ตอน “คณะจิตวิทยา” [inspired by a true story]
“รูปใช้เพื่อประกอบเท่านั้น บุคคลในรูป ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องแม้แต่ประการใด”
อธิการบดีได้เรียกประธานเชียร์และผู้จัดกิจกรรมรับน้องทั้งหมดของคณะจิตวิทยาไปพบที่ห้องประชุมประจำสำนักอธิการ เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ในเป็นช่วงเปิดเทอม มีผู้ปกครองของนิสิตจิตวิทยาชั้นปีที่1จำนวนหลายราย ได้แจ้งไปมาที่อธิการว่า มีนิสิตรุ่นพี่จำนวนหลายคน ได้ทำการว้ากนิสิตปี1 พูดเสียงดังๆใส่นิสิตปี1 และบังคับให้นิสิตเข้าห้องเชียร์ ลงโทษรุ่นน้อง และอีกหลายรูปแบบที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นปัญญาชน.
นัทซึ่งเป็นประธานเชียร์ชั้นปีที่3 และนิสิตปี3ผู้จัดกิจกรรมรับน้องอีก17คน พร้อมด้วย คิมและแบม นิสิตจิตวิทยาชั้นปีที่4 รวมเป็น20คน ได้เข้ามาที่ห้องประชุม ซึ่งมีอธิการบดีมานั่งรอก่อนสักพักแล้วอยู่แล้ว ทั้งหมดได้กล่าวทักทายอธิการ พร้อมกับนั่งลง จากนั้นอธิการบดีจึงได้ถามว่า.
อธิการ : คนไหนคือประธานเชียร์ครับ ?
นัทได้ยกมือขึ้น พร้อมกับตอบกลับไปว่า
นัท : ผมชื่อนัท เป็นประธานเชียร์ครับอาจารย์.
อธิการได้มองลงไปที่เอกสารฉบับหนึ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะประชุม พร้อมกับมองหน้าไปที่นิสิตทุกคน และพูดว่า
อธิการ : มีผู้ปกครองของนิสิตชั้นปีที่1คณะจิตวิทยาแจ้งมาที่อาจารย์หลายรายนะครับว่า ลูกของเขาโดนนิสิตรุ่นพี่ใช้วิธีการรับน้องที่ไม่เหมาะสม เช่น มีการว้ากน้อง พูดกระแทกใส่น้อง มีการด่าน้อง มีการทำหน้านิ่งๆขรึมๆใส่น้อง บังคับให้น้องไหว้ บังคับให้เข้าห้องเชียร์ แถมยังมีการตั้งกฎการแต่งกายให้กับนิสิตปี1อีก พวกเธอจะอธิบายเรื่องพวกนี้ยังไงครับ ?
นิสิตทั้งหมด ไม่มีใครกล้าสบหน้าอธิการ และก็นั่งนิ่งเงียบ พร้อมด้วยเสียงพูดแบบเบาๆว่า
นิสิตทั้งหมด : เอ่อ.........
ทั้งหมดเงียบไปได้สักพักสั้นๆ และอธิการจึงพูดขึ้นมาว่า
อธิการ : พวกเธอเงียบกันทำไมครับ พวกเธอช่วยบอกอาจารย์ด้วยได้ไหมครับว่า ที่ผู้ปกครองแจ้งมานั้น มันไม่ใช่เรื่องจริง พวกเธอไม่เคยทำแบบนั้นเลย.
นิสิตทั้งหมดก็ยังนั่งก้มหน้า พร้อมกับพูดแบบเบาๆว่า
นิสิตทั้งหมด : เอ่อ.........
อธิการ : เอาอย่างนี้นะ ผมจะถามประธานเชียร์ก่อนนะครับ.
นัทได้เงยหน้ามองไปที่อธิการอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตอบด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อยว่า
นัท : ครับอาจารย์.
อธิการ : ที่ผู้ปกครองแจ้งมาที่อาจารย์ เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงครับนัท.
นัท : ที่อาจารย์พูดมาทั้งหมด ก็จริงครับ พวกผมทำแบบนั้นกับน้องจริงๆครับ แต่ว่า.......
อธิการ : แต่อะไรเหรอครับนิสิต
นัท : ปีก่อนๆก็ทำมาแบบนี้ครับอาจารย์ ปีที่แล้วก็ยังทำแบบนี้กันอยู่เลยนะครับอาจารย์.
อธิการ : นี่คือเหตุผลที่ดีที่สุดของพวกเธอแล้วใช่ไหมครับนิสิต.
นัทได้ก้มหน้าลงไปอย่างช้าๆ พร้อมกันตอบด้วยเสียงที่ไม่เต็มปากว่า
นัท : เอ่อ......ก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่ดีที่สุดครับอาจารย์.
อธิการ : มีใครที่สามารถอธิบายได้ไหมครับว่า ทำไมพวกเธอถึงรับน้องกันด้วยวิธีแบบนี้อยู่.
