ลูกพี่ลูกน้องได้ยื่นเรื่องทำวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา นัดสัมภาษณ์วันนี้ 29 มกราคม 2557 เวลา 9 โมงเช้า. ถูกปฏเสธวีซ่ามาแล้วนึ่งครั้งเมื่อปี 2555ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่สามารถแสดงหลักฐานความผูกพันธ์กับประเทศตัวเองได้เพียงพอ
แพลนการเดินทางรอบนี้เดินทางพร้อมกับคุณป้าและลูกคุณป้า ที่มีวีซ่าท่องเที่ยวแล้วทั้งสองคน เป็นเวลา 14วัน(ปลายเดือน มีนาคม -10เมษายน) เดินทางไปที่เมืองเวอร์จิเนียและวอชิงตัน ดี.ซี.โดยมีจดหมายเชิญจากเจ้าบ้านคือตัวเราเชิญมาเที่ยวช่วงเทศกาลดอกซากุระบานโดยแนบแผนการเดินทางทั้งหมดตั้งแต่แรกจนถึงวันสุดท้าย
หลังจากที่โดนปฏิเสธจากรอบแรก ก็ได้เตรียมตัวทั้งเรื่องเอกสารและความพร้อมเรื่องการท่องเที่ยวและค่าใช้จ่ายที่ใช้ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้
- จดหมายเชิญให้มาเที่ยวที่อเมริกา ระบุวันที่เชิญมา สถานที่พัก จำนวนวันที่เราเชิญ พร้อมทั้งแผนการเดินทางแบบละเอียดว่าในแต่ละวันไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
- จดหมายแนะนำตัวว่าเป็นใคร ทำงานที่ไหน ไปทำอะไรที่อเมริกา ไปกับใคร ไปกี่วัน พักที่ไหน ใครเป็นคนเชิญ
- ใบลางาน จากที่ทำงาน ระบุวันที่เริ่มงานตำแหน่งงาน เงินเดือน วันที่เราขอลา และวันที่กลับมาทำงาน
- เอกสารเพิ่มเติมที่แสดงถึงความสัมพันธ์กับประเทศไทย คือ 1.สัญญาซื้อขายรถยนต์ ระบุเงินดาวน์ ค่างวด จำนวนงวดที่ผ่อนมาแล้ว และค่างวดที่ยังคงเหลือค้างอยู่ 2.สัญญาจองบ้าน ระบุจำนวนเงินมัดจำ 3. สลากออมสิน จำนวน XXX,XXX บาท
- เสตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือน จาก 2 ธนาคาร คือบัญชีเงินเก็บกับบัญชีเงินเดือน ทั้งสองบัญชีรวม XXX,XXX บาท
เมื่อถึงเวลาสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ถามคำถาม ทำงานที่ไหน ตอบ ... ชื่อที่ทำงาน
แล้วถามต่อว่า แล้วคนที่เขียนจดหมายเชิญเป็นใคร ตอบ...เป็นพี่เขย สามีเรา(จดหมายเชิญเขียนโดยสามี) ...
แล้วก้มหน้าคีย์ข้อมูลแล้วยื่นเอกสารคืนทั้งหมด งงงง..... แล้วถามว่าเหตุผลที่ปฏิเสธในครั้งนี้คืออะไร เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์แสดงอาการหงุดหงิดที่ถามถึงเหตุผล และให้เจ้าหน้าที่อีกท่านมาแจ้งว่า ไม่มีอะไรมายืนยันสถานะทางสังคมทางอเมริกาของตัวเขาและความสัมพันธ์กับคนที่เชิญเราไปเที่ยวไม่แน่แฟ้นพอ .. งงอีกรอบ...
