ประสบการณ์ทรมานสังขาร
ครอบครัวน้องผู้เคยร่วมงาน ได้เปรยๆไว้เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว ...ผมอยากไปภูกระดึง...
ถ้าผมมีโอกาส พี่ไปกับผมหน่อยนะ
จะไปก้อรีบไป หากสูงวัยมากไปกว่านี้...แรงหมด...ไม่ไปนะเฟ้ย!
* * * * * * * * * *
ช่วงฤดูหนาวปลายปี 57 (วัยเกษียณ) เรากับแม่บ้านยังคงเที่ยวหนาวตีโอบด้วยมอเตอร์ไซค์คู่ใจ 200 cc. ในรูปแบบเดิมๆเซอร์ๆเรื่อยๆเหนื่อยพัก กางเต็นท์นอน ไม่กำหนดระยะเวลา แพลนปีนี้ กำแพงเพชร ตาก เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย แล้วค่อยกลับบ้าน
ก่อนฟ้าสาง ตั้งแต่ 22 ธันวา 57 เป็นต้นมา ได้เก็บเกี่ยวเที่ยวนอนตามแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดที่กล่าวได้ตามใจหวังจวบจนมาถึงเชียงคานและนอนอยู่ 2 คืน และคงเหลือเพียงจังหวัดเดียว คือ "หนองคาย" เท่านั้น แต่..ช่วงสายวันที่ 15 มกรา 58 เสียงโทรศัพท์ก้อดังขึ้น เกริ๊ง..เกริ๊ง..เกริ๊ง ตอนนี้พี่อยู่ไหน? พี่อยู่เชียงคานหวะ ครอบครัวผมอยากและพร้อมจะไป "ภูกระดึง" แล้วหละ พี่ไปด้วยกันได้ป่ะ แล้วตอนนี้เจ้าอยู่ไหนหละ ยังอยู่บ้านนครถมเลย แล้วจะออกเดินทางกี่โมงหละ ถ้าพี่ไป..ผมจะเตรียมตัวเดินทางเลยครับพี่ OK..ได้ ขับรถดีๆเน้อ รถยนต์เดี๋ยวเดียวก้อถึง แล้วเจอกันที่ตีนภู ...
นี่แหละจึงเป็นที่ไปที่มาของประสบการณ์ทรมานสังขาร **ฅนต่างวัยใจตรงกันเยือนตามฝัน "ภูกระดึง"** ซึ่งเราเองไม่ได้เตรียมร่างกายอะไรมาก่อนเลย ประกอบกับออกตะลอนๆเที่ยวมาตั้งแต่วันที่ 22 ธันวา 57 จนมาถึงวันที่ 15 มกรา 58 เหลือเพียงจังหวัดเดียวก้อจะเป็นไปตามที่ตั้งใจแล้ว ทำงัยได้หละเพราะเคยรับปากรับคำกับน้องไว้ จังหวัดสุดท้ายเป็นอันว่าต้องพับไปก่อน ระยะทางระหว่างเชียงคาน - ภูกระดึงก้อไม่ไกลกันมากนัก ที่สำคัญคือช่วงเดินเท้าขึ้นลงภูนี่ซี 9ขึ้น9ลงกิโลเขาจะไหวไหมหนอ เมื่อความคิดตกผลึก จึงเก็บเต็นท์เก็บของผูกรัดมัดท้ายออกเดินทางย้อนกลับเข้าเมืองเลยเลี้ยวซ้ายใช้เส้น 201 แวะนั่นนี่ระหว่างทางแล้วดิ่งตรงสู่บ้านศรีฐานถึงอุทยานภูกระดึง 3-4 โมงเย็นโดยประมาณ แล้วเดินสำรวจพื้นที่ว่ามีอะไรบ้าง มีร้านค้า บ้านพัก ลานกางเต็นท์ มีเต็นท์กางอยู่หลายหลัง บางหลังว่างเปล่าไร้เจ้าของ บางหลังยังคงมีผู้คนนอนรอเพื่อเดินขึ้นภูตอนเช้าในวันพรุ่งนี้ ไม่รอช้าจึงมองหาทำเลกางเต็นท์เพื่อพักผ่อนและนอนรอคอยน้อง
เที่ยงคืนโดยประมาณ ครอบครัวน้องก้อมาถึงจึงช่วยกันกางเต็นท์พร้อมพูดคุยและจัดเตรียมสิ่งของใช้จำเป็นที่นำขึ้นภูตอนเช้ารุ่ง แล้วเข้านอนพักผ่อนเอาแรง
เช้าวันที่ 16 มกรา 58 เข้าติดต่อเจ้าหน้าที่ จองเต๊นท์ 2 หลัง 2 คืน หลังละ 225 บาท พร้อมเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ สัมภาระสิ่งของจำเป็นนำชั่งกิโล กิโลละ 30 เพื่อให้ลูกหาบจัดการ สำหรับกลุ่มเรา 5 คน เดินตัวเปล่ากับไม้เท้าหนึ่งอัน
**นักแสวงหาประสบการณ์**
**ธรรมเนียมผู้มาเยือน**
[CR] ฅนต่างวัยใจตรงกันเยือนตามฝัน "ภูกระดึง" 3 วัน 2 คืน
จะไปก้อรีบไป หากสูงวัยมากไปกว่านี้...แรงหมด...ไม่ไปนะเฟ้ย!