นิสิตทั้งหมดในห้องประชุม ทุกคนก็ต่างเงียบ และสักพักแบม อดีตประธานเชียร์เมื่อตอนอยู่ปี3 ก็ได้ตอบขึ้นมาอย่างเสียงดังฟังชัดว่า
แบม : มันเป็นวิธีที่สามารถทำให้น้องรักและสามัคคีกันในระยะเวลาอันรวดเร็วค่ะอาจารย์.
อธิการจึงได้ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่มๆแต่บาดไปถึงหัวใจว่า
อธิการ : นี่คือเหตุผลของผู้ที่เรียนปริญญาตรี และเรียนทางด้านจิตวิทยาใช่ไหมครับ ?
แบมได้ก้มหน้าลง พร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่เต็มปากไปว่า
แบม : ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดีค่ะอาจารย์.
อธิการได้ถามต่อไปว่า
อธิการ : มีใครที่สามารถอธิบายเรื่องพวกนี้ให้อาจารย์ฟังได้ไหมครับ.
นิสิตทั้งหมดก็ต่างเงียบ และไม่มีใครพูดอะไร อธิการจึงได้พูดขึ้นมาว่า
อธิการ : งั้นเอาอย่างนี้นะครับ อาจารย์จะขอถามพวกเธอทีละประเด็น และพวกเธอช่วยมองหน้ามาทางอาจารย์ด้วยนะครับ ไม่ต้องหลบตาอาจารย์นะครับ.
นิสิตทุกคนก็ได้มองหน้าไปที่อธิการ พร้อมทั้งสบตา และตอบว่า
นิสิตทั้งหมด : ครับอาจารย์/ค่ะอาจารย์.
อธิการ : ตอนที่พวกเธออยู่ปี1 พวกเธอชอบการรับน้องที่มีรุ่นพี่มาว้ากใส่ไหมครับ ?
นิสิตทั้งหมด : ก็ไม่ชอบครับ/ก็ไม่ชอบค่ะ.
อธิการ : พวกเธอชอบไหมกับการที่เห็นรุ่นพี่ทำหน้านิ่งๆหรือทำหน้าขรึมๆใส่.
นิสิตทั้งหมด : ก็ไม่ชอบครับ/ก็ไม่ชอบค่ะ.
อธิการ : กิจกรรมเต้นอีกแร้งอีกา เธอรู้ไหมว่าคนที่ไม่ชอบก็ไม่มี บางคนก็มองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ.
นิสิตทั้งหมด : ทราบครับ/ทราบค่ะ.
อธิการ : การที่เธอโดนบังคับให้ทำในสิ่งที่พวกเธอไม่ชอบ เธอมีความสุขไหม.
นิสิตทั้งหมด : ก็......ไม่มีความสุขครับ/ไม่มีความสุขค่ะ.
อธิการ : แล้วที่เธอบังคับน้องๆนิสิตปี1ให้เข้ากิจกรรมรับน้อง ร้องเพลงเชียร์ดังๆ เต้นอีแร้งอีกา เธอว่าน้องจะมีความสุขไหมครับ.
นิสิตทั้งหมด : ก็......ไม่มีความสุขครับ/ไม่มีความสุขค่ะ.
แบมนิสิตชั้นปีที่4 ก็ได้พูดขึ้นมาว่า
แบม : แต่กิจกรรมเต้นอีแร้งอีกาที่อาจารย์พูดมา ก็เป็นการละลายพฤติกรรมนะคะอาจารย์ น้องๆจะได้เป็นคนกล้าแสดงออกค่ะอาจารย์.
อธิการได้มองหน้าไปที่แบม พร้อมกับถามแบมกลับไปอย่างสุภาพว่า
อธิการ : แสดงว่าดาราฮอลลีวูดทีมีชื่อเสียง ต่างก็เคยผ่านการเต้นอีแร้งอีกา เต้นไก่ย่าง ก่อนที่จะเป็นคนกล้าแสดงออกมาหมดทุกคนแล้วสิครับ.
แบมตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่เต็มปากว่า
แบม : ก็......เอ่อ.....ไม่ใช่ค่ะอาจารย์.
คิมนิสิตชั้นปีที่4 ก็ได้พูดขึ้นมาว่า
คิม : อาจารย์ครับ การร้องเพลงเชียร์ดังๆ ก็เป็นการบ่งบอกถึงการรักมหาวิทยาลัยนะครับ.
อธิการได้มองหน้าไปที่คิม พร้อมกับถามกลับไปอย่างนิ่งๆว่า
อธิการ : ถ้าเธอรักพ่อแม่ เธอคงต้องร้องเพลงค่าน้ำนมให้พ่อแม่เธอฟังดังๆใช่ไหมครับ.
นิสิตที่เหลือต่างได้หันไปหาคิม พร้อมกับหัวเราะคิม.
คิมได้ตอบอธิการกลับ พร้อมกับอมยิ้ม
คิม : ก็ไม่นะครับอาจารย์.
