วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์และอยากให้เพื่อนๆช่วยวิเคราะห์หน่อยค่ะว่าเพราะอะไร
มกราคม ปี 2018 ขอวีซ่าอเมริกาไม่ผ่าน
ตอนนั้นไม่ได้คิดเยอะ คิดแค่ว่าอยากไปเที่ยว กรอก DS 160 การงานเขียนไปแบบไม่ได้แน่นมาก แต่ก็คิดว่าไม่น้อยเกินไป ไม่มีคนรู้จักที่อเมริกา เงินเดือนตอนนั้น น่าจะ 30K+ บริษัทญี่ปุ่นทำมาได้ 5 ปี การงานก็ไม่ได้ขี้เหร่ ตอนไปขอตอนนั้นเคยไปเที่ยว ญี่ปุ่น ไต้หวันและสิงค์โปร พาสปอร์ตเล่มแรกทำได้ยังไม่ถึงปี
วันนั้นใส่เดรสคลุมเข่าไป เตรียมเอกสารไปครบ ได้สัมภาษณ์กับฝรั่งผู้ชาย หล่อๆ ถามเราด้วยภาษาอังกฤษ ทั้งหมด 4 คำถาม
แต่บอกก่อนว่าตอนนั้นเราตื่นเต้นมาก การสัมภาษณ์ด้วยภาษาอังกฤษของเราดูตะกุกตะกัก หูอื้อๆ ฟังไม่ค่อยออก บางคำถามต้องถามอีกครั้ง
ฝ.. ไปที่ไหน
เรา.. แคลิฟอเนียร์
ฝ.. ไปกี่วัน
เรา.. 10 วัน
ฝ.. ไปกับใคร
เรา.. ไปคนเดียว
ฝ.. คิดว่าจะใช้เงินเท่าไหร่
เรา.. คำถามนี้เราถามสองรอบ เพราะงงคำถามและไม่แน่ใจ กลัวฟังผิด ทีนี้เราแพลนไว้ แต่ไม่ได้คำนวนเงิน เลยสตั๊นไปสามวิ ตอนนั้นก็คิดในใจว่าเท่าไหร่ดีวะ เลิ่กลั่ก เลยตอบไปว่า 6-8 หมื่น แต่จริงๆมีเงินในบัญชีแสนนิดๆนะ นั่นแหละ ตอบคำนี้นี้เสร็จ เขาก็พิมๆๆๆ สักพักนึงยื่นกระดาษสีขาวมาให้ เดินออกมาแบบช็อคๆ อารมณ์เหมือนโดนบอกเลิก เพราะคิดว่ามันน่าจะผ่าน เศร้าไปสองวัน ที่เศร้าเพราะราคาวีซ่า
แพง เสียใจตรงนี้
-----------------------------------------------------------------
ขอวีซ่า ครั้งที่ 2
5 มีนาคม 2020 เพื่อจะไปเที่ยวช่วงสงกรานต์
ตอนเรากรอก ds 160 เราแจ้งว่าเราไม่เคยเปลี่ยนชื่อนามสกุล แต่จริงๆเราเปลี่ยนมาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งชื่อและนามสกุล จนทะเบียนบ้านที่อัพเดทสมุดใหม่มันไม่ขึ้นข้อมูลแล้วว่ามีการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล จนท คนไทยถามเราอีกทีตอนตรวจเอกสาร เราบอกเขาตรงนี้ เขาบอกว่าไม่ว่าจะนานแค่ไหน ก็ต้องแจ้งว่าเคยเปลี่ยน เขาถามชื่อ นามสกุลเก่าเรา ละไปอัพเดทให้ในข้อมูล (อันนี้มีผลไหมนะ)
ครั้งนี้ก็คิดว่ามันไม่น่าจะยาก หาอ่านรีวิวของคนที่เคยตกสัมภาษณ์ วิธีการกรอก DS 160 เอกสาร การเตรียมตัวตั่งต่าง เรามีบ้านเป็นของตัวเอง เอาไปแค่ทะเบียนบ้านที่เป็นเจ้าบ้าน ไม่ได้เอาโฉนดไป แต่ก็ไม่เรียกดู
