นี่เป็นครั้งแรกที่มาลองเขียนเล่าประสบการณ์เที่ยวคนเดียวในพันทิปค่ะ พอดีก่อนไปก็หาข้อมูลจากในนี้บ้างพอควร จึงคิดว่าถ้ามาเล่าอัพเดทของตัวเอง
น่าจะพอเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆคนอื่นได้บ้าง เพราะบางอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ตะลุยวังเวียง 4 วัน กับงบ 5,000 บาท เที่ยวแบบ slowlife ได้จริงนา
ก่อนอื่นเลย หากมี ผญ ท่านอื่นๆอยากลองไปเที่ยวคนเดียวดูบ้าง แต่กลัวนั่นนี่ ,,,จขกท ขอบอกเลยว่า ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ หากเราเตรียมตัวมาดี และรู้จักดูแลระวังตัวเอง .... งบมี ข้อมูลมี เก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางเลยค่ะ อย่ารอเพื่อนหรือใครๆ ไม่งั้นเราจะไม่มีโอกาสได้พานพบกับประสบการณ์ดีๆที่ชีวิตนี้ หาไม่ได้ง่ายๆค่ะ
พร้อมแล้วก็เริ่มกันเลยเน้อะ .... สำหรับการเดินทาง จขกท เลือกเดินทางแบบประหยัดงบที่สุด แต่ไม่สมบุกสมบันจนเกินไป และที่สำคัญต้องชิว
เราเลือกเดินทางจาก กทม ไปอุดรด้วยรถไฟไทยจ้า เพียงแค่ 667฿ กับตู้นอนปรับอากาศชั้น2 ก็ได้อารมณ์ผจญภัย และชิวในตัวแร้ะ ซึ่งเดี๋ยวนี้รถไฟเค้าพัฒนาแล้วนา ห้องน้ำทนได้
ใช้เวลาประมาณ 14 ชม ก็ถึงอุดรค่ะ เวลาเหมาะเจาะแก่การต่อรถไปวังเวียงที่บขส.อุดร รอบ 8.30am
ดูตารางและราคารถไฟได้ที่นี่ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.railway.co.th/checktime/checktime.asp[img]
ปล.หากใครอยากนั่งรถทัวร์ไป ของนครชัยแอร์เค้าก็มี และดีทีเดียวค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.nca.co.th/timetable-bkk-udontani.html
นอนไปแปปเดียวก็เช้า ถึงอุดรตอน 7.30am อากาศเย็นสบายมาก ก็นั่งตุ๊กตุ๊กไปที่บขส. 80฿ (จริงๆ โดนฟันล่ะ แค่ 40฿ ราคามาตรฐานค่ะ);
ไปถึงก็ต่อซื้อตั๋วกันที่จุดนี้เลย เป็นรถวิ่งตรง อุดร-หนองคาย-วังเวียง มีวันละเที่ยว ออก 8.30 am เท่านั้น ราคาประมาน 350฿ ....แต่เราไปซื้อไม่ทัน รถเต็มพอดี จึงต้องนั่งไป via เวียงจันท์แทนก่อน (ทำให้ได้มีโอกาสเที่ยวนอกแพลนนิดนึง อิอิ) ค่าตั๋วไปเวียงจันท์ 80฿ พร้อมกับเพื่อนชาวลาวทั้งคัน
พอถึงด่านตรงหนองคายก็ลงไปต่อคิวผ่านด่าน ตม.ฝั่งไทย จะมีเจ้าหน้าที่คอยแจกใบขาเข้า-ออกให้กรอกค่ะ (อย่าลืมพกปากกาไปนะคะ สำคัญมาก)
เสร็จแล้วก็ขึ้นรถไปลงฝั่งลาว แล้วลงไปผ่าน ตม.ลาวอีกที ..จุดนี้จะต้องซื้อบัตร pass (ค่าบัตร 1,000กีบ หรือ 5฿ ค่ะ สำหรับวันธรรมดา) แล้วก็เดินไปสอดบัตรผ่านเหมือนเราขึ้นบีทีเอส เป็นอันเสร็จ ก็ไปขึ้นรถคันเดิมต่อ
