สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์เที่ยวอินเดียแบบ road trip สบายๆค่ะ
ว่าด้วยเรื่องงานแต่งพี่สาวเพื่อน
เมื่อเราได้รับบัตรเชิญไปงานแต่งพี่สาวเพื่อนที่อินเดีย เราก็ไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจาก...ได้เรื่องไปเที่ยวอินเดียแล้วเว้ยย!! วู้ววว เราไม่รอช้ารีบรวมพลผองเพื่อนทันที
เพื่อนเราเป็นคนอินเดียที่โตที่ออสเตรเลีย พวกเราเลยวางแผนไปงานแต่งพี่สาวเค้าเสร็จก็เที่ยวอินเดียต่อด้วยกันเลย โดยเพื่อนคนอินเดียเราก็เสนอไอเดียให้เอเจนซี่ท่องเที่ยวที่อินเดียช่วยทำการจัดทริปให้ เราสามารถบอกเอเจนซี่คร่าวๆได้ว่าเราสนใจไปที่ไหนบ้างและมีเวลาจำกัดกี่วัน ทางนั้นเค้าก็จะเสนอที่ท่องเที่ยวของแต่ละเมืองและจัดตารางเวลาพร้อมทำการจัดหาโรงแรมหรือhostelในแต่ละที่ให้ สะดวกมากกก
นี่คือแผนที่ทริปที่เราไปมาทั้งหมด
PUNE - (MUMBAI เปลี่ยนเครื่อง) - UDAIPUR - (Chotaram Village) - JODHPUR - PUSHKAR - JAIPUR - AGRA - DELHI - JILLING ESTATE
นอกจากนี้เค้าก็จัดหารถให้ พร้อมกับคนขับที่อยู่กับเราตลอดทั้งทริปไม่ต้องกลัวหลงเลยหละ พวกเราไปกันห้าคน นั่งรถกันพอดี
ออกเดินทางวันแรกก็สายเกือบตกเครื่องกันทีเดียว โชคดีที่เราได้ทำออนไลน์เช็คอินไว้ ไม่งั้นก็ไม่ได้ขึ้นเครื่องแล้ว TT เราขอแนะนำให้เพื่อนๆทำออนไลน์เช็คอินเผื่อไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด!
เราลงเครื่องที่มุมไบแล้วก็มุ่งตรงไปเมือง Pune เพื่อไปงานแต่ง
ถึงแล้วเพื่อนเราก็ลากไปหาซื้อชุดส่าหรี รวมทั้งชุดและเครื่องประดับต่างๆแล้วราคาไม่ถึงหนึ่งพันบาท ถึงแม้เรารู้ว่าอาจจะได้ใส่แค่ครั้งเดียวแต่เราก็จะไม่พลาดการใส่ชุดส่าหรีอย่างแน่นอน ชุดสวยมากเลยจ้าา
ดื่มชาไช (Chai tea) กับวิวเมือง Pune ค่ะ
เนื่องจากบ้านเพื่อนเราเป็นคริสเตียน งานแต่งเขาเลยไม่ได้อลังเหมือนงานแต่งอินเดียทั่วไป เพื่อนเราบอกว่างานแต่งอินเดียสามารถมีได้นานถึง 7 วัน 7 คืนเลยที่เดียว แต่ไปงานแต่งครั้งนี้ก็ทำให้เรารู้ว่าคนอินเดียนี่ปาร์ตี้กันเก่งจริงๆ
หลังจากงานแต่ง พวกเราเริ่มทริปกันโดยบินจากมุมไบไปที่เมืองอุทัยปุระ (Udaipur) ถ้าไปเมืองนี้กันอย่าลืมไปนั่งเรือชมทะเลสาบพิโคลากันด้วยนะค่ะ จากเมืองที่ไปมาทั้งหมด เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองโปรดเราเลยหละ พระราชวังสวยมากจริงๆ
เมืองต่อไปคือเมืองโยธะปุระ (Jodhpur) ตอนนั่งรถไปเมืองนี้เราก็ได้แวะชมสถานที่ต่างๆระหว่างทางและก่อนถึงเมืองเค้าได้จัดให้เราได้พักที่ Chotaram Village 1 คืน เราพักกันในกระท่อมตามภาพนะค่ะ เจ้าของที่น่ารักมาก พวกเราได้ทานอาหารเย็นกับครอบครัวเค้าและนั่งคุยกันจนดึก เป็นประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ
