ก่อนอื่นเลยเราเป็นมือใหม่หัดรีวิวคะ เราทำงานเที่ยวเองมาก็เกือบจะสิบปีแล้วแต่เพิ่งจะมาเขียนรีวิวนี่แหละ
ดังนั้นฝากกระทู้เริ่มต้นของเราด้วยนะคะ หวังว่าการเดินทางของเราจะไปสะกิดให้ไครอยากออกเดินทางกันบ้างนะ แล้วอีกอย่างคือ เราบอกตัวเองว่าทริปนี้เป็นทริปที่เราจะทบทวนเรื่องลาออกจากงานและเริ่มต้นทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ
เอาละ เริ่มกันเลยดีกว่าก่อน Prolouge จะยาวไป
ทุกปีช่วงปลายปีเราจะต้องหาเรื่องไม่อยู่บ้าน แล้วปีนี้ก็คิดว่าจะไปไหนดี ญี่ปุ่นละกันง่ายดี แต่แม่ก็พูดว่าทำไมไม่ไปที่ไม่เคยไปล่ะ? เออเนอะ แต่ไปไหนละ
แลัวยังไงก็ไม่รู้ เกิดคิดถึงนอร์เวย์ขึ้นมา เราเคยไปทำงานที่มหาวิทยาลัยเบอร์เก้น (UiB) หลายปีมาแล้ว แล้วยังไม่ได้กลับไปเที่ยวอีกเลย อยากไปทริปหมาลากเลื่อนด้วย อยากเห็นแสงเหนือด้วย นี่ละกันจะได้หายคิดถึง เลยเอาว่ะ!
เราแวะที่ Oslo แล้วนั่งรถไฟไป Bergen เดินเล่น นั่งเล่น นอนเล่นให้หายคิดถึง แล้วความสนุกก็เกิดขึ้นเมื่อย่างเท้าเข้า Tromsø
พอลงเครื่องแล้วก็เดินออกมาจะเจอ Flybussen หรือรถรับส่งเมืองกับสนามบิน จะมีทุกเมืองที่มีสนามบินค่ะ มีเว็ปไซต์ที่จะบอกจุดรับ-ส่ง และเวลารถค่ะ
ใน Tromsø สนามบินอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ใช้เวลาซัก 15-20 นาทีเอง สองคืนแรกเรานอนที่ Tromsø Bed and Books เป็น guesthouse/hostel เล็กๆน่ารักมาก เค้าจะมีอยู่ 2 บ้านค่ะ คือ Writer's home และ Fisherman's home เราอยู่ที่ Writer's home ค่ะ แน่นอนว่าบ้านเต็มไปด้วยหนังสือ และมุมอ่านหนังสือ อบอุ่นและน่าอยู่มาก แต่จะต้องเดินไปเข้าเมืองในอุณหภูมิติดลบ แถมผิวทางเดินเป็นน้ำแข็งประหนึ่งช่องฟร๊ซตู้เย็นเก่าที่ไม่มี no frost เราลงไปวัดพื้นถนนเกือบทุกวัน
วันที่เราอยู่ Tromsø คือวันที่ 4 - 8 มกราคมที่ผ่านมา พระอาทิตย์ยังไม่โผล่ค่ะ แต่มีแสงอาทิตย์นะ แพลนคร่าวๆ
วันที่ 4 - ถึงก็ประมาณบ่ายโมง เรื่อยเปื่อยไปค่ะเดินเล่นในเมือง
วันที่ 5 - 9:00 ไปจุดนัดพบกับ Arctic Adventure Tours เพื่อไป Whale Watching trip
วันที่ 6 - เจอกับบริษัททัวร์เดิม และจะไปนอนในเต็นใต้แสงเหนือ แต่ที่สำคัญเราจะได้ไปเจอหมาลากเลื่อน (เรามาเพื่อสิ่งนี้)
วันที่ 7 - ตื่นมานั่งเลื่อนให้หมาลากอีกทีตอนเช้า และกลับจากทริปนอนค้างคืนอันหนาวเหน็บ
วันสุดท้ายทำใจจะต้องกลับ Oslo