ครั้งนี้จะไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ไม่ได้เลือกสัมภาษณ์พร้อมกัน เพราะมีเหตุให้เลือกวันเดียวกันไม่ได้ เพื่อนเราเป็นผู้ชาย ไปสัมภาษณ์วันที่ 6 หลังเรา 1 วัน
ณ ปัจจุบัน ยังทำงานที่เดิมจากรอบแรก รวมแล้ว 7 ปี เงินเดือน 4+k รอบนี้แต่งตัวชุดทำงาน เสื้อเชิ๊ตแขนยาว กางเกงสีดำ รองเท้าคัตชู
สัมภาษณ์กับฝรั่งอ้วน มีอายุ ตอนแรกคิดว่าใจดี เพราะเขาสัมผู้หญิงคนก่อนหน้าก็ให้ผ่าน ครั้งนี้เราตื่นเต้นน้อยกว่าครั้งแรก คืออ่านสิ่งที่เรากรอกไปให้แม่น แล้วก็ตอบตามความจริง แต่ยังหลอนและกลัว ยังจำความรู้สึกผิดหวังของครั้งแรกได้ดี
ฝ.. ไปที่ไหน
เรา.. ไปนิวยอร์ค
ฝ.. ไปทำอะไร
เรา.. ไปเที่ยว
ฝ.. ไปกี่วัน
เรา.. 12 วัน
ระหว่างที่เราตอบเสร็จเขาก็พิมพ์ๆๆ ตลอด
ฝ.. ไปกับใคร
เรา.. ไปกับเพื่อน เพื่อยังไม่มีวีซ่า เขามาสัมภาษณ์พรุ่งนี้
ฝ.. รู้จักใครที่นู่นไหม
เรา.. ไม่มี
ฝ.. ทำงานอะไร
เรา.. เป็นผู้ช่วยฝ่ายขายภาษาญี่ปุ่น ที่บริษัท xx เกี่ยวกับโทรคมนาคม
เราเสนอเขาว่า ฉันมีใบรับรองของบริษัทนะ .... เงียบ ไม่หืออือใดๆ
ฝ.. เคยไปไหนมาบ้าง
เรา.. สวิส อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมัน(2ครั้ง) ออสเตรีย เช็ก ญี่ปุ่น(3ครั้ง) มาเลเซีย เวียดนาม ไต้หวัน สิงค์โปร ฮ่องกง
ทุกที่นี้เราไปในช่วงเวลา 3 ปี กับพาสสปอร์ตเล่มแรก มีเชงเก้นวีซ่า 5 อัน เพราะขอทุกครั้งที่เที่ยวยุโรป ระหว่างนั้นเขาก็เปิดเล่มพาสปอร์ตดู
ฝ.. ที่ไปเที่ยวนี่จ่ายเงินเองเหรอ
เรา.. ใช่ค่ะ จ่ายเงินเอง
ฝ.. ไปเยอรมันทำไม
เรา.. ไปเที่ยว
ฝ.. ไปกับใคร
เรา.. เพื่อน ... แต่เป็นเพื่อนคนละกลุ่ม
(ปล. เยอรมันจริงๆเราไปหาแฟนเก่า วีซ่าที่ขอของเยอรมันเป็นวีซ่าเยี่ยมเยียน 2 อัน แต่แฟนไม่ได้ซัพพอร์ตเงินเรา ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ เราจ่ายค่าตั๋วเอง เราคิดแค่ว่าเราก็ไปเที่ยวจริงๆ ไปเจอเพื่อนแฟนเก่าที่นู่นด้วย ไปแค่10 วัน จะบอกว่าเพื่อนหรือแฟนเก่า จะมีผลไหมไม่รู้ แต่รู้สึกว่าพลาดตรงนี้ คิดน้อยไป T_T)
ฝ.. เอาสเตจเม้นมาไหม
เรา.. เอามาค่ะ แล้วก็ยื่นให้
เขาเปิดดูทุกหน้า เราปริ้นออกมาจากแอปกสิกร ย้อนหลัง 6 เดือน
