แนะนำการเดินเที่ยวเล่น ที่ปางอุ๋งแม่ฮ่องสอน สำหรับหน้าหนาวนี้ครับ


เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวในหน้าหนาว ในที่ที่ไม่หนาวอย่างประเทศไทยแล้ว ย่อมต้องกล่าวถึงการท่องเที่ยวในเขตที่อากาศเย็นที่สุดอย่างภาคเหนือ ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงปลายปี (พวกเราต้องการอากาศเย็นๆบ้าง) ทุกคนพร้อมใจขึ้นเหนือกัน นอกจากอากาศเย็นแล้ว ภาคเหนือยังมีภูมิทัศน์ที่น่าประทับใจด้วยความลาดชันที่ทำให้เกิดจุดชมวิวจำนวนมากอีกด้วย หนึ่งในนั้นก็คือปางอุ๋ง สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอนครับ
เราเดินทางไปปางอุ๋งจากแม่ฮ่องสอนโดยการขึ้นรถสองแถวจากหน้าตลาดสายหยุด สายแม่ฮ่องสอน-ห้วยมะเขือส้ม ระหว่างรอรถก็ได้เห็นบรรยากาศของตลาดในตอนเช้า เช่นรถที่บรรทุกกะหล่ำปลีมาเต็มท้ายกระบะและแผงขายส้มลูกเล็กๆเป็นต้น เมื่อมาถึงปางอุ๋งก็เดินเล่นกันพอประมาณ ถึงแม้ว่าเมืองไทยจะไม่ได้มีสี่ฤดูที่ชัดเจนเหมือนประเทศในเขตอากาศอบอุ่น ก็ยังมีความแตกต่างของสภาพอากาศในแต่ละช่วงเวลาของวันอยู่พอสมควร เป็นเหมือนฤดูย่อยๆในหนึ่งวัน


พวกเราเดินทางไปถึงในเวลากลางวันที่มีแดดสดใสและใบไม้เขียวชอุ่ม จนแดดคล้อยและทำมุมกับผิวน้ำในตอนบ่ายแก่ๆ


ช่วงค่ำหลังพระอาทิตย์ตกอากาศจะเริ่มเย็น ริมถนนเส้นหลักของบ้านรวมไทยจึงมีชีวิตชีวาขึ้นด้วยร้านอาหารที่ให้แสงสว่างพร้อมกับเสียงของเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าที่เปิดทำงานเฉพาะช่วง 18:00น.-22:00น. เท่านั้น และด้วยความที่ไฟฟ้ามีจำกัด บริเวณนี้จึงอนุญาตให้รถเข้าออกได้ในเวลา 9:00น.-18:00น.เท่านั้นเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง หลังจากสี่ทุ่มที่นี่จึงมืดสนิทและเห็นดาวได้ อย่าลืมเอาไฟฉายไปส่องดูทางกันด้วยนะครับ


เวลาเช้ามืดเป็นเวลาที่แสดงออกถึงเสน่ห์ของปางอุ๋งออกมามากที่สุด นั่นก็คืออากาศชื้นที่กลั่นตัวเป็นหมอกลอยตัวต่ำๆเหนืออ่างเก็บน้ำ ประกอบกับวิวของต้นสนและภูเขา


ขึ้นแพตอนเช้า นั่งได้สองคน 150 บาท มีคนพายให้โดยจะใช้เวลาประมาณ30นาทีครับ








นักท่องเที่ยวที่มาชมความสงบร่มรื่นของปางอุ๋งจึงมักนอนแต่หัวค่ำเพื่อตื่นมาดูหมอกกัน โดยที่พักที่ขึ้นชื่อว่าเปิดหน้าต่างมาเห็นอ่างเก็บน้ำเลยก็คือรวมไทยเกสเฮ้าส์ ที่นี่จึงมักจะถูกจองเต็มเร็วมากในหน้าท่องเที่ยว ถ้าอยากมาก็ต้องจองกันตั้งแต่เนิ่นๆ วิวเป็นมุมอย่างที่เห็นในภาพ ถ้าสถาพอากาศเอื้ออำนวยก็จะมีหมอกครับ


