สวัสดีค่าา ชาวพันทิป ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนคะว่า พื้นฐานภาษาอังกฤษเราไม่ได้หรูอะไรมาก ไม่เคยเรียนภาษา เรียนโรงเรียนของรัฐบาลในต่างจังหวัด ส่วนช่วงมหาวิทยาลัยก่อนจะมีใช้อ่านบ้างแต่ด้านการฟังนี่เรียกได้ว่าน้อยมากคะ
ในส่วนของการสอบ toeic เราเคยไปสอบ toeic มาหลายรอบแล้ว part ฟังไม่เคยจะได้เกิน 300 สักที ซึ่งพอดี๊ พอดีว่า มีความจำเป็นต้องใช้คะแนน toeic โดยมีเวลาจำกัดแค่อาทิตย์เดียว !! ขุ่นพระ ซึ่งพอลองมาคิดดูแล้วเราคิดว่า part ฟังถ้าฝึกทุกวันน่าจะ up ขึ้น เราก็เลยให้น้ำหนักการอ่านมาที่ part ฟังมากกว่าคะ
เราจึงได้ลองหาเทคนิคเพื่อเพิ่มคะแนนส่วนนี้ทั้งจากใน พันทิป และ ประสบการณ์ตัวเอง ซึ่งผลที่ได้ไม่น่าเชื่ออออ ได้ดีกว่าเดิมมากๆ เราเลยอยากจะแชร์เทคนิคที่ได้ลองกับตัวแล้วมัน work เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับคนอื่นๆบ้างก็ยังดีคะ
จะขออธิบายเทคนิค part ฟังในแต่ละส่วนนะคะ โดย Toeic part ฟังจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนคะ
Part 1: photograph ส่วนนี้จะง่ายที่สุด โจทย์จะมีรูปภาพมาให้ และให้เลือกช้อยว่า ข้อไหนอธิบาย ความหมายภาพได้ดีที่สุด part นี้ไม่มีอะไรมากก็ดูว่า ใคร ทำอะไร ตอนฟังข้อไหนไม่ใช่ก็ตัดทิ้งไปก่อนเลยแล้วก็ เน้นฟัง verb ของช้อยไว้อ่าคะบางทีพูดเร็วๆฟังไม่ทันก็ลองฟัง verb อาจจะพอตัดช้อยได้อีกหรือบางทีก็ได้คำตอบเลย
Part 2: Question-Response ส่วนนี้จะเป็นการถาม-ตอบ คือพยายามฟังให้เข้าใจว่าเค้าจะถามอะไร โดยทริคคือเน้นฟังที่คำขี้นต้นว่าถามว่าอะไรกับ tense ของคำถามคะ เช่นพวก what,where,why ก็ตอบให้ตรงกับที่เค้าถามแบบนี้จะง่ายหน่อยหรือถ้าอีกแบบคือ คำถามที่ต้องตอบ yes/no ก็พวกคำถามที่ขึ้นด้วย Do,Dose ประมาณนี้คะ แล้วก็ tense ของคำถาม คำตอบก็ควรจะ tense ให้สอดคล้องกับคำถาม จากเทคนิคก็จะสามารถตัดช้อยได้ส่วนนึงในกรณีที่ฟังไม่ทันคะ
Part 3: Conversations ส่วนนี้นี้จะเป็นการฟัง 2 บุคคลโต้ตอบกันคะ และจะมีคำถามมาให้ในข้อสอบเลย ส่วนนี้เริ่มแรกคือ อ่านคำถามคร่าวๆว่าเค้าถามอะไรแล้วก็เน้นไว้ว่าเค้าถามอันนี้นะ พอเค้าเริ่มเปิดเทป ก็ตั้งใจฟังอย่างเดียวคะ สมาธิจดจ่อที่การฟัง ไม่ต้องจดจ่อกับคำถาม ถ้าเราสามารถฟังให้เข้าใจได้พอมาอ่านช้อยจะพบว่า เราจะตัดช้อยไปได้เกือบหมดถ้าเราเข้าใจ ตอนที่เราฟังนะหลับตาเลยอ่า 555 ฟังอย่างเดียวไม่วอกแวก มือก็จดไปด้วยพวกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่นเวลา,ที่ตั้ง อะไรที่เฉพาะมากๆก็จดอ่าคะ พอฟังจบค่อยมาอ่านคำถามแล้วตอบรวดเดียวจากที่ฟัง