นั่งได้ 2-3 ชมก็ถึงเวียงจันท์ รถจะไปส่งที่ตลาดเช้า จะมีพวกหน้าม้ามาถามเยอะ จะไปไหน?! พอบอกไปวังเวียงเท่านั้นล่ะ พี่ตุ๊กๆ พยายามจะฟันราคาเราทันที เชียร์จังให้ไปรถตู้ ราคา 100,000 กีบ บอกรถออกทุกชม. (อย่าไปเชื่อเค้านะ สตอเบอรี่หมด)
เราบอกจะไปรถบัส เค้าก็เร่งเราให้ไปขึ้นรถเค้าตลอดบอกเด๋วรถจะออก 11 โมงแล้ว...พอไปถึงที่ขึ้นรถต่อไปวังเวียง
ซื้อตั๋วจ่ายค่าเสียหายไป 80,000 กีบ ดันบอกรถออก บ่ายสอง (สตอเบอรี่ ลูกพีชเอ้ย)
หน้าตาพี่ตุ๊กๆ ที่เหมือนจะดีค่ะ (แต่มิใช่อ่ะ)
เวลาเหลือทำไรดี หาข้าวเที่ยงทานค่ะ เอาใกล้แถวนั้นล่ะ ถูกๆหน่อย เค้าก็แนะให้เดินไปตรงซอกหลืบข้างหน้า จะเจอร้านร่มแดงๆ
เป็นที่นิยมของพนักงานออฟฟิสย่านนั้นเลย
เหนื่อยแล้วอยากทานอะไรร้อนๆ ก็เลยจัดก๋วยเตี๋ยวเนื้อชามนึง (แต่แบบ ป้าลวกเส้นก่อนมั้ยเนี่ยแข็งไปหน่อยนะคะ แต่รสชาติโอเค)
ที่สำคัญ มาพร้อมเครื่องเคียงด้วย แจ่มว้าววววว
ที่ลาวเค้าประมาณว่า สั่งเฝอจะได้ผักดอง ผักสดมาแกล้มด้วยทุกครั้งค่ะ
ทานเสร็จเวลาเหลือ 3 ชม . เอาล่ะ มาเที่ยวทั้งที ยอมเหมา 80,000 กีบ ให้ตุ๊กๆ พาเที่ยวเวียงจันท์มันสะเลย โดยเราเลือกไป ประตูชัย กับ พระธาตุหลวง พอถึงประตูชัยปุ๊บ ก็ลงไปเดินแบกเป้หนักๆแดดเปรี้ยงๆ ถ่ายรุปไปตามเรื่องตามราว
เค้ามีชั้นบนในประตุชัยให้ขึ้นไปดูด้วยค่ะ ค่าเข้า 3,000 กีบ เราก็อะเคร มาแล้วต้องดูสะหน่อย สรุป เดินมัน 7 ชั้น หอบเกือบตาย สิ่งที่ได้ คือ ความสูง และ ร้านขายของที่ระลึกข้างบน ฮ่าาๆๆๆ (ซื้อประสบการณ์เน้อะ)
จากนั้นก็ไปเที่ยวพระธาตุหลวงต่อ ประวัติความเป็นมาไม่รู้หรอกค่ะ กะไปอ่านๆเอาตามป้าย ปรากฎว่า ( เออ ไม่มีป้ายบอกเท่าไหร่เลยวุ้ย พึ่งพี่ goo แทนละกัน)
ช่วงไปถึงเป็นเวลาพักเที่ยง ประตูเลยปิด เข้าไปไหว้พระในตัวพระธาตุหลวงไม่ได้ (ค่าเข้า 4,000 กีบอีกแล้ว)
ดีเหมือนกันไม่เปลือง เลยเดินเล่นรอบๆบริเวณ และเดินเข้าไปดูในหอประสูติพระ
จากที่ถามพระท่านในนั้น ท่านบอกแค่เป็นหอประสูติพระ ....สรุป พึ่งพี่ goo อีกตามเคย (งงจนทุกวันนี้)
กราบไหว้พระสักพักเรียบร้อย ก็ให้ตุ๊กๆ กลับไปส่งตรงท่าขึ้นรถบัสเหมือนเดิม .....นั่งรอรถเลทอีก 30 นาที จนทริปนี้ จขกท แทบจะได้เพื่อนใหม่
เกือบครบทุกคนที่ไปเที่ยววังเวียงรอบเดียวกันนี้แระ (มาคนเดียวก็ต้อง friendly เข้าไว้นะคะ ฮ่ะๆๆ)
