ทริปคุณแม่วัยใกล้ 50อยากเที่ยวภูกระดึง เกิดขึ้นเพราะอยากรู้ว่าตัวเองยังไหวอยู่มั๊ย เลยชักชวนคุณลูกสาว ทั้งล่อทั้งหลอกให้ไปด้วย...สุดท้ายสำเร็จค่ะ ตลอดทั้งทริปคอยเทคแคร์คุณแม่อย่างดีเยี่ยม
โปรแกรมคือ 5วัน 3คืน ภูเก็ต-ภูกระดึง-เชียงคาน
ต้องขอเอ่ยก่อนเลยว่าเป็นรีวิวแรกที่ลองเขียนแบ่งปันประสบการณ์ เผื่อจะเป็นกำลังใจให้สาวสูงวัยได้เป็นแรงผลักดันอยากขึ้นภูยามนี้กันบ้าง
เริ่มเดินทางจากภูเก็ตกันแต่เช้า เครื่องถึงดอนเมือง 8.30น. ยังมีเวลาอีกเกือบ2ชม. ใช้เวลาที่มีอยู่อย่างมีค่า...กินค่ะกิน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
อิ่มกันแล้วไปกันต่อ กทม.-เลย ออกเดินทาง 10.30น.ใช้เวลาบนเครื่องเพียงชั่วโมงเดียว ยังไม่ทันได้งีบก็ถึงแล้ว....เย้ๆๆสนามบินเลย เล็กกระทัดรัดน่ารักจริงๆ
แบกทั้งตัวและกระเป๋ามาขึ้นรถ “สกายแลป” ไปบขส.เพื่อต่อรถไปภูกระดึงกัน(ไม่ได้ข้ามถนนมาขึ้นรถ เพราะกลัวว่าจะไม่มีที่นั่งค่ะ)
ใช้บริการรถทัวร์ที่จะมุ่งหน้าไปขอนแก่นค่ะ สภาพรถไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็โอเคนะ ใช้เวลาแค่ชั่วโมงหน่อยๆก็มาถึงก็มาถึงจุดจอดรถ และเนื่องจากเรามาถึงกันช่วงบ่ายโมงกว่าๆแล้ว เลยต้องเหมารถสองแถวมาตีนภูค่ะ(200บาท) แปบเดียวเราก็มาถึง ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติภูกระดึงค่ะ เนื่องจากอีก15นาทีจะบ่ายสองโมงเจ้าหน้าที่จึงไม่อนุญาตให้เราขึ้นภูในวันนี้(สงสัยเห็นเราสูงวัย กลัวขึ้นไม่ทันฟ้ามืดแน่ๆ) เพื่อไม่ให้เสียเวลา ถ่ายรูปเล่นๆ สำรวจพื้นที่ ร้านอาหาร และกินๆๆดีกว่าเนอะ
เช้านี้เจอของจริงแล้ว 7.50น. วันนี้เราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม...อาหารเช้าเป็นสิ่งสำคัญ แต่ๆๆๆๆคุณลูกสาวเตือนคุณแม่แล้วว่าอย่ากินเยอะเพราะเดี๋ยวจะจุก เวลาเดินขึ้นภู
สัมภาระคือกระเป๋า 2 ใบ น้ำหนัก 9กิโล ไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะว่าไม่มีปัญญาแน่นอน ถ้าไม่พึ่งลูกหาบจอมพลัง ค่าแบก 30บาทต่อกิโลค่ะ เป็นราคาที่ไม่แพงเลย เป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นด้วย(จขกท.จึงคัดค้านการสร้างกระเช้าขึ้นภู ด้วยเหตุนี้)
ก็จริงแค่พื้นลาดขึ้นเชิงเขา เดินระยะแค่200เมตร คุณแม่ก็จุกซะแล้ว เกือบไป ต้องขอเดินช้าๆสักพัก โอเคแบกสังขารกันต่อไป
“ซำแฮก” เค้าว่ากันว่าโหดนักโหดหนา ระยะทางประมาณ 1กิโล แต่....เป็นอย่างนั้นจริงๆ แฮกสมชื่อกว่าจะขึ้นไปคิดว่าเกือบไม่รอด...แต่รอด พักกินน้ำแข็งไสเย็นๆสักถ้วย เอาแรงไว้เดินซำต่อไป