เมื่อนิสิตทุกคนหยุดหัวเราะ อธิการจึงได้ถามต่อไปว่า
อธิการ : ถ้าอาจารย์ประพฤติตัวไม่ดี แล้วอาจารย์บังคับให้พวกเธอไหว้ บังคับให้พวกเธอมาเคารพอาจารย์ นิสิตคนไหนที่ไม่ไหว้อาจารย์ อาจารย์ก็จะด่านิสิตคนนั้น เธอคิดว่านี่คือการกระทำที่ดีหรือเลวทรามครับ ?
นิสิตทั้งหมดไม่กล้าตอบ ได้แต่พูดเสียงเบาๆว่า
นิสิตทั้งหมด : เอ่อ....ก็ไม่ดีครับ/ก็ไม่ดีค่ะ.
อธิการ : เธอตอบมาได้เลยครับว่าพฤติกรรมนี้ ดี หรือ เลวทราม.
นิสิตทั้งหมด : ก็เลวทรามครับ/ก็เลวทรามค่ะ.
อธิการจึงได้ถามต่อไปว่า
อธิการ : นิสิตคนไหนมีอะไรจะอธิบายกับอาจารย์อีกไหมครับ.
นิสิตทั้งหมด : ไม่มีครับ/ไม่มีค่ะ.
อธิการ : อาจารย์อยากจะรู้นะครับว่าทำไมพวกเธอต้องทำหน้านิ่งๆขรึมๆใส่น้องกันด้วยครับ ใครพอจะตอบอาจารย์ได้บ้างครับ ?
นิสิตทั้งหมดไม่กล้าตอบ ได้แต่นั่งเงียบๆ อธิการจึงมองหน้าไปทางนัท พร้อมกับถามว่า
อธิการ : ประธานเชียร์ช่วยตอบคำถามนี้ด้วยครับ.
นัท : ก็การทำหน้าขรึมๆนิ่งๆใส่น้อง ก็เป็นการให้น้องเกรงขามครับอาจารย์.
อธิการ : กิจกรรมรับน้อง เธอจัดขึ้นมาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างพี่น้องใช่ไหมครับ ?
นัท : ใช่ครับอาจารย์.
อธิการ : พวกเธอจึงเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างพี่น้องด้วยการทำหน้าขรึมๆนิ่งๆกับน้องใช่ไหมครับ.
นัท : เอ่อ......
อธิการ : แล้วที่มีรุ่นพี่ให้น้องไปล่าลายเซ็นรุ่นพี่ให้เยอะๆ แล้วเมื่อน้องไปหารุ่นพี่ รุ่นพี่ก็ให้น้องทำอะไรที่มันน่าอาย เช่นให้เต้นบ้าๆบอๆ ให้ไปยืนร้องเพลงชาติที่หน้าตึกคณะ ให้บอกรักต้นไม้ พวกเธอทำแบบนั้นกับน้องๆปี1ทำไมเหรอครับ ?
อธิการได้หันไปที่แบม และได้พูดว่า
อธิการ : เธอตอบคำถามนี้ด้วยครับ.
แบม : ค่ะอาจารย์ ก็เป็นการทำให้น้องได้รู้จักและได้สนิทกับรุ่นพี่ค่ะอาจารย์.
อธิการ : ถ้าเธออยากจะสนิทกับใครสักคนที่เข้ามาใหม่ในชีวิตของเธอ เธอคงต้องไปเต้นเพลงกล้วยทับให้เขาดูสินะครับ ?
นิสิตทุกคนได้มองหน้าไปที่แบม และต่างก็หัวเราะออกมาอย่างเบาๆ.
แบมก็มองยิ้มแบบอ่อน แล้วตอบกลับอธิการไปว่า
แบม : ก็....ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ.
อธิการบดีได้ถามนิสิตต่อไปว่า
อธิการ : การที่พวกเธอสั่งลงโทษนิสิตปี1 เธออาศัยอำนาจตามกฎระเบียบมหาวิทยาลัยข้อไหนในการกระทำตรงส่วนนี้ครับ นัทช่วยตอบอาจารย์ด้วยครับ.
อธิการได้หันหน้าไปทางนัท นัทได้ตอบกลับไปว่า
นัท : เอ่อ.....ก็ไม่มีครับอาจารย์.
อธิการ : เรื่องที่รุ่นน้องปี1ทำผิดกฎ อาจารย์ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นกฎที่พวกเธอตั้งกันขึ้นมาเองโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของมหาวิทยาลัยเลยสักนิด ไหนจะเป็นเรื่องการแต่งกาย กระโปรง รองเท้า ห้ามนิสิตปี1ทำสีผม ซึ่งกฎที่เธอตั้งกับน้อง มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับระเบียบการแต่งกายของนิสิตตามกฎของมหาวิทยาลัย เธอทำแบบนั้นกันทำไมครับ ?
นัท : เอ่อ..........น้องปี1ที่เข้ามาใหม่จะได้อยู่ในกฎระเบียบครับอาจารย์.
