ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนว่า การไปเที่ยวครั้งนี้เป็นการไปคนเดียวเมื่อ 26-29 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา ชิลไป4วันยาวๆ แต่เพิ่งจะมีโอกาสได้มารีวิวให้ชมกัน และวันนี้ผมขอทำความเข้าใจต่อผู้อ่านนิดนึงว่า ผมคือมือใหม่หัดแต่งภาพ หัดรีวิว มีอะไรแนะนำผมได้นะคับ พร้อมที่จะปรับปรุงเสมอ และอีกอย่างคือผมอาจจะใช้คำพูดที่ไม่ค่อยจะเป็นทางการซักเท่าไหร่ อาจจะมีเหียก หรือสัตว์โลก ปะปนไปบ้าง เพราะด้วยตัวผมเองเป็นคนพูดแบบนี้ ฮาๆกันไป 5555 กระทู้นี้เป็นกระทู้ชิลๆ ชิคๆ กุ๊กๆกิ๊กๆ คุๆคิๆ โลกสวย โลกมืด โลกแคบ เชิญป้ายหน้าคับ
เรามาเริ่มกันเลยยยยย....
26/09/58
ผมเลือกไปกับสายการบินหางแดง โดยเริ่มเดินทาง ดอนเมือง-อุบลราชธานี เที่ยวบินเวลา 07.40 น. เพื่อที่จะต้องไปให้ทันรถโดยสารระหว่างประเทศ อุบล - ปากเซ เที่ยวแรก เวลา 09.30 น.
เมื่อถึงสนามบินและผมก็รีบต่อแท็กซี่จากสนามบิน - บขส.อุบล ราคา 100 บาท
และในที่สุดก็มาถึง บขส.อุบล ในเวลา 09.00 น. รีบจัดการเดินไปซื้อตั๋ว(พร้อมยื่นพาสปอร์ตให้เรียบร้อย) ราคาตั๋ว 200 บาท
**ตารางการเดินรถโดยสารระหว่างประเทศ
อุบล - ปากเซ จะมี 2 เที่ยว/วัน คือ 09.30 น. - 12.30 น. และ 15.30 น. - 18.30 น. (จะใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชม.)
ปากเซ - อุบล ก็จะมี 2 เที่ยว/วัน เช่นกันคือ 08.00 น. - 11.00 น. และ 15.30 น. - 18.30 น. (ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชม.)
หิวมากก็จัดฝรั่งสดๆซักลูกก่อนเป็นไง^^
โซ้ยไปโซ้ยมา อ่าววว!! ไม่มีน้ำกิน เกือบติดคอตาย 555 (รถโดยสารระหว่างประเทศอะไรไม่มีน้ำแจก แอบบ่นในใจ)
ถึงด่านช่องเม็ก ประมาณบ่ายโมง รถก็จอดให้ผู้โดยสารลงไปกรอกใบขอเข้าออกประเทศ
ทางออกไป สปป.ลาว ก็จะเป็นทางมุดลงไปใต้ดิน เพื่อความสะดวกสะบายต่อการเดิน เพราะข้างบนเป็นทางรถ
พอเดินเข้ามาฝั่งลาวก็จะเป็นอีกฟิลนึง แม้ค้าแม่ขาย นั่งปูเสื่อขายของกันเรียงราย
ซ้ายมือจะเป็นธนาคารพงสะหวัน
และเคยศึกษาข้อมูลมาว่า ประเทศลาวรับเงินบาทไทย แต่แลกใช้เป็นเงินกีบจะถูกกว่าเราใช้เงินบาท(กลัวโดนฟันหัวแบะ ก็เลยแลกไป 1,000 บาท) เรทเงินธนาคารพงสะหวัน ณ ตอนนั้นคือ 1 บาท = 227.99 กีบ
