สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ไครแม็คของเนื้อเรื่อง
จากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ
หัวข้อ : มรดก 8 พันล้าน ลูกมรว.ดัง ฟ้องเจ้าอินเดีย
สำนักข่าวเอเอฟพีได้รายงานเมื่อวันที่ 28 ก.ค. โดยอ้างรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ ออฟ อินเดีย ว่า น.ส.ลลิตยา กุมารี และนายเทพราช ซิงห์ 2 พี่น้องซึ่งเป็นบุตรชายและบุตรสาวของ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ราชนิกูลเมืองไทย กับมหาราชจักกัต ซิงห์ แห่งแคว้นชัยปุระ ประเทศอินเดีย ได้ยื่นฟ้องมหารานี คยาตรี เทวี ผู้เป็นย่า ซึ่งเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ของอดีตราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ของอินเดีย ในคดีขอแบ่งทรัพย์สินจากกองมรดก ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านรูปี หรือเป็นเงินไทยมากกว่า 8,000 ล้านบาท โดย น.ส.ลลิตยาและนายเทพราชอ้างว่า มีการปลอมพินัยกรรมของมหาราช จักกัต ซิงห์ แห่งชัยปุระ ผู้เป็นบิดา ที่ระบุให้ตัดสิทธิ์ทั้งคู่ออกจากกองมรดก
ปัจจุบันมหารานี คยาตรี เทวี มารดาของมหาราชจักกัต ซิงห์ ขณะนี้มีอายุ 80 ปี และได้รับการยกย่องว่าเป็นสตรีผู้เลอโฉมที่สุดคนหนึ่งในอินเดีย เคยติดอันดับ 1 ใน 10 สตรีที่สวยที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารโว้ค มหารานีถือกำเนิดในราชวงศ์อินเดียและอภิเษกสมรสกับเจ้าผู้ปกครองแคว้นชัยปุระในอดีต ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอินเดีย
ต่อมาผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สัมภาษณ์ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ได้รับการเปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ที่ประเทศอินเดีย และไม่สะดวกที่จะคุยให้รายละเอียดใดๆ เพราะทุกอย่างอยู่ในชั้นศาล
สำหรับ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ผู้เป็นมารดาของผู้ยื่นฟ้องร้องทั้ง 2 เป็นธิดาคนเล็กของ ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นสายพระโลหิตในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) รายงานข่าวระบุว่า ทั้งนายเทพราชและ น.ส.ลลิตยาได้ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยตามมารดา หลังจาก ม.ร.ว.ปรียนันทนาได้หย่าร้างกับมหาราชจักกัต ซิงห์ ในปี 2530 ต่อมา ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ได้สมรสอีกครั้ง กับนายปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล นักธุรกิจผู้เคยมีผลงานด้านดนตรี โดยมีอัลบั้มเพลงชุด “ไปทะเลกันดีกว่า” อันโด่งดังในอดีต ซึ่งนายเทพราชและ น.ส.ลลิตยา หลานชายหลานสาวของมหารานี เคยเดินทางไปเยี่ยมผู้เป็นย่าที่อินเดียบ่อยครั้ง และปัจจุบันทั้งคู่เดินทางไปที่อินเดีย เพื่ออ้างสิทธิ์ในกองมรดกของบิดา หลังจากในพินัยกรรมระบุว่าทั้ง 2 ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สิน หากทั้งคู่ยังตกอยู่ในการดูแลของมารดาซึ่งหย่าร้างกันไปแล้ว