อธิการ : กฎระเบียบตามตัณหาของพวกรุ่นพี่ หรือกฎระเบียบมหาวิทยาลัยครับนัท ?
นัท : เอ่อ..........รุ่นพี่ครับ.
อธิการ : แล้วพอน้องไม่ทำตามกฎ เธอก็ด่าน้องอีก พวกเธอรู้ไหมว่า ที่อาจารย์เรียกพวกเธอมาคุย ก็เพื่ออธิบายให้เธอเข้าใจว่าเธอทำอะไรผิด แต่สิ่งที่พวกเธอทำกับน้อง มันสมเหตุสมผลแล้วใช่ไหมครับ ?
นัท : เอ่อ..........ก็ไม่สมเหตุสมผลครับอาจารย์.
อธิการ : นี่อาจารย์ไม่เข้าใจพวกเธอจริงๆนะ พวกเธอก็เรียนถึงจิตวิทยา เรียนถึงระดับปริญญาตรีกันแล้ว ทำไมเธอยังรับน้องกันแบบนี้อยู่อีก.
นิสิตทั้งหมด : ก็.........เอ่อ
อธิการ : เธออย่าใช้ข้ออ้างว่าทำมานานแล้วนะครับ เพราะไม่งั้นอาจารย์จะบอกเธอว่า ควายก็มีมานานแล้วเหมือนกัน.
นิสิตทั้งหมด : ครับ/ค่ะ.
อธิการ : พวกเธอคิดว่ากิจกรรมรับน้องไม่ว่าจะเป็นรูปแบบต่างๆ ทั้งจะว้าก หรือรับกันแบบสนุกสนานทั่วไป มันเป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆสำหรับการเรียนปริญญาตรีแล้วใช่ไหมครับ ถ้าจะตอบคำถามนี้ พวกเธอช่วยตอบในแบบที่เป็นเหตุผลของผู้ที่เรียนถึงระดับปริญญาตรี มีการศึกษา และเป็นเหตุผลตามหลักจิตวิทยาด้วยนะครับ.
นิสิตทุกคนต่างก็เงียบลงไปอีกครั้ง.
อธิการก็ได้พูดต่อไปว่า
อธิการ : งั้นเอาเป็นว่า อาจารย์ฝากการบ้านข้อนี้ไปให้พวกเธอคิดนะครับ แต่อาจารย์มีคำใบ้ให้พวกเธออยู่นิดหน่อยนะครับ ในกรณีที่พวกเธอยังคิดว่ากิจกรรมรับน้องในรูปแบบต่างๆเป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆ
ข้อแรก มีดาราฮอลลีวูดคนไหนฝึกการเป็นคนกล้าแสดงออกด้วยการเต้นอีกแร้งอีกการแบบนิสิตไทยกันบ้าง ?
ข้อสอง เจ้าของธุรกิจใหญ่ๆที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย บางคนเรียนไม่จบปริญญาตรีก่อนที่จะตั้งบริษัท.
ข้อสาม ศึกษาระบบการเรียนการสอนของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ดูนะครับ.
นิสิตทั้งหมด : ครับอาจารย์/ค่ะอาจารย์.
อธิการได้พูดต่อไปว่า
อธิการ : หวังว่าหลังจากนี้ กิจกรรมที่พวกเธอจัด เธอคงจะมีเหตุผลที่เหมาะสมกับนิสิตระดับปริญญาตรีมากกว่านี้นะครับ และคงไม่มีผู้ปกครองของนิสิตชั้นปีที่1คณะจิตวิทยา แจ้งร้องเรียนมาที่อาจารย์อีกแล้วนะครับ.
นิสิตทั้งหมด : ครับอาจารย์/ค่ะอาจารย์.
อธิการ : การสืบสวนและลงโทษสิ่งที่พวกเธอได้ทำผิดไปนั้น ผมจะให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายวินัยนิสิตนะครับ คงจะนัดนิสิตของคณะจิตวิทยาเพื่อทำการสอบสวนในเร็วๆนี้นะครับ เพราะก่อนหน้านี้ อาจารย์ได้ประกาศกฎและข้อบังคับว่าด้วยการรับน้องประชุมเชียร์ไปแล้วนะครับ.
นิสิตทั้งหมด : ครับอาจารย์/ค่ะอาจารย์.
อธิการ : ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูกนะครับนิสิตทุกๆคน.
นิสิตทั้งหมด : ครับอาจารย์/ค่ะอาจารย์.
อธิการ : โอเคครับ งั้นกลับกันได้แล้วครับ.
นิสิตทั้งหมดได้ยืนขึ้น พร้อมกับยกมือเพื่อไหว้ลาอธิการ และพูดพร้อมกันว่า
นิสิตทั้งหมด : ขอบคุณครับอาจารย์/ขอบคุณค่ะอาจารย์.
จบ.
รูปใช้เพื่อประกอบเท่านั้น บุคคลในรูป ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องแม้แต่ประการใด.