เขายอมรับในเหตุผลที่เขาถูกปฏิเสธในรอบแรกว่าอาจจะแสดงหลักฐานความสัมพันธ์ไม่เพียงพอจริง แต่รอบนี้สงสัยตรงที่เจ้าหน้าที่แจ้งเหตุผลมันขัดแย้งกับครั้งแรก เพราะเขายื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวไม่ใช่วีซ่าถาวรทำไมต้องมีเอกสารมายืนยันสถานะทางสังคมทางอเมริกา และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับคนที่เชิญไปเที่ยว คืองง ตรงที่ว่าเราออกค่าใช้จ่ายเองไม่ใช่คนที่เชิญเรามาเที่ยวต้องแสดงความแน่นแฟ้นแบบไหน คนที่เชิญเป็นญาติทางกฏหมายไม่ใช่แฟน เขาขอวีซ่าท่องเที่ยว(วีซ่าชั่วคราว)ทำไมถามถึงสถานะทางสังคมที่อเมริกาซึ่งมันขัดกับเหตุผลครั้งแรกที่บอกว่าไม่สามารถแสดงความสัมพันธ์กับประเทศเกิดได้เพียงพอ
อยากจะทราบจริงๆค่ะว่ามาตรฐานในการพิจารณาวีซ่ามันเป็นแบบไหน ค่าธรรมเนียมการสัมภาษณ์วีซ่าก็ไม่ใช่ถูก แต่การปฏิเสธแบบเหตุผลที่ขัดแย้งกันเองของเจ้าหน้าที่ในครั้งแรกและครั้งนี้ หรือว่าเอกสารมีความผิดพลาดตรงไหน หรือทำผิดกฏการยื่นขอวีซ่าข้อไหรหรือเปล่า ถ้าเจ้าหน้าที่ปฏิเสธคำขอตามมาตร 214 (บี) พระราชบัญญัติสัญชาติและการเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาในประเภทที่ไม่ใช่ผู้อพยพว่าเป็นผู้ที่เจตนาที่จะอพยพเข้าเมืองของผู้ยื่นคำขอ ทำไมต้องถามถึงสถานะทางคมกับบุคคลที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในอเมริกาเพราะ สิ่งนั้นไม่สามารถยืนยันว่าผู้ยื่นขอวีซ่ามีความผูกพันธ์แน่นแฟ้นกับประเทศเกิด ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหน้าที่ผิดนะคะ แต่งงกับการแปลความหมายของเจ้าหน้าที่ ยังไงรบกวนผู้รู้แนะนำเพิ่มเติมด้วยค่ะ ถือว่าเป็นวิทยาทานกับท่านอื่นๆที่กำลังเตรียมตัวยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวต่อไปค่ะ.
ขอบคุณค่ะ
ไม่เข้าใจมาตรฐานการตัดสินใจออกวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา.
แพลนการเดินทางรอบนี้เดินทางพร้อมกับคุณป้าและลูกคุณป้า ที่มีวีซ่าท่องเที่ยวแล้วทั้งสองคน เป็นเวลา 14วัน(ปลายเดือน มีนาคม -10เมษายน) เดินทางไปที่เมืองเวอร์จิเนียและวอชิงตัน ดี.ซี.โดยมีจดหมายเชิญจากเจ้าบ้านคือตัวเราเชิญมาเที่ยวช่วงเทศกาลดอกซากุระบานโดยแนบแผนการเดินทางทั้งหมดตั้งแต่แรกจนถึงวันสุดท้าย
หลังจากที่โดนปฏิเสธจากรอบแรก ก็ได้เตรียมตัวทั้งเรื่องเอกสารและความพร้อมเรื่องการท่องเที่ยวและค่าใช้จ่ายที่ใช้ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้
- จดหมายเชิญให้มาเที่ยวที่อเมริกา ระบุวันที่เชิญมา สถานที่พัก จำนวนวันที่เราเชิญ พร้อมทั้งแผนการเดินทางแบบละเอียดว่าในแต่ละวันไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
- จดหมายแนะนำตัวว่าเป็นใคร ทำงานที่ไหน ไปทำอะไรที่อเมริกา ไปกับใคร ไปกี่วัน พักที่ไหน ใครเป็นคนเชิญ
- ใบลางาน จากที่ทำงาน ระบุวันที่เริ่มงานตำแหน่งงาน เงินเดือน วันที่เราขอลา และวันที่กลับมาทำงาน
- เอกสารเพิ่มเติมที่แสดงถึงความสัมพันธ์กับประเทศไทย คือ 1.สัญญาซื้อขายรถยนต์ ระบุเงินดาวน์ ค่างวด จำนวนงวดที่ผ่อนมาแล้ว และค่างวดที่ยังคงเหลือค้างอยู่ 2.สัญญาจองบ้าน ระบุจำนวนเงินมัดจำ 3. สลากออมสิน จำนวน XXX,XXX บาท
- เสตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือน จาก 2 ธนาคาร คือบัญชีเงินเก็บกับบัญชีเงินเดือน ทั้งสองบัญชีรวม XXX,XXX บาท
เมื่อถึงเวลาสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ถามคำถาม ทำงานที่ไหน ตอบ ... ชื่อที่ทำงาน
แล้วถามต่อว่า แล้วคนที่เขียนจดหมายเชิญเป็นใคร ตอบ...เป็นพี่เขย สามีเรา(จดหมายเชิญเขียนโดยสามี) ...