ก่อนไปเราก็หาข้อมูลโน่น นี่ นั่น ว่าที่ไหนดี รีวิวดี แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดเลยว่าเค้าจะจัดทัวร์ยังไง ทำอะไรบ้าง แอบดีใจค่ะที่เลือกทัวร์กับ Arctic Adventure tours เพิ่งมาได้คุยกับเจ้าของทีหลังว่าเจ้าอื่นเค้าไม่ได้ทำแบบที่เค้าทำนะ ทั้งทริปดูวาฬและหมาลากเลื่อน
Whale Watching
เราจะต้องไปพบ AAT ที่หน้าโรงแรม Scandic Ishavshotel ซึ่งจะไม่ได้มีแค่ทัวร์นี้ทัวร์เดียวค่ะ จะมีทั้งคนรอ และคนมารับที่มีรายชื่ออยู่และจะคอยถามว่า ชื่ออะไร จองทริปไหน ไปกับไคร ก็ตามถามกันที่หน้าโรงแรมละค่ะ ของเราเริ่มจากส่งอีเมลไปถามเค้าก่อน เค้าจะมี Booking ผ่านเว็ปด้วยแต่เค้าบอกว่าเจอกันค่อยจ่ายได้จ๊า พอเจอกันแล้วก็ขึ้นรถเดินทางไปท่าเรื่อที่อ่าว ขออภัยที่ไม่ได้ชื่อมาค่ะ ถามแล้วค่ะแต่ลืม
ถึงปุ๊ปก็เข้าไปใน..ห้องคอนเทนเนอร์ ไม่รอช้าเค้าแจกชุด Artice Suite ทุกอย่างที่เราใส่มาเราใส่ชุดทับเข้าไปได้เลย แล้วก็เปลี่ยนรองเท้า ใส่หมวก ใส่ถุงมือ ใส่ชูชีพ ถึงจุดนี้เริ่มเข้าใจเหมือนตุ๊กตาหมีโดนยัดใส้ ใส่แล้วตัวใหญ่มากกก - ก็ยังไม่คิดอะไรจนกระทั่งเห็นเรือ
เรือเหมือนเรือยางคะ มีเครื่องยนต์หนึ่งตัว และจะมีที่นั่งด้านหน้า ที่ยืนด้านหลัง หนาวนะ หนาวมากด้วย เค้าก็พูดขึ้นมาว่าที่ยืนข้างหลังถ่ายรูปสวยนะ รีบไปเลยจร๊ะ โดนที่ไม่คิดเลยว่าโดนฝรั่งบังเกือบหมด ฮ่าๆๆ
อย่างที่บอกว่าทัวร์นี้จัดเป็นเรือด่วนให้เราได้ไกล้ชิดกับวาฬและเอาหน้าปะทะลมหนาว แต่ทัวร์ดูวาฬนี่จะมีเยอะค่ะ บางลำจะเป็นเรือประมง เรือชมวิว เรือโดยสารอื่นๆก็มีคะ แต่ถ้าอยากได้ up close and personal แนะนำคะ (ไม่มี drift ค่ะ ปลอดภัย)
พี่คนขับเรือบอกว่าถ้าให้กระโดงสูงๆก็ Killer whale หรือ วาฬเพชรฆาต และถ้าให้น้ำฟู่ๆพุ่งออกมาด้านบนก็ Humpback หรือวาฬหลังค่อมค่ะ นั่งเรือออกมาแค่ 10 นาทีหน่อยๆก็เห็นลิบๆคะ
ตามที่ได้คุยกับเจ้าของทัวร์ เค้าบอกว่าทริปดูวาฬนี่เพิ่งจะเริ่มกันได้ไม่นานที่ทรุมเซอ เพราะว่าวาฬจะไปตามแหละอาหาร ซึ่งก็คือปลาแฮร์ริ่ง เค้าเอารู้ให้ดูจะมีรูปที่วาฬพุ่งขึ้นจากน้ำเพื่องาบฝูงปลา เราไม่ได้เห็นรอบนี้ แต่แค่นี้ก็ดีใจแล้วคะ อีกอย่างอยู่บนเรือกันชั่งโมงครึ่ง ใจอยากจะบอกเค้าว่า กลับเลยได้ไหม๊..หนาว
พอเข้าท่าเรือต่างคนก็ต่างวิ่งเข้าไปในคอนเทนเนอร์คะ เค้าจะมีเตาให้อุ่นมือ อุ่นเท้า และตามเสิร์ฟด้วยโกโก้ร้อน + เค้กช๊อคโกเลต Happy!!
