สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาไปดื่มด่ำกับความสวยงามของอ่างเก็บน้ำธรรมชาติที่ได้รับการขนานนามว่า ปางอุ๋งสุพรรณ ห่างจากกรุงเทพฯ ไม่ถึง 200 กิโลเมตร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชอบบรรยกาศดีๆ ริมอ่างเก็บน้ำ แต่ไม่มีเวลาเดินทางไปถึงปางอุ๋งแม่ฮ่องสอน

ปางอุ๋งสุพรรณ คืออีกชื่อหนึ่งของอ่างเก็บน้ำหุบเขาวง ตั้งอยู่ ณ อำเภอ ด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ด้วยทัศนียภาพของอ่างเก็บน้ำแบบ 360 องศา ล้อมรอบไปด้วยภูเขา ต้นไม้ และจุดชมพระอาทิตย์ตก เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยือนอย่างไม่ขาดสาย

2 วัน 1 คืน ที่ ปางอุ๋งสุพรรณ
เย็นวันศุกร์…หลายคนทยอยกลับบ้าน รถเริ่มติด ความมืดมิดเริ่มมาเยือน แต่ก็ไม่มีอะไรสามารถมาขัดขวางการท่องเที่ยวของผมได้

ถุงนอนสองใบ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน น้ำดื่ม 5 ลิตร 6 ขวดและหนังสือ 1 เล่ม ขนของเหล่านี้ขึ้นรถแล้วก็ออกเดินทางไปยังสถานที่ ที่เขาว่า เงียบสงบ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีอินเตอร์เน็ต ตัดขาดทุกการเชื่อมต่อ ก็ดีเหมือนกัน เบื่อเหลือเกิน เมืองกรุงที่วุ่นวาย

ก่อนหน้านี้ผมได้โทรหาคุณสนธยา ซึ่งเป็นกรรมการของปางอุ๋งสุพรรณเพื่อสอบถามวันที่มีแพริมน้ำว่าง ก็ได้ความว่าคืนวันศุกร์ยังว่างอยู่ ผมตอบตกลงไปโดยไม่ต้องคิดกับแพ็คเกจแพริมน้ำ พร้อมอาหารสองมื้อ 300 บาทต่อท่าน

ผมถามว่าชำระเงินทางไหน ให้ผมโอนเงินเลยไหม พี่เขาใจดีให้มาจ่ายตอนเข้าพักได้ อย่างไรก็ตามวันศุกร์ผมติดงานต้องเข้าให้คำปรึกษากับทางโรงงาน จึงได้แจ้งพี่สนธยาว่าผมจะเข้าพักดึกๆหน่อย กว่าจะถึงน่าจะประมาณสามทุ่ม

เดินทาง…ไปปางอุ๋งสุพรรณ
ผมใช้ทางหลวงหมายเลข 9 เลี้ยวซ้ายเข้า ถนน. บางบัวทอง-สุพรรณ หมายเลข 340 ผ่านถนนหมายเลข 357 และ 333 ตามลำดับ มุ่งหน้าสู่ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี การขับรถยามค่ำคืนบนถนนหมายเลข 333 ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นถนนสองเลนรถวิ่งสวนและมีรถบรรทุกอยู่ตลอดเส้นทาง ความเร็วเฉลี่ยที่ใช้ได้อยู่ที่ 90-120 km/hr


19.49 น พี่สนธยาโทร LINE หาผม 2 ครั้ง แต่ผมปิดรับสายไว้ ยังดีว่าระหว่างทางผม LINE จึงได้แจ้งว่าผมอยู่ตัวเมืองสุพรรณแล้ว พี่สนธยาบอกว่ามีเจ้าหน้าที่รออยู่และส่ง location ทางเข้าปางอุ๋งสุพรรณมาให้ผมทาง LINE

ทางเข้าปางอุ๋งสุพรรณอยู่ในซอยวัดพุน้ำร้อน เมื่อถึงทางเข้าก็เจอเจ้าหน้าที่ซึ่งก็คือพี่สนธยาจอดรถปิ๊กอัพสีขาวรออยู่กลางทาง จากนั้นก็ขับรถตามไป บนถนนลูกรัง สภาพถนนถือว่าดีกว่าที่คาดไว้ รถยนต์ 1,500 cc เข้าได้สบายๆ แต่ต้องขับช้าๆหน่อย สงสารรถ