เราไปถึงวังเวียงค่ำพอดี รถจะส่งลงที่ท่ารถบัส ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก แต่เค้าจะมีรถมินิบัสบริการไปส่งฟรี ซึ่งจะไปลงที่ รร Melane villa จากนั้นก็เดินไปหา รร.เอาเอง เดินไปมาจนได้ที่เหมาะนี่ล่ะค่ะ (ปล. ราคา walk-in ที่นี่มักถูกกว่าจองจาก agoda or booking.com อ่ะ แปลกดี)
เราเลือกพักที่ Mountainview Riverside boutique
hotel ด้วยสนนราคาแค่ 600฿/คืน พร้อมอาหารเช้าฟรี (นี่ล่ะจุดที่ตัดสินใจเลือกเลย 5555)
ห้องชั้น 4 สุงสุด เหลือห้องสุดท้าย ...เป็นอะไรที่ฟินมาก เพราะได้วิวสวยๆ ห้องน้ำส่วนตัว กระจกหน้าต่างรอบตัวห้องแบบพาโนราม่า มีแอร์ ทีวี พร้อมทุกอย่างกับราคาเบาๆ ขนาดนี้ .... สาวงบน้อยแต่คาดหวังสูงเช่นเราเป็นต้องกระโจนตะครุบแน่นอนค่ะ
ห้องพักที่งดงามของเรา อ้าาาาาาา เลอเริสสสสสสส
ดูข้อมูลได้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.agoda.com/th-th/mountain-view-riverside-boutique-hotel/hotel/vang-vieng-la.html
เก็บของเสร็จก็ออกไปสำรวจเล็กน้อยก่อนนอนดีกว่า เพราะอากาศดีมาก น่าจะสัก 18 องศาได้ เดินไปๆมาๆ ได้มื้อเย็นร้านเล็กๆข้างทาง ใกล้กับโรงแรม ช่างเป็น sandwich ที่ชิ้นใหญ่มากกกกกกก ค่าเสียหายพร้อมเป็ปซี่ 1 ขวด รวม 25,000 กีบ
ตื่นมาเช้าวันใหม่อากาศเย็นมาก...บอลลูนลอยขึ้นรับ
แสงอรุน ก็รีบอาบน้ำแต่งตัว ออกไปถ่ายรูปทันที
ทานข้าวเช้าเสร็จ ก็ไปเดินดูตลาดเช้า มีทั้งของสดขาย พระบิณฑบาต และ เฮ้ยย!! ปาท่องโก๋ กล้วยทอด !!! แต่ไม่ยักอร่อยแบบบ้านเรา
อยากจะบอกว่า นี่มันจุดดักหมีชัดๆ (ใครที่ชอบทานขนมปังฝรั่งเศส จุดนี้มันคือสวรรค์ชัดๆค่ะ อร่อยมากมาย บ้านเราทำขายไม่อร่อยเท่าเค้านะคะ)
เดินไปเดินมา อ้าว 9 โมงแระ จะไปไหนดีอ่ะเรา ปรากฎเหลือบไปเห็นว่า ที่นี่เค้ามักจะใช้บริการ one day trip tour
กันเป็นหลัก เราเลยคิดว่าเออดี น่าสนุก อาจได้มีเพื่อนร่วมทริปเที่ยวด้วย
เดินถึงร้าน wonderful Tour
ปรากฎว่ามาช้าไป (อีกแล้ว slow ตลอดอ่ะชั้น) ไปได้แค่ half day tour ก็เลยปลงด้วยประการฉะนี้ แอบกลัวเงินที่แลกมาจะไม่พอ
ไม่เป็นไร visa ช่วยท่านได้ ...และแล้วก็ฟาดค่าเสียหายไป 24USD (ตก 800฿)
**** กิจกรรม Kayaking + Cave Tubing ฮูยยยยยยยส์ !! แค่ชื่อก็มันส์แล้ววว
สักพักรถมารับที่หน้าร้าน......... เฮ้ยยย!! จะ VIP ไปมั้ยคะ คนเดียวเลยรือออออออ แต่ก็เอานะ ตามสโลแกนอยู่แล้ว เที่ยวคนเดียว Slowlife chill chill
นั่งไปสักพักก็ถึงทางเข้าจุดเริ่ม
ถามคนขับว่า ทำไมมาไกลจัง เค้าบอก kayaking 10 กิโล.... (พระเจ้าจอร์ช ถามอิชั้นบ้างมั้ยว่าให้พาย 10 กิโล เนี่ยไหวมั้ย
).....
