2 สาวแบกเป้กลับมาแล้วค่ะ หลังจากหายหน้าหายตาไปนานจาก Pantip เพราะมัวแต่ทำงานเก็บตังค์ไปเที่ยวอยู่ 555 ทริปนี้จุดหมายปลายทางคือ Vang Vieng, Laos ในคอนเซ็ปต์ที่ชื่อว่า “No plan No everything” ค่ะเพราะทริปนี้ไม่ได้รีวิวก่อนไป เราเลยต้อง walk-in หาโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สถานที่เที่ยว บลาๆๆ และที่สำคัญไปฉลองวันเกิดให้เพื่อนไกลถึงวังเวียงกันเลยทีเดียว ไปดูกันค่ะว่า 4 วัน 3 คืน (02/02/16-05/02/16) นั่งรถเป็นวันๆ เที่ยวจริงไม่กี่วัน กับวังเวียงที่คนไปกันเยอะๆเนี่ยสนุกแค่ไหน Let’s go
วันแรกของการเดินทาง
ซื้อตั๋ว NCA กรุงเทพฯ-อุดร รอบ 22.15 น. จะได้ไปถึงอุดรตอนเช้า และต่อรถไปวังเวียงรอบ 8.30 น. เลย (ที่ไม่ไปเครื่องเพราะจะไม่ทันรอบรถไปวังเวียงไง รถทัวร์ อุดร-หนองคาย-วังเวียง 1 เที่ยว/วัน งี้ 555)
บนรถ พขร จะแจกใบ Immigration Thai/Laos P.D.R ให้กรอก จะได้ไม่เสียเวลาตรงด่านตรวจคนเข้าเมือง ทำเรื่องผ่านแดนเสร็จก็กลับมาขึ้นรถ
หลังจากที่เจอทางเป็นหลุมเป็นบ่อ ฝุ่นตลบ และโค้งเยอะแบบนรก ก็มาจอดพักรถ ให้เข้าห้องน้ำ ทานข้าว 20-30 นาที มื้อแรกในลาว ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน ต้องเฝ๋อชามใหญ่เลยจ้า 555
จากนั้นคนก็นอนเก็บแรงไปตลอดทาง รถก็ทำเวลา ตื่นขึ้นมาถึงวังเวียงแบบงงๆ 555 มีรถรับ-ส่ง บขส.-ในตัวเมืองวังเวียง หรือจะเดินก็ได้ไม่ไกลกันมาก เรา 2 คน ลากกระเป๋าหาที่พักกันเกือบชั่วโมงทั้ง Hotel, Hostel, Guesthouse, Homestay สุดท้ายมาได้ที่ “บังกะโลสวนธรรมชาติ” (Air condition, เครื่องทำน้ำอุ่น, Free Wifi, และวิวระเบียงหลังห้องที่ติดแม่น้ำซอง)
มาถึงที่นี่แล้ว เก็บกระเป๋าเสร็จ ไปเที่ยวกันต่อดีกว่า เดินเล่นในตัวเมืองวังเวียงเข้าซอยนู้นทะลุซอยนี้จนมาเจอ “สามแยกโรตี” ที่เรียกแบบนี้เพราะละแวกนั้นร้านโรตีทั้งเวิ้งค่ะ 555 ยืนรออะไรล่ะคะ ควักเงินเป็นหมื่นๆ (กีบ) พลีชีพเพื่อโรตี เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงวังเวียงอีก 555
มือก็เอาไม้จิ้มโรตีเข้าปาก ตาก็ดูแพคเกจทัวร์ มีให้เลือกหลายบริษัทมาก มาหยุดอยู่หน้าบริษัทนึง “Namtip Tour” คือชื่อบริษัทเหมือนชื่อเพื่อนสนิทตอนมหาลัยปี 1 เอาวะ!!! บริษัทนี้แหละ 555 (เดี๋ยวๆ เกี่ยวไรกัน) ตกลงกันกับเพื่อนซื้อ Day tour
Full Day : Water Cave, Elephant Cave, Trekking, Kayaking, Blue Lagoon + Lunch