ด้านประวัติของมหาราชจักกัต ซิงห์ อดีตสวามีของ ม.ร.ว.ปรียนันทนา เป็นโอรสของมหาราชาแห่งแคว้นชัยปุระ ซึ่งเป็นแคว้นที่ร่ำรวยมากของประเทศอินเดีย โดยทั้ง 2 พบรักกันสมัยเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษด้วยกันและมีบุตรด้วยกัน 2 คน คือราชกุมารี ลลิตยา และราชกุมาร เทพราช ซิงห์ ซึ่งใช้เรียกที่ประเทศอินเดียตามฐานันดรของบิดาที่มีเชื้อสายราชวงศ์ ต่อมามหาราชจักกัต ซิงห์ และ ม.ร.ว.ปรียนันทนาได้หย่าขาดจากกัน ม.ร.ว.ปรียนันทนาจึงพาบุตรสาวและบุตรชายกลับมาเมืองไทย พร้อมกับให้ลูกทั้ง 2 คนเปลี่ยนนามสกุล มาใช้นามสกุล “รังสิต” ของท่านตาท่านยาย คือ ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต และอยู่ในความปกครองดูแลของ ม.ร.ว.ปรียนันทนานับแต่นั้นมา
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากบุคคลที่ใกล้ชิดกับ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ว่า หลังหย่าขาดจากมหาราชจักกัต ซิงห์ ม.ร.ว.ปรียนันทนาได้ส่งเสียเลี้ยงดูบุตรทั้ง 2 คนมาตั้งแต่เล็ก โดยไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากทางอินเดีย จนกระทั่งบุตรทั้ง 2 บรรลุนิติภาวะก็ไม่เคยได้รับอะไรเลย ปัจจุบัน บุตรชายคนโตคือ เทพราช ซิงห์ จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ และบุตรสาวคนเล็กคือ ลลิตยา กุมารี จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้ใกล้ชิดยังเผยด้วยว่า สาเหตุที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา ต้องเดินทางไปอินเดียเป็นเพื่อนบุตรทั้ง 2 คน ก็เพื่อเปิดแถลงข่าวใหญ่เรียกร้องสิทธิเหนือกองมรดกดังกล่าว และเพื่อต้องการต่อสู้เพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีของบุตรทั้ง 2 คน โดยมิได้คำนึงถึงเรื่องเงินทอง การต่อสู้คดีลักษณะนี้ อาจยืดเยื้อนาน 50-100 ปี แต่ก็ต้องสู้และถือเป็นคดีประวัติศาสตร์โลก เพราะไม่เคยมีใครกล้าฟ้องร้องหรือเรียกร้องสิทธิ์ใดๆ เหนือเชื้อพระวงศ์ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คดีนี้จะเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก ม.ร.ว.ปรียนันทนา ได้ดำเนินการฟ้องค้านมานานหลายปีแล้ว เพื่อหยุดความพยายามฮุบมรดกของมหารานี คยาตรี เทวี ผู้มีศักดิ์เป็นย่า ซึ่งถูกยุยงส่งเสริมโดยผู้เป็นลุงของเทพราชและลลิตยา ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกในขณะนี้
ที่มาจากหนังสือพิมพ์
อ่านแล้วก็อึ้ง ที่ ไอศวรรยา ไร ต้องมารับบท ผู้หญิงสูงศักดิ์ ที่ทั้งสวยและ ร้ายกาจมากๆ อย่าง มหารานี คยาตรีเทวี