กลับเข้าเมือง เราก็มีเวลาว่างเดินเล่นในตัวเมืองค่ะ ด้วยที่ความรักที่มีให้กับเบียร์ เราก็เล็งบาร์นึงไว้ตั้งแต่วันแรกแต่ปิดตอนทุ่มนึง ไงล่ะ บาร์ปิดเวลา 19:00
บาร์ที่ว่านี้คือ Ølhallen (หรือ Beer hall) ของเบียร์ Mack เป็นบาร์เก่าแก่ค่ะเปิดมาตั้งแต่ 1927 ต้องเกริ่นก่อนว่าที่ Tromsø นี้มีโรงเบียร์ที่อยู่เหนือสุดในโลก ซึ่งอยู่เลยเส้น Arctic Circle ค่ะ แต่โรงเบียร์นี้ย้ายไปเมืองไกล้ๆกัน ดังนั้นเค้าจึงเปิดให้นักชิบเบียร์เข้าชม
ข้างๆกันก็จะมีร้านขายของค่ะ ขายตั้งแต่เบียร์ ของที่ระลึกเกี่ยวกับ Mack Beer ไปยังอุปกรณ์ทำเบียร์ อยากได้มากแต่ไม่มีปัญญาขน (ผิดกฏหมายไหม๊คะ ไม่แน่ใจ) นอกจากขายของแล้วยังมีการเข้าชมโรงเบียร์เก่าด้วยค่ะ
ถ้าไครเคยได้ยินว่าเค้าเปิดเพลงให้ต้นไม้ฟัง ที่นี่เปิดเพลงร๊อคให้เบียร์ค่ะ แต่ละถึงจะต้องเขียนว่าฟังเพลงอะไรไป ไงล่ะ
ขณะที่เราเข้าชม ไกด์ก็บอกว่า เนี่ยเค้ากำลังบริวเบียร์กันอยู่ หนึ่งในนั้นมีคนที่ชนะการบริวเบียร์ระดับประเทศอยู่ด้วย แต่เค้าชนะตอนอายุยังไม่ 18 ด้วยซ้ำ คือมันยังกินเบียร์ไม่ได้เลยนะนั่น
Tromsø ยังมีที่เที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกค่ะ เช่น Polaria ไปแล้วไม่ทำไรเลยนอกจากนั่งมองแมวน้ำ มันน่ารักมากอ่ะ, Tromsø musuem ที่นี่เค้าจะแสดงข้อมูลของชนพื้นเมือง Sami ซึ่งอยู่อาศัยในพื้นที่ที่เรียกว่า Finnmark ซึ่งเป็นด้านบนของนอร์เวย์เลยไปจนถึงรัสเซีย นอกจากสองที่นี้ยังมี Polar museum อันนี้จะแสดงเกี่ยวกับการสำรวจขั่วโลกค่ะ แสดงความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อน การล่ากวาง ล่าแมวน้ำ และความพยายามพิชิตขั่วโลก แอบสงสารแมวน้ำกับกวางเรนเดียร์ แต่...เย็นนั้นก็จัดสตูกวางเรนเดียร์ไป หึหึ
Overnight Trip - 3680 NOK
วันรุ่งขึ้นเรามีนัดกับ AAT ตอนหกโมงเย็นค่ะ เราก็ไปรอที่เดิม คนมารับก็คนเดิม อาจจะเราไปคนเดียวและพูดมากด้วยมั้งเค้าจำได้ เจอปุ๊ปก็พูดว่า "Ooh! You survived!!" เราก็บอกว่าตอนนี้หน้าชามาก จากนั้นก็ขับรถออกนอกเมืองไปเกือบครึ่งชั่วโมงเลยมั้ง คนมารับชื่อ PT ค่ะ ชื่อย่อเรียกง่ายดี เราอ่ะอยากเจอหมามาก แสงเหนือแอบทำใจว่า เห็นก็ดี ไม่เห็นก็ไม่เป็นไรเพราะได้เจอหมา (ที่บ้านมีบางแก้วสองตัวค่ะ มันเห็นเราเป็นลูกน้องมันตลอด) พอลงรถแค่นั้นแหละ กลิ่นปะทะหน้าอย่างจังมันใช่เลย เราก็ได้เจอกับ Hege เจ้าของทัวร์ค่ะ ออกมาต้อนรับและเค้าก็ให้เข้าไปใน cabin ไม่เกริ่นอะไรมากมายแจกชุด แจกรองเท้า หมวก ถุงมือ ไฟส่องกบ พร้อม!