(ปล. เรามีเงินกู้ที่เข้าบัญชีมาตอนสิ้นเดือน มกราคม ประมาณ 7 หมื่น เราก็คงบัญชีเอาไว้จนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ เงินเดือนเข้ามาสมทบ ก็เป็นแสนนิดๆ ตรงนี้ไม่รู้ว่าเขาติดใจเรื่องเงินหรือเปล่า)
ดูเสร็จก็พิมพ์ๆๆๆ สักพัก ก็ยื่นพาสกลับมาพร้อมกระดาษสีขาว และยกมือไหว้เราบอกขอโทษ
เราถามว่าทำไมอ่ะ เขาไม่ตอบใดๆ เราเลยเดินออกมา ด้วยความช็อคอีกเช่นเคย ความรู้สึกแบบเดิมเลย
เดินๆอยู่ริมถนนน้ำตาก็คลอๆ จนข้ามฝั่งมาตึกที่จอดรถไว้ตรงข้าม มีร้านกาแฟที่ยังไม่เปิดร้าน ที่มีเก้าอี้นั่งอยู่ข้างร้าน คนยังไม่เยอะ เพราะยังเช้า เรานั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นครึ่งชั่วโมง มันผิดหวังมากๆจริงๆ ตั้งใจว่าจะไปเที่ยว คิดว่ามันไม่น่ายาก จะเสนออะไรให้ดูก็ไม่เอา บ้านฉันก็มี สงสัยเรื่องเงินเหรอ เงินกู้ฉันได้มา มันผิดเหรอ หรือไปเที่ยวบ่อยจนถูกสงสัย ไม่มีเหตุผลใดๆ เหมือนโดนบอกเลิกโดยที่เราไม่รู้ว่าเราผิดตรงไหน ไม่มีโอกาศได้อธิบายอะไรเลย
หรือการลง social media ทั้ง facebook และ IG ที่กรอกไปใน DS 160 จะมีผลอะไรไหม เขาแอบไปส่องแล้วมาตัดสินหรือเแล่า บางรูปก็เป็นรูปที่เราถ่ายแบบ วับๆแวมๆ บิกินี่บัางไรบ้าง บุคลิกเราก็ค่อนไปทางสเปคฝรั่ง เอาตรงนี้มาตัดสินฉันหรือเปล่า ว่าจะไปหาสามีที่โน่น
เราโทรไปเล่าให้เพื่อนอีกคนที่มีวีซ่าอเมริกา เล่าๆให้ฟัง นางสงสัยว่าอาจจะโดนสงสัยเรื่องเงินหรือไม่ก็เรื่องไปเที่ยวเยอรมัน ถ้าโดนถามตรงไหนเยอะ นั่นแหละคือปัญหา
ส่วนเพื่อนชายที่จะไปเที่ยวด้วยกัน สัมภาษณ์อีกวันนึง ผ่านค่ะ เราไม่ได้ถามว่าโดนถามอะไรบ้าง แต่เงินในบัญชีก็มีเป็นโบนัสเงินก้อนเข้ามา ไม่รู้ว่าถูกถามถึงเงินตรงนี้ไหม
และก็มีเพื่อนที่เป็นผู้ชาย ของเพื่อนเราอีกที ไปสัมภาษณ์พร้อมกันกับเพื่อนเรา คนนั้นไม่ผ่านค่ะ เราสามคนแพลนไปกันวันเดียวกัน พักที่เดียวกัน
เริ่มรู้สึกท้อและเกลียดสถานฑูตเมกา เงินค่าวีไม่ใช่น้อยๆ แค่เหตุผลว่าเพราะอะไรไม่ผ่าน ก็ให้ไม่ได้ ตั้งแต่ครั้งแแรกแล้ว ก็แค่อยากไปเยือนนิวยอร์คจริงๆ ถ้าขอใหม่ไปช่วงสิ้นปีเร็วไปไหมนะ
....ก็รู้แหละว่าเขาตัดสินเราจากสิ่งที่เขาคิด ถ้าเขาเชื่อว่าจะไม่ให้ผ่านแล้ว เขาก็จะไม่ฟังอะไรเลย