ภาพยนตรืเรื่องนี้ น่าติดตามมากคะ
ไครแม็คของเนื้อเรื่อง
จากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ
หัวข้อ : มรดก 8 พันล้าน ลูกมรว.ดัง ฟ้องเจ้าอินเดีย
สำนักข่าวเอเอฟพีได้รายงานเมื่อวันที่ 28 ก.ค. โดยอ้างรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ ออฟ อินเดีย ว่า น.ส.ลลิตยา กุมารี และนายเทพราช ซิงห์ 2 พี่น้องซึ่งเป็นบุตรชายและบุตรสาวของ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ราชนิกูลเมืองไทย กับมหาราชจักกัต ซิงห์ แห่งแคว้นชัยปุระ ประเทศอินเดีย ได้ยื่นฟ้องมหารานี คยาตรี เทวี ผู้เป็นย่า ซึ่งเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ของอดีตราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ของอินเดีย ในคดีขอแบ่งทรัพย์สินจากกองมรดก ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านรูปี หรือเป็นเงินไทยมากกว่า 8,000 ล้านบาท โดย น.ส.ลลิตยาและนายเทพราชอ้างว่า มีการปลอมพินัยกรรมของมหาราช จักกัต ซิงห์ แห่งชัยปุระ ผู้เป็นบิดา ที่ระบุให้ตัดสิทธิ์ทั้งคู่ออกจากกองมรดก
ปัจจุบันมหารานี คยาตรี เทวี มารดาของมหาราชจักกัต ซิงห์ ขณะนี้มีอายุ 80 ปี และได้รับการยกย่องว่าเป็นสตรีผู้เลอโฉมที่สุดคนหนึ่งในอินเดีย เคยติดอันดับ 1 ใน 10 สตรีที่สวยที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารโว้ค มหารานีถือกำเนิดในราชวงศ์อินเดียและอภิเษกสมรสกับเจ้าผู้ปกครองแคว้นชัยปุระในอดีต ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอินเดีย
ต่อมาผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สัมภาษณ์ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ได้รับการเปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ที่ประเทศอินเดีย และไม่สะดวกที่จะคุยให้รายละเอียดใดๆ เพราะทุกอย่างอยู่ในชั้นศาล
สำหรับ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ผู้เป็นมารดาของผู้ยื่นฟ้องร้องทั้ง 2 เป็นธิดาคนเล็กของ ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นสายพระโลหิตในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) รายงานข่าวระบุว่า ทั้งนายเทพราชและ น.ส.ลลิตยาได้ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยตามมารดา หลังจาก ม.ร.ว.ปรียนันทนาได้หย่าร้างกับมหาราชจักกัต ซิงห์ ในปี 2530 ต่อมา ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ได้สมรสอีกครั้ง กับนายปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล นักธุรกิจผู้เคยมีผลงานด้านดนตรี โดยมีอัลบั้มเพลงชุด “ไปทะเลกันดีกว่า” อันโด่งดังในอดีต ซึ่งนายเทพราชและ น.ส.ลลิตยา หลานชายหลานสาวของมหารานี เคยเดินทางไปเยี่ยมผู้เป็นย่าที่อินเดียบ่อยครั้ง และปัจจุบันทั้งคู่เดินทางไปที่อินเดีย เพื่ออ้างสิทธิ์ในกองมรดกของบิดา หลังจากในพินัยกรรมระบุว่าทั้ง 2 ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สิน หากทั้งคู่ยังตกอยู่ในการดูแลของมารดาซึ่งหย่าร้างกันไปแล้ว
ด้านประวัติของมหาราชจักกัต ซิงห์ อดีตสวามีของ ม.ร.ว.ปรียนันทนา เป็นโอรสของมหาราชาแห่งแคว้นชัยปุระ ซึ่งเป็นแคว้นที่ร่ำรวยมากของประเทศอินเดีย โดยทั้ง 2 พบรักกันสมัยเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษด้วยกันและมีบุตรด้วยกัน 2 คน คือราชกุมารี ลลิตยา และราชกุมาร เทพราช ซิงห์ ซึ่งใช้เรียกที่ประเทศอินเดียตามฐานันดรของบิดาที่มีเชื้อสายราชวงศ์ ต่อมามหาราชจักกัต ซิงห์ และ ม.ร.ว.ปรียนันทนาได้หย่าขาดจากกัน ม.ร.ว.ปรียนันทนาจึงพาบุตรสาวและบุตรชายกลับมาเมืองไทย พร้อมกับให้ลูกทั้ง 2 คนเปลี่ยนนามสกุล มาใช้นามสกุล “รังสิต” ของท่านตาท่านยาย คือ ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต และอยู่ในความปกครองดูแลของ ม.ร.ว.ปรียนันทนานับแต่นั้นมา
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากบุคคลที่ใกล้ชิดกับ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ว่า หลังหย่าขาดจากมหาราชจักกัต ซิงห์ ม.ร.ว.ปรียนันทนาได้ส่งเสียเลี้ยงดูบุตรทั้ง 2 คนมาตั้งแต่เล็ก โดยไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากทางอินเดีย จนกระทั่งบุตรทั้ง 2 บรรลุนิติภาวะก็ไม่เคยได้รับอะไรเลย ปัจจุบัน บุตรชายคนโตคือ เทพราช ซิงห์ จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ และบุตรสาวคนเล็กคือ ลลิตยา กุมารี จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้ใกล้ชิดยังเผยด้วยว่า สาเหตุที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา ต้องเดินทางไปอินเดียเป็นเพื่อนบุตรทั้ง 2 คน ก็เพื่อเปิดแถลงข่าวใหญ่เรียกร้องสิทธิเหนือกองมรดกดังกล่าว และเพื่อต้องการต่อสู้เพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีของบุตรทั้ง 2 คน โดยมิได้คำนึงถึงเรื่องเงินทอง การต่อสู้คดีลักษณะนี้ อาจยืดเยื้อนาน 50-100 ปี แต่ก็ต้องสู้และถือเป็นคดีประวัติศาสตร์โลก เพราะไม่เคยมีใครกล้าฟ้องร้องหรือเรียกร้องสิทธิ์ใดๆ เหนือเชื้อพระวงศ์ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คดีนี้จะเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก ม.ร.ว.ปรียนันทนา ได้ดำเนินการฟ้องค้านมานานหลายปีแล้ว เพื่อหยุดความพยายามฮุบมรดกของมหารานี คยาตรี เทวี ผู้มีศักดิ์เป็นย่า ซึ่งถูกยุยงส่งเสริมโดยผู้เป็นลุงของเทพราชและลลิตยา ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกในขณะนี้
ที่มาจากหนังสือพิมพ์
อ่านแล้วก็อึ้ง ที่ ไอศวรรยา ไร ต้องมารับบท ผู้หญิงสูงศักดิ์ ที่ทั้งสวยและ ร้ายกาจมากๆ อย่าง มหารานี คยาตรีเทวี