เดินออกมาเหมือนฝัน เจอหมาเต็มไปหมดเลย ถึงกลิ่นจะแย่แต่ได้เล่นกับหมาๆแล้วดีใจมากแล้ว PT คนเดิมก็เดินมากแนะนำน้องหมาคร่าวๆ พูดถึงสายพันธุ์ซึ่งเป็น Alaska Husky เค้าจะไม่คิดถึงเรื่องอะไรเลยค่ะ นอกจากวิ่ง เกิดมาวิ่งจริงๆ ใช้พวกนี้แหละดีสุด จากนั้นเค้าก็สอนวิธีนั่งและควบคุมเลื่อนค่ะ คือไม่คิดเลยว่าจะต้องคุมด้วย
เราๆนี่แหละควบคุมกันเอง PT เค้าก็ชี้มาที่เรา "you come with me" ไปคนเดียวไง จะไปกะไครได้ แต่ดีใจนะเพราะได้อยู่หน้าสุด PT เหมือนจ่าฝูงค่ะ เดินออกไปแค่นั้นแหละลูกน้องทั้งเห่า ทั้งหอน เสียงดังน่ากลัวมาก ความรู้สึกตอนนั้นคือสนุกมาก เป็นความรู้สึกที่ดีมากอ่ะ สนุกสุดๆ หมา 6-7 ตัวลากเร็วมากค่ะ ซิ่งสุดๆ ทริปนึงใช้เวลาชั่วโมงครึ่งหน้าชา ขนตาแข็ง พูดไม่ออกเพราะปากเย็น นั่งไปซัก 15 นาที เค้าก็หยุดให้เปลี่ยนกันคะ คนนั่งมาคุม คนคุมมานั่ง พอได้คุมแค่นั้นแหละ ไม่หยุดเลยคนอื่นสลับกัน เราก็ยืนคุมอยู่อย่างงั้นอ่ะ PT ถามว่าจะนั่งไหม๊ บอกไม่ เค้าบอกว่าเราชอบซิ่งเหมือนตุ๊กๆในกรุงเทพเลย (ระลึกถึงตอนพี่แกไปมาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว)
ระหว่างทางก็เริ่มเห็นแสงลางๆ เขียวอ่อนๆ มาแล้ว เห็นแล้วๆๆๆ เรารู้สึกโชคดีคะ นั่งกับเจ้าของหมาทุกคำถามมีคำตอบ ตอบแบบฮาๆด้วยสิ
แต่ขับเลื่อนอยู่ด้วยความมันส์ ก็มีเสียงผู้หญิงกรี๊ดดดด และตามด้วยฝูงหมาลากเลื่อนเปล่า...แซงไป ด้วยความเซ็ง PT บอกให้หยุดและลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น หนุ่มสาวคู่นึงมาด้วยกันคะ เค้ามือหลุดจากเลื่อนแล้วล้ม ผู้หญิงเค้าเล่าว่าเค้าเห็นแฟนเค้าหล่น เค้าเลยกระโดด โหเห็นใจอ่ะ แต่ที่เครียดกว่าคงจะเป็น "หมาไปไหนแล้วละ?" จากนั้นทริปลากเลื่อนเลยแอบเป็นทริปตามหมา เพราะเค้าบอกเราว่า ลูกน้องเค้าถูกฝึกมาอย่างดี เค้ารู้ทาง แต่ประเด็นคือถ้าไปพันกับต้นไม้แล้วแหง๊กอยู่ แล้วเค้าไม่เห็นเนี่ยลูกน้องเค้าจะเป็นอันตราย แต่หลังจากเรากลับเข้ามากันแล้ว สรุปลูกน้องเค้ากลับบ้านกันอย่างปลอดภัยค่ะ
พอกลับมาแค่นั้นและ ฟ้าใส แสงเหนือเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เวลาน่าจะแค่สองทุ่ม เราเห็นจากฝากนึงไปยังอีกฝากนึง (ทางทิศเหนือ) ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย รูปก็อาจจะอธิบายถึงสิ่งที่ได้เห็นได้ไม่หมดนะ
เรากับอีกสองคู่จองทริปค้างคืนไว้ ทัวร์นี้เค้าบริหารกับเป็นครอบครัวค่ะ Hege บอกว่าตอนแรกก็เป็นแค่งานอดิเรกแต่พอเริ่มทำและทำได้ดี เค้า Happy ลูกค้าก็ Happy ก็ทำมา 16 ปี และลูกน้องอีก 105 ตัว ทำด้วยความรักจริงๆค่ะ และที่นี่ทำอาหารอร่อยมากค่ะ ได้กินสตูเนื้อกวางอีกรอบ จากนั้นเค้าก็พาไปที่เต็นไคร เต็นมัน ชอบมากเข้ามาปุ๊ปก็จะมีเตาไฟอยู่ตรงกลาง มีฝืนให้ใส่ พื้นยกสูงมีหนังกวางเรนเดียร์