เมืองโยธะปุระหรือมีอีกชื่อนึงคือเมืองสีฟ้า เราจะสังเกตได้ว่าบ้านส่วนมากในเมืองนี้จะมีกำแพงหรือหลังคาเป็นสีฟ้า ดูวิวจากข้างบนก็จะเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
เอารูประหว่างทางมาฝากค่ะ
ทัชมาฮาลเมืองอัคระ (Agra) ไปทัชมาฮาลแนะนำให้ไปเช้าๆนะค่ะเพราะต้องต่อแถวเข้าประมาณ 30 นาทีได้
มาถึงอินเดียแล้วไม่ทำ Henna Tattoo ไม่ได้จ้าา ตอนทำต้องต่อราคาให้ถึงที่สุด ราคาที่เขาเสนอมาส่วนมากจะแพงกว่าปกติเป็น 2-3 เท่า
ปราสาทลมของเมืองชัยปุระ (Jaipur) หรือเมืองสีชมพูค่ะ
เพื่อนจะสู้กับลิงอินเดียจ้า
เห็นอย่างนี้ ใช้มือกินตลอดงาน!! ใครที่ไม่ชอบใช้มือแนะนำให้พกช้อนส่วนตัวไปค่ะ
Abhaneri – Chand Baori Step Well เป็นบ่อน้ำขั้นบันไดที่ใหญ่และลึกที่สุดในอินเดีย พวกเราอาจจะคุ้นๆกันมาจากหนังเรื่องแบทแมนที่มาถ่ายทำที่นี่ก็ได้ค่ะ
ตอนจบของทริปนี้สำหรับเราแล้วเป็นไฮไลท์เลยค่ะ เค้าได้จัดให้เราไปขึ้นเขาดูยอดเขาหิมาลัย แต่จะเดินทางมาที่นี่ได้มีความยาวนานมาก เราเริ่มเดินทางโดยนั่งรถไฟจากเดลลี 5 ชั่วโมงไปลงที่ Kathgodam แล้วต่อรถขึ้นเขาอีก 2 ชั่วโมงเพื่อไป Jilling Estate เมื่อถึงแล้วเราก็ต้องเดินขึ้นเขาอีก 1 ชั่วโมง แต่เมื่อมาถึงข้างบนแล้วบอกได้เลยว่าความเหนื่อยนี่หายหมดเลยจ้า วิวสวยสุดๆและอากาศก็สดชื่นมากค่ะ
จากหน้ากระท่อมที่เราพักสามารถเห็นเทือกเขาหิมาลัยที่อยู่ไกลโลดดดดได้เล็กๆ 55555 เอาเป็นว่าเราขึ้นมาดูวิวพักผ่อนค่ะ บนเขานี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ต อยากจะได้อะไรก็ต้องลงเขาไปเอา ที่พักเราก็จะมีคนที่อาศัยอยู่บนนี้ดูแลเราอยู่สองสามคน ช่วยทำอาหารและก่อไฟให้ในตอนกลางคือค่ะ เราพักอยู่ที่นี่กันสองคืนเหมือนได้พักใจออกจากโลกภายนอก ตอนกลางวันไปเดินเขาดูวิวและนั่งอ่านหนังสือ กลางคืนก็นั่งคุยกับเพื่อนและดูดาวเต็มท้องฟ้าค่ะ สำหรับเรามันเป็นการจบทริปที่สมบูรณ์แบบมากค่ะ
ที่พักตลอดทริปนี้อยู่ hostel และโรงแรม 3 ดาวอย่างละครึ่งค่ะ ที่พักทั้งหมดรวมอาหารเช้าด้วยนะค่ะ
รวมค่าใช้จ่าย ทั้งค่าจัดทริป, ค่าโรงแรมและค่ารถเดินทางในอินเดียรวมทั้งหมด 14 วัน ราคา 21,000 บาทต่อคนค่ะ (รวมตั๋วเครื่องบินภายในประเทศจากมุมไบไปอุทัยปุระด้วย) ที่ไม่รวมคือค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับไทยอินเดีย, อาหารบางมื้อและค่าทิปคนขับรถและไกด์เฉพาะที่ค่ะ
รายการตารางเที่ยวและการจองการเดินทางทั้งหมดทางเอเจนซี่ที่นั้นเป็นคนจัดการให้หมดค่ะ
เราขอแนะนำการเที่ยวอินเดียแบบนี้เลยค่ะ คนขับรถของพวกเราก็ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวและอาหารการกินอยู่ตลอดทาง นอกจากนี้ก็ยังถูก สะดวก และปลอดภัยด้วยจ้า
[CR] ROAD TRIP INDIA เที่ยวอินเดีย 8 เมืองใน 14 วัน แบบสบายๆ!