ภาพยนตรืเรื่องนี้ น่าติดตามมากคะ
แสดงความคิดเห็น
เพื่อนๆคิดยังไงเมื่อ ไอศวรรยา ไร จะมารับบท มหารานี กยาตรีเทวี แม่สามี ของ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ?
ภาพไอศวรรยา ไร ทุกคนคงรู้จักเธออยู่แล้วในฐานะ หญิงสาวอินเดียผู้ได้รับเกียรติให้เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกของสตวรรษนี้
ด้วยดวงตาแก้วใสที่มีประกายดุจสีรุ้ง
ก่อนอื่นคงต้องเท้าความให้เพื่อนๆทราบก่อนว่า มหารานี กยาตรีเทวี นั้น เป็นใคร
อินเดียเป็นประเทศหนึ่งในโลกที่ติด Top อันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียวว่า มีสตรีจากอินเดียที่ถูกจัดอันดับว่า งามที่สุดในโลก มาหลายยุค
หลายสมัยและ เป็นที่รับรองโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณวุฒิด้านการตัดสินเรื่องความงาม และ จากการการโหวดโดยผู้คนทั่วโลกตามเวปไซต์ใหญ่ๆ
ในสมัยปัจจุบัน ไอศวรรยา ไร ได้รับการโหลดให้เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก แต่เมื่อสมัยที่พวกเราเด็กๆ ภาณุเรขา คเนศาน นักแสดงแนวหน้าและนางแบบของอินเดียก็เคยได้รับตำแหน่งผู้หญิงที่มีสน่ห์เย้ายวนอย่างมีระดับที่สุดในโลก เลยขึ้นไปจนถึงสมัยคุณตาคุณยาย ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ตำแหน่งนี้เคยเป็นที่ครอบครองโดย มหารานี กยาตรีเทวี และ ลีลา ไนดู สาวลูกครึ่งอินเดียฝรั่งเศษ ผู้มีใบหน้ารูปเล็กรูปไข่
ภาพสาวอินเดียสมัยก่อนที่สวยเรื่องชื่อ
ลีลา ไนดู นักแสดงอินเดียลูกครึ่งฝรั่งเศส
ภาพตอน ลีลา ไนดู แก่แล้วแต่ก็ยังฉายแววสวยอยู่ ชอบรูปหน้าเธอมากๆ ดูหวานเป็นผู้หญิงเรียบร้อยมากๆ
ต่อไป มาดูสวยแบบคุรหนูเอาแต่ใจ ตาจิกเจ้าเล่ห์นิดๆ
ปรียา ราชวัณศ์
อันดับต่อไป ปาวีน บาบี
นักแสดงสาวอินเดียสมัยก่อนที่ออกแนวทันสมัยสำหรับยุคนั้น
นีแลม โคธารี สาวอินเดียยุคทันสมัยขึ้นมานิกหน่อย เธอคนนี้ หน้าสไตน์เก๋ๆ ออกแนวฝรั่ง
แบบ บริจิต บาโดร์
สำหรับในกระทู้นี้เราจะมาพูด เจาะลึกถึงเฉพาะประวัติของ มหารานี กยาตรีเทวี ซึ่งอยากจะบอกว่าเรื่องราวของเธอนั้นยิ่งกว่านิยายเสียอีก
ว่าไปเกี่ยวข้องอย่างไรกับ ม.ร.ว ปรียา นันทนา รังสิต ของไทยเรา ได้อย่างไร และ หลังจากฟังเรื่องแล้ว เพื่อนๆแฟนคลับ ไอศวรรยา ไร จะคิดว่า เหมาะสมไหมที่ไอศวรรยา จะต้องมาสวมบทของ เธอคนนี้
อันนี้ เป็น ภาพตอนสาวๆของ มหารานี คยาตรี เทวี สวยจริงๆ หน้ารุปหัวใจ
รุปร่างออกจะ บอบบางอ่อนแอ้น จิ้มลิ้มไปสำหรับ ไอศวรรยา ไร ที่แสน งามสง่าอลังการด้วยซ้ำ
มิน่า จากกระทู้ก่อน ที่จขกท นำมาให้ดู เจ๊ไร เธอถึงได้ เร่ง ประทินผิวจนขาวจั๊ว
อาจจะเพื่อมารับบทนี้ก็ได้ เพราะ มหารานี คยาตรีนั้น ค่อนข้างเป็นอินเดียที่ผิวขาวที่เดียว
ภาพตอนเป็นสาวรุ่นของ มหารานี คยาตรี เทวี