เดินออกจากธนาคาร ฝั่งขวามือจะเป็นอาคาร ตม.ลาว หรือเรียกกันว่า ด่านวังเต่า รีบบึ่งไปให้ ตม.ลาว ประทับตราซะโดยดี คิดในใจกูจะโดนค่าเสียหายกี่บาท เคยอ่านรีวิวบางคนบอกว่าเสีย 40 บาท บางคนก็บอกเสีย 200 บาท เป็นค่าเหยียบแผ่นดิน พอผมเข้าไปสรุปโดนเรียก 100 บาท (เค้าเรียกเก็บตามอารมณ์ปะวะ เออ อันนี้ใครรู้มาบอกผมหน่อย) 555
ใช้เวลาเดินทางแปปเดียว นี่ก็ประมาณบ่ายโมงกว่าๆเอง ในที่สุดก็ถึงเมืองปากเซ และรถโดยสารเราจะไปจอดที่ "สถานีขนส่งผู้โดยสารหลัก8" สำหรับคนที่ไม่เคยไป ไม่ต้องกลัวว่าจะไปต่อรถเข้าเมืองที่ไหน ยังไง นี่ไง!!มันจะมีรถโดยสารมาจอดเทียบรถเราเลย โดยมันจะไปจอดที่ตลาดดาวเรือง
ข้างทางมีงานรับปริญญาด้วยนะเออ น่าจะเป็นวิทยาลัยครู อะไรประมาณนี้แหละ คืออ่านก็ไม่ค่อยจะออกไง มั่วไป 555
ในรถมีคนไทย 3 คน มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ก็เลยรู้จักกัน ชวนกันไปกินข้าวเสยยย 5555 น้องผู้ชายชื่อน้องดิน เป็นนักศึกษาแพทย์ ส่วนคุณป้าที่เห็นนั่นคือเชฟฮวย นางเคยทำงานเป็นเชฟที่ลาวมา 3 ปี แล้ววันนี้นางมาขอใบผ่านงานเพื่อที่จะไปเป็นเชฟที่ประเทศออสเตรเลียต่อ
ในเมื่อเราเจอเจ้าถิ่นอย่างเชฟฮวยแล้ว เชฟนางก็เลยสั่งคนขับเลยไปจอดให้ที่ร้านกาแฟดาวเรืองทันที โดยใช้อำนาจคนเคยอยู่ 555 ถึงแล้วก็ลงรถจ่ายค่าเสียหายกันไป
**อัตราการคิดเงินกีบเป็นบาท คร่าวๆ ง่ายๆ ณ ตอนนั้นคือ
5,000 กีบ (เรียกว่าห้าพันกีบ) = 20 บาท
10,000 กีบ (เรียกว่าสิบพันกีบ) = 40 บาท
15,000 กีบ (เรียกว่าสิบห้าพันกีบ) = 60 บาท
20,000 กีบ (เรียกว่าซาวพันกีบ) = 80 บาท (เป็นต้น)
ใครมีเงินกีบจ่าย 10,000 กีบ(40บาท) ถ้าใครไม่ได้แลกมาก็โดนเรียกจ่ายเป็นเงินไทย 50 บาท (สปป.ลาว ไม่รับและใช้เงินเหรียญไทย) ถ้าใครมีใบ50 ก็ถือว่าขาดทุนแค่ 10 บาท แต่ถ้าใครไม่มีใบ 50 ติดกระเป๋าไปก็ต้องจ่ายใบ 20 บาท 3 ใบ (ไม่มีทอน) เท่ากับโดนฟันเพิ่มไปอีก 20 บาทจากราคาตั๋วจริง #กูรอดดดดด 55555
ลงรถแล้วก็รีบเดินไปที่ร้านกาแฟดาวเรือง(กลุ่มบริษัทของกาแฟดาว)
ในร้านมีเมนูอาหารให้เลือกเยอะแยะไปหมด (มีแต่กูไม่รู้จักทั้งนั้นเลย 555 )
สั่งมั่วสิครับ รอไรล่ะ หิวมากกกกกก ไปที่นี่แล้วไม่ลองกาแฟดาวสดๆ ถือว่าไปไม่ถึง (หอมมากกกก กรุ้มกริ่มลิ้มรส)
และนี่ก็เรียกอะไรไม่รู้ มีเส้นๆเหมือนเส้นขนมจีน น้ำเหมือนต้มจืด มีเนื้อปลา จะว่าไปมันก็คือข้าวต้มปลา แต่เปลี่ยนจากข้าวเป็นเส้น ต้องลอง!!