ว่าด้วยเรื่องงานแต่งพี่สาวเพื่อน
เมื่อเราได้รับบัตรเชิญไปงานแต่งพี่สาวเพื่อนที่อินเดีย เราก็ไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจาก...ได้เรื่องไปเที่ยวอินเดียแล้วเว้ยย!! วู้ววว เราไม่รอช้ารีบรวมพลผองเพื่อนทันที
เพื่อนเราเป็นคนอินเดียที่โตที่ออสเตรเลีย พวกเราเลยวางแผนไปงานแต่งพี่สาวเค้าเสร็จก็เที่ยวอินเดียต่อด้วยกันเลย โดยเพื่อนคนอินเดียเราก็เสนอไอเดียให้เอเจนซี่ท่องเที่ยวที่อินเดียช่วยทำการจัดทริปให้ เราสามารถบอกเอเจนซี่คร่าวๆได้ว่าเราสนใจไปที่ไหนบ้างและมีเวลาจำกัดกี่วัน ทางนั้นเค้าก็จะเสนอที่ท่องเที่ยวของแต่ละเมืองและจัดตารางเวลาพร้อมทำการจัดหาโรงแรมหรือhostelในแต่ละที่ให้ สะดวกมากกก
นี่คือแผนที่ทริปที่เราไปมาทั้งหมด
PUNE - (MUMBAI เปลี่ยนเครื่อง) - UDAIPUR - (Chotaram Village) - JODHPUR - PUSHKAR - JAIPUR - AGRA - DELHI - JILLING ESTATE
นอกจากนี้เค้าก็จัดหารถให้ พร้อมกับคนขับที่อยู่กับเราตลอดทั้งทริปไม่ต้องกลัวหลงเลยหละ พวกเราไปกันห้าคน นั่งรถกันพอดี
ออกเดินทางวันแรกก็สายเกือบตกเครื่องกันทีเดียว โชคดีที่เราได้ทำออนไลน์เช็คอินไว้ ไม่งั้นก็ไม่ได้ขึ้นเครื่องแล้ว TT เราขอแนะนำให้เพื่อนๆทำออนไลน์เช็คอินเผื่อไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด!
เราลงเครื่องที่มุมไบแล้วก็มุ่งตรงไปเมือง Pune เพื่อไปงานแต่ง
ถึงแล้วเพื่อนเราก็ลากไปหาซื้อชุดส่าหรี รวมทั้งชุดและเครื่องประดับต่างๆแล้วราคาไม่ถึงหนึ่งพันบาท ถึงแม้เรารู้ว่าอาจจะได้ใส่แค่ครั้งเดียวแต่เราก็จะไม่พลาดการใส่ชุดส่าหรีอย่างแน่นอน ชุดสวยมากเลยจ้าา
ดื่มชาไช (Chai tea) กับวิวเมือง Pune ค่ะ
เนื่องจากบ้านเพื่อนเราเป็นคริสเตียน งานแต่งเขาเลยไม่ได้อลังเหมือนงานแต่งอินเดียทั่วไป เพื่อนเราบอกว่างานแต่งอินเดียสามารถมีได้นานถึง 7 วัน 7 คืนเลยที่เดียว แต่ไปงานแต่งครั้งนี้ก็ทำให้เรารู้ว่าคนอินเดียนี่ปาร์ตี้กันเก่งจริงๆ
หลังจากงานแต่ง พวกเราเริ่มทริปกันโดยบินจากมุมไบไปที่เมืองอุทัยปุระ (Udaipur) ถ้าไปเมืองนี้กันอย่าลืมไปนั่งเรือชมทะเลสาบพิโคลากันด้วยนะค่ะ จากเมืองที่ไปมาทั้งหมด เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองโปรดเราเลยหละ พระราชวังสวยมากจริงๆ
เมืองต่อไปคือเมืองโยธะปุระ (Jodhpur) ตอนนั่งรถไปเมืองนี้เราก็ได้แวะชมสถานที่ต่างๆระหว่างทางและก่อนถึงเมืองเค้าได้จัดให้เราได้พักที่ Chotaram Village 1 คืน เราพักกันในกระท่อมตามภาพนะค่ะ เจ้าของที่น่ารักมาก พวกเราได้ทานอาหารเย็นกับครอบครัวเค้าและนั่งคุยกันจนดึก เป็นประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ
เมืองโยธะปุระหรือมีอีกชื่อนึงคือเมืองสีฟ้า เราจะสังเกตได้ว่าบ้านส่วนมากในเมืองนี้จะมีกำแพงหรือหลังคาเป็นสีฟ้า ดูวิวจากข้างบนก็จะเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
เอารูประหว่างทางมาฝากค่ะ
ทัชมาฮาลเมืองอัคระ (Agra) ไปทัชมาฮาลแนะนำให้ไปเช้าๆนะค่ะเพราะต้องต่อแถวเข้าประมาณ 30 นาทีได้
มาถึงอินเดียแล้วไม่ทำ Henna Tattoo ไม่ได้จ้าา ตอนทำต้องต่อราคาให้ถึงที่สุด ราคาที่เขาเสนอมาส่วนมากจะแพงกว่าปกติเป็น 2-3 เท่า
ปราสาทลมของเมืองชัยปุระ (Jaipur) หรือเมืองสีชมพูค่ะ
เพื่อนจะสู้กับลิงอินเดียจ้า
เห็นอย่างนี้ ใช้มือกินตลอดงาน!! ใครที่ไม่ชอบใช้มือแนะนำให้พกช้อนส่วนตัวไปค่ะ
Abhaneri – Chand Baori Step Well เป็นบ่อน้ำขั้นบันไดที่ใหญ่และลึกที่สุดในอินเดีย พวกเราอาจจะคุ้นๆกันมาจากหนังเรื่องแบทแมนที่มาถ่ายทำที่นี่ก็ได้ค่ะ
ตอนจบของทริปนี้สำหรับเราแล้วเป็นไฮไลท์เลยค่ะ เค้าได้จัดให้เราไปขึ้นเขาดูยอดเขาหิมาลัย แต่จะเดินทางมาที่นี่ได้มีความยาวนานมาก เราเริ่มเดินทางโดยนั่งรถไฟจากเดลลี 5 ชั่วโมงไปลงที่ Kathgodam แล้วต่อรถขึ้นเขาอีก 2 ชั่วโมงเพื่อไป Jilling Estate เมื่อถึงแล้วเราก็ต้องเดินขึ้นเขาอีก 1 ชั่วโมง แต่เมื่อมาถึงข้างบนแล้วบอกได้เลยว่าความเหนื่อยนี่หายหมดเลยจ้า วิวสวยสุดๆและอากาศก็สดชื่นมากค่ะ
จากหน้ากระท่อมที่เราพักสามารถเห็นเทือกเขาหิมาลัยที่อยู่ไกลโลดดดดได้เล็กๆ 55555 เอาเป็นว่าเราขึ้นมาดูวิวพักผ่อนค่ะ บนเขานี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ต อยากจะได้อะไรก็ต้องลงเขาไปเอา ที่พักเราก็จะมีคนที่อาศัยอยู่บนนี้ดูแลเราอยู่สองสามคน ช่วยทำอาหารและก่อไฟให้ในตอนกลางคือค่ะ เราพักอยู่ที่นี่กันสองคืนเหมือนได้พักใจออกจากโลกภายนอก ตอนกลางวันไปเดินเขาดูวิวและนั่งอ่านหนังสือ กลางคืนก็นั่งคุยกับเพื่อนและดูดาวเต็มท้องฟ้าค่ะ สำหรับเรามันเป็นการจบทริปที่สมบูรณ์แบบมากค่ะ
ที่พักตลอดทริปนี้อยู่ hostel และโรงแรม 3 ดาวอย่างละครึ่งค่ะ ที่พักทั้งหมดรวมอาหารเช้าด้วยนะค่ะ
รวมค่าใช้จ่าย ทั้งค่าจัดทริป, ค่าโรงแรมและค่ารถเดินทางในอินเดียรวมทั้งหมด 14 วัน ราคา 21,000 บาทต่อคนค่ะ (รวมตั๋วเครื่องบินภายในประเทศจากมุมไบไปอุทัยปุระด้วย) ที่ไม่รวมคือค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับไทยอินเดีย, อาหารบางมื้อและค่าทิปคนขับรถและไกด์เฉพาะที่ค่ะ
รายการตารางเที่ยวและการจองการเดินทางทั้งหมดทางเอเจนซี่ที่นั้นเป็นคนจัดการให้หมดค่ะ
เราขอแนะนำการเที่ยวอินเดียแบบนี้เลยค่ะ คนขับรถของพวกเราก็ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวและอาหารการกินอยู่ตลอดทาง นอกจากนี้ก็ยังถูก สะดวก และปลอดภัยด้วยจ้า