ต่อเนื่องจากกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/34683046นั่งรถบัสมาจาก Ahmadabad รัฐคุชราต ข้ามมาราชสถาน
เพื่อเที่ยวเมืองสุดท้าย Udaipur ก่อนนั่งเครื่องกลับมุมไบ และกลับกรุงเทพต่อไป
จริงๆราชสถานที่น่าเที่ยวหลายเมือง แต่ตั้งใจว่าจะเก็บไว้ปริปหน้า ไปลงจากเดลี แต่รอบนี้เลือกมา Udaipur (อุทัยปุระ) ก่อนเมืองนึง
เพราะว่าดูจากระยะทางแล้ว เมืองนี้อยู่ใกล้ อาห์มาดาบัด มากกว่าเมืองน่าเที่ยวอื่นๆในราชสถานทั้งหมด จึงมาแวะที่นี่ก่อนกลับ
เพราเดี๋ยวทริปราชสถานอาจต้องไปหลายที่มากใช้เวลาเยอะ เดี๋ยวจะไม่ครบ
จองตั๋วรถบัสที่อินเดียง่าย และจองออนไลน์ได้สบายๆ
รถบัสใช้เวลาแค่สี่ชั่วโมงก็ถึง ที่นั่งสบายพอใช้ แต่กลิ่นในรถแรงพอควร
สุดท้ายก็นั่งเพลินๆ เพราะเปิดหนัง Bollywood ฮาๆ ให้ดูได้สองเรื่องพอดี เลยไม่หลับเลยตลอดทาง
หลังจากรถบัสมาจอดนอกเมืองต้องต่อสามล้อเข้าไปโรงแรมอีก ซึ่งอยู่ในเมืองเก่า ถนนแคบๆเป็นเนิน แต่รถก็ยังขับเข้ามาซอกแซกกันแน่น
ทำให้รู้สึกยังวุ่นวายเหมือนอินเดียเมืองอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับที่นี่ ก็เลยสบายๆ
พอถึงโรงแรม ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เขาก็ให้เข้าห้องนะ แต่ยังทำไม่เสร็จ ก็เลยไปเดินเล่นในเมืองและหาอะไรกินก่อน
พอไปเดินเริ่มรู้ว่าสึกว่าเมืองนี้มันสบายๆ และเดินไปนิดนึง ก็เจอท่าน้ำและมีทางเดินเลียบริมทะเลสาปไป
คราวนี้รู้สึกเลยว่า อืม อุทัยปุระนีมันโรแมนติคใช่เล่น เดินริมท่าน้ำ มีคนนั่งกันเป็นคู่ๆตลอดทาง
ถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกว่ามันไม่ใช่อินเดียเลยนะ มันคล้ายๆที่ไหนหว่า
หลังจากนั้นก็เดินมาชม City Palace ราชวังของมหาราชาเมืองนี้ในสมัยโบราณ
แต่ Highlight ของที่นี่ไม่ใช่ตัวพระราชวัง แต่เป็นการนั่งเรือชมทะเลสาปจากบริเวณสวนท้ายวังไปยังเกาะกลางทะเลสาป
ใครจะมาต้องกะเวลาดีๆครับ เพราะเรือออกทุกครึ่งชั่วโมง และช่วงเวลาที่สวยที่สุดคือเรือเที่ยวสุดท้ายของวัน
จะได้ชมแสงยามเย็นตอนขาไป และ Sunset ตอนขากลับ แต่เวลาแต่ละฤดูจะไม่เหมือนกัน
ผมเลือกนั่งเรือเที่ยวก่อนสุดท้ายสองเที่ยว ประมาณชั่วโมงนึง กันพลาด
หลังจากซื้อตั๋วซึ่งราคาค่อนข้างแพง ก็ยืนรอคิวที่ท่าน้ำของ City Palace อยู่ซักพักก็ได้ลงเรือซึ่งเข้มงวดเรื่องใส่ชูชีพมาก
ตอนแรกนึกว่าเรือจะพาล่องทะเลสาปไปเกาะเลย แต่ไม่ใช่ เรือพาวนเข้าไปชมเืองส่วนที่ทะเลสาปแคบเข้าไปเป็นคลอง
สองฝั่งคลองมีปราสาทบ้านเรือนโบราณสวยงาม นั่งชมวิวเพลินมาก แต่เสียตรงต้องใส่ชูชีพหนาเตอะนี่หละ
