เอเอฟพี - ผลสืบสวนของทางการอังกฤษพบในวันพฤหัสบดี (21 ม.ค.) ว่ามีความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะเป็นผู้อนุมัติปลิดชีพนายอเล็กซานเดอร์ ลิตวิเนนโก อดีตสายลับผู้เป็นปรปักษ์กับรัฐบาลรัสเซีย ที่ถูกลอบสังหารด้วยการวางยาพิษในลอนดอนเมื่อหลายปีก่อน
ลิตวิเนนโก ผู้ที่มักวิพากษ์วิจารณ์เครมลิน เสียชีวิตในปี 2006 ด้วยวัย 43 ปี ราว 3 สัปดาห์หลังจากดื่มชาเจือปนกัมมันตรังสีโพโลเนียม ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในย่านหรูของกรุงลอนดอน
ผลการสืบสวนพบเป็นไปได้ว่าชาวรัสเซีย 2 คน นายอังเดร ลูโกวอย และนายดมิทรี คอฟตุน ที่ถูกตำรวจอังกฤษระบุเป็นผู้ต้องสงสัยหลัก ลงมือวางยาพิษภายใต้คำสั่งของหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัสเซีย
สำนักนายกรัฐมนตรีของนายเดวิด คาเมรอน แถลงว่าผลการสืบสวนออกมาเช่นนี้เป็นที่ลำบากใจอย่างยิ่ง แต่อังกฤษจะไม่ประกาศคว่ำบาตรใดๆ เป็นการตอบโต้รัสเซีย และจะแค่เรียกเอกอัครราชทูตของมอสโกเข้ามาหารือกันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางการได้กำหนดอายัดทรัพย์บุคคลทั้งสองที่ผลการสืบสวนระบุว่าเป็นผู้ลงมือแล้ว
มารินา ภรรยาของนายลิตวิเนนโก แต่งกายในชุดดำมาพร้อมกับอนาโตลี ลูกชายวัย 21 ขวบ สวมกอดกับผู้สนับสนุนหลังรับฟังผลการสืบสวน หลังจากเธอใช้เวลานานหลายปีผลักให้ดันให้มีการไต่สวนสาธารณะและเรียกร้องคว่ำบาตรรัสเซียและห้ามปูตินเดินทางเข้าประเทศ
“ฉันพอใจอย่างยิ่งที่คำพูดของสามีที่เคยพูดไว้ก่อนตาย ที่เขากล่าวหานายปูตินว่าเป็นผู้ลงมือสังหารเขาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริงในศาลอังกฤษ” เธอบอกกับผู้สื่อข่าวด้านนอกศาล “ฉันไม่อาจบอกได้ว่าฉันหวังอะไรบ้าง แต่ฉันพอใจผลการไต่สวนเป็นอย่างยิ่ง”
อย่างไรก็ตาม ทางรัสเซียปฏิเสธผลการสืบสวนดังกล่าว โดยบอกว่าการไต่สวนมีแรงจูงใจทางการเมือง “เราไม่มีเหตุผลที่จะไปคาดหวังกับการสืบสวนที่มีแรงจูงใจทางการเมืองและเต็มไปด้วยกระบวนการที่ไม่โปร่งใส ซึ่งไม่มีทางที่จะอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุในถ้อยแถลง
ผู้พิพากษาโรเบิร์ต โอเวน ประธานคณะสืบสวน ระบุเขาเชื่อมั่นว่านายลูโกวอยและคอฟตุน ลอบใส่โพโลเนียม-210 ในกาน้ำชา ณ ไพน์บาร์ของโรงแรมมิลเลนเนียม สถานที่ที่ทั้งสองนัดพบกับนายลิตวิเนนโกในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2006
“ปฏิบัติการของ FSB ในการสังหารลิตวิเนนโก บางทีอาจได้รับความเห็นชอบจากนาย (นิโคไล) ปาตรูเชฟและอาจรวมไปถึงประธานาธิบดีปูตินด้วย” รายงานระบุ ทั้งนี้นายปาตรูเชฟ คืออดีตผู้อำนวยการสำนักงาน FSB หน่วยสืบราชการลับรัสเซียที่เปลี่ยนชื่อมาจาก เคจีบี ในยุคสมัยโซเวียต และเป็นหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงมาตั้งแต่ปี 2008
โพโลเนียม-210 คือไอโซโทปกัมมันตรังสีหายากและมักพบใกล้โรงงานนิวเคลียร์เท่านั้น ขณะที่รายงานผลการสืบสวนระบุนี่อาจชี้ว่าลูโกวอยและคอฟตุน อาจลงมือในนามหน่วยงานรัฐไม่ใช่ดำเนินการภายใต้องค์กรอาชญากรรม ด้วยผู้พิพากษาบอกว่าไม่พบหลักฐานบ่งชี้ว่าทั้งคู่มีเหตุผลส่วนตัวใดๆที่จะสังหารนายวิตวิเนนโก และพวกเขาน่าจะลงมือภายใต้คำสั่งของ FSB
ไม่นานหลังเผยแพร่รายงานต่อสาธารณะ ตำรวจนครบาลลอนดอนออกถ้อยแถลงย้ำว่าพวกเขายังต้องการตัวทั้งคู่ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน “เป้าหมายของเราคือนำตัวพวกเขาขึ้นศาลอาญา”
ลิตวิเนนโก อดีตสายลับเคจีบี ผันตัวมาเป็นนักสืบอิสระและเคยทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองอังกฤษ ขณะที่เขาออกถ้อยแถลงก่อนตายเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2006 กล่าวหาปูตินว่าเป็นคนสั่งฆ่าเขา