สำหรับผู้หญิงอินเดียสมัย คุณตาคุณยายนี้ ถือว่า มหารานี มีรูปหน้า แบบสาวทันสมัยมากในสมัยนั้น
คือขาว และชอบทำผมแบบฝรั่งสมัยก่อน
รูปนี้ภาพรวม รานี ลำดับต่างๆ และ มหาราช ในราชวงค์ ชัยปุระ อันยิ่งใหญ่ของอินเดีย
ได้แก่ มหาราชกุมารี ดิยากุมารี ไพจี ลาล ซาฮีบา
ทรงเป็นยุวราชแห่งแคว้นชัยปุระ ตะวันตกพระองค์และมหารานี ศรีปัทมมินี เทวี ซาฮีบา
ต่างเป็นพระสหายรู้จักกันกับราชวงค์อังกฤษ และเจ้าฟ้าชาย ชาล์ลส์ กับ เจ้าหญิง
ไดอะน่าเป็นอย่างดี และภาพ มหาราชา ศรี ไพยัณทราไสว
พระราชวังสีชมพู ของ มหาราชา ไสว ชัยสิงค์ ที่2
ภาพ ราชกุมารี ดิยา เจ้าฟ้าหญิงแห่งแคว้นชัยปุระองค์ปัจจุบันของอินเดีย
นอกจากนี้ ราชวงค์ ชัยปุระของ ราชกุมารีดิยา ฯ ยังมีความเกี่ยวดองกับชนชั้นสูงในประเทศไทยอีกด้วย หม่อม ราชวงค์ ปรียานันทนา รังสิต เคยใช้ชีวิตคู่กับมหาราชจกัตสิงห์บุตรมหาราชาและราชมาตาแห่งชัยปุระ ทรงเป็นอดีตรานีแห่งราชปุระอินเดีย ทรงมีพระโอรส ธิดา ลูกครึ่ง ไทย อินเดีย และอเมลิกัน สองพระองค์ คือ ราชา ซาฮัพศรีเทพราช สิงค์ และ ราชกุมารี ลลิตยากุมารี สิงค์ พระมารดาของ เจ้าชาย จกัตสิงค์ นั้น คือ มหารานี กยาตรี เทวี ซึ่งเป็นสตรีที่นิตยาสาน Vouge จัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสตรีที่สวยที่สุดในโลกในสมัยนั้น ไล่เลียกับ ลีล่า นีดู ดาราอินเดียสาวในสมัยนั้น, ภาพของท่าน คือ สตรีอินเดียในภาพขาวดำด่านซ้านล่างที่ยืนส่องกะจก และภาพใบหน้าสตรีด้านขวาล่างขาวดำของภาพรวมด้านบน
ภาพล่างนี้ ส.ว. นาม มรว.ปรียนันทนา รังสิต จากประเทสไทย
อดีตรานีแห่งชัยปุระ ประเทศอินเดีย
คอลัมน์ ‘ดารณี สุนทรนนท์’
ดารณี สุนทรนนท์ ‘ดานนท์ ย่านตาขาว’
ส.ว. นาม มรว.ปรียนันทนา รังสิต
มรว.ปรียนันทนา รังสิต ธิดาของหม่อมเจ้าปิยะรังสิต รังสิต และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต และยังเป็นเหลนของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ท่านนี้ เคยใช้ชีวิตคู่กับมหาราชจกัตสิงห์บุตรมหาราชา และ ราชมาตาแห่งชัยปุระ เมืองหลวงแห่งแคว้นราชะสถาน ประเทศอินเดีย แต่เพียง 6 ปีก็ต้องหย่าร้างกันด้วยเหตุผลที่ฝ่ายชายใช้ชีวิตอย่างเพลย์บอยโดยไม่รับผิดชอบครอบครัว
คุณหญิงเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ตลอดเวลาที่แต่งงานกัน ฉันเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง” มีเพียงบางครั้งที่ต่างคนต่างออกค่าใช้จ่ายเอง แต่ตอนท่านคลอดลูกคนแรกที่อังกฤษ จกัตออกค่าโรงพยาบาล ส่วนค่ายาชาร้อยกว่าปอนด์ จกัตบอกว่า “มันไม่เกี่ยวกับลูกของผม เธอเป็นคนเจ็บ เธอก็จ่ายสิ” (จกัต : เป็นชื่อเรียกพระสวามี มหาราชาแห่งชัยปุระ ที่คุณหญิงเรียกพระองค์)
ภาพประกอบ royal palace ของ อินเดีย สวยงามอลังกาลมาก