เช้ามาก็ได้เจอเด็กกันอีกรอบค่ะ เราจะไปให้หมาลากอีกรอบนึง ทริปนี้แพงอยู่ แต่คุ้มนะ
ปิดทริปด้วยความประทับใจ ทริปนี้ก็เป็นอีกทริปนึงที่ "มาเพื่อหาคำตอบ" สิ่งที่เหลือคือต้องลงมือทำ
ขอบคุณนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะ (ถ้ายาวไปขอโทษนะคะ)
[CR] หนีไป Tromsø - Whale watching, Dog Sledding, Sleeping under the Aurora Borealis
ดังนั้นฝากกระทู้เริ่มต้นของเราด้วยนะคะ หวังว่าการเดินทางของเราจะไปสะกิดให้ไครอยากออกเดินทางกันบ้างนะ แล้วอีกอย่างคือ เราบอกตัวเองว่าทริปนี้เป็นทริปที่เราจะทบทวนเรื่องลาออกจากงานและเริ่มต้นทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ
เอาละ เริ่มกันเลยดีกว่าก่อน Prolouge จะยาวไป
ทุกปีช่วงปลายปีเราจะต้องหาเรื่องไม่อยู่บ้าน แล้วปีนี้ก็คิดว่าจะไปไหนดี ญี่ปุ่นละกันง่ายดี แต่แม่ก็พูดว่าทำไมไม่ไปที่ไม่เคยไปล่ะ? เออเนอะ แต่ไปไหนละ
แลัวยังไงก็ไม่รู้ เกิดคิดถึงนอร์เวย์ขึ้นมา เราเคยไปทำงานที่มหาวิทยาลัยเบอร์เก้น (UiB) หลายปีมาแล้ว แล้วยังไม่ได้กลับไปเที่ยวอีกเลย อยากไปทริปหมาลากเลื่อนด้วย อยากเห็นแสงเหนือด้วย นี่ละกันจะได้หายคิดถึง เลยเอาว่ะ!
เราแวะที่ Oslo แล้วนั่งรถไฟไป Bergen เดินเล่น นั่งเล่น นอนเล่นให้หายคิดถึง แล้วความสนุกก็เกิดขึ้นเมื่อย่างเท้าเข้า Tromsø
พอลงเครื่องแล้วก็เดินออกมาจะเจอ Flybussen หรือรถรับส่งเมืองกับสนามบิน จะมีทุกเมืองที่มีสนามบินค่ะ มีเว็ปไซต์ที่จะบอกจุดรับ-ส่ง และเวลารถค่ะ
ใน Tromsø สนามบินอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ใช้เวลาซัก 15-20 นาทีเอง สองคืนแรกเรานอนที่ Tromsø Bed and Books เป็น guesthouse/hostel เล็กๆน่ารักมาก เค้าจะมีอยู่ 2 บ้านค่ะ คือ Writer's home และ Fisherman's home เราอยู่ที่ Writer's home ค่ะ แน่นอนว่าบ้านเต็มไปด้วยหนังสือ และมุมอ่านหนังสือ อบอุ่นและน่าอยู่มาก แต่จะต้องเดินไปเข้าเมืองในอุณหภูมิติดลบ แถมผิวทางเดินเป็นน้ำแข็งประหนึ่งช่องฟร๊ซตู้เย็นเก่าที่ไม่มี no frost เราลงไปวัดพื้นถนนเกือบทุกวัน
วันที่เราอยู่ Tromsø คือวันที่ 4 - 8 มกราคมที่ผ่านมา พระอาทิตย์ยังไม่โผล่ค่ะ แต่มีแสงอาทิตย์นะ แพลนคร่าวๆ
วันที่ 4 - ถึงก็ประมาณบ่ายโมง เรื่อยเปื่อยไปค่ะเดินเล่นในเมือง
วันที่ 5 - 9:00 ไปจุดนัดพบกับ Arctic Adventure Tours เพื่อไป Whale Watching trip