แต่พอบอกมีไกด์ช่วยพาย ก็เครค่ะ ..... ถึงริมแม่น้ำปุ๊บโอ้วววววววววววววววววววววววววววว.......... 10 กิโล ก็สู้ตายยยยยยยย
วิวจะสวยอะไรเยี่ยงนี้ แถมน้ำก็ใส เย็นราวน้ำแข็งขั้วโลก อยากจะวิ่งกระโจนลงน้ำดังฝูงควายป่าเสียจริงๆ
พอเริ่มลงเรือก็ ..สวยมากอ่า สองฟากข้าง ภูเขางดงาม และน้ำที่ใสเย็นราวกระจก ..ชวนให้สัมผัสเสียนี่กระไร
(หันไปบอกไกด์ เราจะถ่ายรูปนะ ไกด์พายไปคนเดียวเลยนะ แฮ่ๆๆๆๆๆๆ...... แล้วเลือกมาพายคายัคทำไมละชั้น ="=)
สองมือระรัวกดชัตเตอร์ตลอดทาง แม้ช่วงแก่งน้ำก็มิเว้น
มาได้ครึ่งทางเจอหน้าผาสวยอันนึงถามไกด์ว่าอะไร เค้าบอกคนที่นั่นเรียกผาลาย และกระท่อมที่เห็นข้างหน้า เมื่อก่อนเป็นผับ
แต่พอมีฝรั่งเมาแล้วจมน้ำตาย เลยปิดไป ( เออเนอะ แอบหลอนกลางวันด้วยวุ้ย)
ระหว่างทางก็พบเจอเพื่อนร่วมโลกที่เล่นกิจกรรม Tubing (ล่องห่วงยางไปตามแม่น้ำ ประมาณ 6 กิโล ใช้เวลาประมาณ 3 ชม กว่าจะถึงปลายทางที่ตัวเมืองวังเวียง ... แต่มันชิวเสียนี่กระไร นี่ล่ะคือสุดยอดเป้าหมายของ จขกท)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://th.tripadvisor.com/Attraction_Review-g612363-d6105625-Reviews-Wonderful_Tours_Laos_Day_Tours-Vang_Vieng_Vientiane_Province.html [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://th.tripa
[CR] เป็นผู้หญิงต้อง strong .... เที่ยววังเวียงคนเดียวก็ไปได้ง่ายๆ
น่าจะพอเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆคนอื่นได้บ้าง เพราะบางอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ก่อนอื่นเลย หากมี ผญ ท่านอื่นๆอยากลองไปเที่ยวคนเดียวดูบ้าง แต่กลัวนั่นนี่ ,,,จขกท ขอบอกเลยว่า ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ หากเราเตรียมตัวมาดี และรู้จักดูแลระวังตัวเอง .... งบมี ข้อมูลมี เก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางเลยค่ะ อย่ารอเพื่อนหรือใครๆ ไม่งั้นเราจะไม่มีโอกาสได้พานพบกับประสบการณ์ดีๆที่ชีวิตนี้ หาไม่ได้ง่ายๆค่ะ
พร้อมแล้วก็เริ่มกันเลยเน้อะ .... สำหรับการเดินทาง จขกท เลือกเดินทางแบบประหยัดงบที่สุด แต่ไม่สมบุกสมบันจนเกินไป และที่สำคัญต้องชิว
เราเลือกเดินทางจาก กทม ไปอุดรด้วยรถไฟไทยจ้า เพียงแค่ 667฿ กับตู้นอนปรับอากาศชั้น2 ก็ได้อารมณ์ผจญภัย และชิวในตัวแร้ะ ซึ่งเดี๋ยวนี้รถไฟเค้าพัฒนาแล้วนา ห้องน้ำทนได้ ใช้เวลาประมาณ 14 ชม ก็ถึงอุดรค่ะ เวลาเหมาะเจาะแก่การต่อรถไปวังเวียงที่บขส.อุดร รอบ 8.30am