เคยอ่านรีวิวอื่นๆ...เค้าว่ากันว่าพ้นซำแฮกแล้วก็จะเป็นทางธรรมดาๆ...แต่....มันไม่จริง ความลาดยังคงมี ความชันอาจจะน้อยลง แต่ก็ยังนับว่าเหนื่อยหนัก เป้าหมายซำต่อไป “ซำบอน” ระยะทาง 700เมตร และซำต่อๆไป ซำกกกอ ซำกอซาง พร่านพรานแป ซำกกหว้า ซำกกไผ่ ซำกกโดน แวะทุกซำที่มีร้านขายของ ทั้งเสาวรสโรยพริกเกลือ มะเฟือง มะม่วงดอง มาม่าผัดขี้เมา ฟาดเรียบ โดยเฉพาะสปอนเซอร์
ซำแคร่ จะเป็นซำสุดท้ายก่อนจะขึ้นถึงหลังแป...ไม่รู้นะว่าซำไหนจะหนักกว่ากัน ระหว่างซำแฮก กับซำแคร่-หลังแป อาจเพราะความล้าที่เดินมาเกือบห้าชั่วโมง ...แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างน่าภาคภูมิใจ(ต้องเข้าใจนะคะว่า จขกท.อายุปาเข้าไปเกือบห้าสิบแล้ว ส่วนคุณลูกสาวอายุ 16 ปี)
หลังแป...ของช้าน...ขอนั่งพักสักแปบ
คราวนี้สู้ตายสำหรับทางราบบนหลังแป-วังกวาง 3กิโลกว่าๆ สบม.สบายมาก
กว่าจะถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เดินแบบชิลๆก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสองโมง ติดต่อหาเต็นท์นอนสำหรับ 2คืนก่อนนะ….เอาเต็นท์ไหนดี????
โชคดีมากกกกกกก....เราได้เต็นท์ในร่มที่กางกันอยู่แค่2 เต็นท์ จากการสอบถามแม่ค้าตามซำต่างๆ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มีทากแน่นอน และยิ่งเป็นดงทากคือตรงที่อุทยานกางเต็นท์ไว้(พื้นเป็นสนามหญ้า)....นั่นเป็นเรื่องจริงขอบอก เหมือนโชคเข้าข้าง ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำ เจอเต็นท์ว่างอยู่ 1เต็นท์พอดี มีหลังคากันฝนด้วย(เผื่อฝน เผื่อน้ำค้าง) สบายจริงๆๆๆ
วันนี้เราคงไม่ได้ไปไหนกัน พักสบายๆแล้วกันหาของกินให้อิ่มท้อง...ไม่น่าเชื่อขึ้นมาถึงบนภู มีจิ้มจุ่มให้กินด้วย...จัดเลย..เยอะมาก 300บาท เป็นราคาที่ยอมรับได้ ไม่แพง
อิ่มท้องแล้วนอนหลับเอาแรง เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นกันตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เพราะทางอุทยานประกาศออกไมค์ว่าถ้าท่านใดต้องการไปดูพระอาทิตย์ขึ้นให้มารวมตัวกันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ห้ามไปเองโดยเด็ดขาด จะมีเจ้าหน้าที่นำทางไปให้..โอเค...เรานอนกันตั้งแต่หัวค่ำ...แต่..นอนไม่หลับง่ายๆหรอกค่ะ เพราะเสียงกรี๊ดๆๆๆๆๆตลอด...ทากค่ะทาก มันมาแล้ว เต็นท์ที่อยู่ในดงทาก ทั้งหลายนั่นหล่ะค่ะ พอเจอตัวก็กรี๊ดกันที จนเกือบเที่ยงคืน เสียงกรี๊ดจางหาย นอนได้สบายใจ ..ราตรีสวัสดิ์ค่ะ พรุ่งนี้เจอกัน...ผานกแอ่น
ก่อนนอน บรรเทาปวดตึงกันสักนิด...นิดเดียวเอง