กินเสร็จก็จ่ายค่าเสียหาย คิดบิลรวมแล้ว 166,000 กีบ (ใครกินอะไรก็จ่ายอันนั้น ถ้าคิดเป็นเงินไทยผมจ่ายไปประมาณ 300 กว่าบาท)
จากนั้นเชฟฮวยก็ขอตัวไปทำธุระก่อน ทิ้งท้ายเชฟฮวยบอกว่า ถ้ากลับไปอุบลไปชิมผัดไทยเชฟฮวย ที่เซนทรัลอุบล ชั้นศูนย์อาหาร (เจ้เป็นเจ้าของเอง โอ้วววหม่ายก๊าดดด) และส้มตำจินดาแซบๆ อย่าลืมไปทานนะ!! เหลือผมกับน้องดิน ถามกันไปถามกันมาต่างคนก็ต่างไปคนเดียว จุดมุ่งหมายในการเที่ยววันนั้นคือที่เดียวกัน น้องดินยังไม่มีที่พัก แต่ผมจองผ่านอะโกด้าไว้แล้ว คือโรงแรงลานคำ และก็เลยชวนน้องไปหาที่พักใกล้ๆกัน จะได้เช่ามอไซค์แล้วบิดไปพร้อมๆกัน
>> เดินออกจากร้านอาหารดาวเรือง ก็รีบหารถสามล้อโดยสารให้ไปส่งที่โรงแรมลานคำ คนละ 10,000 กีบ
คนขับก็ใจดีจอดให้เราแลกเงินด้วยนะ เรทดีกว่าธนาคารนิดดดดดดดดเดียว!!!
>> แล้วก็มาถึงโรงแรมลานคำ เวลาประมาณ บ่าย2กว่าๆ เชคอิน รับกุญแจ ทำภาระกิจให้เรียบร้อย แต่จะว่าไปสภาพห้องก็ใช้ได้นะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 600 บาท/คืน เอะใจนิดๆ!! จะคว้าเสื้อคลุม แต่หาไม่เจอ นึกไปนึกมา อ้าวเชี่ยยยย... ทำเสื้อคลุม Wrangler ตกอยู่บนรถโดยสารตอนมาจากสถานีหลัก8 (ไม่โดนฟันค่าโดยสาร แต่โดนบริจาคเสื้อไปเต็มๆ เสียขวัญและกำลังใจนิดหน่อย ช่างแม่มมมมสึดดด
)
บ่าย 3 นัดน้องดินมาเจอกันตรงล่าง แล้วเดินไปเช่ามอไซค์(ร้านอยู่ติดกับโรงแรมเลย)
ค่าเสียหายคนละ 60,000 กีบ/คัน/คน ผัวฝรั่งก็จัดการเขียนเอกสารเช่าให้เรา พร้อมให้แผนที่ไปน้ำตก โดยทางร้านจะเอาพาสปอร์ตเราไว้ จะได้คืนก็ต่อเมื่อนำรถมาคืน และไม่ต้องกลัวหาย เพราะทางร้านจะเก็บของเราไว้อย่างดี
เออๆๆ ก่อจจะแว๊นไปไหนมาไหน เราก็ควรจะเปลี่ยนซิมโทรสับก่อนดีกว่านะ เป็นอะไรไปจะได้ไลน์ติดต่อญาติ หรือ ตำรวจลาวได้ (คิดไปนู่นนนน) 555
ขับไปตามเส้นทางก็เลยแวะศูนย์ซัมซุง เพื่อเปลี่ยนเป็นซิมลาว^^ สาวลาวใจดีและน่ารัก ยิ้มตลอดเลย
ผมเลือกใช้ซิมเนต 3G ราคา15,000 กีบ เติมเงินเพิ่มอีก 10,000 กีบ อยู่ได้ 7 วัน (จริงๆซิม 4G ก็มี แต่พนักงานบอกว่าบางพื้นที่บนเขา 4G ก็ไม่มีคลื่น)
แวะเติมน้ำมันกันก่อน 20,000 กีบ
จากนั้นขับตรงไปเรื่อยๆ ไกลโพ้นนนนน บ่รู้ทางก็ถามเอาโลดดดด
ระยะทางกว่าจะถึงน้ำตกก็ประมาณ 40 กิโลเมตร สภาพทางก็อย่างที่เห็น ฝุ่นล้วนๆ ขี้ตาเต็มเบ้าเลยเมิงเอ้ย อีกอย่างขับเลนส์ขวา(เป็นอะไรที่ไม่ชินเลยซักนิด ไม่ว่าจะเลี้ยวจะแซง งงไปหมด 555)
เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง นักบิดก็นำมอไซค์จอดเทียบท่าที่น้ำตกตาดเยือง
ค่าจอดรถ+ค่าเข้าน้ำตก = 18,000 กีบ
เดินเข้าไปประมาณ 500 เมตร ก็จะเจอร้านค้า ร้านอาหารต่างๆด้านบนน้ำตก และทางเดินลงไปข้างล่างก็เป็นราวไม้เก่าๆ พื้นดินลื่นๆ จัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ฟิลของธรรมชาติไปเต็มๆ
ด้วยน้ำตกที่ตกลงมาจากที่สูงมากๆ จะมีละอองน้ำตลอด เพราะฉะนั้นจึงทำให้พื้นที่แถวนั้นเปียกอยู่ตลอดเวลา เดินก็ค่อยๆระวังเพราะพื้นลื่นมาก ระวังกล้องเปียก ตัวเปียก
อยู่นานไม่ได้ จุดมุ่งหมายเรายังมีอีกหลายที่ เลยชวนน้องดินกลับ เดินขึ้นไปก็หอบใช่ย่อยนะ ขอน้ำ 1 ขวด 5,000 กีบ(แพงงงง TT)
เดินฝอยไปฝอยมาได้เสื้อคลุมมาตัวนึง แทนอีตัวที่หายไป(เจ็บใจมั้ยล่ะเมิงงงง 5555)
เด็กน้อยหอยสังข์ก็วิ่งเล่นกันตามประสา
และแน่นอนว่า บรรยากาศยามเย็นที่นู่นดีมากๆๆ อากาศเย็นสบายเหมือนอยู่เชียงรายยังไงยังงั้น ตลอดข้างทางมีไร่กาแฟดาว สุดลูกหูลูกตา
แว๊นออกมาตั้งหลักที่ถนนใหญ่ ตรงหลัก38 เพื่อที่จะขับย้อนกลับไปน้ำตกตาดฟาน ถึงน้ำตกประมาณ 5โมงครึ่ง ก่อนน้ำตกปิดครึ่งชั่วโมง
ก่อนเข้าไปต้องจ่ายค่าเสียหายเหมือนเดิม แต่ที่นี่แค่ 8,000 กีบเอง
V
v
ว้าวววว!! ตาดฟาน ว้อเธอะฟอววว์
งดงามตามท้องเรื่อง อลังการงานลาวจริงๆ
[CR] เฟี้ยวฟ้าวปากเซ แบกเป้ไปคนเดียว [1]
เรามาเริ่มกันเลยยยยย....
26/09/58
ผมเลือกไปกับสายการบินหางแดง โดยเริ่มเดินทาง ดอนเมือง-อุบลราชธานี เที่ยวบินเวลา 07.40 น. เพื่อที่จะต้องไปให้ทันรถโดยสารระหว่างประเทศ อุบล - ปากเซ เที่ยวแรก เวลา 09.30 น.
เมื่อถึงสนามบินและผมก็รีบต่อแท็กซี่จากสนามบิน - บขส.อุบล ราคา 100 บาท
และในที่สุดก็มาถึง บขส.อุบล ในเวลา 09.00 น. รีบจัดการเดินไปซื้อตั๋ว(พร้อมยื่นพาสปอร์ตให้เรียบร้อย) ราคาตั๋ว 200 บาท
**ตารางการเดินรถโดยสารระหว่างประเทศ
อุบล - ปากเซ จะมี 2 เที่ยว/วัน คือ 09.30 น. - 12.30 น. และ 15.30 น. - 18.30 น. (จะใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชม.)
ปากเซ - อุบล ก็จะมี 2 เที่ยว/วัน เช่นกันคือ 08.00 น. - 11.00 น. และ 15.30 น. - 18.30 น. (ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชม.)