สบายใจพรุ่งนี้มีที่ไปแล้วกู 555 จากนั้นก็ไปหาอะไรกินกันต่อ ตอนที่ไปวังเวียงหนาวมาก ก็เล่นภูเขาโอปล้อมซะขนาดนั้น “ซิมดาด” เลยมาแรง งงๆ ก็หมูกระทะบ้านเราไง 555
กินเสร็จ กำลังจะกลับที่พัก หันมาดูนาฬิกายังไม่ดึกเลย ประเดิมคืนแรกด้วย “Sakura Bar” เลยจ้า
BUY 2 VODKA FREE SHIRT
FREE DRINK (WHISKRY) 8PM - 9PM
ไม่ได้ค่าโฆษณาเลยนะเนี่ย แต่เสื้อที่ฮิตใส่กันในวังเวียงมาจากร้านนี้แหละ 555
เป็นคนไทยที่ไปเต้นอยู่ในดงฝรั่งและเกาหลี สนุกมาก กรึ่มๆแล้วกลับที่พักได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ใส่เสื้อมาอวด
วันที่สองของการเดินทาง
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เช้านี้เลยฟาด Sandwich Egg, Ham, Cheese
8.30 น. ยืนสวยๆรอรถมารับหน้าที่พัก โปรแกรมวันนี้คือ Water Cave, Lunch, Elephant Cave, Trekking, Kayaking, Blue Lagoon จะมีไกด์และผู้ช่วยคอยอำนวยความสะดวกให้เรา และเรียกพวกเราที่ซื้อทัวร์มาด้วยกันทั้งหมดว่า "Team" เป็นผู้หญิงไทย 2 คนในดงเกาหลีไปอีก 555 ไม่รู้แหละชุดพร้อมเปียกมากพูดเลย ถ้าพร้อมแล้ว ลุย!!!!!
Water Cave นั่งบนห่วงยางแล้วจับเชือกลอยตัวเข้าไปในถ้ำ น้ำเย็นมาก กรี๊ดกันถ้ำแตก
Elephant Cave ภายในถ้ำจะมีหินลักษณะคล้ายช้าง เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปและรอยพระพุทธบาท มีเซียมซีด้วยนะ แต่ไม่ดีกว่า อ่านบ่ออก 555
Trekking เดินชมความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของคนวังเวียง ทุ่งนา ภูเขา และควาย (มอออออ! ไม่ใช่ละ)
Kayaking ครั้งแรกกับการพายเรือคายัค ด้วยระยะทาง 8 km. แวะพักที่บาร์ริมน้ำ มีกิจกรรมให้เล่น บาสเกตบอล ปิงปอง ปาเป้า และนั่งดริ้งชิลๆ
Blue Lagoon มาถึงไฮไลท์ของวังเวียงเลยก็ว่าได้ คนอื่นไปเล่น Zipline กันหมด เราไม่ค่ะบ้าพลัง จะโดดน้ำสีฟ้าอย่างเดียว 555
ระหว่างรอสมาชิกในทีมครบเพื่อกลับเข้าไปในตัวเมือง ก็ขึ้นเขาไป “ถ้ำปู่คำ” ใช้เวลาในการเดินเท้าประมาณ 15 นาที ภายในมืด มีเพียงแสงสว่างจากปากถ้ำ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป สวยคุ้มค่าเหนื่อยจริงๆ
เป็น Day tour ที่เหนื่อยแต่สนุกมาก ใครชอบเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์แนะนำเลย “Vang Vieng, Laos”
กลับมาถึงที่พักอาบน้ำแล้วออกมาล่าโอปป้า เอ้ย! มาหาของกิน 555 คืนนี้จัดไปเบาๆก่อนหลับเป็นตาย เพราะปวดแขนจากการพายเรือคายัค ด้วยปาร์ตี้ส้มตำลาวและ Berger Ham Cheese
วันที่สามของการเดินทาง