ดูตารางและราคารถไฟได้ที่นี่ค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นอนไปแปปเดียวก็เช้า ถึงอุดรตอน 7.30am อากาศเย็นสบายมาก ก็นั่งตุ๊กตุ๊กไปที่บขส. 80฿ (จริงๆ โดนฟันล่ะ แค่ 40฿ ราคามาตรฐานค่ะ);
ไปถึงก็ต่อซื้อตั๋วกันที่จุดนี้เลย เป็นรถวิ่งตรง อุดร-หนองคาย-วังเวียง มีวันละเที่ยว ออก 8.30 am เท่านั้น ราคาประมาน 350฿ ....แต่เราไปซื้อไม่ทัน รถเต็มพอดี จึงต้องนั่งไป via เวียงจันท์แทนก่อน (ทำให้ได้มีโอกาสเที่ยวนอกแพลนนิดนึง อิอิ) ค่าตั๋วไปเวียงจันท์ 80฿ พร้อมกับเพื่อนชาวลาวทั้งคัน
พอถึงด่านตรงหนองคายก็ลงไปต่อคิวผ่านด่าน ตม.ฝั่งไทย จะมีเจ้าหน้าที่คอยแจกใบขาเข้า-ออกให้กรอกค่ะ (อย่าลืมพกปากกาไปนะคะ สำคัญมาก)
เสร็จแล้วก็ขึ้นรถไปลงฝั่งลาว แล้วลงไปผ่าน ตม.ลาวอีกที ..จุดนี้จะต้องซื้อบัตร pass (ค่าบัตร 1,000กีบ หรือ 5฿ ค่ะ สำหรับวันธรรมดา) แล้วก็เดินไปสอดบัตรผ่านเหมือนเราขึ้นบีทีเอส เป็นอันเสร็จ ก็ไปขึ้นรถคันเดิมต่อ
นั่งได้ 2-3 ชมก็ถึงเวียงจันท์ รถจะไปส่งที่ตลาดเช้า จะมีพวกหน้าม้ามาถามเยอะ จะไปไหน?! พอบอกไปวังเวียงเท่านั้นล่ะ พี่ตุ๊กๆ พยายามจะฟันราคาเราทันที เชียร์จังให้ไปรถตู้ ราคา 100,000 กีบ บอกรถออกทุกชม. (อย่าไปเชื่อเค้านะ สตอเบอรี่หมด)
เราบอกจะไปรถบัส เค้าก็เร่งเราให้ไปขึ้นรถเค้าตลอดบอกเด๋วรถจะออก 11 โมงแล้ว...พอไปถึงที่ขึ้นรถต่อไปวังเวียง
ซื้อตั๋วจ่ายค่าเสียหายไป 80,000 กีบ ดันบอกรถออก บ่ายสอง (สตอเบอรี่ ลูกพีชเอ้ย)
หน้าตาพี่ตุ๊กๆ ที่เหมือนจะดีค่ะ (แต่มิใช่อ่ะ)
เวลาเหลือทำไรดี หาข้าวเที่ยงทานค่ะ เอาใกล้แถวนั้นล่ะ ถูกๆหน่อย เค้าก็แนะให้เดินไปตรงซอกหลืบข้างหน้า จะเจอร้านร่มแดงๆ
เป็นที่นิยมของพนักงานออฟฟิสย่านนั้นเลย
เหนื่อยแล้วอยากทานอะไรร้อนๆ ก็เลยจัดก๋วยเตี๋ยวเนื้อชามนึง (แต่แบบ ป้าลวกเส้นก่อนมั้ยเนี่ยแข็งไปหน่อยนะคะ แต่รสชาติโอเค)
ที่สำคัญ มาพร้อมเครื่องเคียงด้วย แจ่มว้าววววว
ที่ลาวเค้าประมาณว่า สั่งเฝอจะได้ผักดอง ผักสดมาแกล้มด้วยทุกครั้งค่ะ
ทานเสร็จเวลาเหลือ 3 ชม . เอาล่ะ มาเที่ยวทั้งที ยอมเหมา 80,000 กีบ ให้ตุ๊กๆ พาเที่ยวเวียงจันท์มันสะเลย โดยเราเลือกไป ประตูชัย กับ พระธาตุหลวง พอถึงประตูชัยปุ๊บ ก็ลงไปเดินแบกเป้หนักๆแดดเปรี้ยงๆ ถ่ายรุปไปตามเรื่องตามราว