นึกออกแล้วล่ะว่าที่นี่เหมือนที่ไหน อารมณ์นี้มันเวนิสชัดๆ ไม่รู้สึกว่าอยู่ในอินเดียเลย ขณะนี้
หลังจากวนไปชมตลอง เรือก็แล่นตัดทะเลสาปมาส่งที่เกาะเล็กๆกลางทะเลสาป ทั้งเกาะเป็นที่ตั้งของ Jagmandu Palace
ซึ่งตอนนี้กลายเป้นร้านอาหารหรู Cafe เล็กๆสองสามอัน สำหรับนั่งจิบกาแฟหรือทานข้าวชมสวนหรือชมวิวทะเลสาป
หลังจากนั่งชมวิวเพลินๆซักพัก ก็นั่งเรือกลับ เพื่อกลับที่พักต่อไป
ผมพักที่ Jaiwana Haveli ซึ่งเป็น Budget Hotel ยอดนิยมของเมืองนี้ ซึ่งเต็มเร็วมากต้องจองล่วงหน้าหลายเดือน
ที่นี่มีดีที่วิวบนดาดฟ้าและวิวจากบางห้อง เสียดายผมได้ห้องที่เห็นวิวแค่เล็กน้อย
โรงแรมนี้ดีตรงพื้นผังเป็นหินอ่อนทั้งหมดทำให้เย็นสบาย พนักงานบริการดี แต่ห้องแคบนิดนึงและห้องน้ำไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แต่อย่างว่า โรงแรมราคาถูกขนาดนี้ ได้แค่นี้ก็ดีถม ส่วนจุดเด่นบนดาดฟ้านั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะขึ้นไปชมกัน
ช่วงค่ำก็ไปหาอะไรกินแวะชอปของฝากท้องถิ่นและก็รีบนอนจะได้ขึ้นไปชมวิวดาดฟ้าตอนเช้า
แต่คืนนี้ดันเป็นคืนสิ้นปี มีจุดปาร์ตี้พลุกันทั้งคืนเลย กว่าจะได้นอน TT
เช้าตรู่วันปีใหม่ ตื่นสายกว่าที่คิดเล็กน้อยจากเสียงพลุเมื่อคืน เข้าส้วมเสร็จรีบขึ้นมาดาดฟ้า
โชคดีมากมีคนนั่งอยู่โต๊ะเดียว เลยไปจับจองโต๊ะที่วิวสวยที่สุดได้ดั่งใจ เด็กเสิร์ฟบอกอาหารเช้ายังไม่พร้อม ไม่เป็นไร นั่งชมวิวรอได้
วิวบนนี้มันยิ่งกว่าคาดเดาไว้ วิวระดับโลกชัดๆ ตกลงที่นี่มันไม่ใช่อินเดียใช่ไหมเนี่ย นี่มันวิวซานทอรินี่ชัดๆ
รู้เลยว่าทำไมโรงแรมนี้ถึงเต็ม ราคาหลักพัน แต่วิวร้อยล้าน ใครๆก็อยากมากิน Breakfat ที่นี่สินะ
นั่งซักพักมีนักท่องเที่ยวจีนขึ้นมาสองคน มาพร้อมกล้อง DSLR ชุดใหญ่ ดูหัวเสียนิดๆที่ไม่ได้โต๊ะที่วิวดีที่สุด
แต่ก็สมเป็นนักท่องเที่ยวจีน เดินเข้ามาอีกด้านของโต๊ะยืนบังวิวและตะลุยกดชัตเตอร์รัวๆๆๆ ไม่มีขอซักคำ มารยาทไปไหน
แต่ช่างเถอะ วันดีๆแบบนี้ ให้อภัย สั่งอาหารเช้ากินดีกว่า
อาหารเช้าผมสั่ง Local Breakfast และแน่นอน Masala Chai หรือชาเครื่องเทศ
ปกติผมกินกาแฟเป็นปกติ แต่มาอินเดียนี่ดื่มชาเครื่องเทศแทนกาแฟตลอดเลย
นั่งทานอาหารเช้าโต๊ะวีไอพีชมวิวทะเลสาปนี่มันสุขใจจริงๆ
โปรแกรมวันนี้กลางวันมี Day Trip ไปเมืองใกล้ๆชมโบราณสถาน แต่ผมว่าอารมณ์นี้มันไม่ใช่แล้ว
ตอนนี้ความรู้สึกผมคือ มาเที่ยวอุทัยปุระ มันต้องเที่ยวแบบ Slow Life ถึงจะเหมาะ
เป็นเมืองที่มีร้านชา หรือ Cafe เก๋ๆที่สามารถนั่งชมวิวคลองหรือทะเลสาปอยู่เยอะมาก และบรรยากาศในเมืองก็ชิวๆมาก