วันที่ 6 - เจอกับบริษัททัวร์เดิม และจะไปนอนในเต็นใต้แสงเหนือ แต่ที่สำคัญเราจะได้ไปเจอหมาลากเลื่อน (เรามาเพื่อสิ่งนี้)
วันที่ 7 - ตื่นมานั่งเลื่อนให้หมาลากอีกทีตอนเช้า และกลับจากทริปนอนค้างคืนอันหนาวเหน็บ
วันสุดท้ายทำใจจะต้องกลับ Oslo
ก่อนไปเราก็หาข้อมูลโน่น นี่ นั่น ว่าที่ไหนดี รีวิวดี แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดเลยว่าเค้าจะจัดทัวร์ยังไง ทำอะไรบ้าง แอบดีใจค่ะที่เลือกทัวร์กับ Arctic Adventure tours เพิ่งมาได้คุยกับเจ้าของทีหลังว่าเจ้าอื่นเค้าไม่ได้ทำแบบที่เค้าทำนะ ทั้งทริปดูวาฬและหมาลากเลื่อน
Whale Watching
เราจะต้องไปพบ AAT ที่หน้าโรงแรม Scandic Ishavshotel ซึ่งจะไม่ได้มีแค่ทัวร์นี้ทัวร์เดียวค่ะ จะมีทั้งคนรอ และคนมารับที่มีรายชื่ออยู่และจะคอยถามว่า ชื่ออะไร จองทริปไหน ไปกับไคร ก็ตามถามกันที่หน้าโรงแรมละค่ะ ของเราเริ่มจากส่งอีเมลไปถามเค้าก่อน เค้าจะมี Booking ผ่านเว็ปด้วยแต่เค้าบอกว่าเจอกันค่อยจ่ายได้จ๊า พอเจอกันแล้วก็ขึ้นรถเดินทางไปท่าเรื่อที่อ่าว ขออภัยที่ไม่ได้ชื่อมาค่ะ ถามแล้วค่ะแต่ลืม
ถึงปุ๊ปก็เข้าไปใน..ห้องคอนเทนเนอร์ ไม่รอช้าเค้าแจกชุด Artice Suite ทุกอย่างที่เราใส่มาเราใส่ชุดทับเข้าไปได้เลย แล้วก็เปลี่ยนรองเท้า ใส่หมวก ใส่ถุงมือ ใส่ชูชีพ ถึงจุดนี้เริ่มเข้าใจเหมือนตุ๊กตาหมีโดนยัดใส้ ใส่แล้วตัวใหญ่มากกก - ก็ยังไม่คิดอะไรจนกระทั่งเห็นเรือ
เรือเหมือนเรือยางคะ มีเครื่องยนต์หนึ่งตัว และจะมีที่นั่งด้านหน้า ที่ยืนด้านหลัง หนาวนะ หนาวมากด้วย เค้าก็พูดขึ้นมาว่าที่ยืนข้างหลังถ่ายรูปสวยนะ รีบไปเลยจร๊ะ โดนที่ไม่คิดเลยว่าโดนฝรั่งบังเกือบหมด ฮ่าๆๆ
อย่างที่บอกว่าทัวร์นี้จัดเป็นเรือด่วนให้เราได้ไกล้ชิดกับวาฬและเอาหน้าปะทะลมหนาว แต่ทัวร์ดูวาฬนี่จะมีเยอะค่ะ บางลำจะเป็นเรือประมง เรือชมวิว เรือโดยสารอื่นๆก็มีคะ แต่ถ้าอยากได้ up close and personal แนะนำคะ (ไม่มี drift ค่ะ ปลอดภัย)
พี่คนขับเรือบอกว่าถ้าให้กระโดงสูงๆก็ Killer whale หรือ วาฬเพชรฆาต และถ้าให้น้ำฟู่ๆพุ่งออกมาด้านบนก็ Humpback หรือวาฬหลังค่อมค่ะ นั่งเรือออกมาแค่ 10 นาทีหน่อยๆก็เห็นลิบๆคะ
ตามที่ได้คุยกับเจ้าของทัวร์ เค้าบอกว่าทริปดูวาฬนี่เพิ่งจะเริ่มกันได้ไม่นานที่ทรุมเซอ เพราะว่าวาฬจะไปตามแหละอาหาร ซึ่งก็คือปลาแฮร์ริ่ง เค้าเอารู้ให้ดูจะมีรูปที่วาฬพุ่งขึ้นจากน้ำเพื่องาบฝูงปลา เราไม่ได้เห็นรอบนี้ แต่แค่นี้ก็ดีใจแล้วคะ อีกอย่างอยู่บนเรือกันชั่งโมงครึ่ง ใจอยากจะบอกเค้าว่า กลับเลยได้ไหม๊..หนาว
พอเข้าท่าเรือต่างคนก็ต่างวิ่งเข้าไปในคอนเทนเนอร์คะ เค้าจะมีเตาให้อุ่นมือ อุ่นเท้า และตามเสิร์ฟด้วยโกโก้ร้อน + เค้กช๊อคโกเลต Happy!!