หิวมากก็จัดฝรั่งสดๆซักลูกก่อนเป็นไง^^
โซ้ยไปโซ้ยมา อ่าววว!! ไม่มีน้ำกิน เกือบติดคอตาย 555 (รถโดยสารระหว่างประเทศอะไรไม่มีน้ำแจก แอบบ่นในใจ)
ถึงด่านช่องเม็ก ประมาณบ่ายโมง รถก็จอดให้ผู้โดยสารลงไปกรอกใบขอเข้าออกประเทศ
ทางออกไป สปป.ลาว ก็จะเป็นทางมุดลงไปใต้ดิน เพื่อความสะดวกสะบายต่อการเดิน เพราะข้างบนเป็นทางรถ
พอเดินเข้ามาฝั่งลาวก็จะเป็นอีกฟิลนึง แม้ค้าแม่ขาย นั่งปูเสื่อขายของกันเรียงราย
ซ้ายมือจะเป็นธนาคารพงสะหวัน
และเคยศึกษาข้อมูลมาว่า ประเทศลาวรับเงินบาทไทย แต่แลกใช้เป็นเงินกีบจะถูกกว่าเราใช้เงินบาท(กลัวโดนฟันหัวแบะ ก็เลยแลกไป 1,000 บาท) เรทเงินธนาคารพงสะหวัน ณ ตอนนั้นคือ 1 บาท = 227.99 กีบ
เดินออกจากธนาคาร ฝั่งขวามือจะเป็นอาคาร ตม.ลาว หรือเรียกกันว่า ด่านวังเต่า รีบบึ่งไปให้ ตม.ลาว ประทับตราซะโดยดี คิดในใจกูจะโดนค่าเสียหายกี่บาท เคยอ่านรีวิวบางคนบอกว่าเสีย 40 บาท บางคนก็บอกเสีย 200 บาท เป็นค่าเหยียบแผ่นดิน พอผมเข้าไปสรุปโดนเรียก 100 บาท (เค้าเรียกเก็บตามอารมณ์ปะวะ เออ อันนี้ใครรู้มาบอกผมหน่อย) 555
ใช้เวลาเดินทางแปปเดียว นี่ก็ประมาณบ่ายโมงกว่าๆเอง ในที่สุดก็ถึงเมืองปากเซ และรถโดยสารเราจะไปจอดที่ "สถานีขนส่งผู้โดยสารหลัก8" สำหรับคนที่ไม่เคยไป ไม่ต้องกลัวว่าจะไปต่อรถเข้าเมืองที่ไหน ยังไง นี่ไง!!มันจะมีรถโดยสารมาจอดเทียบรถเราเลย โดยมันจะไปจอดที่ตลาดดาวเรือง
ข้างทางมีงานรับปริญญาด้วยนะเออ น่าจะเป็นวิทยาลัยครู อะไรประมาณนี้แหละ คืออ่านก็ไม่ค่อยจะออกไง มั่วไป 555
ในรถมีคนไทย 3 คน มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ก็เลยรู้จักกัน ชวนกันไปกินข้าวเสยยย 5555 น้องผู้ชายชื่อน้องดิน เป็นนักศึกษาแพทย์ ส่วนคุณป้าที่เห็นนั่นคือเชฟฮวย นางเคยทำงานเป็นเชฟที่ลาวมา 3 ปี แล้ววันนี้นางมาขอใบผ่านงานเพื่อที่จะไปเป็นเชฟที่ประเทศออสเตรเลียต่อ
ในเมื่อเราเจอเจ้าถิ่นอย่างเชฟฮวยแล้ว เชฟนางก็เลยสั่งคนขับเลยไปจอดให้ที่ร้านกาแฟดาวเรืองทันที โดยใช้อำนาจคนเคยอยู่ 555 ถึงแล้วก็ลงรถจ่ายค่าเสียหายกันไป