[CR] โดนปฏิเสธวีซ่าอเมริกา ครั้งที่ 2
มกราคม ปี 2018 ขอวีซ่าอเมริกาไม่ผ่าน
ตอนนั้นไม่ได้คิดเยอะ คิดแค่ว่าอยากไปเที่ยว กรอก DS 160 การงานเขียนไปแบบไม่ได้แน่นมาก แต่ก็คิดว่าไม่น้อยเกินไป ไม่มีคนรู้จักที่อเมริกา เงินเดือนตอนนั้น น่าจะ 30K+ บริษัทญี่ปุ่นทำมาได้ 5 ปี การงานก็ไม่ได้ขี้เหร่ ตอนไปขอตอนนั้นเคยไปเที่ยว ญี่ปุ่น ไต้หวันและสิงค์โปร พาสปอร์ตเล่มแรกทำได้ยังไม่ถึงปี
วันนั้นใส่เดรสคลุมเข่าไป เตรียมเอกสารไปครบ ได้สัมภาษณ์กับฝรั่งผู้ชาย หล่อๆ ถามเราด้วยภาษาอังกฤษ ทั้งหมด 4 คำถาม
แต่บอกก่อนว่าตอนนั้นเราตื่นเต้นมาก การสัมภาษณ์ด้วยภาษาอังกฤษของเราดูตะกุกตะกัก หูอื้อๆ ฟังไม่ค่อยออก บางคำถามต้องถามอีกครั้ง
ฝ.. ไปที่ไหน
เรา.. แคลิฟอเนียร์
ฝ.. ไปกี่วัน
เรา.. 10 วัน
ฝ.. ไปกับใคร
เรา.. ไปคนเดียว
ฝ.. คิดว่าจะใช้เงินเท่าไหร่
เรา.. คำถามนี้เราถามสองรอบ เพราะงงคำถามและไม่แน่ใจ กลัวฟังผิด ทีนี้เราแพลนไว้ แต่ไม่ได้คำนวนเงิน เลยสตั๊นไปสามวิ ตอนนั้นก็คิดในใจว่าเท่าไหร่ดีวะ เลิ่กลั่ก เลยตอบไปว่า 6-8 หมื่น แต่จริงๆมีเงินในบัญชีแสนนิดๆนะ นั่นแหละ ตอบคำนี้นี้เสร็จ เขาก็พิมๆๆๆ สักพักนึงยื่นกระดาษสีขาวมาให้ เดินออกมาแบบช็อคๆ อารมณ์เหมือนโดนบอกเลิก เพราะคิดว่ามันน่าจะผ่าน เศร้าไปสองวัน ที่เศร้าเพราะราคาวีซ่าแพง เสียใจตรงนี้
-----------------------------------------------------------------
ขอวีซ่า ครั้งที่ 2
5 มีนาคม 2020 เพื่อจะไปเที่ยวช่วงสงกรานต์
ตอนเรากรอก ds 160 เราแจ้งว่าเราไม่เคยเปลี่ยนชื่อนามสกุล แต่จริงๆเราเปลี่ยนมาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งชื่อและนามสกุล จนทะเบียนบ้านที่อัพเดทสมุดใหม่มันไม่ขึ้นข้อมูลแล้วว่ามีการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล จนท คนไทยถามเราอีกทีตอนตรวจเอกสาร เราบอกเขาตรงนี้ เขาบอกว่าไม่ว่าจะนานแค่ไหน ก็ต้องแจ้งว่าเคยเปลี่ยน เขาถามชื่อ นามสกุลเก่าเรา ละไปอัพเดทให้ในข้อมูล (อันนี้มีผลไหมนะ)
ครั้งนี้ก็คิดว่ามันไม่น่าจะยาก หาอ่านรีวิวของคนที่เคยตกสัมภาษณ์ วิธีการกรอก DS 160 เอกสาร การเตรียมตัวตั่งต่าง เรามีบ้านเป็นของตัวเอง เอาไปแค่ทะเบียนบ้านที่เป็นเจ้าบ้าน ไม่ได้เอาโฉนดไป แต่ก็ไม่เรียกดู