วันนี้สโลล์ไลฟ์ได้เพราะฟรีเดย์ กะจะเดินเที่ยวให้รอบวังเวียงเลย 555 ไปซื้อตั๋วรถกลับ วังเวียง-หนองคาย-อุดร แลกเงินกีบที่ธนาคารพงสะหวัน กินอาหารเช้าแบบคนลาว (เส้นเปียกจะคล้ายๆก๋วยจั๊บญวน แต่เส้นใหญ่และนุ่มกว่า ส่วนขนมจีนน้ำยาปลา และปากหม้อลาวใช้ได้เลย นี่ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่นะ 555)
หลังจากสอบถามที่เที่ยวในวังเวียงกับคนแถวนั้น เราก็เดินมาราธอนหลายกิโลหาสัญลักษณ์มะพร้าว 2 ต้น เพื่อไป “ถ้ำจัง” ไม่แปลกใจทำไมที่นี่ไม่ค่อยมีคน เพราะแค่เดินตามทางที่มีไฟสลัวๆไปยังจุดชมวิว บรรยากาศภายในถ้ำดูวังเวง บวกกับแสงไฟสีเขียวๆ และอีกด้านของถ้ำมีทางไปต่อแต่มืดมาก ถ่ายรูป 2-3 แชะ วิ่งเลยจ้า ความรู้สึกยังกับไปล่าท้าผีในต่างแดน เชิญร่วมสัมผัสประสบการณ์ขนหัวลุก ณ ถ้ำจัง วังเวียง ไรงี้ --‘
หลังจากเดินตากแดดอุ่นๆลมพัดเย็นสบาย แต่ผิวงี้ดำเป็นเหมี่ยง 555 ก็มานั่งจิบกาแฟดาว กาแฟของคนลาว ที่กินได้ ย้ำ “พอกินได้” ณ ร้านหลวงพระบาง
นอนเล่น Wifi พักขาได้สักพักก็ไปทัวร์วัด บาร์ริมน้ำ และก็เดินหาซื้อของฝาก วังเวียงเป็นเมืองที่ชิคมากพูดเลย
เหนื่อยมาทั้งวัน ยิ่งหนาวๆแบบนี้ด้วย มื้อเย็นเลยจัดพิซซ่าพร้อมเบียร์ลาวเย็นๆ และอำลาคืนสุดท้ายในวังเวียงด้วย Sakura Bar เมาปลิ้นพากันลากกลับที่พัก พรุ่งนี้ก็แค่กลับไทยแต่เช้าเอง 555
วันที่สี่ของการเดินทาง
เก็บกระเป๋าเช็คเอ้าท์แต่เช้า นั่งรากงอกรอรถมารับไป บขส. แต่กว่ารถจะออกจริง 10.00 น. ขากลับไม่มีนับโค้งนะคะ เพราะหลับอย่างเดียว 555 เหมือนเดิมจอดแวะพักรถ พาชมเมืองด่านฝั่งลาว (ที่จริงเป็นแค่ทางผ่านแต่เจ้าของกระทู้มโนเอง 555) ทำเรื่องข้ามแดน ลาว/ไทย ในที่สุดก็เดินทางมาถึงอุดรโดยสวัสดิภาพ ยังมีอารมณ์ไปเดินเล่นหาอะไรกินที่เซ็นทรัลอุดรอีก รอรถ NCA อุดร-กรุงเทพฯ รอบ 21.25 น. กว่าจะถึงกรุงเทพก็เช้าอีกวันพอดี
“…ภาพอาจจะไม่สวยเท่าตาเห็น เพราะการเดินทางคือการค้นหาความหมายของชีวิต…”
[CR] เที่ยววังเวียง 4 วัน 3 คืน กับเงินหมื่น (กีบ)
วันแรกของการเดินทาง
ซื้อตั๋ว NCA กรุงเทพฯ-อุดร รอบ 22.15 น. จะได้ไปถึงอุดรตอนเช้า และต่อรถไปวังเวียงรอบ 8.30 น. เลย (ที่ไม่ไปเครื่องเพราะจะไม่ทันรอบรถไปวังเวียงไง รถทัวร์ อุดร-หนองคาย-วังเวียง 1 เที่ยว/วัน งี้ 555)
บนรถ พขร จะแจกใบ Immigration Thai/Laos P.D.R ให้กรอก จะได้ไม่เสียเวลาตรงด่านตรวจคนเข้าเมือง ทำเรื่องผ่านแดนเสร็จก็กลับมาขึ้นรถ