ที่พักนอกจากนั้นก็จะมีบ้านพักของโครงการพระราชดำริปางตอง2 ซึ่งเป็นบ้านพักของกรมป่าไม้ (บุคคลทั่วไปก็ขออนุญาตเข้าพักได้ มีทั้งหมด 5 หลังเท่านั้น) ถัดมาทางริมน้ำก็จะเป็นจุดกางเต็นท์ที่อยู่ใกล้กับอ่างเก็บน้ำเหมือนกัน (มีห้องน้ำและลานจอดรถอยู่ไม่ไกล) พื้นที่จำกัดให้สามารถกางเต็นท์ได้100จุดในบริเวณนั้นต่อวัน โดยที่ผู้เข้าพักต้องติดต่อศูนย์ศิลปาชีพด้วยตนเองก่อนเวลา12:00น.เท่านั้น ไม่มีการรับจองล่วงหน้า
ที่เหลือก็จะเป็นบ้านพักในหมู่บ้านที่ชาวบ้านเปิดให้เช่าโดยอยู่ห่างออกมาจากอ่างเก็บน้ำไม่เกิน10นาทีด้วยการเดิน บ้านพักประเภทนี้มักจะมีห้องน้ำในตัว (ตักอาบ ถ้าใครหนาวง่ายก็ควรอาบตอนกลางวันหรือก่อนพระอาทิตย์ตก) ถ้าใครไม่ได้จองที่พักเนิ่นๆก็มีโอกาสหาที่พักจากบริเวณนี้ได้ง่ายที่สุด (ถ้าที่นึงเต็มเขาก็จะพาไปบ้านเพื่อน ประมาณนั้น) และแถวนี้เองที่ตั้งแต่บ่ายแก่ๆจนถึงหัวค่ำจะคึกคักด้วยของกินต่างๆเช่น หม้อไฟ มันเผา เป็นต้น ที่พิเศษหน่อยก็เห็นจะเป็นอาหารจีนยูนนาน ด้วยความที่ชาวบ้านที่นี่หลายครอบครัวสืบเชื้อสายมาจากชาวจีนยูนนานนั่นเองครับ


นักท่องเที่ยวสามารถเดินหาจุดชมวิวด้วยตนเองโดยเดินเลียบริมอ่างเก็บน้ำไปเรื่อยๆทางทิศตะวันตกโดยจะผ่านจุดบริการล่องแพ(แถวรวมไทยเกสเฮ้าส์) ไปจนถึงตลิ่งที่เป็นสวนสนครับ


จากตลิ่งที่เป็นสวนสน บนเนินเขาจะเป็นที่ตั้งของบ้านพักโครงการหลวง และถัดไปทางทิศตะวันตกจะเป็นหัวโค้งของแผ่นดินที่เป็นที่ตั้งของจุดกางเต็นท์ครับ












จากบริเวณจุดกางเต็นท์ หากเดินเลยลานจอดรถไปต่อเรื่อยๆ ก็จะเจอจุดที่สามารถเห็นผืนอ่างเก็บน้ำและโค้งน้ำได้กว้างไกลที่สุด (มองย้อนกลับไปทางสันเขื่อน) https://goo.gl/maps/bKhnAyWHNxj














ทางด้านริมอ่างเก็บน้ำทางทิศตะวันตก ถ้ามาตอนพระอาทิตย์ขึ้น อาจจะได้เห็นลำแสงที่เป็นปริมาตรในหมอกตอนเช้าในบางโอกาส https://goo.gl/maps/bKhnAyWHNxj




จุดชมวิวที่มีไว้บริเวณสันอ่างเก็บน้ำทางทิศตะวันออก (ที่เป็นทางเดินตรงๆยาวๆ https://goo.gl/maps/wVqLUdZuq9L2
















จากริมตะวันออกถึงตะวันตกใช้เวลาเดินปกติไม่ถึง20นาที แต่แนะนำให้ค่อยๆเดินและใช้เวลากับมันมากกว่านั้นเพื่อสำรวจและค้นพบมากกว่าที่ผมเล่าด้วยตนเองด้วยนะครับ เที่ยวให้สนุกนะครับ

ติดตามการเดินทางได้ที่ https://www.facebook.com/decidedtolivefulltimeinahotel
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่