ตื่นตามกำหนด เพราะกลัวโดนทิ้ง...ซึ่งก็จริงๆใครมาไม่ทันตามกำหนดคือตีห้า เจ้าหน้าที่อุทยานทิ้งจริงๆค่ะ เพราะถือว่านัดแล้วเดี๋ยวไปไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น
ระยะทางจากศูนย์ฯ ก็ประมาณ2 กิโล สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ไฟฉายค่ะ เพราะมืดมากมีแต่แสงไฟฉายจากคนข้างหน้าซึ่งเราจะต้องเร่งฝีเท้าให้ทันกันค่ะ ไม่งั้นก็น่ากลัวอยู่ค่ะ ยิ่งคนมีจินตนาการสูง ก็พาลให้นึกไปถึงข้างทางมืดๆ จะมีอะไรโผล่มามั๊ย....ไม่มีอะไรค่ะ เพราะถ้ามีคนข้างหน้าเราคงเจอก่อนแล้ว อิอิ
ถึงแล้ว ผานกแอ่น...จับจองที่นั่งรอพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งอย่างเดียวเลย อากาศกำลังดีไม่หนาวเกินไป ใส่เสื้อหนาวให้พอดูหนาวๆได้ค่ะ ป้ายแจ้งอุณหภูมิต่ำสุดที่ 15องศาค่ะ
[img]http://f.ptcdn.info/856/036/000/nwxlle3qfrtrAx3tTOB-
o.jpg[/img]
พระอาทิตย์อวดโฉมเต็มดวงแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะประกาศว่าพระอาทิตย์ขึ้นเวลา....โมง กลับกันได้แล้ว เก็บภาพกันจนพอใจ ขากลับก็ตัวใครตัวมันค่ะ แสงสว่างมีมากพอแล้ว แวะเที่ยวต่อกันที่ ลาดวัดพระแก้ว
พักเอาแรงกันสักหน่อย โปรแกรมวันนี้ของเราเต็มวันกันเลยทีเดียว ประมาณการณ์ไว้ว่าจะออกจากที่พักไปเช่าจักรยานขี่เลาะหน้าผาไปเรื่อยๆ จนถึงผ่าหล่มสัก แล้วย้อนกลับทางเดิมเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดินที่ผาหมากดูก(ไม่รอดูที่ผาหล่มสัก เพราะกลัวมืดค่ะ ระยะทางไกลเอาการอยู่ ตั้ง 9 กิโลเชียว)
เช้านี้จขกท.ได้ทำบุญด้วยค่ะ...บริจาคโลหิตให้เจ้าทากน้อยไป1ตัว สงสัยคงกินจนอิ่มท้องแล้วเลยตีจาก หาตัวผู้ต้องสงสัยไม่พบค่ะ พบแต่บาดแผลให้ดูต่างหน้า ไม่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยวค่ะ...ไปต่อ
ที่อุทยานมีจักรยานให้เช่าค่ะ ถ้าจำไม่ผิดเช่าคันละ 360 บาทต่อคัน ปั่นกันทั้งวันค่ะ จักรยานเราไม่มีไฟหน้ารถ เจ้าหน้าที่จึงกำชับเราว่า เราต้องออกจากผาหล่มสักไม่เกิน 4โมงเย็น ซึ่งก็ตรงใจเราว่าจะไม่รอดูพระอาทิตย์ตกดินที่ผานี้ ...เริ่มปั่นกันเลยค่ะ ผาหมากดูก ผาแรกใกล้ที่พักมากที่สุด 2กิโลนิดๆทางยังไม่โหด เพราะเป็นทางค่อนข้างเรียบมีหลุมบ้างนิดหน่อย แวะค่ะแวะ กินเฉาก๊วย ลูกชิดกันคนละถ้วย ผาจำศีล...ผานาน้อย...ผาเหยียบเมฆ...ผาแดง.....สุดท้าย...ผาหล่มสัก ระยะทางรวม9กิโลกว่าๆ...ระยะทางไม่ได้เป็นสิ่งยากนักสำหรับปั่นจักรยาน
ผาจำศีล...ผานาน้อย...ผาเหยียบเมฆ...ผาแดง.....สุดท้าย...ผาหล่มสัก ระยะทางรวม9กิโลกว่าๆ...ระยะทางไม่ได้เป็นสิ่งยากนักสำหรับปั่นจักรยาน 9กิโล แต่ๆๆๆๆๆๆ ทั้งรากไม้ หินเยอะๆๆๆ บ่อโคลน สาหัสค่ะสาหัส ก้นแทบจะใช้งานไม่ได้ไปเลยค่ะ
