ขอมา update เกี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ แม้จะผ่านมานาน 2 ปีแล้ว แต่เผื่อเป็นประโยชน์ซักนิดกับคนที่อยากรู้จริงๆ
หลังจากหาข้อมูลและส่งข้อมูลสุขภาพเบื้องต้นให้กับบริษัทประกัน 1-2 ที่ในไทย (นานแล้วจำไม่ค่อยได้ว่ากี่ที่) แต่ได้รับการปฏิเสธมาเนื่องจากตั้งครรภ์ บริษัทจะไม่รับทำประกันสุขภาพ ในขณะเดียวกันสามีจขกท. ซึ่งเป็นชาวต่างชาติก้ได้ส่งประวัติสุขภาพเบื้องต้นของจขกท.เพื่อขอทำประกันกับบริษัทที่สามีจขกท.ถืออยู่ (ซึ่งไม่ใช่บริษัทของไทยนะค่ะ) เพียง 2 เดือนเท่านั้น จขกท.ก็ได้บัตรประกันสุขภาพมาเรียบร้อย จนถึงตอนนี้ผ่านมา 2 ปีก็ยังถือบัตรประกันบริษัทนั้นอยู่ ดังนั้น หัวข้อกระทู้นี้จึงน่าจะเป็น
คิดเห็นยังไงกับการที่บริษัทประกันของ(ไทย) ที่ไม่รับทำประกันสุขภาพคนท้อง
ซึ่งก็ไม่ได้เหมารวมว่าทุกที่นะค่ะ สรุปแล้วถ้าคุณกำลังตั้งครรภ์แม้จะมีสุขภาพปกติก็ตาม และคุณคิดจะเริ่มทำประกันสุขภาพในไทย ขอบอกว่าหายาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี (มีความเห็นด้านล่างที่เป็นประโยชน์มาตอบเอาไว้) ยังไงขอให้เจอบริษัทมีวิสัยทัศน์ที่ดีมีคุณธรรม พนักงานมีจิตช่วยเหลือนะค่ะ
ปล. อ่านไปเห็นความเห็นเก่าๆ อยากให้เลิกใช้โลกทัศน์อันคับแคบมาเขียนความเห็นเสียดสีแบบไม่มีข้อมูล ดิฉันอาจออกความเห็นแบบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่ไม่ใช่ศูนย์กลางโลก เพราะผลมันก็ออกมาแล้วดิฉันถือบัตรประกันสุขภาพของประเทศอื่นอยู่ และดิฉันไม่ได้เป็นโรคร้ายอะไรขึ้นมาในระหว่างตั้งครรภ์จึงได้มาขอทำเอาประกันในช่วงตั้งครรภ์ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้ admid ด้วยโรคอะไร (ยกเว้นตอนคลอดลูกซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับประกัน) องค์กรประกันไม่ใช่องค์การการกุศล ก็เพราะไม่ใช่การกุศล ทำไมถึงไม่มองผลประโยชน์ระยะยาว เพราะหลังจากคลอดแล้วคนท้องก็แค่คนธรรมดาที่ไม่ได้มีโรคร้ายอะไร สำหรับดิฉันแล้วองค์กรธุรกิจใดๆที่หวังแค่ประโยชน์ระยะสั้นนั้นไม่ค่อยฉลาดซักเท่าไหร่
ข้อความนี้คัดลอกมาจากเว็ปที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคว่า ทำไมถึงควรทำประกันก่อนตั้งครรภ์ค่ะล้ว
• ผู้ตั้งครรภ์ เป็นผู้ที่มีความเป็นพิเศษแบบพ่วง 2 แต่ถ้าเป็นแฝด ก็พ่วง 3, 4, 5, … ซึ่งความพิเศษนี้ จะทำให้สภาวะของโฮโมนไม่เหมือนกับคนทั่วไป สุขภาพร่างกายก็จะมีโอกาสที่จะโดยเชื้อโรคโจมตีได้มากกว่าคนปกติ ดังนั้นอัตราการป่วยที่เกิดขึ้นกับผู้ตั้งครรภ์ ย่อมมีมากกว่าคนปกติแน่นอน