ครั้งนี้จะไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ไม่ได้เลือกสัมภาษณ์พร้อมกัน เพราะมีเหตุให้เลือกวันเดียวกันไม่ได้ เพื่อนเราเป็นผู้ชาย ไปสัมภาษณ์วันที่ 6 หลังเรา 1 วัน
ณ ปัจจุบัน ยังทำงานที่เดิมจากรอบแรก รวมแล้ว 7 ปี เงินเดือน 4+k รอบนี้แต่งตัวชุดทำงาน เสื้อเชิ๊ตแขนยาว กางเกงสีดำ รองเท้าคัตชู
สัมภาษณ์กับฝรั่งอ้วน มีอายุ ตอนแรกคิดว่าใจดี เพราะเขาสัมผู้หญิงคนก่อนหน้าก็ให้ผ่าน ครั้งนี้เราตื่นเต้นน้อยกว่าครั้งแรก คืออ่านสิ่งที่เรากรอกไปให้แม่น แล้วก็ตอบตามความจริง แต่ยังหลอนและกลัว ยังจำความรู้สึกผิดหวังของครั้งแรกได้ดี
ฝ.. ไปที่ไหน
เรา.. ไปนิวยอร์ค
ฝ.. ไปทำอะไร
เรา.. ไปเที่ยว
ฝ.. ไปกี่วัน
เรา.. 12 วัน
ระหว่างที่เราตอบเสร็จเขาก็พิมพ์ๆๆ ตลอด
ฝ.. ไปกับใคร
เรา.. ไปกับเพื่อน เพื่อยังไม่มีวีซ่า เขามาสัมภาษณ์พรุ่งนี้
ฝ.. รู้จักใครที่นู่นไหม
เรา.. ไม่มี
ฝ.. ทำงานอะไร
เรา.. เป็นผู้ช่วยฝ่ายขายภาษาญี่ปุ่น ที่บริษัท xx เกี่ยวกับโทรคมนาคม
เราเสนอเขาว่า ฉันมีใบรับรองของบริษัทนะ .... เงียบ ไม่หืออือใดๆ
ฝ.. เคยไปไหนมาบ้าง
เรา.. สวิส อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมัน(2ครั้ง) ออสเตรีย เช็ก ญี่ปุ่น(3ครั้ง) มาเลเซีย เวียดนาม ไต้หวัน สิงค์โปร ฮ่องกง
ทุกที่นี้เราไปในช่วงเวลา 3 ปี กับพาสสปอร์ตเล่มแรก มีเชงเก้นวีซ่า 5 อัน เพราะขอทุกครั้งที่เที่ยวยุโรป ระหว่างนั้นเขาก็เปิดเล่มพาสปอร์ตดู
ฝ.. ที่ไปเที่ยวนี่จ่ายเงินเองเหรอ
เรา.. ใช่ค่ะ จ่ายเงินเอง
ฝ.. ไปเยอรมันทำไม
เรา.. ไปเที่ยว
ฝ.. ไปกับใคร
เรา.. เพื่อน ... แต่เป็นเพื่อนคนละกลุ่ม
(ปล. เยอรมันจริงๆเราไปหาแฟนเก่า วีซ่าที่ขอของเยอรมันเป็นวีซ่าเยี่ยมเยียน 2 อัน แต่แฟนไม่ได้ซัพพอร์ตเงินเรา ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ เราจ่ายค่าตั๋วเอง เราคิดแค่ว่าเราก็ไปเที่ยวจริงๆ ไปเจอเพื่อนแฟนเก่าที่นู่นด้วย ไปแค่10 วัน จะบอกว่าเพื่อนหรือแฟนเก่า จะมีผลไหมไม่รู้ แต่รู้สึกว่าพลาดตรงนี้ คิดน้อยไป T_T)
ฝ.. เอาสเตจเม้นมาไหม
เรา.. เอามาค่ะ แล้วก็ยื่นให้
เขาเปิดดูทุกหน้า เราปริ้นออกมาจากแอปกสิกร ย้อนหลัง 6 เดือน