หนังท้องตึง...แต่หนังตาไม่หย่อนนะคะ เพราะเราต้องถ่ายๆๆๆรูปเยอะๆ อย่างที่บอกหล่ะค่ะว่า จขกท.เป็นคนสูงวัยแล้ว จึงคิดว่าต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเยอะๆๆๆหน่อย ส่วนคุณลูกสาวน่าจะมีโอกาสมาได้อีก เหมือนสมัยสาวๆที่แม่มาตอนเรียนมหาวิทยาลัยปี2
ได้เวลาปั่นกลับกันแล้ว...ระหว่างทางกลับไม่ง่ายอีกเช่นกัน เพราะก้นระบมตอนขามาแล้ว ขากลับเลยค่อยๆๆๆๆปั่นไปเรื่อยๆ คุณลูกสาวก็ช่างนัก นำหน้าแม่ไปตั้งกล้องดักถ่ายรูปตอนแม่หน้าขำๆ แถมถ่ายวีดีโอไว้อีกต่างหาก สนุกเค้าหล่ะ เราปั่นกลับทางเดิม เพราะเราลงมติกันแล้วว่าเราจะไม่เข้าไปเที่ยวฝั่งน้ำตกด้านใน(เป็นคนไม่ค่อยชอบน้ำตกค่ะ) พอดีกับที่พระอาทิตย์กำลังตกแต่ยังมีแสง เราก็ถึงผาหมากดูกตามกำหนด ถ่ายรูปสักพัก
คืนนี้ราตรีสวัสดิ์นะ พรุ่งนี้เราจะลงภูแต่เช้า...
ไม่แพ้กันเลยระหว่างขาขึ้นและขาลงใช้เวลา4ชม.ค่ะ
.เชียงคานคือเป้าหมายต่อไป นั่งสองแถวร่วมกับนักเดินทางอื่นๆ เพื่อไปลงผานกเค้าค่ะ
เดินเล่นถนนคนเดินเชียงคานด้วยกันนะคะ
เช้าวันใหม่กิจกรรม สำหรับนักท่องเที่ยว เชียงคานคือการตักบาตรข้าวเหนียว
ได้เวลาอำลาเมืองเลยแล้วค่ะ ขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตาม ขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานใจดี และขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่แซวกันได้ตลอดทาง ผลัดกันนำผลัดกันตาม สนุกมากมายค่ะ ใครมีโอกาส มีกำลัง มีความตั้งใจ อย่าลืมนะคะ สักครั้งในชีวิต....”ภูกระดึง”
[CR] แบกเป้ขึ้นภูกระดึง
โปรแกรมคือ 5วัน 3คืน ภูเก็ต-ภูกระดึง-เชียงคาน
ต้องขอเอ่ยก่อนเลยว่าเป็นรีวิวแรกที่ลองเขียนแบ่งปันประสบการณ์ เผื่อจะเป็นกำลังใจให้สาวสูงวัยได้เป็นแรงผลักดันอยากขึ้นภูยามนี้กันบ้าง
เริ่มเดินทางจากภูเก็ตกันแต่เช้า เครื่องถึงดอนเมือง 8.30น. ยังมีเวลาอีกเกือบ2ชม. ใช้เวลาที่มีอยู่อย่างมีค่า...กินค่ะกิน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
อิ่มกันแล้วไปกันต่อ กทม.-เลย ออกเดินทาง 10.30น.ใช้เวลาบนเครื่องเพียงชั่วโมงเดียว ยังไม่ทันได้งีบก็ถึงแล้ว....เย้ๆๆสนามบินเลย เล็กกระทัดรัดน่ารักจริงๆ
แบกทั้งตัวและกระเป๋ามาขึ้นรถ “สกายแลป” ไปบขส.เพื่อต่อรถไปภูกระดึงกัน(ไม่ได้ข้ามถนนมาขึ้นรถ เพราะกลัวว่าจะไม่มีที่นั่งค่ะ)