เมืองแบบนี้มันต้องเที่ยวชิวๆ เดินริมน้ำ อ่านหนังสือ จิบชา ดื่มกาแฟ ใช้ชีวิตเนิบช้า ถึงจะเหมาะกับที่นี่
ผมนั่งอยู่ถึงเกือบเก้าโมง เสียดายดันจ่ายเงินจองรถไว้แล้วเลยต้องไป
Day Trip วันนี้ที่ Chittorgarh Fort ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ โบราณสถานแห่งนี้กว้างใหญ่ที่เดียว มีทั้งวัด วัง ปราสาท กำแพงป้อมปราการ
ทั้งๆที่ Fort นี้ใหญ่ที่สุดในอินเดีย แต่เฉยๆ อาจเป็นเพราะทริปนี้เราไปที่สวยตะลึงมาเยอะแล้ว ทั้ง Ajanta Cave, Ellora Cave, Rani Ki vav
รู้งี้นั่ง Slow Life อยู่ อุทัยปุระ ดีกว่า นั่งรถไปตั้งสองชั่วโมงกว่า
หลังจากเหนื่อยอ่อนกลับมาตอนเย็น กลับมาใช้ชีวิต Slow Life สบายๆที่ Udaipur ต่อ
กิจกรรมเย็นนี้สบายๆ นวดแบบอายุรเวทผ่อนคลาย ใช้ได้อยู่ แต่มีหลายร้าน ไม่รู้อันไหนดีบ้าง
อาหารที่เมืองนี้ กินมาหลายมื้อยังไม่ประทับไจมาก อาจะเป็นเพราะเราประทับใจใน Gujarati Thali จากคุชราตมาแล้ว เลยเฉยๆกับอาหารที่นี่
Highlight เย็นนี้ง่ายมาก รอชม Sunset บนดาดฟ้าโรงแรม Jaiwana Haveli เรานี่หละ
ไปนั่งจิบชาเครื่องเทศ Masala Chai รอชม Sun Set สวยงามดั่งคาด
เอาบรรยากาศนี้ไว้เป็นภาพจำสุดท้ายก่อนที่จะนั่งเครื่องกลับออกจากเมืองนี้แต่เช้าตรู่ในวันพรุ่งนี้ต่อไป
Slowlife อุทัยปุระ (Udaipur)
ต่อเนื่องจากกระทู้นี้ http://ppantip.com/topic/34683046นั่งรถบัสมาจาก Ahmadabad รัฐคุชราต ข้ามมาราชสถาน
เพื่อเที่ยวเมืองสุดท้าย Udaipur ก่อนนั่งเครื่องกลับมุมไบ และกลับกรุงเทพต่อไป
จริงๆราชสถานที่น่าเที่ยวหลายเมือง แต่ตั้งใจว่าจะเก็บไว้ปริปหน้า ไปลงจากเดลี แต่รอบนี้เลือกมา Udaipur (อุทัยปุระ) ก่อนเมืองนึง
เพราะว่าดูจากระยะทางแล้ว เมืองนี้อยู่ใกล้ อาห์มาดาบัด มากกว่าเมืองน่าเที่ยวอื่นๆในราชสถานทั้งหมด จึงมาแวะที่นี่ก่อนกลับ
เพราเดี๋ยวทริปราชสถานอาจต้องไปหลายที่มากใช้เวลาเยอะ เดี๋ยวจะไม่ครบ
จองตั๋วรถบัสที่อินเดียง่าย และจองออนไลน์ได้สบายๆ
รถบัสใช้เวลาแค่สี่ชั่วโมงก็ถึง ที่นั่งสบายพอใช้ แต่กลิ่นในรถแรงพอควร
สุดท้ายก็นั่งเพลินๆ เพราะเปิดหนัง Bollywood ฮาๆ ให้ดูได้สองเรื่องพอดี เลยไม่หลับเลยตลอดทาง
หลังจากรถบัสมาจอดนอกเมืองต้องต่อสามล้อเข้าไปโรงแรมอีก ซึ่งอยู่ในเมืองเก่า ถนนแคบๆเป็นเนิน แต่รถก็ยังขับเข้ามาซอกแซกกันแน่น
ทำให้รู้สึกยังวุ่นวายเหมือนอินเดียเมืองอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับที่นี่ ก็เลยสบายๆ
พอถึงโรงแรม ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เขาก็ให้เข้าห้องนะ แต่ยังทำไม่เสร็จ ก็เลยไปเดินเล่นในเมืองและหาอะไรกินก่อน