• เมื่อคุณป่วย ถ้าแค่ตัวร้อน เจ็บคอ และคุณไม่ได้ตั้งครรภ์ คุณอาจไม่ไปหาหมอ แต่คุณหาซื้อยาทานเองได้ แต่… ถ้าคุณตั้งครรภ์ คุณจำเป็นต้องไปพบแพทย์ ถึงแม้จะเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยก็ตาม สาเหตุหลักคือตัวยา เพราะยาที่คุณควรได้รับต้องเป็นยาที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ หรือถ้ามีผลกระทบ ก็ควรจะกระทบน้อยที่สุดต่อทารกในครรภ์ แต่หากคุณคิดกลับกันว่า เราก็ไปบอกเภสัชตามร้านขายยาได้ไม่ใช่เหรอ คุณอาจจะมองข้ามอะไรบางอย่าง เพราะเภสัชกรไมใช่หมอ หากคุณทานยาแล้วมีผลต่อทารกในครรภ์ของคุณ คุณคิดว่าเค้าจะรับผิดชอบคุณในระดับไหน แต่ถ้าคุณได้รับยาจากแพทย์สั่งจ่ายให้คุณ แล้วเกิดโชคร้ายมีผลกระทบกับครรภ์ของคุณ คุณคิดว่าแพทย์จะรับผิดชอบให้คุณในระดับไหน ลองเปรียบเทียบกันดู
• ถ้าคุณป่วยแบบไข้ขึ้นสูง แพทย์อาจสั่งให้คุณนอนโรงพยาบาล เพราะคุณกำลังตั้งครรภ์ จะได้มีการตรวจสอบและดูแลคุณและครรภ์ของคุณอย่างละเอียดและใกล้ชิด เพราะการตรวจของแพทย์นั้นนอกจากวัดอุณภูมิในตัวคุณแล้ว ยังต้องวัดอัตราการเต้นของหัวใจของเด็กทารกในครรภ์ร่วมด้วย ซึ่งหากคุณพักอยู่บ้าน คุณจะไม่ได้รับการตรวจในเรื่องเหล่านี้
• ถ้าคุณรับประทานอาหารผิดสำแดงแล้วท้องเสีย แพทย์อาจสั่งให้คุณนอนโรงพยาบาล ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ คุณกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งอาการท้องเสียจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ แพทย์จะต้องตรวจครรภ์ของคุณเพื่อวัดระดับน้ำคร่ำในครรภ์ว่ามีผลกระทบต่อทารกในครรภ์หรือไม่ ซึ่งหากคุณไม่ได้พบแพทย์ คุณจะไม่ได้รับการตรวจในเรื่องเหล่านี้
• อาการปวดศรีษะ ปวดมากหรือปวดน้อย อาจมีสาเหตุมาจากภาวะความดันในร่างกายของคุณ ซึ่งหากคุณความดันต่ำ คุณก็จะเป็นลม และหากคุณความดันสูง ก็จะส่งผลให้เกิดอาการครรภ์เป็นพิษ ซึ่งนั่นคืออันตรายที่จะเกิดกับตัวของคุณเองและลูกในครรภ์ แต่ถ้าคุณได้ไปพบแพทย์ ก็จะมีวิธีการในการดูแลคุณและรักษาให้ระดับความดันของคุณอยู่ในภาวะที่ปกติ ซึ่งคุณก็อาจถูกสั่งให้นอนโรงพยาบาลก็เป็นได้
• อุบัติเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะเล็กน้อย หรืออุบัติเหตุหนัก คุณก็สมควรที่จะต้องไปให้แพทย์ตรวจโดยละเอียดทั้งสิ้น เพราะคุณจะไม่รู้ว่าทารกในครรภ์จะได้รับผลกระทบกับอุบัติเหตุเหล่านั้นหรือไม่
จากเนื้อหาข้างต้น คุณรับรู้ได้แล้วใช่หรือไม่ว่า คุณควรที่จะทำประกันในเรื่องสุขภาพก่อนที่ตัวเองจะตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นประกันแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ซึ่งสามารถรับการรักษาได้โดยที่คุณไม่ต้องนอนโรงพยาบาลและประกันก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้คุณตามวงเงินที่คุณซื้อไว้ หรือจะเป็นประกันแบบผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งสามารถรับการรักษาได้ในกรณีที่คุณต้องนอนโรงพยาบาลและประกันก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้คุณตามวงเงินการรับประกันที่คุณซื้อไว้