ใช้บริการรถทัวร์ที่จะมุ่งหน้าไปขอนแก่นค่ะ สภาพรถไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็โอเคนะ ใช้เวลาแค่ชั่วโมงหน่อยๆก็มาถึงก็มาถึงจุดจอดรถ และเนื่องจากเรามาถึงกันช่วงบ่ายโมงกว่าๆแล้ว เลยต้องเหมารถสองแถวมาตีนภูค่ะ(200บาท) แปบเดียวเราก็มาถึง ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติภูกระดึงค่ะ เนื่องจากอีก15นาทีจะบ่ายสองโมงเจ้าหน้าที่จึงไม่อนุญาตให้เราขึ้นภูในวันนี้(สงสัยเห็นเราสูงวัย กลัวขึ้นไม่ทันฟ้ามืดแน่ๆ) เพื่อไม่ให้เสียเวลา ถ่ายรูปเล่นๆ สำรวจพื้นที่ ร้านอาหาร และกินๆๆดีกว่าเนอะ
เช้านี้เจอของจริงแล้ว 7.50น. วันนี้เราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม...อาหารเช้าเป็นสิ่งสำคัญ แต่ๆๆๆๆคุณลูกสาวเตือนคุณแม่แล้วว่าอย่ากินเยอะเพราะเดี๋ยวจะจุก เวลาเดินขึ้นภู
สัมภาระคือกระเป๋า 2 ใบ น้ำหนัก 9กิโล ไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะว่าไม่มีปัญญาแน่นอน ถ้าไม่พึ่งลูกหาบจอมพลัง ค่าแบก 30บาทต่อกิโลค่ะ เป็นราคาที่ไม่แพงเลย เป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นด้วย(จขกท.จึงคัดค้านการสร้างกระเช้าขึ้นภู ด้วยเหตุนี้)
ก็จริงแค่พื้นลาดขึ้นเชิงเขา เดินระยะแค่200เมตร คุณแม่ก็จุกซะแล้ว เกือบไป ต้องขอเดินช้าๆสักพัก โอเคแบกสังขารกันต่อไป
“ซำแฮก” เค้าว่ากันว่าโหดนักโหดหนา ระยะทางประมาณ 1กิโล แต่....เป็นอย่างนั้นจริงๆ แฮกสมชื่อกว่าจะขึ้นไปคิดว่าเกือบไม่รอด...แต่รอด พักกินน้ำแข็งไสเย็นๆสักถ้วย เอาแรงไว้เดินซำต่อไป
เคยอ่านรีวิวอื่นๆ...เค้าว่ากันว่าพ้นซำแฮกแล้วก็จะเป็นทางธรรมดาๆ...แต่....มันไม่จริง ความลาดยังคงมี ความชันอาจจะน้อยลง แต่ก็ยังนับว่าเหนื่อยหนัก เป้าหมายซำต่อไป “ซำบอน” ระยะทาง 700เมตร และซำต่อๆไป ซำกกกอ ซำกอซาง พร่านพรานแป ซำกกหว้า ซำกกไผ่ ซำกกโดน แวะทุกซำที่มีร้านขายของ ทั้งเสาวรสโรยพริกเกลือ มะเฟือง มะม่วงดอง มาม่าผัดขี้เมา ฟาดเรียบ โดยเฉพาะสปอนเซอร์
ซำแคร่ จะเป็นซำสุดท้ายก่อนจะขึ้นถึงหลังแป...ไม่รู้นะว่าซำไหนจะหนักกว่ากัน ระหว่างซำแฮก กับซำแคร่-หลังแป อาจเพราะความล้าที่เดินมาเกือบห้าชั่วโมง ...แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างน่าภาคภูมิใจ(ต้องเข้าใจนะคะว่า จขกท.อายุปาเข้าไปเกือบห้าสิบแล้ว ส่วนคุณลูกสาวอายุ 16 ปี)
หลังแป...ของช้าน...ขอนั่งพักสักแปบ
คราวนี้สู้ตายสำหรับทางราบบนหลังแป-วังกวาง 3กิโลกว่าๆ สบม.สบายมาก
กว่าจะถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เดินแบบชิลๆก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสองโมง ติดต่อหาเต็นท์นอนสำหรับ 2คืนก่อนนะ….เอาเต็นท์ไหนดี????