**อัตราการคิดเงินกีบเป็นบาท คร่าวๆ ง่ายๆ ณ ตอนนั้นคือ
5,000 กีบ (เรียกว่าห้าพันกีบ) = 20 บาท
10,000 กีบ (เรียกว่าสิบพันกีบ) = 40 บาท
15,000 กีบ (เรียกว่าสิบห้าพันกีบ) = 60 บาท
20,000 กีบ (เรียกว่าซาวพันกีบ) = 80 บาท (เป็นต้น)
ใครมีเงินกีบจ่าย 10,000 กีบ(40บาท) ถ้าใครไม่ได้แลกมาก็โดนเรียกจ่ายเป็นเงินไทย 50 บาท (สปป.ลาว ไม่รับและใช้เงินเหรียญไทย) ถ้าใครมีใบ50 ก็ถือว่าขาดทุนแค่ 10 บาท แต่ถ้าใครไม่มีใบ 50 ติดกระเป๋าไปก็ต้องจ่ายใบ 20 บาท 3 ใบ (ไม่มีทอน) เท่ากับโดนฟันเพิ่มไปอีก 20 บาทจากราคาตั๋วจริง #กูรอดดดดด 55555
ลงรถแล้วก็รีบเดินไปที่ร้านกาแฟดาวเรือง(กลุ่มบริษัทของกาแฟดาว)
ในร้านมีเมนูอาหารให้เลือกเยอะแยะไปหมด (มีแต่กูไม่รู้จักทั้งนั้นเลย 555 )
สั่งมั่วสิครับ รอไรล่ะ หิวมากกกกกก ไปที่นี่แล้วไม่ลองกาแฟดาวสดๆ ถือว่าไปไม่ถึง (หอมมากกกก กรุ้มกริ่มลิ้มรส)
และนี่ก็เรียกอะไรไม่รู้ มีเส้นๆเหมือนเส้นขนมจีน น้ำเหมือนต้มจืด มีเนื้อปลา จะว่าไปมันก็คือข้าวต้มปลา แต่เปลี่ยนจากข้าวเป็นเส้น ต้องลอง!!
กินเสร็จก็จ่ายค่าเสียหาย คิดบิลรวมแล้ว 166,000 กีบ (ใครกินอะไรก็จ่ายอันนั้น ถ้าคิดเป็นเงินไทยผมจ่ายไปประมาณ 300 กว่าบาท)
จากนั้นเชฟฮวยก็ขอตัวไปทำธุระก่อน ทิ้งท้ายเชฟฮวยบอกว่า ถ้ากลับไปอุบลไปชิมผัดไทยเชฟฮวย ที่เซนทรัลอุบล ชั้นศูนย์อาหาร (เจ้เป็นเจ้าของเอง โอ้วววหม่ายก๊าดดด) และส้มตำจินดาแซบๆ อย่าลืมไปทานนะ!! เหลือผมกับน้องดิน ถามกันไปถามกันมาต่างคนก็ต่างไปคนเดียว จุดมุ่งหมายในการเที่ยววันนั้นคือที่เดียวกัน น้องดินยังไม่มีที่พัก แต่ผมจองผ่านอะโกด้าไว้แล้ว คือโรงแรงลานคำ และก็เลยชวนน้องไปหาที่พักใกล้ๆกัน จะได้เช่ามอไซค์แล้วบิดไปพร้อมๆกัน
>> เดินออกจากร้านอาหารดาวเรือง ก็รีบหารถสามล้อโดยสารให้ไปส่งที่โรงแรมลานคำ คนละ 10,000 กีบ
คนขับก็ใจดีจอดให้เราแลกเงินด้วยนะ เรทดีกว่าธนาคารนิดดดดดดดดเดียว!!!
