สวัสดีทุกคนวันนี้เราจะมาเล่าเกี่ยวชีวิตความเป็นอยู่ของเราที่ กุ้ยหลิน ประเทศจีน ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 เดือน
คือเอาจริงๆที่อยากมาเล่ามาแชร์เพราะว่าก่อนจะตัดสินใจไปพยามหาข้อมูลเกี่ยวกับกุ้ยหลินอย่างที่สุดในทุกสารทิศ ทุกช่องทาง คือมันแทบจะไม่มีอะไรที่เราอยากรู้เลย เช่นบ้านเมืองเป็นอย่างไร มีห้างไหม เจริญไหม มีแต่ป่าเขาหรือเปล่า ที่นั่นหนาวไหม หนาวแค่ไหน คนที่นั่นแต่งตัวกันประมานไหนก็พยาม ไล่ดูจาก #guilin ตาม IG twitter facebook ก็ไม่ค่อยมีอะไร แล้วก็ไม่มีใครให้ถาม เอาจริงคนถามก็มี แต่คืออยากเห็นเป็นรูปภาพ(สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น(รูป)โน๊ะ) เลยเป็นที่มาของกระทู้เพื่อประกอบการตัดสินใจของใครหลายๆคนที่กำลัง ลังเลใจว่าไปดีไหม บอกก่อนว่าภาษาจีนเราอยู่ที่เลเวล 0.3 และภาษาอังกฤษก็พอเอาตัวรอดไม่ได้เก่งอะไรเลย
เอาหล่ะเราไปเริ่มกันเลย
ปล.เราไม่เคยเขียนกระทู้ ซุ่มอ่านอย่างเดียว ฉะนั้นสกิลการเขียนเท่ากับศูนย์รวมถึงการสะกดภาษาไทย 555
ปล.2 รูปภาพบางภาพมาจากมือถือซึ่งกากมาก(iphone4s) บางภาพมาจากกล้องเราที่เพื่อนถ่าย(nikonD3200) คิคิ
ปล.3 อาจมีภาพที่ติดหน้าเรา เพื่อนร่วมโครงการ อาจารย์ ขออนุญาตทุกท่านตรงนี้แล้วกันนะ (คือเราหวังดีเว่ย เราอยากแชร์สิ่งดีดี)
ปล.4 กระทู้นี้เรายืมล็อคอินเพื่อนมานะ
เริ่มเถอะ !!!!!
Part1 ไปได้ไงอ่ะ ?
ที่เราไปคือโครงการหนึ่งของมหาลัย บอกชื่อได้ไหม ไม่รู้ เอาเป็นว่ามหาลัยย่านเขาดินที่นศ.ใส่เสื้อแขนสั้น นั่งเรียนอยู่อยู่ดีดีอาจารย์ประจำวิชาก็บอกว่ารออีกแปปนึงเดี่ยวจะมีอาจารย์จากหลักสูตรท่องเที่ยวมาแนะแนวเกี่ยวกับโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยน เราก็เอ่อออออ อยากไปๆ เลยรอฟัง (ลืมบอกเราเรียนธุรกิจการโรงแรม) พออาจารย์มาก็เล่าๆ นู่นนี่ พอบอกราคาก็กับระยะเวลาก็แอบตกใจเล็กน้อยแต่ก็นะ ประสบการณ์ที่ได้มันต้องคุ้มค่าสิ ไปอยู่ต่างประเทศมันต้องแพงอย่างนี้ปกติแหละ เลยลองบอกแม่ดู บอกไปแล้วก็ตุ้มๆต่อมๆ แม่จะว่ายังไงน้า แต่แล้วก็..............”ไปเลยลูกดีนะแม่ว่า ลูกจะได้ฝึกภาษาทั้งจีน ทั้งอังกฤษ ไปได้แม่โอเค”
ความรู้สึกตอนนั้นคือแบบ เฮ้ยยยแม่ น่าร๊อคเอ๊าะ ด่านต่อไปคือพ่อ ก็ไปบอกพ่อ พ่อก็ ”ก็ไปสิ แต่ไปแค่เดือนเดียวมันจะได้อะไร อยากจะไปเที่ยวมากกว่ามั้ง” สรุปทั้งสองคน say yes วางมัดจำ ดำเนินการทุกสิ่ง
Part2 แล้วไปเรียนที่ไหนอะไรยังไง หื๊อ ?