จกัตแม้ตอนอยู่ที่ปราสาทตักฮ์ติชาฮีในชัยปุระ เขาก็ยังท่องราตรีทุกค่ำคืน เมื่อกลับเอาใกล้สว่างก็เปิดเพลงร็อคเอนโรลต่อเสียงดังลั่น เขาไม่เคยพาคุณหญิงไปเที่ยวไกลๆ เพราะไม่อยากรับผิดชอบการหอบผ้าอ้อมและขวดนมของลูกชาย หญิง ฯลฯ
ครอบครัวของคุณหญิงรู้จักครอบครัวของจกัตที่เมืองไทย ในลอนดอน ที่พักของท่านและจกัตก็อยู่ไม่ไกลกัน คุณหญิงเรียนวิชาสันสกฤตกับประวัติศาสตร์โบราณของอินเดียและเอเชียอาคเนย์ ที่สถาบันโซแอสอันเลื่องชื่อของอังกฤษ หลังจากนั้น ท่านไปเรียนที่อินเดียนาน 1 ปี ก็ได้ไปอยู่เมืองชัยปุระ จึงมีโอกาสเห็นปราสาทที่ท่านทราบว่า คราใดจกัตอยู่ในอินเดียวจะพักที่นั่น
“เหตุผลที่ทำให้ฉันตัดสินใจแต่งงานกับเขา อาจจะเป็นเพราะว่า ฉันเกิดไปหลงรักปราสาทที่ชัยปุระหลังนั้นก็ได้” คุณหญิงเปิดใจเมื่อแต่งและจดทะเบียนเงียบๆ กับจกัตที่อังกฤษ ในงานเลี้ยงควีนอลิซาเบธ ที่ 2 เสด็จไปร่วมโดยส่วนพระองค์ ที่น่าขบขันคือ วันนั้นฝ่ายชายนำเพชรเก๊มาให้ แต่คุณหญิงไม่สวม
ปราสาทตักฮ์ติชาฮีของจกัตนั้น ตั้งอยู่บนภูเขา เคยเป็นป้อมปราการป้องกันเมืองชัยปุระ มีอายุกว่า 300 ปี ภายหลังถูกใช้เป็นคุกคุมขังนักโทษกิตติมศักดิ์ ตอนพ่อแม่จกัตแต่งงานกันก็เห็นว่าปราสาทนี้สวยและโรแมนติก ก็ดัดแปลงเป็นวังเล็กๆ หลังจากนักโทษคนสุดท้ายเสียชีวิต
ขณะครองเรือนกับจกัต คุณหญิงบินไปมาระหว่างชัยปุระ กรุงเทพฯ และลอนดอน ท่านพยายามไม่สนใจกับวิถีของจกัต แต่ทุ่มเงินส่วนตัวหลายแสนตกแต่งปราสาทให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น เพื่อความกระชุ่มกระชวยแก่โลกส่วนตัวของท่านเอง แม้จะผิดหวังเรื่องคู่ แต่คุณหญิงได้เรียนรู้วัฒนธรรมหลากหลายของอินเดีย โลกทราบกันว่าสมัยนางอินทิรา คานธี ปกครองอินเดีย โดยระบบโซเชียลลิสม์ เหล่าเจ้าอยู่ลำบากเพราะโดนภาษีหนัก วังทั้งหลายของเหล่ามหาราชาจึงถูกดัดแปลงเป็นโรงแรมและทาสีชมพูไปทั้งเมือง จนได้ชื่อว่าเมืองสีชมพู เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ครอบครัวของจกัตก็มีโรงแรม ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากปราสาทที่ตั้งอยู่บนภูเขาราว 1 กิโลเมตร
เรื่องจบลงด้วยการที่คุณหญิงขอหย่า โดยขออำนาจศาลไทย ท่านขนลูกๆ กลับมาอยู่เมืองไทย และแต่งงานใหม่นานแล้วกับ ปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล โดยมีสมเด็จพระพี่นางฯพระราชทานน้ำสังข์ (หลายท่านคงจำได้ว่า ปานศักดิ์ คือนักร้องและนักแต่งเพลงที่รู้จักกันในเพลง ‘ไปทะเลกันดีกว่า’ ที่ใครได้ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นและสบายใจ)
มีหลายท่านสงสัยว่า ทำไมหน้าตาคุณหญิงดูเป็นต่างชาติ เหตุผลคือท่านมีหม่อมย่าเป็นชาวอเมริกัน
ยามนี้ชาวไทยส่วนใหญ่มีความรู้สึกร่วมกับท่านอย่างหนึ่งคือ ประทับใจในพระราชนิพนธ์เรื่อง ‘ไกลบ้าน’ ของรัชกาลที่ 5 ซึ่งไม่นานนัก
ภาพ มหารานี คยาตรีเทวี ในวัยชรา