อันที่จริงผมมี GPS และได้ตั้งตำแหน่งที่หมายไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนแรกจึงสงสัยว่าทำไมพี่เขาต้องรอผมที่หน้าทางเข้าด้วย ตอนหลังจึงเข้าใจ ทางมันมืดและน่ากลัวมากในตอนกลางคืน ก็แน่นอนละ ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง

ขับตามมาจนถึงปางอุ๋งสุพรรณ ระยะทางประมาณ 8.6 กิโลเมตร จากหน้าทางเข้า ตกใจพอสมควร เพราะเห็นรถจอดอยู่หลายคันมาก ไม่นึกเลยว่าคนจะเยอะขนาดนี้ นี่มันแค่คืนวันศุกร์เองนะ

ผมมาถึงประมาณ 22.00 น ถึงแม้จะจองแพ็คเกจพร้อมอาหารเย็นไว้และตกลงว่าจะมากินพร้อมๆกับชาวบ้านของที่นี่ แต่คงไม่ได้ทานแล้ว เพราะรองท้องไปด้วย KFC บนรถก่อนที่จะมาถึงและเจ้าหน้าที่ก็นอนกันเกือบหมดแล้ว

พี่ๆชาวบ้าน ที่ปางอุ๋งก็ให้ผมเลือกแพว่างๆ ที่จะเข้าพัก ระหว่างแพริมน้ำ กับ แพกลางน้ำ โดยแพริมน้ำ จะเล็กกว่าแพกลางน้ำ แต่เดินเข้าได้สะดวก ส่วนแพกลางน้ำจะต้องขึ้นโป๊ะลอยน้ำและดึงเชือกไปหาแพกลางน้ำซึ่งมีเจ้าหน้าที่นอนอยู่ด้วยจะไม่เป็นส่วนตัวเท่ากับแพริมน้ำ สำหรับที่อยากได้บรรยกาศก็เลือกนอนเต้นได้เช่นกัน เสียค่าบำรุงรักษา 50 บาท/ท่าน

โดยส่วนตัวผมชอบ แพ 5 เพราะแยกมาอยู่แบบปลีกวิเวก ตั้งอยู่ข้างสะพานที่จะข้ามไปยังแพกลางน้ำ 2 หลัง ได้วิวแบบพาโนรามา ไม่มีแพอื่นๆมาบดบัง แถมยังใกล้ลานจอดรถและห้องน้ำอีกด้วย แพ 5 จะแตกต่างจากหลังอื่นเล็กน้อย คือ ด้านหน้าของแพ จะหันเข้าหาฝั่ง แต่ไม่ใช่อุปสรรค์แก่การชมวิวแต่อย่างใด เพราะด้านหลังแพก็มีที่ให้นั่งเช่นกัน
เจ้าหน้าที่กำลังเดินไปเปิดประตูที่แพ 5 ให้

วันที่ผมเข้าพัก พระจันทร์เต็มดวง ฟ้าเปิด มองเห็นดาว เงาของภูเขาสะท้อนอยู่บนผิวน้ำ เป็นภาพที่สวยงามมากๆ น่าเสียดายที่กล้องจากสมาร์ทโฟน ไม่สามารถเก็บภาพนี้มาฝากเพื่อนๆได้

นั่งชิลอยู่หลังกระท่อมสักพัก ก็เริ่มง่วง จึงไปขนถุงนอนและน้ำเปล่าเข้าที่พัก ที่ต้องนำน้ำมาด้วยเพราะน้ำของที่นี่น่าจะสูบขึ้นมาจากอ่างเก็บน้ำเก็บไว้ในแท้งค์ ใครที่ผิวแพ้ง่ายอย่างผมก็แนะนำให้เอาน้ำมาเองจะดีกว่า
ห้องน้ำที่ตกแต่งด้านนอกแล้ว

ภาพแท้งค์น้ำที่ผมถ่ายไว้ตอนเช้า เห็นมีปั๊มน้ำสูบน้ำขึ้นมาจากอ่างเก็บน้ำน่าจะมาเก็บไว้ที่นี่

ห้องน้ำที่นี่มีทั้งหมด 8 ห้อง (ห้องใหญ่ตกแต่งแล้ว 2 ห้อง ห้องเล็ก 6 ห้อง)