เรื่องสั้นรับน้อง ตอน “คณะจิตวิทยา” [inspired on true story]
“รูปใช้เพื่อประกอบเท่านั้น บุคคลในรูป ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องแม้แต่ประการใด”
อธิการบดีได้เรียกประธานเชียร์และผู้จัดกิจกรรมรับน้องทั้งหมดของคณะจิตวิทยาไปพบที่ห้องประชุมประจำสำนักอธิการ เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ในเป็นช่วงเปิดเทอม มีผู้ปกครองของนิสิตจิตวิทยาชั้นปีที่1จำนวนหลายราย ได้แจ้งไปมาที่อธิการว่า มีนิสิตรุ่นพี่จำนวนหลายคน ได้ทำการว้ากนิสิตปี1 พูดเสียงดังๆใส่นิสิตปี1 และบังคับให้นิสิตเข้าห้องเชียร์ ลงโทษรุ่นน้อง และอีกหลายรูปแบบที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นปัญญาชน.
นัทซึ่งเป็นประธานเชียร์ชั้นปีที่3 และนิสิตปี3ผู้จัดกิจกรรมรับน้องอีก17คน พร้อมด้วย คิมและแบม นิสิตจิตวิทยาชั้นปีที่4 รวมเป็น20คน ได้เข้ามาที่ห้องประชุม ซึ่งมีอธิการบดีมานั่งรอก่อนสักพักแล้วอยู่แล้ว ทั้งหมดได้กล่าวทักทายอธิการ พร้อมกับนั่งลง จากนั้นอธิการบดีจึงได้ถามว่า.
อธิการ : คนไหนคือประธานเชียร์ครับ ?
นัทได้ยกมือขึ้น พร้อมกับตอบกลับไปว่า
นัท : ผมชื่อนัท เป็นประธานเชียร์ครับอาจารย์.
อธิการได้มองลงไปที่เอกสารฉบับหนึ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะประชุม พร้อมกับมองหน้าไปที่นิสิตทุกคน และพูดว่า
อธิการ : มีผู้ปกครองของนิสิตชั้นปีที่1คณะจิตวิทยาแจ้งมาที่อาจารย์หลายรายนะครับว่า ลูกของเขาโดนนิสิตรุ่นพี่ใช้วิธีการรับน้องที่ไม่เหมาะสม เช่น มีการว้ากน้อง พูดกระแทกใส่น้อง มีการด่าน้อง มีการทำหน้านิ่งๆขรึมๆใส่น้อง บังคับให้น้องไหว้ บังคับให้เข้าห้องเชียร์ แถมยังมีการตั้งกฎการแต่งกายให้กับนิสิตปี1อีก พวกเธอจะอธิบายเรื่องพวกนี้ยังไงครับ ?
นิสิตทั้งหมด ไม่มีใครกล้าสบหน้าอธิการ และก็นั่งนิ่งเงียบ พร้อมด้วยเสียงพูดแบบเบาๆว่า
นิสิตทั้งหมด : เอ่อ.........
ทั้งหมดเงียบไปได้สักพักสั้นๆ และอธิการจึงพูดขึ้นมาว่า
อธิการ : พวกเธอเงียบกันทำไมครับ พวกเธอช่วยบอกอาจารย์ด้วยได้ไหมครับว่า ที่ผู้ปกครองแจ้งมานั้น มันไม่ใช่เรื่องจริง พวกเธอไม่เคยทำแบบนั้นเลย.
นิสิตทั้งหมดก็ยังนั่งก้มหน้า พร้อมกับพูดแบบเบาๆว่า
นิสิตทั้งหมด : เอ่อ.........
อธิการ : เอาอย่างนี้นะ ผมจะถามประธานเชียร์ก่อนนะครับ.
นัทได้เงยหน้ามองไปที่อธิการอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตอบด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อยว่า
นัท : ครับอาจารย์.
อธิการ : ที่ผู้ปกครองแจ้งมาที่อาจารย์ เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงครับนัท.
นัท : ที่อาจารย์พูดมาทั้งหมด ก็จริงครับ พวกผมทำแบบนั้นกับน้องจริงๆครับ แต่ว่า.......
อธิการ : แต่อะไรเหรอครับนิสิต
นัท : ปีก่อนๆก็ทำมาแบบนี้ครับอาจารย์ ปีที่แล้วก็ยังทำแบบนี้กันอยู่เลยนะครับอาจารย์.
อธิการ : นี่คือเหตุผลที่ดีที่สุดของพวกเธอแล้วใช่ไหมครับนิสิต.
นัทได้ก้มหน้าลงไปอย่างช้าๆ พร้อมกันตอบด้วยเสียงที่ไม่เต็มปากว่า
นัท : เอ่อ......ก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่ดีที่สุดครับอาจารย์.
อธิการ : มีใครที่สามารถอธิบายได้ไหมครับว่า ทำไมพวกเธอถึงรับน้องกันด้วยวิธีแบบนี้อยู่.