แต่มีอีกเหตุผลสำคัญอีกเรื่อง ที่จะฟันธงให้คุณว่า ทำไมคุณถึงต้องซื้อประกันสุขภาพก่อนการตั้งครรภ์
• ในฐานะบริษัทฯ รับประกัน หากคุณเข้ามาซื้อประกันสุขภาพและคุณสุขภาพดียังไม่ตั้งครรภ์ เค้าอาจจะรับประกันให้คุณโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เพราะไม่มีความเสี่ยงใดๆ ที่คุณจะป่วยได้ แต่ในทางกลับกัน หากคุณสุขภาพดี แต่คุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ เค้าอาจพิจารณารับประกันให้คุณ โดยมีเงื่อนไขคือ จะเริ่มรับเมื่อคุณคลอดบุตรแล้ว นั่นเพราะในภาวะของผู้ตั้งครรภ์ มีโอกาสและมีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการเจ็บป่วย และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงกว่าคนปกติทั่วไป
• แต่ในบางบริษัทฯ รับประกัน อาจรับประกันสุขภาพให้คุณ ในขณะที่คุณกำลังตั้งครรภ์ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับฝ่ายพิจารณารับประกันของแต่ละบริษัทฯ
เมื่อคุณได้อ่านจบแล้ว โปรดใช้วิจารณญาณในการพิจารณา และประเมินตนเองถึงความพร้อมของคุณเอง และลองเปรียบเทียบในการเตรียมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของคุณเอง โดยที่คุณจะไม่รู้ว่ายอดที่จะต้องเสียจริงๆ คือเท่าไหร่ กับการเตรียมค่าใช้จ่ายที่คงที่สำหรับการชำระเบี้ยประกันที่คุณเลือก
คิดเห็นยังไงกับการที่บริษัทประกันไม่รับคนท้อง
หลังจากหาข้อมูลและส่งข้อมูลสุขภาพเบื้องต้นให้กับบริษัทประกัน 1-2 ที่ในไทย (นานแล้วจำไม่ค่อยได้ว่ากี่ที่) แต่ได้รับการปฏิเสธมาเนื่องจากตั้งครรภ์ บริษัทจะไม่รับทำประกันสุขภาพ ในขณะเดียวกันสามีจขกท. ซึ่งเป็นชาวต่างชาติก้ได้ส่งประวัติสุขภาพเบื้องต้นของจขกท.เพื่อขอทำประกันกับบริษัทที่สามีจขกท.ถืออยู่ (ซึ่งไม่ใช่บริษัทของไทยนะค่ะ) เพียง 2 เดือนเท่านั้น จขกท.ก็ได้บัตรประกันสุขภาพมาเรียบร้อย จนถึงตอนนี้ผ่านมา 2 ปีก็ยังถือบัตรประกันบริษัทนั้นอยู่ ดังนั้น หัวข้อกระทู้นี้จึงน่าจะเป็น
คิดเห็นยังไงกับการที่บริษัทประกันของ(ไทย) ที่ไม่รับทำประกันสุขภาพคนท้อง
ซึ่งก็ไม่ได้เหมารวมว่าทุกที่นะค่ะ สรุปแล้วถ้าคุณกำลังตั้งครรภ์แม้จะมีสุขภาพปกติก็ตาม และคุณคิดจะเริ่มทำประกันสุขภาพในไทย ขอบอกว่าหายาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี (มีความเห็นด้านล่างที่เป็นประโยชน์มาตอบเอาไว้) ยังไงขอให้เจอบริษัทมีวิสัยทัศน์ที่ดีมีคุณธรรม พนักงานมีจิตช่วยเหลือนะค่ะ