พอเริ่มง่วงก็ล้างหน้า แปรงฟัน ตอนแรกว่าจะไม่กางมุ้ง แต่ได้ยินเสียงยุงประมาณสองตัวบินข้างหูเลยต้องนอนกางมุ้ง สำหรับที่นอน หมอนและผ้าห่มที่นี่มีให้ แต่ผมติดสัมผัสและความอบอุ่นของถุงนอนส่วนตัวจึงใช้ถุงนอนเป็นผ้าปูและผ้าห่ม(ผมเอาถุงนอนมาสองใบ) ประมาณตี 2 อากาศเริ่มเย็น ถึงแม้จะอยู่ในมุ้ง ไม่มีพัดลม ก็ไม่ร้อนแต่อย่างใด จากนั้นก็เคลิ้มหลับไป…

ตั้งโทรศัพท์ปลุกไว้ 5.30 น แต่ด้วยอากาศเย็นๆยามเช้า จึงยังไม่ยอมออกจากผ้าห่ม นอนต่ออีกครึ่งชั่วโมง เมื่ออาบน้ำ แปรงฟันเสร็จ พระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นพอดี ไปถ่ายรูปกันดีกว่า~
บรรยกาศยามเช้า ณ ปางอุ๋งสุพรรณ

ใครติดโซเชียล ถ้าคิดจะมาที่นี่ ให้ทำใจไว้เลย คุณจะไม่อินเตอร์เน็ตใช้อย่างแน่นอน ลองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูสัญญาณมีอยู่ประมาณ 2 ขีด แต่ไม่สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตได้ ผมไม่ได้ลองโทรออก เพราะไม่คิดที่จะติดต่อใครอยู่แล้ว
มีสัญญาณบ้าง ไม่มีสัญญาณบ้างสลับกันไป

ประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ คุณลุงก็มาเรียกผมไปทานข้าว แต่ด้วยความที่กำลังเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ จึงขอนั่งชิลอยู่บนแพอีกสักพัก

ถ่ายรูปเสร็จก็ขึ้นแพลอยน้ำ จะมีเจ้าหน้าที่ดึงเชือกไปหาแพกลางน้ำ มองย้อนกลับมาจะเห็นศาลากลางอยู่ทางด้านหลัง บริเวณศาลากลางจะมีระเบียงให้นั่ง ทางด้านหลังของศาลากลางจะเป็นลานกางเต้นท์
บรรยกาศจากทางด้านหน้าของศาลากลาง

ลานกางเต้นท์ บรรยกาศดีมากๆ

ระเบียงบริเวณศาลากลาง

ข้ามมาทานข้าวที่แพใหญ่กลางน้ำ กับข้าวก็มีแกงจืดเต้าหู้หมูสับ ไข่เจียว และ มีน้ำเปล่าเตรียมไว้ให้ เมื่อทานเสร็จก็เดินเล่นบนแพสักหน่อย บนแพมีกระชังเลี้ยงปลาอยู่ ปลาที่เลี้ยงไว้เท่าที่จำได้ก็มีปลานิล ปลาช่อนและกุ้ง


เจ้าหน้าที่จะเตรียมชุดอาหารเช้าไว้บนพื้น ใครอยากนั่งกินตรงไหนก็เดินเข้าไปนั่งได้เลย

เมื่อตะวันเริ่มจะตรงหัวใกล้เวลาเที่ยงวัน ก็ได้เวลาเช็คเอ้าท์ ผมจึงกราบลาพระอาจารย์ที่กำลังดูแลการก่อสร้างสหกรณ์ ซึ่งเป็นกรรมการอยู่ที่นี่เหมือนกัน

ราคาแพ็คเกจต่างๆ
- ค่าบำรุงรักษาสถานที่กางเต็นท์ คิดเต้นท์ละ 50 บาท
- ค่าเช่าเต็นท์ 150 บาท ต่อเต้นท์

- ค่าเช่าแพเล็กริมน้ำหลังละ 400 บาท (ไม่รวมอาหาร)
- ค่าเช่าแพเล็กริมน้ำ 300 บาท/คน (รวมอาหารเช้า+เย็น)
- ค่าเช่าแพใหญ่กลางน้ำหลังละ 2,000 บาท

- ค่าบริการตกปลาหน้าท่า คันละ 20 บาท

สอบถามเพิ่มเติม
ติดต่อ คุณสนธยา 098-5819199 , 092-4933833 , ผู้ใหญ่ชุม 087-1577130