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000007465
ผลสืบอังกฤษชี้ “ปูติน” อาจสั่งการวางยาพิษสังหารอดีตสายลับในลอนดอน
ลิตวิเนนโก ผู้ที่มักวิพากษ์วิจารณ์เครมลิน เสียชีวิตในปี 2006 ด้วยวัย 43 ปี ราว 3 สัปดาห์หลังจากดื่มชาเจือปนกัมมันตรังสีโพโลเนียม ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในย่านหรูของกรุงลอนดอน
ผลการสืบสวนพบเป็นไปได้ว่าชาวรัสเซีย 2 คน นายอังเดร ลูโกวอย และนายดมิทรี คอฟตุน ที่ถูกตำรวจอังกฤษระบุเป็นผู้ต้องสงสัยหลัก ลงมือวางยาพิษภายใต้คำสั่งของหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัสเซีย
สำนักนายกรัฐมนตรีของนายเดวิด คาเมรอน แถลงว่าผลการสืบสวนออกมาเช่นนี้เป็นที่ลำบากใจอย่างยิ่ง แต่อังกฤษจะไม่ประกาศคว่ำบาตรใดๆ เป็นการตอบโต้รัสเซีย และจะแค่เรียกเอกอัครราชทูตของมอสโกเข้ามาหารือกันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางการได้กำหนดอายัดทรัพย์บุคคลทั้งสองที่ผลการสืบสวนระบุว่าเป็นผู้ลงมือแล้ว
มารินา ภรรยาของนายลิตวิเนนโก แต่งกายในชุดดำมาพร้อมกับอนาโตลี ลูกชายวัย 21 ขวบ สวมกอดกับผู้สนับสนุนหลังรับฟังผลการสืบสวน หลังจากเธอใช้เวลานานหลายปีผลักให้ดันให้มีการไต่สวนสาธารณะและเรียกร้องคว่ำบาตรรัสเซียและห้ามปูตินเดินทางเข้าประเทศ
“ฉันพอใจอย่างยิ่งที่คำพูดของสามีที่เคยพูดไว้ก่อนตาย ที่เขากล่าวหานายปูตินว่าเป็นผู้ลงมือสังหารเขาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริงในศาลอังกฤษ” เธอบอกกับผู้สื่อข่าวด้านนอกศาล “ฉันไม่อาจบอกได้ว่าฉันหวังอะไรบ้าง แต่ฉันพอใจผลการไต่สวนเป็นอย่างยิ่ง”
อย่างไรก็ตาม ทางรัสเซียปฏิเสธผลการสืบสวนดังกล่าว โดยบอกว่าการไต่สวนมีแรงจูงใจทางการเมือง “เราไม่มีเหตุผลที่จะไปคาดหวังกับการสืบสวนที่มีแรงจูงใจทางการเมืองและเต็มไปด้วยกระบวนการที่ไม่โปร่งใส ซึ่งไม่มีทางที่จะอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุในถ้อยแถลง
ผู้พิพากษาโรเบิร์ต โอเวน ประธานคณะสืบสวน ระบุเขาเชื่อมั่นว่านายลูโกวอยและคอฟตุน ลอบใส่โพโลเนียม-210 ในกาน้ำชา ณ ไพน์บาร์ของโรงแรมมิลเลนเนียม สถานที่ที่ทั้งสองนัดพบกับนายลิตวิเนนโกในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2006
“ปฏิบัติการของ FSB ในการสังหารลิตวิเนนโก บางทีอาจได้รับความเห็นชอบจากนาย (นิโคไล) ปาตรูเชฟและอาจรวมไปถึงประธานาธิบดีปูตินด้วย” รายงานระบุ ทั้งนี้นายปาตรูเชฟ คืออดีตผู้อำนวยการสำนักงาน FSB หน่วยสืบราชการลับรัสเซียที่เปลี่ยนชื่อมาจาก เคจีบี ในยุคสมัยโซเวียต และเป็นหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงมาตั้งแต่ปี 2008
โพโลเนียม-210 คือไอโซโทปกัมมันตรังสีหายากและมักพบใกล้โรงงานนิวเคลียร์เท่านั้น ขณะที่รายงานผลการสืบสวนระบุนี่อาจชี้ว่าลูโกวอยและคอฟตุน อาจลงมือในนามหน่วยงานรัฐไม่ใช่ดำเนินการภายใต้องค์กรอาชญากรรม ด้วยผู้พิพากษาบอกว่าไม่พบหลักฐานบ่งชี้ว่าทั้งคู่มีเหตุผลส่วนตัวใดๆที่จะสังหารนายวิตวิเนนโก และพวกเขาน่าจะลงมือภายใต้คำสั่งของ FSB
ไม่นานหลังเผยแพร่รายงานต่อสาธารณะ ตำรวจนครบาลลอนดอนออกถ้อยแถลงย้ำว่าพวกเขายังต้องการตัวทั้งคู่ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน “เป้าหมายของเราคือนำตัวพวกเขาขึ้นศาลอาญา”
ลิตวิเนนโก อดีตสายลับเคจีบี ผันตัวมาเป็นนักสืบอิสระและเคยทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองอังกฤษ ขณะที่เขาออกถ้อยแถลงก่อนตายเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2006 กล่าวหาปูตินว่าเป็นคนสั่งฆ่าเขา
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000007465