>> แล้วก็มาถึงโรงแรมลานคำ เวลาประมาณ บ่าย2กว่าๆ เชคอิน รับกุญแจ ทำภาระกิจให้เรียบร้อย แต่จะว่าไปสภาพห้องก็ใช้ได้นะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 600 บาท/คืน เอะใจนิดๆ!! จะคว้าเสื้อคลุม แต่หาไม่เจอ นึกไปนึกมา อ้าวเชี่ยยยย... ทำเสื้อคลุม Wrangler ตกอยู่บนรถโดยสารตอนมาจากสถานีหลัก8 (ไม่โดนฟันค่าโดยสาร แต่โดนบริจาคเสื้อไปเต็มๆ เสียขวัญและกำลังใจนิดหน่อย ช่างแม่มมมมสึดดด )
บ่าย 3 นัดน้องดินมาเจอกันตรงล่าง แล้วเดินไปเช่ามอไซค์(ร้านอยู่ติดกับโรงแรมเลย)
ค่าเสียหายคนละ 60,000 กีบ/คัน/คน ผัวฝรั่งก็จัดการเขียนเอกสารเช่าให้เรา พร้อมให้แผนที่ไปน้ำตก โดยทางร้านจะเอาพาสปอร์ตเราไว้ จะได้คืนก็ต่อเมื่อนำรถมาคืน และไม่ต้องกลัวหาย เพราะทางร้านจะเก็บของเราไว้อย่างดี
เออๆๆ ก่อจจะแว๊นไปไหนมาไหน เราก็ควรจะเปลี่ยนซิมโทรสับก่อนดีกว่านะ เป็นอะไรไปจะได้ไลน์ติดต่อญาติ หรือ ตำรวจลาวได้ (คิดไปนู่นนนน) 555
ขับไปตามเส้นทางก็เลยแวะศูนย์ซัมซุง เพื่อเปลี่ยนเป็นซิมลาว^^ สาวลาวใจดีและน่ารัก ยิ้มตลอดเลย
ผมเลือกใช้ซิมเนต 3G ราคา15,000 กีบ เติมเงินเพิ่มอีก 10,000 กีบ อยู่ได้ 7 วัน (จริงๆซิม 4G ก็มี แต่พนักงานบอกว่าบางพื้นที่บนเขา 4G ก็ไม่มีคลื่น)
แวะเติมน้ำมันกันก่อน 20,000 กีบ
จากนั้นขับตรงไปเรื่อยๆ ไกลโพ้นนนนน บ่รู้ทางก็ถามเอาโลดดดด
ระยะทางกว่าจะถึงน้ำตกก็ประมาณ 40 กิโลเมตร สภาพทางก็อย่างที่เห็น ฝุ่นล้วนๆ ขี้ตาเต็มเบ้าเลยเมิงเอ้ย อีกอย่างขับเลนส์ขวา(เป็นอะไรที่ไม่ชินเลยซักนิด ไม่ว่าจะเลี้ยวจะแซง งงไปหมด 555)
เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง นักบิดก็นำมอไซค์จอดเทียบท่าที่น้ำตกตาดเยือง
ค่าจอดรถ+ค่าเข้าน้ำตก = 18,000 กีบ
เดินเข้าไปประมาณ 500 เมตร ก็จะเจอร้านค้า ร้านอาหารต่างๆด้านบนน้ำตก และทางเดินลงไปข้างล่างก็เป็นราวไม้เก่าๆ พื้นดินลื่นๆ จัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ฟิลของธรรมชาติไปเต็มๆ
ด้วยน้ำตกที่ตกลงมาจากที่สูงมากๆ จะมีละอองน้ำตลอด เพราะฉะนั้นจึงทำให้พื้นที่แถวนั้นเปียกอยู่ตลอดเวลา เดินก็ค่อยๆระวังเพราะพื้นลื่นมาก ระวังกล้องเปียก ตัวเปียก
อยู่นานไม่ได้ จุดมุ่งหมายเรายังมีอีกหลายที่ เลยชวนน้องดินกลับ เดินขึ้นไปก็หอบใช่ย่อยนะ ขอน้ำ 1 ขวด 5,000 กีบ(แพงงงง TT)
เดินฝอยไปฝอยมาได้เสื้อคลุมมาตัวนึง แทนอีตัวที่หายไป(เจ็บใจมั้ยล่ะเมิงงงง 5555)
เด็กน้อยหอยสังข์ก็วิ่งเล่นกันตามประสา
และแน่นอนว่า บรรยากาศยามเย็นที่นู่นดีมากๆๆ อากาศเย็นสบายเหมือนอยู่เชียงรายยังไงยังงั้น ตลอดข้างทางมีไร่กาแฟดาว สุดลูกหูลูกตา
แว๊นออกมาตั้งหลักที่ถนนใหญ่ ตรงหลัก38 เพื่อที่จะขับย้อนกลับไปน้ำตกตาดฟาน ถึงน้ำตกประมาณ 5โมงครึ่ง ก่อนน้ำตกปิดครึ่งชั่วโมง
ก่อนเข้าไปต้องจ่ายค่าเสียหายเหมือนเดิม แต่ที่นี่แค่ 8,000 กีบเอง
V
v
ว้าวววว!! ตาดฟาน ว้อเธอะฟอววว์
งดงามตามท้องเรื่อง อลังการงานลาวจริงๆ