*** ก่อนหน้านี้คือเราลองทำ part 3,4 แล้วมัวแต่กังวล จะหาคำตอบจากคำถามปรากฎว่าหลุดคะ ฟังไม่ทันทั้งหมดเสียคะแนนไปเลย ฉะนั้นอย่าไม่กังวลกับคำถามมากคะ ฟังให้เข้าใจแล้วค่อยตอบทีเดียว work กว่า ***
Part 4: Short Talks ส่วนนี้น้ำจะเยอะนิดนึงจะเป็นคนอ่านคนเดียวคะ เช่น โฆษณา,พยากรณ์อากาศ, การถกกันในห้องประชุม ทริคส่วนนี้คล้าย part 3 คะเราว่าส่วนนี้โอเคนะ แบบมันใช้เวลาอ่านนานที่สุดทำให้เราพอจับใจความได้ว่ามันคืออะไร ตอนฟังก็จินตนาการไปด้วยว่าเออ มันน่าจะอยู่ที่ไหน เค้าต้องการอะไร ประมาณนี้คะ
ส่วนใน 1 อาทิตย์เราให้เวลากับการฟังคือ จะทำข้อสอบ part ฟังทุกวัน โดยฟังจาก
http://www.english-test.net/ โดยทำตามเทคนิคข้างบนแล้วก็ปริ้นกระดาษคำตอบแบบฝนๆมาลองฝนจริงๆ เพื่อทำให้ชินอ่าคะ เราแนะนำว่าเริ่มแรก ลอง test ดูก่อนก็ได้คะว่าเราได้คะแนนส่วนไหนจาก part ฟังน้อยที่สุดแล้วก็ทำส่วนนั้นให้มากหน่อย แล้วก็ลองเอาเทคนิคไปปรับใช้ดูที่เหมาะกับตัวเอง เราเชื่อว่าคะแนนต้องเพิ่มขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย แต่ต้องทำทุกวันนะคะ ให้เราชินหู 2 วันก่อนสอบเราก็ลองทำ Oxford ที่อ่าคะมันจะใกล้เคียง toeic ที่สุด
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อยนะคะ อ่อลืมบอกคะ ตอนแรก part ฟังเราได้ประมาณ 250 คะพอลองทำวิธีนี้ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 385 เรียกได้ว่าช็อกมาก อาจจะไม่เยอะมากสำหรับคนอื่นแต่สำหรับเรานี่อึ้งละอ่า ไม่เคยได้เยอะเท่านี้ ลองดูนะคะ ไม่ยากเกินความพยายาม สู้ๆคะ
แชร์เทคนิค Toeic part ฟังให้ได้ 350up ภายใน 1 อาทิตย์
ในส่วนของการสอบ toeic เราเคยไปสอบ toeic มาหลายรอบแล้ว part ฟังไม่เคยจะได้เกิน 300 สักที ซึ่งพอดี๊ พอดีว่า มีความจำเป็นต้องใช้คะแนน toeic โดยมีเวลาจำกัดแค่อาทิตย์เดียว !! ขุ่นพระ ซึ่งพอลองมาคิดดูแล้วเราคิดว่า part ฟังถ้าฝึกทุกวันน่าจะ up ขึ้น เราก็เลยให้น้ำหนักการอ่านมาที่ part ฟังมากกว่าคะ
เราจึงได้ลองหาเทคนิคเพื่อเพิ่มคะแนนส่วนนี้ทั้งจากใน พันทิป และ ประสบการณ์ตัวเอง ซึ่งผลที่ได้ไม่น่าเชื่ออออ ได้ดีกว่าเดิมมากๆ เราเลยอยากจะแชร์เทคนิคที่ได้ลองกับตัวแล้วมัน work เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับคนอื่นๆบ้างก็ยังดีคะ
จะขออธิบายเทคนิค part ฟังในแต่ละส่วนนะคะ โดย Toeic part ฟังจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนคะ
Part 1: photograph ส่วนนี้จะง่ายที่สุด โจทย์จะมีรูปภาพมาให้ และให้เลือกช้อยว่า ข้อไหนอธิบาย ความหมายภาพได้ดีที่สุด part นี้ไม่มีอะไรมากก็ดูว่า ใคร ทำอะไร ตอนฟังข้อไหนไม่ใช่ก็ตัดทิ้งไปก่อนเลยแล้วก็ เน้นฟัง verb ของช้อยไว้อ่าคะบางทีพูดเร็วๆฟังไม่ทันก็ลองฟัง verb อาจจะพอตัดช้อยได้อีกหรือบางทีก็ได้คำตอบเลย