นิสิตทั้งหมดในห้องประชุม ทุกคนก็ต่างเงียบ และสักพักแบม อดีตประธานเชียร์เมื่อตอนอยู่ปี3 ก็ได้ตอบขึ้นมาอย่างเสียงดังฟังชัดว่า
แบม : มันเป็นวิธีที่สามารถทำให้น้องรักและสามัคคีกันในระยะเวลาอันรวดเร็วค่ะอาจารย์.
อธิการจึงได้ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่มๆแต่บาดไปถึงหัวใจว่า
อธิการ : นี่คือเหตุผลของผู้ที่เรียนปริญญาตรี และเรียนทางด้านจิตวิทยาใช่ไหมครับ ?
แบมได้ก้มหน้าลง พร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่เต็มปากไปว่า
แบม : ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดีค่ะอาจารย์.
อธิการได้ถามต่อไปว่า
อธิการ : มีใครที่สามารถอธิบายเรื่องพวกนี้ให้อาจารย์ฟังได้ไหมครับ.
นิสิตทั้งหมดก็ต่างเงียบ และไม่มีใครพูดอะไร อธิการจึงได้พูดขึ้นมาว่า
อธิการ : งั้นเอาอย่างนี้นะครับ อาจารย์จะขอถามพวกเธอทีละประเด็น และพวกเธอช่วยมองหน้ามาทางอาจารย์ด้วยนะครับ ไม่ต้องหลบตาอาจารย์นะครับ.
นิสิตทุกคนก็ได้มองหน้าไปที่อธิการ พร้อมทั้งสบตา และตอบว่า
นิสิตทั้งหมด : ครับอาจารย์/ค่ะอาจารย์.
อธิการ : ตอนที่พวกเธออยู่ปี1 พวกเธอชอบการรับน้องที่มีรุ่นพี่มาว้ากใส่ไหมครับ ?
นิสิตทั้งหมด : ก็ไม่ชอบครับ/ก็ไม่ชอบค่ะ.
อธิการ : พวกเธอชอบไหมกับการที่เห็นรุ่นพี่ทำหน้านิ่งๆหรือทำหน้าขรึมๆใส่.
นิสิตทั้งหมด : ก็ไม่ชอบครับ/ก็ไม่ชอบค่ะ.
อธิการ : กิจกรรมเต้นอีกแร้งอีกา เธอรู้ไหมว่าคนที่ไม่ชอบก็ไม่มี บางคนก็มองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ.
นิสิตทั้งหมด : ทราบครับ/ทราบค่ะ.
อธิการ : การที่เธอโดนบังคับให้ทำในสิ่งที่พวกเธอไม่ชอบ เธอมีความสุขไหม.
นิสิตทั้งหมด : ก็......ไม่มีความสุขครับ/ไม่มีความสุขค่ะ.
อธิการ : แล้วที่เธอบังคับน้องๆนิสิตปี1ให้เข้ากิจกรรมรับน้อง ร้องเพลงเชียร์ดังๆ เต้นอีแร้งอีกา เธอว่าน้องจะมีความสุขไหมครับ.
นิสิตทั้งหมด : ก็......ไม่มีความสุขครับ/ไม่มีความสุขค่ะ.
แบมนิสิตชั้นปีที่4 ก็ได้พูดขึ้นมาว่า
แบม : แต่กิจกรรมเต้นอีแร้งอีกาที่อาจารย์พูดมา ก็เป็นการละลายพฤติกรรมนะคะอาจารย์ น้องๆจะได้เป็นคนกล้าแสดงออกค่ะอาจารย์.
อธิการได้มองหน้าไปที่แบม พร้อมกับถามแบมกลับไปอย่างสุภาพว่า
อธิการ : แสดงว่าดาราฮอลลีวูดทีมีชื่อเสียง ต่างก็เคยผ่านการเต้นอีแร้งอีกา เต้นไก่ย่าง ก่อนที่จะเป็นคนกล้าแสดงออกมาหมดทุกคนแล้วสิครับ.
แบมตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่เต็มปากว่า
แบม : ก็......เอ่อ.....ไม่ใช่ค่ะอาจารย์.
คิมนิสิตชั้นปีที่4 ก็ได้พูดขึ้นมาว่า
คิม : อาจารย์ครับ การร้องเพลงเชียร์ดังๆ ก็เป็นการบ่งบอกถึงการรักมหาวิทยาลัยนะครับ.
อธิการได้มองหน้าไปที่คิม พร้อมกับถามกลับไปอย่างนิ่งๆว่า
อธิการ : ถ้าเธอรักพ่อแม่ เธอคงต้องร้องเพลงค่าน้ำนมให้พ่อแม่เธอฟังดังๆใช่ไหมครับ.
นิสิตที่เหลือต่างได้หันไปหาคิม พร้อมกับหัวเราะคิม.
คิมได้ตอบอธิการกลับ พร้อมกับอมยิ้ม
คิม : ก็ไม่นะครับอาจารย์.