กลับเข้าเมือง เราก็มีเวลาว่างเดินเล่นในตัวเมืองค่ะ ด้วยที่ความรักที่มีให้กับเบียร์ เราก็เล็งบาร์นึงไว้ตั้งแต่วันแรกแต่ปิดตอนทุ่มนึง ไงล่ะ บาร์ปิดเวลา 19:00
บาร์ที่ว่านี้คือ Ølhallen (หรือ Beer hall) ของเบียร์ Mack เป็นบาร์เก่าแก่ค่ะเปิดมาตั้งแต่ 1927 ต้องเกริ่นก่อนว่าที่ Tromsø นี้มีโรงเบียร์ที่อยู่เหนือสุดในโลก ซึ่งอยู่เลยเส้น Arctic Circle ค่ะ แต่โรงเบียร์นี้ย้ายไปเมืองไกล้ๆกัน ดังนั้นเค้าจึงเปิดให้นักชิบเบียร์เข้าชม
ข้างๆกันก็จะมีร้านขายของค่ะ ขายตั้งแต่เบียร์ ของที่ระลึกเกี่ยวกับ Mack Beer ไปยังอุปกรณ์ทำเบียร์ อยากได้มากแต่ไม่มีปัญญาขน (ผิดกฏหมายไหม๊คะ ไม่แน่ใจ) นอกจากขายของแล้วยังมีการเข้าชมโรงเบียร์เก่าด้วยค่ะ
ถ้าไครเคยได้ยินว่าเค้าเปิดเพลงให้ต้นไม้ฟัง ที่นี่เปิดเพลงร๊อคให้เบียร์ค่ะ แต่ละถึงจะต้องเขียนว่าฟังเพลงอะไรไป ไงล่ะ
ขณะที่เราเข้าชม ไกด์ก็บอกว่า เนี่ยเค้ากำลังบริวเบียร์กันอยู่ หนึ่งในนั้นมีคนที่ชนะการบริวเบียร์ระดับประเทศอยู่ด้วย แต่เค้าชนะตอนอายุยังไม่ 18 ด้วยซ้ำ คือมันยังกินเบียร์ไม่ได้เลยนะนั่น
Tromsø ยังมีที่เที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกค่ะ เช่น Polaria ไปแล้วไม่ทำไรเลยนอกจากนั่งมองแมวน้ำ มันน่ารักมากอ่ะ, Tromsø musuem ที่นี่เค้าจะแสดงข้อมูลของชนพื้นเมือง Sami ซึ่งอยู่อาศัยในพื้นที่ที่เรียกว่า Finnmark ซึ่งเป็นด้านบนของนอร์เวย์เลยไปจนถึงรัสเซีย นอกจากสองที่นี้ยังมี Polar museum อันนี้จะแสดงเกี่ยวกับการสำรวจขั่วโลกค่ะ แสดงความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อน การล่ากวาง ล่าแมวน้ำ และความพยายามพิชิตขั่วโลก แอบสงสารแมวน้ำกับกวางเรนเดียร์ แต่...เย็นนั้นก็จัดสตูกวางเรนเดียร์ไป หึหึ
Overnight Trip - 3680 NOK
วันรุ่งขึ้นเรามีนัดกับ AAT ตอนหกโมงเย็นค่ะ เราก็ไปรอที่เดิม คนมารับก็คนเดิม อาจจะเราไปคนเดียวและพูดมากด้วยมั้งเค้าจำได้ เจอปุ๊ปก็พูดว่า "Ooh! You survived!!" เราก็บอกว่าตอนนี้หน้าชามาก จากนั้นก็ขับรถออกนอกเมืองไปเกือบครึ่งชั่วโมงเลยมั้ง คนมารับชื่อ PT ค่ะ ชื่อย่อเรียกง่ายดี เราอ่ะอยากเจอหมามาก แสงเหนือแอบทำใจว่า เห็นก็ดี ไม่เห็นก็ไม่เป็นไรเพราะได้เจอหมา (ที่บ้านมีบางแก้วสองตัวค่ะ มันเห็นเราเป็นลูกน้องมันตลอด) พอลงรถแค่นั้นแหละ กลิ่นปะทะหน้าอย่างจังมันใช่เลย เราก็ได้เจอกับ Hege เจ้าของทัวร์ค่ะ ออกมาต้อนรับและเค้าก็ให้เข้าไปใน cabin ไม่เกริ่นอะไรมากมายแจกชุด แจกรองเท้า หมวก ถุงมือ ไฟส่องกบ พร้อม!
