเยอะ
ครั้งที่ 3 จขกท.คิดว่าขอไปเที่ยวเองแล้วมันไม่ผ่าน เลยบอกไปว่าไปกับทัวร์แทน จะได้ดูน่าเชื่อถือขึ้นมาหน่อย แค่ให้วีซ่าผ่านแล้วพอไปถึงอเมริกา เราจะไปไหน มาไหน กับใครก็ได้ ซึ่งข้อมูลที่ผ่านๆมาของ จขกท.มันไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วค่ะ จากที่อ่านและวิเคราะห์ดู เจ้าหน้าที่ก็เลยไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อถือในจุดประสงค์การไปของ จขกท.
แนะนำให้ พักสักปีสองปี ไปเที่ยวที่อื่น อย่างเช่น ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ให้มีการเดินทางเข้าออกประเทศเหล่านี้ตามกำหนด แสดงให้เห็นว่าเราอยากไปเที่ยวจริงๆ แล้วค่อยไปขอใหม่นะคะ แล้วครั้งที่ 4 อย่าลืม มาอัพเดทข้อมูลหรือถามความเห็นจากคนที่เค้ามีประสบการณ์ก่อนนะคะ จะได้ไม่เสียเงิน เสียความรู้สึก เสียใจอีก อยากไปจริงๆก็ต้องพยายามอีกสักยก แต่คราวหน้าขอให้พร้อมและมั่นใจจริงๆ ศึกษาข้อมูลให้ดีนะคะ
ตอนเราขอวีซ่าเราก็โสด อายุเท่ากับ จขกท. มีกิจการเล็กน้อยของตัวเอง พักบ้านเพื่อนผู้ชายด้วย 55555 แต่เรามีหนังสือเชิญและบอกเหตุผลไปว่าทำไมต้องไปพักบ้านเค้า เพื่อนเรามาไทยก็มาพักบ้านเรา มันเลยเหมือนการแลกเปลี่ยนการเป็นเจ้าภาพทำนองนั้น เจ้าหน้าที่เก็บจดหมายเชิญพร้อมสำเนาพาสปอร์ตเพื่อนเราไปด้วยค่ะ เราใช้สเตทเมนท์ตัวเองมีเงินติดบัญชีหลักแสนปลายๆ ค่ะ เจ้าหน้าขอดูสมุดบัญชีตัวจริงทุกเล่มที่เราเอาไปเลยค่ะ ในจดหมายเชิญระบุชัดเจนว่า อาศัยบ้านเพื่อนนอนเฉพาะตอนที่อยู่ San Diego เท่านั้น ถ้าเราไปเที่ยวเมืองอื่นเราก็ช่วยกันออกทั้งค่าที่พัก ค่าน้ำมันรถ (เรามีแผน road trip แนบไปด้วยค่ะ ขับรถจากใต้ไปเหนือ รัฐ CA. ) ค่าอาหาร จิปาถะ อย่างอื่นเราออกเองหมด เพราะเราไป 3 อาทิตย์ ก่อนไปเมกาเคยไปเที่ยว ออสเตรเลีย สวีเดน มาเลเซีย แค่สามประเทศค่ะ
จขกท.บอกว่าพร้อมและชัดเจนทุกอย่าง แต่จากที่หลายๆความเห็นพูดคือ ยังไม่ชัดเจนเพียงพอค่ะ รอสักหนึ่ง- สองปี แล้วไปขอใหม่นะคะ
ครั้งแรกที่พลาดคือ จะไปเที่ยวคนเดียว โสด ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศมาก่อน มีเงินในบัญชีไม่ถึงหมื่น ถ้าไม่มีสปอนเซอร์ที่โน่นแล้ว จขกท.จะอยู่จะกินแบบไหนคะ ? มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่ บอกว่าไม่ได้เตรียมไป นี่มันคือเอกสารหลักเบื้องต้นในการขอวีซ่าท่องเที่ยวของทุกประเทศ เราต้องแสดงว่าเราพร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตตัวเองในขณะไปเที่ยวที่ประเทศของเค้าค่ะ หรือถ้าตอนนั้นเงินในบัญชีมีไม่พอและรอเงินโบนัสหรืออะไรก็ตามควรมีจดหมายแนะนำตัวเองแนบไปด้วยค่ะ