หลังจากที่เจอทางเป็นหลุมเป็นบ่อ ฝุ่นตลบ และโค้งเยอะแบบนรก ก็มาจอดพักรถ ให้เข้าห้องน้ำ ทานข้าว 20-30 นาที มื้อแรกในลาว ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน ต้องเฝ๋อชามใหญ่เลยจ้า 555
จากนั้นคนก็นอนเก็บแรงไปตลอดทาง รถก็ทำเวลา ตื่นขึ้นมาถึงวังเวียงแบบงงๆ 555 มีรถรับ-ส่ง บขส.-ในตัวเมืองวังเวียง หรือจะเดินก็ได้ไม่ไกลกันมาก เรา 2 คน ลากกระเป๋าหาที่พักกันเกือบชั่วโมงทั้ง Hotel, Hostel, Guesthouse, Homestay สุดท้ายมาได้ที่ “บังกะโลสวนธรรมชาติ” (Air condition, เครื่องทำน้ำอุ่น, Free Wifi, และวิวระเบียงหลังห้องที่ติดแม่น้ำซอง)
มาถึงที่นี่แล้ว เก็บกระเป๋าเสร็จ ไปเที่ยวกันต่อดีกว่า เดินเล่นในตัวเมืองวังเวียงเข้าซอยนู้นทะลุซอยนี้จนมาเจอ “สามแยกโรตี” ที่เรียกแบบนี้เพราะละแวกนั้นร้านโรตีทั้งเวิ้งค่ะ 555 ยืนรออะไรล่ะคะ ควักเงินเป็นหมื่นๆ (กีบ) พลีชีพเพื่อโรตี เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงวังเวียงอีก 555
มือก็เอาไม้จิ้มโรตีเข้าปาก ตาก็ดูแพคเกจทัวร์ มีให้เลือกหลายบริษัทมาก มาหยุดอยู่หน้าบริษัทนึง “Namtip Tour” คือชื่อบริษัทเหมือนชื่อเพื่อนสนิทตอนมหาลัยปี 1 เอาวะ!!! บริษัทนี้แหละ 555 (เดี๋ยวๆ เกี่ยวไรกัน) ตกลงกันกับเพื่อนซื้อ Day tour
Full Day : Water Cave, Elephant Cave, Trekking, Kayaking, Blue Lagoon + Lunch
สบายใจพรุ่งนี้มีที่ไปแล้วกู 555 จากนั้นก็ไปหาอะไรกินกันต่อ ตอนที่ไปวังเวียงหนาวมาก ก็เล่นภูเขาโอปล้อมซะขนาดนั้น “ซิมดาด” เลยมาแรง งงๆ ก็หมูกระทะบ้านเราไง 555
กินเสร็จ กำลังจะกลับที่พัก หันมาดูนาฬิกายังไม่ดึกเลย ประเดิมคืนแรกด้วย “Sakura Bar” เลยจ้า
BUY 2 VODKA FREE SHIRT
FREE DRINK (WHISKRY) 8PM - 9PM
ไม่ได้ค่าโฆษณาเลยนะเนี่ย แต่เสื้อที่ฮิตใส่กันในวังเวียงมาจากร้านนี้แหละ 555
เป็นคนไทยที่ไปเต้นอยู่ในดงฝรั่งและเกาหลี สนุกมาก กรึ่มๆแล้วกลับที่พักได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ใส่เสื้อมาอวด
วันที่สองของการเดินทาง
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เช้านี้เลยฟาด Sandwich Egg, Ham, Cheese
8.30 น. ยืนสวยๆรอรถมารับหน้าที่พัก โปรแกรมวันนี้คือ Water Cave, Lunch, Elephant Cave, Trekking, Kayaking, Blue Lagoon จะมีไกด์และผู้ช่วยคอยอำนวยความสะดวกให้เรา และเรียกพวกเราที่ซื้อทัวร์มาด้วยกันทั้งหมดว่า "Team" เป็นผู้หญิงไทย 2 คนในดงเกาหลีไปอีก 555 ไม่รู้แหละชุดพร้อมเปียกมากพูดเลย ถ้าพร้อมแล้ว ลุย!!!!!