พอไปเดินเริ่มรู้ว่าสึกว่าเมืองนี้มันสบายๆ และเดินไปนิดนึง ก็เจอท่าน้ำและมีทางเดินเลียบริมทะเลสาปไป
คราวนี้รู้สึกเลยว่า อืม อุทัยปุระนีมันโรแมนติคใช่เล่น เดินริมท่าน้ำ มีคนนั่งกันเป็นคู่ๆตลอดทาง
ถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกว่ามันไม่ใช่อินเดียเลยนะ มันคล้ายๆที่ไหนหว่า
หลังจากนั้นก็เดินมาชม City Palace ราชวังของมหาราชาเมืองนี้ในสมัยโบราณ
แต่ Highlight ของที่นี่ไม่ใช่ตัวพระราชวัง แต่เป็นการนั่งเรือชมทะเลสาปจากบริเวณสวนท้ายวังไปยังเกาะกลางทะเลสาป
ใครจะมาต้องกะเวลาดีๆครับ เพราะเรือออกทุกครึ่งชั่วโมง และช่วงเวลาที่สวยที่สุดคือเรือเที่ยวสุดท้ายของวัน
จะได้ชมแสงยามเย็นตอนขาไป และ Sunset ตอนขากลับ แต่เวลาแต่ละฤดูจะไม่เหมือนกัน
ผมเลือกนั่งเรือเที่ยวก่อนสุดท้ายสองเที่ยว ประมาณชั่วโมงนึง กันพลาด
หลังจากซื้อตั๋วซึ่งราคาค่อนข้างแพง ก็ยืนรอคิวที่ท่าน้ำของ City Palace อยู่ซักพักก็ได้ลงเรือซึ่งเข้มงวดเรื่องใส่ชูชีพมาก
ตอนแรกนึกว่าเรือจะพาล่องทะเลสาปไปเกาะเลย แต่ไม่ใช่ เรือพาวนเข้าไปชมเืองส่วนที่ทะเลสาปแคบเข้าไปเป็นคลอง
สองฝั่งคลองมีปราสาทบ้านเรือนโบราณสวยงาม นั่งชมวิวเพลินมาก แต่เสียตรงต้องใส่ชูชีพหนาเตอะนี่หละ
นึกออกแล้วล่ะว่าที่นี่เหมือนที่ไหน อารมณ์นี้มันเวนิสชัดๆ ไม่รู้สึกว่าอยู่ในอินเดียเลย ขณะนี้
หลังจากวนไปชมตลอง เรือก็แล่นตัดทะเลสาปมาส่งที่เกาะเล็กๆกลางทะเลสาป ทั้งเกาะเป็นที่ตั้งของ Jagmandu Palace
ซึ่งตอนนี้กลายเป้นร้านอาหารหรู Cafe เล็กๆสองสามอัน สำหรับนั่งจิบกาแฟหรือทานข้าวชมสวนหรือชมวิวทะเลสาป
หลังจากนั่งชมวิวเพลินๆซักพัก ก็นั่งเรือกลับ เพื่อกลับที่พักต่อไป
ผมพักที่ Jaiwana Haveli ซึ่งเป็น Budget Hotel ยอดนิยมของเมืองนี้ ซึ่งเต็มเร็วมากต้องจองล่วงหน้าหลายเดือน
ที่นี่มีดีที่วิวบนดาดฟ้าและวิวจากบางห้อง เสียดายผมได้ห้องที่เห็นวิวแค่เล็กน้อย
โรงแรมนี้ดีตรงพื้นผังเป็นหินอ่อนทั้งหมดทำให้เย็นสบาย พนักงานบริการดี แต่ห้องแคบนิดนึงและห้องน้ำไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แต่อย่างว่า โรงแรมราคาถูกขนาดนี้ ได้แค่นี้ก็ดีถม ส่วนจุดเด่นบนดาดฟ้านั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะขึ้นไปชมกัน
ช่วงค่ำก็ไปหาอะไรกินแวะชอปของฝากท้องถิ่นและก็รีบนอนจะได้ขึ้นไปชมวิวดาดฟ้าตอนเช้า
แต่คืนนี้ดันเป็นคืนสิ้นปี มีจุดปาร์ตี้พลุกันทั้งคืนเลย กว่าจะได้นอน TT
เช้าตรู่วันปีใหม่ ตื่นสายกว่าที่คิดเล็กน้อยจากเสียงพลุเมื่อคืน เข้าส้วมเสร็จรีบขึ้นมาดาดฟ้า