โชคดีมากกกกกกก....เราได้เต็นท์ในร่มที่กางกันอยู่แค่2 เต็นท์ จากการสอบถามแม่ค้าตามซำต่างๆ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มีทากแน่นอน และยิ่งเป็นดงทากคือตรงที่อุทยานกางเต็นท์ไว้(พื้นเป็นสนามหญ้า)....นั่นเป็นเรื่องจริงขอบอก เหมือนโชคเข้าข้าง ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำ เจอเต็นท์ว่างอยู่ 1เต็นท์พอดี มีหลังคากันฝนด้วย(เผื่อฝน เผื่อน้ำค้าง) สบายจริงๆๆๆ
วันนี้เราคงไม่ได้ไปไหนกัน พักสบายๆแล้วกันหาของกินให้อิ่มท้อง...ไม่น่าเชื่อขึ้นมาถึงบนภู มีจิ้มจุ่มให้กินด้วย...จัดเลย..เยอะมาก 300บาท เป็นราคาที่ยอมรับได้ ไม่แพง
อิ่มท้องแล้วนอนหลับเอาแรง เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นกันตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เพราะทางอุทยานประกาศออกไมค์ว่าถ้าท่านใดต้องการไปดูพระอาทิตย์ขึ้นให้มารวมตัวกันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ห้ามไปเองโดยเด็ดขาด จะมีเจ้าหน้าที่นำทางไปให้..โอเค...เรานอนกันตั้งแต่หัวค่ำ...แต่..นอนไม่หลับง่ายๆหรอกค่ะ เพราะเสียงกรี๊ดๆๆๆๆๆตลอด...ทากค่ะทาก มันมาแล้ว เต็นท์ที่อยู่ในดงทาก ทั้งหลายนั่นหล่ะค่ะ พอเจอตัวก็กรี๊ดกันที จนเกือบเที่ยงคืน เสียงกรี๊ดจางหาย นอนได้สบายใจ ..ราตรีสวัสดิ์ค่ะ พรุ่งนี้เจอกัน...ผานกแอ่น
ก่อนนอน บรรเทาปวดตึงกันสักนิด...นิดเดียวเอง
ตื่นตามกำหนด เพราะกลัวโดนทิ้ง...ซึ่งก็จริงๆใครมาไม่ทันตามกำหนดคือตีห้า เจ้าหน้าที่อุทยานทิ้งจริงๆค่ะ เพราะถือว่านัดแล้วเดี๋ยวไปไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น
ระยะทางจากศูนย์ฯ ก็ประมาณ2 กิโล สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ไฟฉายค่ะ เพราะมืดมากมีแต่แสงไฟฉายจากคนข้างหน้าซึ่งเราจะต้องเร่งฝีเท้าให้ทันกันค่ะ ไม่งั้นก็น่ากลัวอยู่ค่ะ ยิ่งคนมีจินตนาการสูง ก็พาลให้นึกไปถึงข้างทางมืดๆ จะมีอะไรโผล่มามั๊ย....ไม่มีอะไรค่ะ เพราะถ้ามีคนข้างหน้าเราคงเจอก่อนแล้ว อิอิ
ถึงแล้ว ผานกแอ่น...จับจองที่นั่งรอพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งอย่างเดียวเลย อากาศกำลังดีไม่หนาวเกินไป ใส่เสื้อหนาวให้พอดูหนาวๆได้ค่ะ ป้ายแจ้งอุณหภูมิต่ำสุดที่ 15องศาค่ะ[img]http://f.ptcdn.info/856/036/000/nwxlle3qfrtrAx3tTOB-
o.jpg[/img]
พระอาทิตย์อวดโฉมเต็มดวงแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะประกาศว่าพระอาทิตย์ขึ้นเวลา....โมง กลับกันได้แล้ว เก็บภาพกันจนพอใจ ขากลับก็ตัวใครตัวมันค่ะ แสงสว่างมีมากพอแล้ว แวะเที่ยวต่อกันที่ ลาดวัดพระแก้ว
พักเอาแรงกันสักหน่อย โปรแกรมวันนี้ของเราเต็มวันกันเลยทีเดียว ประมาณการณ์ไว้ว่าจะออกจากที่พักไปเช่าจักรยานขี่เลาะหน้าผาไปเรื่อยๆ จนถึงผ่าหล่มสัก แล้วย้อนกลับทางเดิมเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดินที่ผาหมากดูก(ไม่รอดูที่ผาหล่มสัก เพราะกลัวมืดค่ะ ระยะทางไกลเอาการอยู่ ตั้ง 9 กิโลเชียว)