Water Cave นั่งบนห่วงยางแล้วจับเชือกลอยตัวเข้าไปในถ้ำ น้ำเย็นมาก กรี๊ดกันถ้ำแตก
Elephant Cave ภายในถ้ำจะมีหินลักษณะคล้ายช้าง เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปและรอยพระพุทธบาท มีเซียมซีด้วยนะ แต่ไม่ดีกว่า อ่านบ่ออก 555
Trekking เดินชมความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของคนวังเวียง ทุ่งนา ภูเขา และควาย (มอออออ! ไม่ใช่ละ)
Kayaking ครั้งแรกกับการพายเรือคายัค ด้วยระยะทาง 8 km. แวะพักที่บาร์ริมน้ำ มีกิจกรรมให้เล่น บาสเกตบอล ปิงปอง ปาเป้า และนั่งดริ้งชิลๆ
Blue Lagoon มาถึงไฮไลท์ของวังเวียงเลยก็ว่าได้ คนอื่นไปเล่น Zipline กันหมด เราไม่ค่ะบ้าพลัง จะโดดน้ำสีฟ้าอย่างเดียว 555
ระหว่างรอสมาชิกในทีมครบเพื่อกลับเข้าไปในตัวเมือง ก็ขึ้นเขาไป “ถ้ำปู่คำ” ใช้เวลาในการเดินเท้าประมาณ 15 นาที ภายในมืด มีเพียงแสงสว่างจากปากถ้ำ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป สวยคุ้มค่าเหนื่อยจริงๆ
เป็น Day tour ที่เหนื่อยแต่สนุกมาก ใครชอบเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์แนะนำเลย “Vang Vieng, Laos”
กลับมาถึงที่พักอาบน้ำแล้วออกมาล่าโอปป้า เอ้ย! มาหาของกิน 555 คืนนี้จัดไปเบาๆก่อนหลับเป็นตาย เพราะปวดแขนจากการพายเรือคายัค ด้วยปาร์ตี้ส้มตำลาวและ Berger Ham Cheese
วันที่สามของการเดินทาง
วันนี้สโลล์ไลฟ์ได้เพราะฟรีเดย์ กะจะเดินเที่ยวให้รอบวังเวียงเลย 555 ไปซื้อตั๋วรถกลับ วังเวียง-หนองคาย-อุดร แลกเงินกีบที่ธนาคารพงสะหวัน กินอาหารเช้าแบบคนลาว (เส้นเปียกจะคล้ายๆก๋วยจั๊บญวน แต่เส้นใหญ่และนุ่มกว่า ส่วนขนมจีนน้ำยาปลา และปากหม้อลาวใช้ได้เลย นี่ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่นะ 555)
หลังจากสอบถามที่เที่ยวในวังเวียงกับคนแถวนั้น เราก็เดินมาราธอนหลายกิโลหาสัญลักษณ์มะพร้าว 2 ต้น เพื่อไป “ถ้ำจัง” ไม่แปลกใจทำไมที่นี่ไม่ค่อยมีคน เพราะแค่เดินตามทางที่มีไฟสลัวๆไปยังจุดชมวิว บรรยากาศภายในถ้ำดูวังเวง บวกกับแสงไฟสีเขียวๆ และอีกด้านของถ้ำมีทางไปต่อแต่มืดมาก ถ่ายรูป 2-3 แชะ วิ่งเลยจ้า ความรู้สึกยังกับไปล่าท้าผีในต่างแดน เชิญร่วมสัมผัสประสบการณ์ขนหัวลุก ณ ถ้ำจัง วังเวียง ไรงี้ --‘
หลังจากเดินตากแดดอุ่นๆลมพัดเย็นสบาย แต่ผิวงี้ดำเป็นเหมี่ยง 555 ก็มานั่งจิบกาแฟดาว กาแฟของคนลาว ที่กินได้ ย้ำ “พอกินได้” ณ ร้านหลวงพระบาง
นอนเล่น Wifi พักขาได้สักพักก็ไปทัวร์วัด บาร์ริมน้ำ และก็เดินหาซื้อของฝาก วังเวียงเป็นเมืองที่ชิคมากพูดเลย
เหนื่อยมาทั้งวัน ยิ่งหนาวๆแบบนี้ด้วย มื้อเย็นเลยจัดพิซซ่าพร้อมเบียร์ลาวเย็นๆ และอำลาคืนสุดท้ายในวังเวียงด้วย Sakura Bar เมาปลิ้นพากันลากกลับที่พัก พรุ่งนี้ก็แค่กลับไทยแต่เช้าเอง 555
วันที่สี่ของการเดินทาง
เก็บกระเป๋าเช็คเอ้าท์แต่เช้า นั่งรากงอกรอรถมารับไป บขส. แต่กว่ารถจะออกจริง 10.00 น. ขากลับไม่มีนับโค้งนะคะ เพราะหลับอย่างเดียว 555 เหมือนเดิมจอดแวะพักรถ พาชมเมืองด่านฝั่งลาว (ที่จริงเป็นแค่ทางผ่านแต่เจ้าของกระทู้มโนเอง 555) ทำเรื่องข้ามแดน ลาว/ไทย ในที่สุดก็เดินทางมาถึงอุดรโดยสวัสดิภาพ ยังมีอารมณ์ไปเดินเล่นหาอะไรกินที่เซ็นทรัลอุดรอีก รอรถ NCA อุดร-กรุงเทพฯ รอบ 21.25 น. กว่าจะถึงกรุงเทพก็เช้าอีกวันพอดี
“…ภาพอาจจะไม่สวยเท่าตาเห็น เพราะการเดินทางคือการค้นหาความหมายของชีวิต…”
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น