โชคดีมากมีคนนั่งอยู่โต๊ะเดียว เลยไปจับจองโต๊ะที่วิวสวยที่สุดได้ดั่งใจ เด็กเสิร์ฟบอกอาหารเช้ายังไม่พร้อม ไม่เป็นไร นั่งชมวิวรอได้
วิวบนนี้มันยิ่งกว่าคาดเดาไว้ วิวระดับโลกชัดๆ ตกลงที่นี่มันไม่ใช่อินเดียใช่ไหมเนี่ย นี่มันวิวซานทอรินี่ชัดๆ
รู้เลยว่าทำไมโรงแรมนี้ถึงเต็ม ราคาหลักพัน แต่วิวร้อยล้าน ใครๆก็อยากมากิน Breakfat ที่นี่สินะ
นั่งซักพักมีนักท่องเที่ยวจีนขึ้นมาสองคน มาพร้อมกล้อง DSLR ชุดใหญ่ ดูหัวเสียนิดๆที่ไม่ได้โต๊ะที่วิวดีที่สุด
แต่ก็สมเป็นนักท่องเที่ยวจีน เดินเข้ามาอีกด้านของโต๊ะยืนบังวิวและตะลุยกดชัตเตอร์รัวๆๆๆ ไม่มีขอซักคำ มารยาทไปไหน
แต่ช่างเถอะ วันดีๆแบบนี้ ให้อภัย สั่งอาหารเช้ากินดีกว่า
อาหารเช้าผมสั่ง Local Breakfast และแน่นอน Masala Chai หรือชาเครื่องเทศ
ปกติผมกินกาแฟเป็นปกติ แต่มาอินเดียนี่ดื่มชาเครื่องเทศแทนกาแฟตลอดเลย
นั่งทานอาหารเช้าโต๊ะวีไอพีชมวิวทะเลสาปนี่มันสุขใจจริงๆ
โปรแกรมวันนี้กลางวันมี Day Trip ไปเมืองใกล้ๆชมโบราณสถาน แต่ผมว่าอารมณ์นี้มันไม่ใช่แล้ว
ตอนนี้ความรู้สึกผมคือ มาเที่ยวอุทัยปุระ มันต้องเที่ยวแบบ Slow Life ถึงจะเหมาะ
เป็นเมืองที่มีร้านชา หรือ Cafe เก๋ๆที่สามารถนั่งชมวิวคลองหรือทะเลสาปอยู่เยอะมาก และบรรยากาศในเมืองก็ชิวๆมาก
เมืองแบบนี้มันต้องเที่ยวชิวๆ เดินริมน้ำ อ่านหนังสือ จิบชา ดื่มกาแฟ ใช้ชีวิตเนิบช้า ถึงจะเหมาะกับที่นี่
ผมนั่งอยู่ถึงเกือบเก้าโมง เสียดายดันจ่ายเงินจองรถไว้แล้วเลยต้องไป
Day Trip วันนี้ที่ Chittorgarh Fort ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ โบราณสถานแห่งนี้กว้างใหญ่ที่เดียว มีทั้งวัด วัง ปราสาท กำแพงป้อมปราการ
ทั้งๆที่ Fort นี้ใหญ่ที่สุดในอินเดีย แต่เฉยๆ อาจเป็นเพราะทริปนี้เราไปที่สวยตะลึงมาเยอะแล้ว ทั้ง Ajanta Cave, Ellora Cave, Rani Ki vav
รู้งี้นั่ง Slow Life อยู่ อุทัยปุระ ดีกว่า นั่งรถไปตั้งสองชั่วโมงกว่า
หลังจากเหนื่อยอ่อนกลับมาตอนเย็น กลับมาใช้ชีวิต Slow Life สบายๆที่ Udaipur ต่อ
กิจกรรมเย็นนี้สบายๆ นวดแบบอายุรเวทผ่อนคลาย ใช้ได้อยู่ แต่มีหลายร้าน ไม่รู้อันไหนดีบ้าง
อาหารที่เมืองนี้ กินมาหลายมื้อยังไม่ประทับไจมาก อาจะเป็นเพราะเราประทับใจใน Gujarati Thali จากคุชราตมาแล้ว เลยเฉยๆกับอาหารที่นี่
Highlight เย็นนี้ง่ายมาก รอชม Sunset บนดาดฟ้าโรงแรม Jaiwana Haveli เรานี่หละ
ไปนั่งจิบชาเครื่องเทศ Masala Chai รอชม Sun Set สวยงามดั่งคาด
เอาบรรยากาศนี้ไว้เป็นภาพจำสุดท้ายก่อนที่จะนั่งเครื่องกลับออกจากเมืองนี้แต่เช้าตรู่ในวันพรุ่งนี้ต่อไป