ปล. อ่านไปเห็นความเห็นเก่าๆ อยากให้เลิกใช้โลกทัศน์อันคับแคบมาเขียนความเห็นเสียดสีแบบไม่มีข้อมูล ดิฉันอาจออกความเห็นแบบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่ไม่ใช่ศูนย์กลางโลก เพราะผลมันก็ออกมาแล้วดิฉันถือบัตรประกันสุขภาพของประเทศอื่นอยู่ และดิฉันไม่ได้เป็นโรคร้ายอะไรขึ้นมาในระหว่างตั้งครรภ์จึงได้มาขอทำเอาประกันในช่วงตั้งครรภ์ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้ admid ด้วยโรคอะไร (ยกเว้นตอนคลอดลูกซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับประกัน) องค์กรประกันไม่ใช่องค์การการกุศล ก็เพราะไม่ใช่การกุศล ทำไมถึงไม่มองผลประโยชน์ระยะยาว เพราะหลังจากคลอดแล้วคนท้องก็แค่คนธรรมดาที่ไม่ได้มีโรคร้ายอะไร สำหรับดิฉันแล้วองค์กรธุรกิจใดๆที่หวังแค่ประโยชน์ระยะสั้นนั้นไม่ค่อยฉลาดซักเท่าไหร่
ข้อความนี้คัดลอกมาจากเว็ปที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคว่า ทำไมถึงควรทำประกันก่อนตั้งครรภ์ค่ะล้ว
• ผู้ตั้งครรภ์ เป็นผู้ที่มีความเป็นพิเศษแบบพ่วง 2 แต่ถ้าเป็นแฝด ก็พ่วง 3, 4, 5, … ซึ่งความพิเศษนี้ จะทำให้สภาวะของโฮโมนไม่เหมือนกับคนทั่วไป สุขภาพร่างกายก็จะมีโอกาสที่จะโดยเชื้อโรคโจมตีได้มากกว่าคนปกติ ดังนั้นอัตราการป่วยที่เกิดขึ้นกับผู้ตั้งครรภ์ ย่อมมีมากกว่าคนปกติแน่นอน
• เมื่อคุณป่วย ถ้าแค่ตัวร้อน เจ็บคอ และคุณไม่ได้ตั้งครรภ์ คุณอาจไม่ไปหาหมอ แต่คุณหาซื้อยาทานเองได้ แต่… ถ้าคุณตั้งครรภ์ คุณจำเป็นต้องไปพบแพทย์ ถึงแม้จะเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยก็ตาม สาเหตุหลักคือตัวยา เพราะยาที่คุณควรได้รับต้องเป็นยาที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ หรือถ้ามีผลกระทบ ก็ควรจะกระทบน้อยที่สุดต่อทารกในครรภ์ แต่หากคุณคิดกลับกันว่า เราก็ไปบอกเภสัชตามร้านขายยาได้ไม่ใช่เหรอ คุณอาจจะมองข้ามอะไรบางอย่าง เพราะเภสัชกรไมใช่หมอ หากคุณทานยาแล้วมีผลต่อทารกในครรภ์ของคุณ คุณคิดว่าเค้าจะรับผิดชอบคุณในระดับไหน แต่ถ้าคุณได้รับยาจากแพทย์สั่งจ่ายให้คุณ แล้วเกิดโชคร้ายมีผลกระทบกับครรภ์ของคุณ คุณคิดว่าแพทย์จะรับผิดชอบให้คุณในระดับไหน ลองเปรียบเทียบกันดู
• ถ้าคุณป่วยแบบไข้ขึ้นสูง แพทย์อาจสั่งให้คุณนอนโรงพยาบาล เพราะคุณกำลังตั้งครรภ์ จะได้มีการตรวจสอบและดูแลคุณและครรภ์ของคุณอย่างละเอียดและใกล้ชิด เพราะการตรวจของแพทย์นั้นนอกจากวัดอุณภูมิในตัวคุณแล้ว ยังต้องวัดอัตราการเต้นของหัวใจของเด็กทารกในครรภ์ร่วมด้วย ซึ่งหากคุณพักอยู่บ้าน คุณจะไม่ได้รับการตรวจในเรื่องเหล่านี้
• ถ้าคุณรับประทานอาหารผิดสำแดงแล้วท้องเสีย แพทย์อาจสั่งให้คุณนอนโรงพยาบาล ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ คุณกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งอาการท้องเสียจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ แพทย์จะต้องตรวจครรภ์ของคุณเพื่อวัดระดับน้ำคร่ำในครรภ์ว่ามีผลกระทบต่อทารกในครรภ์หรือไม่ ซึ่งหากคุณไม่ได้พบแพทย์ คุณจะไม่ได้รับการตรวจในเรื่องเหล่านี้