เดินออกมาเหมือนฝัน เจอหมาเต็มไปหมดเลย ถึงกลิ่นจะแย่แต่ได้เล่นกับหมาๆแล้วดีใจมากแล้ว PT คนเดิมก็เดินมากแนะนำน้องหมาคร่าวๆ พูดถึงสายพันธุ์ซึ่งเป็น Alaska Husky เค้าจะไม่คิดถึงเรื่องอะไรเลยค่ะ นอกจากวิ่ง เกิดมาวิ่งจริงๆ ใช้พวกนี้แหละดีสุด จากนั้นเค้าก็สอนวิธีนั่งและควบคุมเลื่อนค่ะ คือไม่คิดเลยว่าจะต้องคุมด้วย
เราๆนี่แหละควบคุมกันเอง PT เค้าก็ชี้มาที่เรา "you come with me" ไปคนเดียวไง จะไปกะไครได้ แต่ดีใจนะเพราะได้อยู่หน้าสุด PT เหมือนจ่าฝูงค่ะ เดินออกไปแค่นั้นแหละลูกน้องทั้งเห่า ทั้งหอน เสียงดังน่ากลัวมาก ความรู้สึกตอนนั้นคือสนุกมาก เป็นความรู้สึกที่ดีมากอ่ะ สนุกสุดๆ หมา 6-7 ตัวลากเร็วมากค่ะ ซิ่งสุดๆ ทริปนึงใช้เวลาชั่วโมงครึ่งหน้าชา ขนตาแข็ง พูดไม่ออกเพราะปากเย็น นั่งไปซัก 15 นาที เค้าก็หยุดให้เปลี่ยนกันคะ คนนั่งมาคุม คนคุมมานั่ง พอได้คุมแค่นั้นแหละ ไม่หยุดเลยคนอื่นสลับกัน เราก็ยืนคุมอยู่อย่างงั้นอ่ะ PT ถามว่าจะนั่งไหม๊ บอกไม่ เค้าบอกว่าเราชอบซิ่งเหมือนตุ๊กๆในกรุงเทพเลย (ระลึกถึงตอนพี่แกไปมาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว)
ระหว่างทางก็เริ่มเห็นแสงลางๆ เขียวอ่อนๆ มาแล้ว เห็นแล้วๆๆๆ เรารู้สึกโชคดีคะ นั่งกับเจ้าของหมาทุกคำถามมีคำตอบ ตอบแบบฮาๆด้วยสิ
แต่ขับเลื่อนอยู่ด้วยความมันส์ ก็มีเสียงผู้หญิงกรี๊ดดดด และตามด้วยฝูงหมาลากเลื่อนเปล่า...แซงไป ด้วยความเซ็ง PT บอกให้หยุดและลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น หนุ่มสาวคู่นึงมาด้วยกันคะ เค้ามือหลุดจากเลื่อนแล้วล้ม ผู้หญิงเค้าเล่าว่าเค้าเห็นแฟนเค้าหล่น เค้าเลยกระโดด โหเห็นใจอ่ะ แต่ที่เครียดกว่าคงจะเป็น "หมาไปไหนแล้วละ?" จากนั้นทริปลากเลื่อนเลยแอบเป็นทริปตามหมา เพราะเค้าบอกเราว่า ลูกน้องเค้าถูกฝึกมาอย่างดี เค้ารู้ทาง แต่ประเด็นคือถ้าไปพันกับต้นไม้แล้วแหง๊กอยู่ แล้วเค้าไม่เห็นเนี่ยลูกน้องเค้าจะเป็นอันตราย แต่หลังจากเรากลับเข้ามากันแล้ว สรุปลูกน้องเค้ากลับบ้านกันอย่างปลอดภัยค่ะ
พอกลับมาแค่นั้นและ ฟ้าใส แสงเหนือเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เวลาน่าจะแค่สองทุ่ม เราเห็นจากฝากนึงไปยังอีกฝากนึง (ทางทิศเหนือ) ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย รูปก็อาจจะอธิบายถึงสิ่งที่ได้เห็นได้ไม่หมดนะ
เรากับอีกสองคู่จองทริปค้างคืนไว้ ทัวร์นี้เค้าบริหารกับเป็นครอบครัวค่ะ Hege บอกว่าตอนแรกก็เป็นแค่งานอดิเรกแต่พอเริ่มทำและทำได้ดี เค้า Happy ลูกค้าก็ Happy ก็ทำมา 16 ปี และลูกน้องอีก 105 ตัว ทำด้วยความรักจริงๆค่ะ และที่นี่ทำอาหารอร่อยมากค่ะ ได้กินสตูเนื้อกวางอีกรอบ จากนั้นเค้าก็พาไปที่เต็นไคร เต็นมัน ชอบมากเข้ามาปุ๊ปก็จะมีเตาไฟอยู่ตรงกลาง มีฝืนให้ใส่ พื้นยกสูงมีหนังกวางเรนเดียร์
เช้ามาก็ได้เจอเด็กกันอีกรอบค่ะ เราจะไปให้หมาลากอีกรอบนึง ทริปนี้แพงอยู่ แต่คุ้มนะ
ปิดทริปด้วยความประทับใจ ทริปนี้ก็เป็นอีกทริปนึงที่ "มาเพื่อหาคำตอบ" สิ่งที่เหลือคือต้องลงมือทำ
ขอบคุณนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะ (ถ้ายาวไปขอโทษนะคะ)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น