เค้ามีชั้นบนในประตุชัยให้ขึ้นไปดูด้วยค่ะ ค่าเข้า 3,000 กีบ เราก็อะเคร มาแล้วต้องดูสะหน่อย สรุป เดินมัน 7 ชั้น หอบเกือบตาย สิ่งที่ได้ คือ ความสูง และ ร้านขายของที่ระลึกข้างบน ฮ่าาๆๆๆ (ซื้อประสบการณ์เน้อะ)
จากนั้นก็ไปเที่ยวพระธาตุหลวงต่อ ประวัติความเป็นมาไม่รู้หรอกค่ะ กะไปอ่านๆเอาตามป้าย ปรากฎว่า ( เออ ไม่มีป้ายบอกเท่าไหร่เลยวุ้ย พึ่งพี่ goo แทนละกัน)
ช่วงไปถึงเป็นเวลาพักเที่ยง ประตูเลยปิด เข้าไปไหว้พระในตัวพระธาตุหลวงไม่ได้ (ค่าเข้า 4,000 กีบอีกแล้ว)
ดีเหมือนกันไม่เปลือง เลยเดินเล่นรอบๆบริเวณ และเดินเข้าไปดูในหอประสูติพระ
จากที่ถามพระท่านในนั้น ท่านบอกแค่เป็นหอประสูติพระ ....สรุป พึ่งพี่ goo อีกตามเคย (งงจนทุกวันนี้)
กราบไหว้พระสักพักเรียบร้อย ก็ให้ตุ๊กๆ กลับไปส่งตรงท่าขึ้นรถบัสเหมือนเดิม .....นั่งรอรถเลทอีก 30 นาที จนทริปนี้ จขกท แทบจะได้เพื่อนใหม่
เกือบครบทุกคนที่ไปเที่ยววังเวียงรอบเดียวกันนี้แระ (มาคนเดียวก็ต้อง friendly เข้าไว้นะคะ ฮ่ะๆๆ)
เราไปถึงวังเวียงค่ำพอดี รถจะส่งลงที่ท่ารถบัส ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก แต่เค้าจะมีรถมินิบัสบริการไปส่งฟรี ซึ่งจะไปลงที่ รร Melane villa จากนั้นก็เดินไปหา รร.เอาเอง เดินไปมาจนได้ที่เหมาะนี่ล่ะค่ะ (ปล. ราคา walk-in ที่นี่มักถูกกว่าจองจาก agoda or booking.com อ่ะ แปลกดี)
เราเลือกพักที่ Mountainview Riverside boutique
hotel ด้วยสนนราคาแค่ 600฿/คืน พร้อมอาหารเช้าฟรี (นี่ล่ะจุดที่ตัดสินใจเลือกเลย 5555)
ห้องชั้น 4 สุงสุด เหลือห้องสุดท้าย ...เป็นอะไรที่ฟินมาก เพราะได้วิวสวยๆ ห้องน้ำส่วนตัว กระจกหน้าต่างรอบตัวห้องแบบพาโนราม่า มีแอร์ ทีวี พร้อมทุกอย่างกับราคาเบาๆ ขนาดนี้ .... สาวงบน้อยแต่คาดหวังสูงเช่นเราเป็นต้องกระโจนตะครุบแน่นอนค่ะ
ห้องพักที่งดงามของเรา อ้าาาาาาา เลอเริสสสสสสส
ดูข้อมูลได้ค่ะ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เก็บของเสร็จก็ออกไปสำรวจเล็กน้อยก่อนนอนดีกว่า เพราะอากาศดีมาก น่าจะสัก 18 องศาได้ เดินไปๆมาๆ ได้มื้อเย็นร้านเล็กๆข้างทาง ใกล้กับโรงแรม ช่างเป็น sandwich ที่ชิ้นใหญ่มากกกกกกก ค่าเสียหายพร้อมเป็ปซี่ 1 ขวด รวม 25,000 กีบ
ตื่นมาเช้าวันใหม่อากาศเย็นมาก...บอลลูนลอยขึ้นรับ