ครั้งที่ 2 พลาดตรงเอาเพื่อนมาอ้างแบบรู้จักกันไม่ดีพอ ไม่ได้สนิทพอ มีหนังสือเชิญให้ไปเที่ยว ไปเยี่ยมเยียนกันไหม ? อยู่อเมริกาสถานะอะไร? และเคยไปมาหาสู่ ติดต่อกันสม่ำเสมอหรือไม่ ? มีอีเมลหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ ฉันท์เพื่อนไปแสดงไหม? นี่คือประเด็นหลักเลยที่เจ้าหน้าที่เค้าไม่ให้ผ่าน คือ ไม่รู้จักกันแต่เอาชื่อมาอ้างส่งๆ ไม่ได้ค่ะ ต้องรู้จักกันจริงๆและสนิทกันในระดับหนึ่ง แล้วแม่เพื่อนเป็นซิตีเซ็นด้วย จขกท.ก็ไม่รู้ด้วยว่าท่านได้ซิตี้เซนมาในรูปแบบไหน? วีซ่าอเมริกานี่ขนาดเป็นญาติพี่น้องสายเลือดเดียวกันนี่ยังไม่อยากจะอ้างอิงกันเลยนะเห็นแต่ละรีวิว ถ้างานการมั่นคง มีเงินเพียงพอ ก็บอกไม่รู้จักไปเลย ไปเที่ยวเองง่ายกว่าเยอะ
ครั้งที่ 3 จขกท.คิดว่าขอไปเที่ยวเองแล้วมันไม่ผ่าน เลยบอกไปว่าไปกับทัวร์แทน จะได้ดูน่าเชื่อถือขึ้นมาหน่อย แค่ให้วีซ่าผ่านแล้วพอไปถึงอเมริกา เราจะไปไหน มาไหน กับใครก็ได้ ซึ่งข้อมูลที่ผ่านๆมาของ จขกท.มันไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วค่ะ จากที่อ่านและวิเคราะห์ดู เจ้าหน้าที่ก็เลยไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อถือในจุดประสงค์การไปของ จขกท.
แนะนำให้ พักสักปีสองปี ไปเที่ยวที่อื่น อย่างเช่น ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ให้มีการเดินทางเข้าออกประเทศเหล่านี้ตามกำหนด แสดงให้เห็นว่าเราอยากไปเที่ยวจริงๆ แล้วค่อยไปขอใหม่นะคะ แล้วครั้งที่ 4 อย่าลืม มาอัพเดทข้อมูลหรือถามความเห็นจากคนที่เค้ามีประสบการณ์ก่อนนะคะ จะได้ไม่เสียเงิน เสียความรู้สึก เสียใจอีก อยากไปจริงๆก็ต้องพยายามอีกสักยก แต่คราวหน้าขอให้พร้อมและมั่นใจจริงๆ ศึกษาข้อมูลให้ดีนะคะ
แสดงความคิดเห็น
วีซ่าอเมริกาไม่ผ่าน รอบที่ 3
เราไปสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา รอบ 1 รอบ 2 เราเล่าไปแล้วว่าวีซ่าเราไม่ผ่าน
เราก็ศึกษาข้อมูลในเว็บไซต์ให้พร้อมกว่าเดิม เตรียมทุกอย่างให้ชัดเจน
วันนี้เราไปสัมภาษณ์ครั้งที่ 3
(ผ่านมา 5 เดือนกว่าๆ จากรอบที่ 2)
เรามีทุกอย่าง คือ
1. จดหมายรับรองการทำงานว่าเราทำที่ปัจจุบันมาตั้งแต่ ปี 2011 และเราได้บรรจุ
ในจดหมายยังระบุอีกด้วยว่าเราขอลางาน 10 วันช่วงสงกรานต์เพื่อไปอเมริกา
2. สถานะการเรียนโท ซึ่งเราอยู่ปี 2 เทอม 2
3. เราจะไปกับทัวร์ ตั้งแต่ 6-14 เมษายน เพื่อไปซานฟรานและแอลเอ มีโปรแกรมที่ชัดเจน
ทัวร์ได้จองไฟล์ทบินและจองโรงแรมเรียบร้อย
4. statement (แต่เค้าไม่ขอดูค่ะ)
รอบนี้เราพูดไทยตลอดนะคะ เค้าก็พูดไทยดูเหมือนเป็นคนเกาหลี
เค้ามองหน้าจอคอม บอกเราว่า คุณมาตอนเมื่อ 5 เดือนก่อนนะ
และว่าขอบคุณที่มาสัมภาษณ์ แต่แค่นี้ยังไม่พอ
เรางงมาก อะไรคือไม่พอ แล้วต้องเอาอะไร เพราะเราว่าวันนี้เราโคตรจะชัดเจน
มีคนทำวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกามากกว่า 3 รอบไหมคะแล้วได้ไหมคะ
หรือเราไม่ควรจะสมัครแล้ว
ในใบที่แจกสำหรับผู้ที่ถูกปฏิเสธ ระบุไว้ว่าพร้อมเมื่อไหร่ให้ไปสมัครได้ใหม่
เราว่าเราก็พร้อมแล้ว หรือเราต้องเว้นระยะนานกว่านี้อะคะ ต้องเว้นเป็นปีเลยไหมคะ
ถึงจะสมัครใหม่ได้ เราแค่อยากไปในสถานที่ที่เราอยากจะไปสักครั้งอะค่ะ