แล้วก้มหน้าคีย์ข้อมูลแล้วยื่นเอกสารคืนทั้งหมด งงงง..... แล้วถามว่าเหตุผลที่ปฏิเสธในครั้งนี้คืออะไร เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์แสดงอาการหงุดหงิดที่ถามถึงเหตุผล และให้เจ้าหน้าที่อีกท่านมาแจ้งว่า ไม่มีอะไรมายืนยันสถานะทางสังคมทางอเมริกาของตัวเขาและความสัมพันธ์กับคนที่เชิญเราไปเที่ยวไม่แน่แฟ้นพอ .. งงอีกรอบ...
เขายอมรับในเหตุผลที่เขาถูกปฏิเสธในรอบแรกว่าอาจจะแสดงหลักฐานความสัมพันธ์ไม่เพียงพอจริง แต่รอบนี้สงสัยตรงที่เจ้าหน้าที่แจ้งเหตุผลมันขัดแย้งกับครั้งแรก เพราะเขายื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวไม่ใช่วีซ่าถาวรทำไมต้องมีเอกสารมายืนยันสถานะทางสังคมทางอเมริกา และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับคนที่เชิญไปเที่ยว คืองง ตรงที่ว่าเราออกค่าใช้จ่ายเองไม่ใช่คนที่เชิญเรามาเที่ยวต้องแสดงความแน่นแฟ้นแบบไหน คนที่เชิญเป็นญาติทางกฏหมายไม่ใช่แฟน เขาขอวีซ่าท่องเที่ยว(วีซ่าชั่วคราว)ทำไมถามถึงสถานะทางสังคมที่อเมริกาซึ่งมันขัดกับเหตุผลครั้งแรกที่บอกว่าไม่สามารถแสดงความสัมพันธ์กับประเทศเกิดได้เพียงพอ
อยากจะทราบจริงๆค่ะว่ามาตรฐานในการพิจารณาวีซ่ามันเป็นแบบไหน ค่าธรรมเนียมการสัมภาษณ์วีซ่าก็ไม่ใช่ถูก แต่การปฏิเสธแบบเหตุผลที่ขัดแย้งกันเองของเจ้าหน้าที่ในครั้งแรกและครั้งนี้ หรือว่าเอกสารมีความผิดพลาดตรงไหน หรือทำผิดกฏการยื่นขอวีซ่าข้อไหรหรือเปล่า ถ้าเจ้าหน้าที่ปฏิเสธคำขอตามมาตร 214 (บี) พระราชบัญญัติสัญชาติและการเข้าเมืองสหรัฐอเมริกาในประเภทที่ไม่ใช่ผู้อพยพว่าเป็นผู้ที่เจตนาที่จะอพยพเข้าเมืองของผู้ยื่นคำขอ ทำไมต้องถามถึงสถานะทางคมกับบุคคลที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในอเมริกาเพราะ สิ่งนั้นไม่สามารถยืนยันว่าผู้ยื่นขอวีซ่ามีความผูกพันธ์แน่นแฟ้นกับประเทศเกิด ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหน้าที่ผิดนะคะ แต่งงกับการแปลความหมายของเจ้าหน้าที่ ยังไงรบกวนผู้รู้แนะนำเพิ่มเติมด้วยค่ะ ถือว่าเป็นวิทยาทานกับท่านอื่นๆที่กำลังเตรียมตัวยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวต่อไปค่ะ.
ขอบคุณค่ะ