Part 2: Question-Response ส่วนนี้จะเป็นการถาม-ตอบ คือพยายามฟังให้เข้าใจว่าเค้าจะถามอะไร โดยทริคคือเน้นฟังที่คำขี้นต้นว่าถามว่าอะไรกับ tense ของคำถามคะ เช่นพวก what,where,why ก็ตอบให้ตรงกับที่เค้าถามแบบนี้จะง่ายหน่อยหรือถ้าอีกแบบคือ คำถามที่ต้องตอบ yes/no ก็พวกคำถามที่ขึ้นด้วย Do,Dose ประมาณนี้คะ แล้วก็ tense ของคำถาม คำตอบก็ควรจะ tense ให้สอดคล้องกับคำถาม จากเทคนิคก็จะสามารถตัดช้อยได้ส่วนนึงในกรณีที่ฟังไม่ทันคะ
Part 3: Conversations ส่วนนี้นี้จะเป็นการฟัง 2 บุคคลโต้ตอบกันคะ และจะมีคำถามมาให้ในข้อสอบเลย ส่วนนี้เริ่มแรกคือ อ่านคำถามคร่าวๆว่าเค้าถามอะไรแล้วก็เน้นไว้ว่าเค้าถามอันนี้นะ พอเค้าเริ่มเปิดเทป ก็ตั้งใจฟังอย่างเดียวคะ สมาธิจดจ่อที่การฟัง ไม่ต้องจดจ่อกับคำถาม ถ้าเราสามารถฟังให้เข้าใจได้พอมาอ่านช้อยจะพบว่า เราจะตัดช้อยไปได้เกือบหมดถ้าเราเข้าใจ ตอนที่เราฟังนะหลับตาเลยอ่า 555 ฟังอย่างเดียวไม่วอกแวก มือก็จดไปด้วยพวกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่นเวลา,ที่ตั้ง อะไรที่เฉพาะมากๆก็จดอ่าคะ พอฟังจบค่อยมาอ่านคำถามแล้วตอบรวดเดียวจากที่ฟัง
*** ก่อนหน้านี้คือเราลองทำ part 3,4 แล้วมัวแต่กังวล จะหาคำตอบจากคำถามปรากฎว่าหลุดคะ ฟังไม่ทันทั้งหมดเสียคะแนนไปเลย ฉะนั้นอย่าไม่กังวลกับคำถามมากคะ ฟังให้เข้าใจแล้วค่อยตอบทีเดียว work กว่า ***
Part 4: Short Talks ส่วนนี้น้ำจะเยอะนิดนึงจะเป็นคนอ่านคนเดียวคะ เช่น โฆษณา,พยากรณ์อากาศ, การถกกันในห้องประชุม ทริคส่วนนี้คล้าย part 3 คะเราว่าส่วนนี้โอเคนะ แบบมันใช้เวลาอ่านนานที่สุดทำให้เราพอจับใจความได้ว่ามันคืออะไร ตอนฟังก็จินตนาการไปด้วยว่าเออ มันน่าจะอยู่ที่ไหน เค้าต้องการอะไร ประมาณนี้คะ
ส่วนใน 1 อาทิตย์เราให้เวลากับการฟังคือ จะทำข้อสอบ part ฟังทุกวัน โดยฟังจาก http://www.english-test.net/ โดยทำตามเทคนิคข้างบนแล้วก็ปริ้นกระดาษคำตอบแบบฝนๆมาลองฝนจริงๆ เพื่อทำให้ชินอ่าคะ เราแนะนำว่าเริ่มแรก ลอง test ดูก่อนก็ได้คะว่าเราได้คะแนนส่วนไหนจาก part ฟังน้อยที่สุดแล้วก็ทำส่วนนั้นให้มากหน่อย แล้วก็ลองเอาเทคนิคไปปรับใช้ดูที่เหมาะกับตัวเอง เราเชื่อว่าคะแนนต้องเพิ่มขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย แต่ต้องทำทุกวันนะคะ ให้เราชินหู 2 วันก่อนสอบเราก็ลองทำ Oxford ที่อ่าคะมันจะใกล้เคียง toeic ที่สุด
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อยนะคะ อ่อลืมบอกคะ ตอนแรก part ฟังเราได้ประมาณ 250 คะพอลองทำวิธีนี้ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 385 เรียกได้ว่าช็อกมาก อาจจะไม่เยอะมากสำหรับคนอื่นแต่สำหรับเรานี่อึ้งละอ่า ไม่เคยได้เยอะเท่านี้ ลองดูนะคะ ไม่ยากเกินความพยายาม สู้ๆคะ