เช้านี้จขกท.ได้ทำบุญด้วยค่ะ...บริจาคโลหิตให้เจ้าทากน้อยไป1ตัว สงสัยคงกินจนอิ่มท้องแล้วเลยตีจาก หาตัวผู้ต้องสงสัยไม่พบค่ะ พบแต่บาดแผลให้ดูต่างหน้า ไม่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยวค่ะ...ไปต่อ
ที่อุทยานมีจักรยานให้เช่าค่ะ ถ้าจำไม่ผิดเช่าคันละ 360 บาทต่อคัน ปั่นกันทั้งวันค่ะ จักรยานเราไม่มีไฟหน้ารถ เจ้าหน้าที่จึงกำชับเราว่า เราต้องออกจากผาหล่มสักไม่เกิน 4โมงเย็น ซึ่งก็ตรงใจเราว่าจะไม่รอดูพระอาทิตย์ตกดินที่ผานี้ ...เริ่มปั่นกันเลยค่ะ ผาหมากดูก ผาแรกใกล้ที่พักมากที่สุด 2กิโลนิดๆทางยังไม่โหด เพราะเป็นทางค่อนข้างเรียบมีหลุมบ้างนิดหน่อย แวะค่ะแวะ กินเฉาก๊วย ลูกชิดกันคนละถ้วย ผาจำศีล...ผานาน้อย...ผาเหยียบเมฆ...ผาแดง.....สุดท้าย...ผาหล่มสัก ระยะทางรวม9กิโลกว่าๆ...ระยะทางไม่ได้เป็นสิ่งยากนักสำหรับปั่นจักรยาน
ผาจำศีล...ผานาน้อย...ผาเหยียบเมฆ...ผาแดง.....สุดท้าย...ผาหล่มสัก ระยะทางรวม9กิโลกว่าๆ...ระยะทางไม่ได้เป็นสิ่งยากนักสำหรับปั่นจักรยาน 9กิโล แต่ๆๆๆๆๆๆ ทั้งรากไม้ หินเยอะๆๆๆ บ่อโคลน สาหัสค่ะสาหัส ก้นแทบจะใช้งานไม่ได้ไปเลยค่ะ
หนังท้องตึง...แต่หนังตาไม่หย่อนนะคะ เพราะเราต้องถ่ายๆๆๆรูปเยอะๆ อย่างที่บอกหล่ะค่ะว่า จขกท.เป็นคนสูงวัยแล้ว จึงคิดว่าต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเยอะๆๆๆหน่อย ส่วนคุณลูกสาวน่าจะมีโอกาสมาได้อีก เหมือนสมัยสาวๆที่แม่มาตอนเรียนมหาวิทยาลัยปี2
ได้เวลาปั่นกลับกันแล้ว...ระหว่างทางกลับไม่ง่ายอีกเช่นกัน เพราะก้นระบมตอนขามาแล้ว ขากลับเลยค่อยๆๆๆๆปั่นไปเรื่อยๆ คุณลูกสาวก็ช่างนัก นำหน้าแม่ไปตั้งกล้องดักถ่ายรูปตอนแม่หน้าขำๆ แถมถ่ายวีดีโอไว้อีกต่างหาก สนุกเค้าหล่ะ เราปั่นกลับทางเดิม เพราะเราลงมติกันแล้วว่าเราจะไม่เข้าไปเที่ยวฝั่งน้ำตกด้านใน(เป็นคนไม่ค่อยชอบน้ำตกค่ะ) พอดีกับที่พระอาทิตย์กำลังตกแต่ยังมีแสง เราก็ถึงผาหมากดูกตามกำหนด ถ่ายรูปสักพัก
คืนนี้ราตรีสวัสดิ์นะ พรุ่งนี้เราจะลงภูแต่เช้า...
ไม่แพ้กันเลยระหว่างขาขึ้นและขาลงใช้เวลา4ชม.ค่ะ
.เชียงคานคือเป้าหมายต่อไป นั่งสองแถวร่วมกับนักเดินทางอื่นๆ เพื่อไปลงผานกเค้าค่ะ
เดินเล่นถนนคนเดินเชียงคานด้วยกันนะคะ
เช้าวันใหม่กิจกรรม สำหรับนักท่องเที่ยว เชียงคานคือการตักบาตรข้าวเหนียว
ได้เวลาอำลาเมืองเลยแล้วค่ะ ขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตาม ขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานใจดี และขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่แซวกันได้ตลอดทาง ผลัดกันนำผลัดกันตาม สนุกมากมายค่ะ ใครมีโอกาส มีกำลัง มีความตั้งใจ อย่าลืมนะคะ สักครั้งในชีวิต....”ภูกระดึง”