แสงอรุน ก็รีบอาบน้ำแต่งตัว ออกไปถ่ายรูปทันที
ทานข้าวเช้าเสร็จ ก็ไปเดินดูตลาดเช้า มีทั้งของสดขาย พระบิณฑบาต และ เฮ้ยย!! ปาท่องโก๋ กล้วยทอด !!! แต่ไม่ยักอร่อยแบบบ้านเรา
อยากจะบอกว่า นี่มันจุดดักหมีชัดๆ (ใครที่ชอบทานขนมปังฝรั่งเศส จุดนี้มันคือสวรรค์ชัดๆค่ะ อร่อยมากมาย บ้านเราทำขายไม่อร่อยเท่าเค้านะคะ)
เดินไปเดินมา อ้าว 9 โมงแระ จะไปไหนดีอ่ะเรา ปรากฎเหลือบไปเห็นว่า ที่นี่เค้ามักจะใช้บริการ one day trip tour
กันเป็นหลัก เราเลยคิดว่าเออดี น่าสนุก อาจได้มีเพื่อนร่วมทริปเที่ยวด้วย
เดินถึงร้าน wonderful Tour
ปรากฎว่ามาช้าไป (อีกแล้ว slow ตลอดอ่ะชั้น) ไปได้แค่ half day tour ก็เลยปลงด้วยประการฉะนี้ แอบกลัวเงินที่แลกมาจะไม่พอ
ไม่เป็นไร visa ช่วยท่านได้ ...และแล้วก็ฟาดค่าเสียหายไป 24USD (ตก 800฿)
**** กิจกรรม Kayaking + Cave Tubing ฮูยยยยยยยส์ !! แค่ชื่อก็มันส์แล้ววว
สักพักรถมารับที่หน้าร้าน......... เฮ้ยยย!! จะ VIP ไปมั้ยคะ คนเดียวเลยรือออออออ แต่ก็เอานะ ตามสโลแกนอยู่แล้ว เที่ยวคนเดียว Slowlife chill chill
นั่งไปสักพักก็ถึงทางเข้าจุดเริ่ม
ถามคนขับว่า ทำไมมาไกลจัง เค้าบอก kayaking 10 กิโล.... (พระเจ้าจอร์ช ถามอิชั้นบ้างมั้ยว่าให้พาย 10 กิโล เนี่ยไหวมั้ย ).....
แต่พอบอกมีไกด์ช่วยพาย ก็เครค่ะ ..... ถึงริมแม่น้ำปุ๊บโอ้วววววววววววววววววววววววววววว.......... 10 กิโล ก็สู้ตายยยยยยยย
วิวจะสวยอะไรเยี่ยงนี้ แถมน้ำก็ใส เย็นราวน้ำแข็งขั้วโลก อยากจะวิ่งกระโจนลงน้ำดังฝูงควายป่าเสียจริงๆ
พอเริ่มลงเรือก็ ..สวยมากอ่า สองฟากข้าง ภูเขางดงาม และน้ำที่ใสเย็นราวกระจก ..ชวนให้สัมผัสเสียนี่กระไร
(หันไปบอกไกด์ เราจะถ่ายรูปนะ ไกด์พายไปคนเดียวเลยนะ แฮ่ๆๆๆๆๆๆ...... แล้วเลือกมาพายคายัคทำไมละชั้น ="=)
สองมือระรัวกดชัตเตอร์ตลอดทาง แม้ช่วงแก่งน้ำก็มิเว้น
มาได้ครึ่งทางเจอหน้าผาสวยอันนึงถามไกด์ว่าอะไร เค้าบอกคนที่นั่นเรียกผาลาย และกระท่อมที่เห็นข้างหน้า เมื่อก่อนเป็นผับ
แต่พอมีฝรั่งเมาแล้วจมน้ำตาย เลยปิดไป ( เออเนอะ แอบหลอนกลางวันด้วยวุ้ย)
ระหว่างทางก็พบเจอเพื่อนร่วมโลกที่เล่นกิจกรรม Tubing (ล่องห่วงยางไปตามแม่น้ำ ประมาณ 6 กิโล ใช้เวลาประมาณ 3 ชม กว่าจะถึงปลายทางที่ตัวเมืองวังเวียง ... แต่มันชิวเสียนี่กระไร นี่ล่ะคือสุดยอดเป้าหมายของ จขกท)[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น