• อาการปวดศรีษะ ปวดมากหรือปวดน้อย อาจมีสาเหตุมาจากภาวะความดันในร่างกายของคุณ ซึ่งหากคุณความดันต่ำ คุณก็จะเป็นลม และหากคุณความดันสูง ก็จะส่งผลให้เกิดอาการครรภ์เป็นพิษ ซึ่งนั่นคืออันตรายที่จะเกิดกับตัวของคุณเองและลูกในครรภ์ แต่ถ้าคุณได้ไปพบแพทย์ ก็จะมีวิธีการในการดูแลคุณและรักษาให้ระดับความดันของคุณอยู่ในภาวะที่ปกติ ซึ่งคุณก็อาจถูกสั่งให้นอนโรงพยาบาลก็เป็นได้
• อุบัติเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะเล็กน้อย หรืออุบัติเหตุหนัก คุณก็สมควรที่จะต้องไปให้แพทย์ตรวจโดยละเอียดทั้งสิ้น เพราะคุณจะไม่รู้ว่าทารกในครรภ์จะได้รับผลกระทบกับอุบัติเหตุเหล่านั้นหรือไม่
จากเนื้อหาข้างต้น คุณรับรู้ได้แล้วใช่หรือไม่ว่า คุณควรที่จะทำประกันในเรื่องสุขภาพก่อนที่ตัวเองจะตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นประกันแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ซึ่งสามารถรับการรักษาได้โดยที่คุณไม่ต้องนอนโรงพยาบาลและประกันก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้คุณตามวงเงินที่คุณซื้อไว้ หรือจะเป็นประกันแบบผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งสามารถรับการรักษาได้ในกรณีที่คุณต้องนอนโรงพยาบาลและประกันก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้คุณตามวงเงินการรับประกันที่คุณซื้อไว้
แต่มีอีกเหตุผลสำคัญอีกเรื่อง ที่จะฟันธงให้คุณว่า ทำไมคุณถึงต้องซื้อประกันสุขภาพก่อนการตั้งครรภ์
• ในฐานะบริษัทฯ รับประกัน หากคุณเข้ามาซื้อประกันสุขภาพและคุณสุขภาพดียังไม่ตั้งครรภ์ เค้าอาจจะรับประกันให้คุณโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เพราะไม่มีความเสี่ยงใดๆ ที่คุณจะป่วยได้ แต่ในทางกลับกัน หากคุณสุขภาพดี แต่คุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ เค้าอาจพิจารณารับประกันให้คุณ โดยมีเงื่อนไขคือ จะเริ่มรับเมื่อคุณคลอดบุตรแล้ว นั่นเพราะในภาวะของผู้ตั้งครรภ์ มีโอกาสและมีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการเจ็บป่วย และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงกว่าคนปกติทั่วไป
• แต่ในบางบริษัทฯ รับประกัน อาจรับประกันสุขภาพให้คุณ ในขณะที่คุณกำลังตั้งครรภ์ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับฝ่ายพิจารณารับประกันของแต่ละบริษัทฯ
เมื่อคุณได้อ่านจบแล้ว โปรดใช้วิจารณญาณในการพิจารณา และประเมินตนเองถึงความพร้อมของคุณเอง และลองเปรียบเทียบในการเตรียมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของคุณเอง โดยที่คุณจะไม่รู้ว่ายอดที่จะต้องเสียจริงๆ คือเท่าไหร่ กับการเตรียมค่าใช้จ่ายที่คงที่สำหรับการชำระเบี้ยประกันที่คุณเลือก