(ปล. เรามีเงินกู้ที่เข้าบัญชีมาตอนสิ้นเดือน มกราคม ประมาณ 7 หมื่น เราก็คงบัญชีเอาไว้จนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ เงินเดือนเข้ามาสมทบ ก็เป็นแสนนิดๆ ตรงนี้ไม่รู้ว่าเขาติดใจเรื่องเงินหรือเปล่า)
ดูเสร็จก็พิมพ์ๆๆๆ สักพัก ก็ยื่นพาสกลับมาพร้อมกระดาษสีขาว และยกมือไหว้เราบอกขอโทษ
เราถามว่าทำไมอ่ะ เขาไม่ตอบใดๆ เราเลยเดินออกมา ด้วยความช็อคอีกเช่นเคย ความรู้สึกแบบเดิมเลย
เดินๆอยู่ริมถนนน้ำตาก็คลอๆ จนข้ามฝั่งมาตึกที่จอดรถไว้ตรงข้าม มีร้านกาแฟที่ยังไม่เปิดร้าน ที่มีเก้าอี้นั่งอยู่ข้างร้าน คนยังไม่เยอะ เพราะยังเช้า เรานั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นครึ่งชั่วโมง มันผิดหวังมากๆจริงๆ ตั้งใจว่าจะไปเที่ยว คิดว่ามันไม่น่ายาก จะเสนออะไรให้ดูก็ไม่เอา บ้านฉันก็มี สงสัยเรื่องเงินเหรอ เงินกู้ฉันได้มา มันผิดเหรอ หรือไปเที่ยวบ่อยจนถูกสงสัย ไม่มีเหตุผลใดๆ เหมือนโดนบอกเลิกโดยที่เราไม่รู้ว่าเราผิดตรงไหน ไม่มีโอกาศได้อธิบายอะไรเลย
หรือการลง social media ทั้ง facebook และ IG ที่กรอกไปใน DS 160 จะมีผลอะไรไหม เขาแอบไปส่องแล้วมาตัดสินหรือเแล่า บางรูปก็เป็นรูปที่เราถ่ายแบบ วับๆแวมๆ บิกินี่บัางไรบ้าง บุคลิกเราก็ค่อนไปทางสเปคฝรั่ง เอาตรงนี้มาตัดสินฉันหรือเปล่า ว่าจะไปหาสามีที่โน่น
เราโทรไปเล่าให้เพื่อนอีกคนที่มีวีซ่าอเมริกา เล่าๆให้ฟัง นางสงสัยว่าอาจจะโดนสงสัยเรื่องเงินหรือไม่ก็เรื่องไปเที่ยวเยอรมัน ถ้าโดนถามตรงไหนเยอะ นั่นแหละคือปัญหา
ส่วนเพื่อนชายที่จะไปเที่ยวด้วยกัน สัมภาษณ์อีกวันนึง ผ่านค่ะ เราไม่ได้ถามว่าโดนถามอะไรบ้าง แต่เงินในบัญชีก็มีเป็นโบนัสเงินก้อนเข้ามา ไม่รู้ว่าถูกถามถึงเงินตรงนี้ไหม
และก็มีเพื่อนที่เป็นผู้ชาย ของเพื่อนเราอีกที ไปสัมภาษณ์พร้อมกันกับเพื่อนเรา คนนั้นไม่ผ่านค่ะ เราสามคนแพลนไปกันวันเดียวกัน พักที่เดียวกัน
เริ่มรู้สึกท้อและเกลียดสถานฑูตเมกา เงินค่าวีไม่ใช่น้อยๆ แค่เหตุผลว่าเพราะอะไรไม่ผ่าน ก็ให้ไม่ได้ ตั้งแต่ครั้งแแรกแล้ว ก็แค่อยากไปเยือนนิวยอร์คจริงๆ ถ้าขอใหม่ไปช่วงสิ้นปีเร็วไปไหมนะ
....ก็รู้แหละว่าเขาตัดสินเราจากสิ่งที่เขาคิด ถ้าเขาเชื่อว่าจะไม่ให้ผ่านแล้ว เขาก็จะไม่ฟังอะไรเลย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้