ก่อนฟ้าสาง ตั้งแต่ 22 ธันวา 57 เป็นต้นมา ได้เก็บเกี่ยวเที่ยวนอนตามแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดที่กล่าวได้ตามใจหวังจวบจนมาถึงเชียงคานและนอนอยู่ 2 คืน และคงเหลือเพียงจังหวัดเดียว คือ "หนองคาย" เท่านั้น แต่..ช่วงสายวันที่ 15 มกรา 58 เสียงโทรศัพท์ก้อดังขึ้น เกริ๊ง..เกริ๊ง..เกริ๊ง ตอนนี้พี่อยู่ไหน? พี่อยู่เชียงคานหวะ ครอบครัวผมอยากและพร้อมจะไป "ภูกระดึง" แล้วหละ พี่ไปด้วยกันได้ป่ะ แล้วตอนนี้เจ้าอยู่ไหนหละ ยังอยู่บ้านนครถมเลย แล้วจะออกเดินทางกี่โมงหละ ถ้าพี่ไป..ผมจะเตรียมตัวเดินทางเลยครับพี่ OK..ได้ ขับรถดีๆเน้อ รถยนต์เดี๋ยวเดียวก้อถึง แล้วเจอกันที่ตีนภู ...
นี่แหละจึงเป็นที่ไปที่มาของประสบการณ์ทรมานสังขาร **ฅนต่างวัยใจตรงกันเยือนตามฝัน "ภูกระดึง"** ซึ่งเราเองไม่ได้เตรียมร่างกายอะไรมาก่อนเลย ประกอบกับออกตะลอนๆเที่ยวมาตั้งแต่วันที่ 22 ธันวา 57 จนมาถึงวันที่ 15 มกรา 58 เหลือเพียงจังหวัดเดียวก้อจะเป็นไปตามที่ตั้งใจแล้ว ทำงัยได้หละเพราะเคยรับปากรับคำกับน้องไว้ จังหวัดสุดท้ายเป็นอันว่าต้องพับไปก่อน ระยะทางระหว่างเชียงคาน - ภูกระดึงก้อไม่ไกลกันมากนัก ที่สำคัญคือช่วงเดินเท้าขึ้นลงภูนี่ซี 9ขึ้น9ลงกิโลเขาจะไหวไหมหนอ เมื่อความคิดตกผลึก จึงเก็บเต็นท์เก็บของผูกรัดมัดท้ายออกเดินทางย้อนกลับเข้าเมืองเลยเลี้ยวซ้ายใช้เส้น 201 แวะนั่นนี่ระหว่างทางแล้วดิ่งตรงสู่บ้านศรีฐานถึงอุทยานภูกระดึง 3-4 โมงเย็นโดยประมาณ แล้วเดินสำรวจพื้นที่ว่ามีอะไรบ้าง มีร้านค้า บ้านพัก ลานกางเต็นท์ มีเต็นท์กางอยู่หลายหลัง บางหลังว่างเปล่าไร้เจ้าของ บางหลังยังคงมีผู้คนนอนรอเพื่อเดินขึ้นภูตอนเช้าในวันพรุ่งนี้ ไม่รอช้าจึงมองหาทำเลกางเต็นท์เพื่อพักผ่อนและนอนรอคอยน้อง
เที่ยงคืนโดยประมาณ ครอบครัวน้องก้อมาถึงจึงช่วยกันกางเต็นท์พร้อมพูดคุยและจัดเตรียมสิ่งของใช้จำเป็นที่นำขึ้นภูตอนเช้ารุ่ง แล้วเข้านอนพักผ่อนเอาแรง
เช้าวันที่ 16 มกรา 58 เข้าติดต่อเจ้าหน้าที่ จองเต๊นท์ 2 หลัง 2 คืน หลังละ 225 บาท พร้อมเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ สัมภาระสิ่งของจำเป็นนำชั่งกิโล กิโลละ 30 เพื่อให้ลูกหาบจัดการ สำหรับกลุ่มเรา 5 คน เดินตัวเปล่ากับไม้เท้าหนึ่งอัน