ไม่ค่อยมีความเวลาอยู่ที่บ้าน

คือต้องบอกก่อนว่า..เราไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่น้ะค้ะ บ้านที่เราอาศัยปัจจุบันคือบ้านของตากับยายค้ะ เราอยู่กับตากับยายและพี่ชายค้ะ คือแม่เราจะกลับมาที่บ้านเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ ส่วนพ่อก็อยู่อีกจังหวัดนึง แต่พ่อแม่เราไม่ได้เลิกกันน้ะค้ะ แค่แยกกันทำงานเฉยๆ เราไม่ได้เป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่นเรียกร้องหาความรักหรืออะไร แต่เป็นเด็กคนนึงที่ต้องการหาความสงบ ความเป็นส่วนตัว มากกว่าค้ะ เราอยู่ที่บ้านทั้งๆที่เป็นบ้านของตายายแท้ๆแต่เราก็ไม่เคยรู้สึกถึงความผูกพันเลย เหมือนเรามาอาศัยบ้านญาติห่างๆอยู่ เพราะมีอะไรก็ไม่ค่อยกล้าพูด รู้สึกเกรงใจ อยู่เเบบเงียบ ไม่ค่อยชวนคุยตากับยาย เวลายายหรือตาถามอะไรก็จะเป็นการถามคำตอบคำมากกว่า อาจเพราะเราไม่ได้อยู่ที่นี้ตั้งแต่เกิดก็ได้ เรามาอยู่บ้านยายเราตอน อ.2-ป.6 หลังจากนั้นเราก็ไปอยู่พัทลุงตัวคนเดียวอีก 4 ปี และกลับมาเรียนต่อที่นี้อีกครั้ง ตั้งแต่เราย้ายกลับมาประมาณปีกว่า ต้องบอกว่าเราหาความสุขจากที่นี้ได้น้อยมาก เราจะมีความสุขก็ต่อเมื่อวันที่แม่เราอยู่ คือแม่เราเข้าใจเรามาก รับฟังเราทุกเรื่อง เล่นหยอกล้อกันได้ตลอด และมีความสุขเวลาอยู่ รร. คือเราก็ไม่เครียดไง มีเพื่อนเยอะแยะ เวลาอยู่บ้านก็มีเรื่องที่ทำให้เราต้องคิดตลอดเวลาคือยายเป็นคนที่ขี้บ่นมาก ไม่ใช่บ่นเรื่องเราแต่บ่นเรื่องตาเรื่องพี่ชายให้ฟังตลอด คือตลอดเวลา แต่พอตาหรือพี่ชายเรากลับบ้านอ้ะ ยายก็จะเงียบหรือไม่ก็บ่นเรื่องเราต่อ ทั้งๆที่เราไม่เคยทำอะไรผิดเลย เราไม่เคยเที่ยวไม่เคยออกไปไหน ไม่เคยขอตังค์พวกเค้าเลยสักครั้ง กลับจาก รร. ก็อยู่บ้านตลอด เวลาออกไปไหนคือเฉพาะกับแม่เท่านั้น ข้าวจานเราก็เป็นคนหุงคนล้าง ทั้งๆทีเรากลับมาจาก รร. เหนื่อยๆ ก็ต้องเป็นคนทำอีก วันไหนเราเบลอๆลืมทำคือวันนั้นกลายเป็นว่าเราทำอะไรก็ผิดไปหมด สิ่งที่โดนด่ามากที่สุดคงที่หนีไม่พ้นโทรศัพท์  โดนด่าว่าวันๆไม่ทำอะไรเล่นแต่มือถือ ติดแต่โทรศัพท์ แต่เราเป็นที่เงียบคิดะไร ก็ไม่พูดออกไป ไม่เคยเถียงไง แต่โทรศัพท์คือสิ่งแรกที่ทำให้เรามีความสุขเวลาอยู่บ้านได้ เราชอบเล่นมือถือดูหนังฟังเพลง ท่องโซเซียล ชอบใส่หูฟังเปิดเสียงดังๆเพื่อไม่ให้รับรู้สิ่งภายนอกไง คือไม่อยากได้ยิน คือทุกคนชอบหาว่าวันๆเราไม่อะไรเอาแต่นอนเล่นมือถือ คือเราจะลุกไปทำนู้นทำนี้ก็ต่อเมื่อตากับยายเราไม่อยู่ เราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เราไม่ได้ติดมือถือหรอกน้ะ มือถือคือสิ่งเราเอามากั้นกับที่จะให้ทำให้เราเป็นทุกข์มากกว่า เพราะเวลาเราไปเที่ยวกับแม่กับพี่กับพ่อ ไม่เคยมีสักครั้งที่เราจะเอามือถือขึ้นมาเล่น เราอยู่กับสิ่งตรงหน้ามากกว่าถ้าสิ่งตรงหน้าคือความสุขของเรา เวลาเรียนเราก็ไม่เคยเอาออกมาเล่นเหมือนกัน ตาเราชอบหาว่าเราเล่นแต่โทรศัพท์เดี๋ยวจะเรียนไม่รู้เรื่อง (คือยกประเด็นมาแต่โดนแรงกว่านี้) ทุกคนเอาแต่ด่าเรา แล้วเคยถามเราสักคำมั้ยว่าเราเป็นยังไง ถ้าเราไม่เล่นโทรศัพท์หรอ?? ทั้งเนื้อหาคุณครูเฉลยมันอยู่ในโซเซียลทั้งนั้นแหละ ตั้งแต่เรามาอยู่ที่นี้เราสอบได้ท๊อปเรียนได้ดีตลอดแต่พวกเค้าไม่เคยเชื่อใจเราเลยมีแต่จะสร้างความเครียดให้กับเราเพิ่มมากขึ้น เราจะยกเอาเหตุการณ์ครั้งนึงมาระบายให้ฟัง..
คืนนั้นเรากำลังจะนอนคือนอนแล้วเพราะพรุ่งนี้มีสอบรีบนอนจะได้ตื่นมาอ่านหนังสือ แล้วพี่ชายเราก็ไปเที่ยวไม่กลับมาสักที แล้วยายเราเครียดมาก แล้วบ่นแบบเสียงดังโวยวายจนเรานอนแบบทรมานมาก แล้วเค้าก็มาตะโกนเรียกเราให้ตามพี่ทั้งๆที่มันก็ดึกแล้ว เราก็จะนอนพรุ่งนี้ก็จะสอบ เราก็บอกเค้าไปแล้วแต่เค้าก็ไม่สนใจเราเลย โวยวายอีเป็นอีตายอยู่นั้นแหละ คือบางครั้งเราก็รู้นั้นแหละว่าเค้าเป็นห่วงพี่เรา แต่พี่เรามันก็บรรลุนิติภาวะไปแล้ว เค้ามั่วแต่นึกถึงแต่พี่เราแล้วเคยนึกถึงความรู้สึกของเราบ้างมั้ย คือคืนนั้นเรานอนร้องไห้คนเดียว แล้วแม่ก็แชทคุยปลอบใจเรา คือเราทุกวันนี้กลายเป็นคนเวลาคิดมากแล้วระบายด้วยการร้องไห้ตลอด กลายเป็นคนที่ อ่อนไหวง่าย บางครั้งก็เบลอๆมีโลกจิตนาการเป็นของตัวเอง คิดอะไรอยู่ในหัวของตัวเอง เวลาใครถามอะไร ก็จะคิดสักพักกว่าจะตอบ มันยากเหมือนกันน้ะ  รับอะไรหนักๆอยู่ทุกวันอ้ะ แค่เรื่องเรียนก็เครียดมากพอแล้วกลับบ้านมายังต้องฟังอะไรไร้สาระอีก ถึงเราจะมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่กว่าพี่ๆเราอ้ะ แต่เรายังเป็นเด็กอายุ 18 ที่ความคิดและจิตใจ จะให้เข้มแข็งยิ้มตลอดเวลาก็ไม่ใช่  ส่วนความสุขเวลาอยู่บ้านอีกอย่างของเราอ้ะก็คือแมวนี้แหละเราเลี้ยงแมวอยู่ 5 ตัว เราเก็บเงินซื้ออาหารให้เองตลอด เรายิ้มได้ทุกครั้งเวลาได้เล่นกับน้องๆ บางครั้งก็ได้น้องๆนี่แหละที่รับฟังเรา...
เราก็แค่อยากระบายอ้ะ....จบแหละ
ขอบคุนเว็บนี้น้ะทึ่ให้พื้นที่เราระบายอ้ะ...
ขอบคุณที่มารับฟังเรื่องของเราน้ะค้ะ....ขอบคุณจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่