เมื่อนิสิตทุกคนหยุดหัวเราะ อธิการจึงได้ถามต่อไปว่า
อธิการ : ถ้าอาจารย์ประพฤติตัวไม่ดี แล้วอาจารย์บังคับให้พวกเธอไหว้ บังคับให้พวกเธอมาเคารพอาจารย์ นิสิตคนไหนที่ไม่ไหว้อาจารย์ อาจารย์ก็จะด่านิสิตคนนั้น เธอคิดว่านี่คือการกระทำที่ดีหรือเลวทรามครับ ?
นิสิตทั้งหมดไม่กล้าตอบ ได้แต่พูดเสียงเบาๆว่า
นิสิตทั้งหมด : เอ่อ....ก็ไม่ดีครับ/ก็ไม่ดีค่ะ.
อธิการ : เธอตอบมาได้เลยครับว่าพฤติกรรมนี้ ดี หรือ เลวทราม.
นิสิตทั้งหมด : ก็เลวทรามครับ/ก็เลวทรามค่ะ.
อธิการจึงได้ถามต่อไปว่า
อธิการ : นิสิตคนไหนมีอะไรจะอธิบายกับอาจารย์อีกไหมครับ.
นิสิตทั้งหมด : ไม่มีครับ/ไม่มีค่ะ.
อธิการ : อาจารย์อยากจะรู้นะครับว่าทำไมพวกเธอต้องทำหน้านิ่งๆขรึมๆใส่น้องกันด้วยครับ ใครพอจะตอบอาจารย์ได้บ้างครับ ?
นิสิตทั้งหมดไม่กล้าตอบ ได้แต่นั่งเงียบๆ อธิการจึงมองหน้าไปทางนัท พร้อมกับถามว่า
อธิการ : ประธานเชียร์ช่วยตอบคำถามนี้ด้วยครับ.
นัท : ก็การทำหน้าขรึมๆนิ่งๆใส่น้อง ก็เป็นการให้น้องเกรงขามครับอาจารย์.
อธิการ : กิจกรรมรับน้อง เธอจัดขึ้นมาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างพี่น้องใช่ไหมครับ ?
นัท : ใช่ครับอาจารย์.
อธิการ : พวกเธอจึงเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างพี่น้องด้วยการทำหน้าขรึมๆนิ่งๆกับน้องใช่ไหมครับ.
นัท : เอ่อ......
อธิการ : แล้วที่มีรุ่นพี่ให้น้องไปล่าลายเซ็นรุ่นพี่ให้เยอะๆ แล้วเมื่อน้องไปหารุ่นพี่ รุ่นพี่ก็ให้น้องทำอะไรที่มันน่าอาย เช่นให้เต้นบ้าๆบอๆ ให้ไปยืนร้องเพลงชาติที่หน้าตึกคณะ ให้บอกรักต้นไม้ พวกเธอทำแบบนั้นกับน้องๆปี1ทำไมเหรอครับ ?
อธิการได้หันไปที่แบม และได้พูดว่า
อธิการ : เธอตอบคำถามนี้ด้วยครับ.
แบม : ค่ะอาจารย์ ก็เป็นการทำให้น้องได้รู้จักและได้สนิทกับรุ่นพี่ค่ะอาจารย์.
อธิการ : ถ้าเธออยากจะสนิทกับใครสักคนที่เข้ามาใหม่ในชีวิตของเธอ เธอคงต้องไปเต้นเพลงกล้วยทับให้เขาดูสินะครับ ?
นิสิตทุกคนได้มองหน้าไปที่แบม และต่างก็หัวเราะออกมาอย่างเบาๆ.
แบมก็มองยิ้มแบบอ่อน แล้วตอบกลับอธิการไปว่า
แบม : ก็....ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ.
อธิการบดีได้ถามนิสิตต่อไปว่า
อธิการ : การที่พวกเธอสั่งลงโทษนิสิตปี1 เธออาศัยอำนาจตามกฎระเบียบมหาวิทยาลัยข้อไหนในการกระทำตรงส่วนนี้ครับ นัทช่วยตอบอาจารย์ด้วยครับ.
อธิการได้หันหน้าไปทางนัท นัทได้ตอบกลับไปว่า
นัท : เอ่อ.....ก็ไม่มีครับอาจารย์.
อธิการ : เรื่องที่รุ่นน้องปี1ทำผิดกฎ อาจารย์ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นกฎที่พวกเธอตั้งกันขึ้นมาเองโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของมหาวิทยาลัยเลยสักนิด ไหนจะเป็นเรื่องการแต่งกาย กระโปรง รองเท้า ห้ามนิสิตปี1ทำสีผม ซึ่งกฎที่เธอตั้งกับน้อง มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับระเบียบการแต่งกายของนิสิตตามกฎของมหาวิทยาลัย เธอทำแบบนั้นกันทำไมครับ ?
นัท : เอ่อ..........น้องปี1ที่เข้ามาใหม่จะได้อยู่ในกฎระเบียบครับอาจารย์.
อธิการ : กฎระเบียบตามตัณหาของพวกรุ่นพี่ หรือกฎระเบียบมหาวิทยาลัยครับนัท ?
นัท : เอ่อ..........รุ่นพี่ครับ.
อธิการ : แล้วพอน้องไม่ทำตามกฎ เธอก็ด่าน้องอีก พวกเธอรู้ไหมว่า ที่อาจารย์เรียกพวกเธอมาคุย ก็เพื่ออธิบายให้เธอเข้าใจว่าเธอทำอะไรผิด แต่สิ่งที่พวกเธอทำกับน้อง มันสมเหตุสมผลแล้วใช่ไหมครับ ?
นัท : เอ่อ..........ก็ไม่สมเหตุสมผลครับอาจารย์.
อธิการ : นี่อาจารย์ไม่เข้าใจพวกเธอจริงๆนะ พวกเธอก็เรียนถึงจิตวิทยา เรียนถึงระดับปริญญาตรีกันแล้ว ทำไมเธอยังรับน้องกันแบบนี้อยู่อีก.
นิสิตทั้งหมด : ก็.........เอ่อ
อธิการ : เธออย่าใช้ข้ออ้างว่าทำมานานแล้วนะครับ เพราะไม่งั้นอาจารย์จะบอกเธอว่า ควายก็มีมานานแล้วเหมือนกัน.
นิสิตทั้งหมด : ครับ/ค่ะ.
อธิการ : พวกเธอคิดว่ากิจกรรมรับน้องไม่ว่าจะเป็นรูปแบบต่างๆ ทั้งจะว้าก หรือรับกันแบบสนุกสนานทั่วไป มันเป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆสำหรับการเรียนปริญญาตรีแล้วใช่ไหมครับ ถ้าจะตอบคำถามนี้ พวกเธอช่วยตอบในแบบที่เป็นเหตุผลของผู้ที่เรียนถึงระดับปริญญาตรี มีการศึกษา และเป็นเหตุผลตามหลักจิตวิทยาด้วยนะครับ.
นิสิตทุกคนต่างก็เงียบลงไปอีกครั้ง.
อธิการก็ได้พูดต่อไปว่า
อธิการ : งั้นเอาเป็นว่า อาจารย์ฝากการบ้านข้อนี้ไปให้พวกเธอคิดนะครับ แต่อาจารย์มีคำใบ้ให้พวกเธออยู่นิดหน่อยนะครับ ในกรณีที่พวกเธอยังคิดว่ากิจกรรมรับน้องในรูปแบบต่างๆเป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆ
ข้อแรก มีดาราฮอลลีวูดคนไหนฝึกการเป็นคนกล้าแสดงออกด้วยการเต้นอีกแร้งอีกการแบบนิสิตไทยกันบ้าง ?
ข้อสอง เจ้าของธุรกิจใหญ่ๆที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย บางคนเรียนไม่จบปริญญาตรีก่อนที่จะตั้งบริษัท.
ข้อสาม ศึกษาระบบการเรียนการสอนของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ดูนะครับ.
นิสิตทั้งหมด : ครับอาจารย์/ค่ะอาจารย์.
อธิการได้พูดต่อไปว่า
อธิการ : หวังว่าหลังจากนี้ กิจกรรมที่พวกเธอจัด เธอคงจะมีเหตุผลที่เหมาะสมกับนิสิตระดับปริญญาตรีมากกว่านี้นะครับ และคงไม่มีผู้ปกครองของนิสิตชั้นปีที่1คณะจิตวิทยา แจ้งร้องเรียนมาที่อาจารย์อีกแล้วนะครับ.
นิสิตทั้งหมด : ครับอาจารย์/ค่ะอาจารย์.
อธิการ : การสืบสวนและลงโทษสิ่งที่พวกเธอได้ทำผิดไปนั้น ผมจะให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายวินัยนิสิตนะครับ คงจะนัดนิสิตของคณะจิตวิทยาเพื่อทำการสอบสวนในเร็วๆนี้นะครับ เพราะก่อนหน้านี้ อาจารย์ได้ประกาศกฎและข้อบังคับว่าด้วยการรับน้องประชุมเชียร์ไปแล้วนะครับ.
นิสิตทั้งหมด : ครับอาจารย์/ค่ะอาจารย์.
อธิการ : ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูกนะครับนิสิตทุกๆคน.
นิสิตทั้งหมด : ครับอาจารย์/ค่ะอาจารย์.
อธิการ : โอเคครับ งั้นกลับกันได้แล้วครับ.
นิสิตทั้งหมดได้ยืนขึ้น พร้อมกับยกมือเพื่อไหว้ลาอธิการ และพูดพร้อมกันว่า
นิสิตทั้งหมด : ขอบคุณครับอาจารย์/ขอบคุณค่ะอาจารย์.
จบ.
รูปใช้เพื่อประกอบเท่านั้น บุคคลในรูป ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องแม้แต่ประการใด.