มหาวิทยาที่เราไปเป็นมหาลัยการท่องเที่ยวที่เน้นสอนแต่สายงานบริการล้วนๆ เช่น การโรงแรม การบิน การท่องเที่ยว การบบริการบนรถไฟฟ้าความเร็วสูง(เพิ่งรู้ว่าต้องมีด้วย) เรือสำราญ แต่ก็มีรู้จักเพื่อนที่เรียนเอกอังกฤษ เอกภาษาไทย และน่าจะมีเอกอื่นๆอีกมากมาย ส่วนตัวคิดว่าเน้นสอนที่สายบริการ แต่ก็มีให้เลือกอีกหลายสาขา
ทางเข้ามหาลัย
เป็นโรงแรมที่ใช้เรียน (อลังการมากกกกกกก) เหมือนยกโรงแรม 5 ดาวมาไว้ในมหาลัย มีห้องพักมากมายหลายแบบ ห้องจัดเลี้ยง ห้องอาหาร บาร์ จริงจังมาก เห็นแล้วอยากเรียน
โมเดลรถไฟความเร็วสูง เป็นโมเดลที่เข้าไปอยู่ไปนั่งได้จริง อลังการอีกแล้วคุณผู้ชม
ไม่มีรูปแบบที่ไม่มีคน อดเห็นห้องม็อคอัพเลย แต่ก็คล้ายๆที่ไทยในหลายๆมหาลัยแหละ แต่ที่นี่นางจะมีด่านเหมือน ต.ม. เหมือนเวลาเราออกนอกประเทศจริงๆจำลองไว้ด้วย แสกนกระเป๋า แสกนร่างกายกันสุดฤทธิ์
อาจารย์สอนภาษาไทยที่จีนแอบบอกมาว่าถ้ามาเรียนที่จบไปแล้วจะได้ทำสายการบินของจีนแน่นอน จริงเท็จอย่างไรเรามิอาจรู้ แต่ได้ยินแล้วก็ “ขนลุกเลยค่ะ” เบาๆ (อยากเรียน)
เรือสำราญ กับท่องเที่ยวไม่ได้ถ่ายรูปมาขออภัยจริงๆ น้องผิดไปแล้ว
คลาสเรียนก็จะมีด้วยกันทั้งหมด 4 คลาสไม่รวมวัฒนธรรมจีนก็แบ่งเป็น ฟัง พูด อ่าน เขียน เหมือนเรียนที่ไทย จะเรียนเฉพาะผู้ที่ร่วมโครงการไปด้วยกัน ในห้องก็มีอยู่ 17 ชีวิต ชิวๆ
คุณครูใส่ใจนักเรียนมาก
วัฒนธรรมจีนที่ได้เรียนก็มี
Chinese Knotting (ยากมากปวดหัว)
ได้ประมาณนี้
Pottering (ปั้นดิน)
ของเราเอง สวยหล่ะสิ
อันนี้เมื่อเผาเสร็จลงสีเสร็จ ขั้นตอนการเผากับลงสีเราไม่รู้เลย เพราะเค้าเป็นคนทำให้ เราแค่ไปปั้นไว้แล้วรอรับช่วงใกล้ๆจะกลับ แอบผิดหวังกับสีเล็กน้อย คิดว่าจะเป็นสีที่ได้เห็นตัวอย่าง
Calligraphy (เขียนตัวจีน) ยากมากกกกเกร็งมือสุดๆ
และสุดท้าย Folk Song (ร้องเพลงจีน)
เพลงที่ร้องคุณครูบอกฮิตมากในจีน ถ้าจะมีชาวต่างชาติมาเรียนร้องเพลง ต้องร้องเพลงนี้กันทุกคนไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกันนางบอก 555555555555 ยิ่งไปนั่งเรียนจะยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมฮิตจัง ร้องยากสุดอะไรสุด
Part 3 เราใช้ชีวิตยังไงมีเพื่อนคบไหม ห๊ะ ?
วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของนักเรียนแลกเปลี่ยนช่างดีมากเหลือเกินเมื่อเทียบกับนักเรียนจีน ห้องนึงนอน 2 คน ทุกอย่างมี2อย่าง เตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ(ที่เราและรูมเมทเปลี่ยนเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง) โต๊ะเล็กๆหัวเตียง โดยรวมคือดีมาก ดีกว่าที่เราคิดไว้มากๆ และในห้องยังมี ฮีตเตอร์ที่หน้าร้อนสามารถเปลี่ยนเป็นแอร์ได้ และเครื่องทำน้ำร้อนน้ำเย็นพร้อมน้ำดื่ม อีกอย่างที่อึ่งมากคือมีเราเตอร์ wi-fi ให้ในห้องเลย หอพักแยกหญิง แยกชาย นะจ๊ะ มีอาอี๋เฝ้าตลอดเวลา ปิดหอประมาน 5 ทุ่ม มีอะไรก็ลงมาเรียกอาอี๋ เอ่อนึกขึ้นได้ ไท่กั๋วหลิวเซียเชิง มีเครื่องซักผ้าให้ใช้ด้วย โอโห้ อลังการดาวล้านดวง
แกรๆ ถ่ายรูปให้เราหน่อย (เหมือนไม่หนาวเนอะ แต่ขอโทษเสื้อข้างในอีก 4-5 ตัวอ่ะแกร)
เตียงนอนของเราอันที่ไม่ใช่สีชมพู 555555
ผ้าเช็ดตัวขี้เกียจเอากลับ เลยพับเป็นหนอนน้อยน่ารักไว้ในตู้เสื้อผ้า
รูปนี่ถ่ายวันกลับเลยดูโล่งๆ 555
มาต่อกันที่ห้องน้ำ ใครที่คิดว่าห้องน้ำจีนน่ากลัว ไม่กล้าใช้ ไม่สะอาด หรืออะไรก็แล้วแต่
คุณคิดถูกค่ะ 55555555 แต่ก็ไม่ถูกเลยสะทีเดียว ห้องน้ำที่หอพักจะเป็นแบบนั่งยองแบบราบ มีประตู คือหารูปไม่เจอเซ็งมาก คิดภาพตามนะ ห้องพัก 2 ห้องจะใช้ห้องน้ำด้วยกันเท่ากับมีคนใช้ห้องน้ำห้องนี้ 4 คน ห้องน้ำจะเป็นห้องใหญ่ๆ แล้วมีห้องย่อยๆอีก 3 ห้องโดยแบ่งเป็นห้องอาบ 1 ห้อง ละก็ห้องขับถ่าย 2 ห้อง มีซึ้ง 4 อัน กระจกบานใหญ่ๆ อาการศก็ถ่ายเทตลอดเพราะค่อนข้างโปร่ง เวลาอาบน้ำหรือถ่ายก็จะหนาวๆหน่อย
ถ้าจะใช้น้ำร้อนต้องใช้บัตรเงินสดแตะ น้ำร้อนถึงจะออกมา โดยรวมของหอพักถือว่าโอเคนะ
ของกินหล่ะ !!!
ในมหาลัยจะมีแหล่งรวมของกินทั้งหมดรวมอยู่ด้วยกัน เค้าเรียกอะไรไม่รู้แต่ความรู้สึกเรามันเป็นซอยๆ เหมือนสยาม ก็เรียกสยามมาตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ในสยามจะมีทุกอย่าง ร้านอาหาร ร้านขายของชำ(ที่ราคาไม่เท่ากันจะซื้ออะไรต้องเดินเช็ค) ร้านตัดผม ร้านชา ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายขนม ร้านขายซูชิ ร้านขายขนมปัง กิ๊ฟท์ช็อบ ธนาคาร ร้านโทรศัพท์ โรงอาหาร(ของมหาลัย) ร้านขายผลไม้ ออกแนวตลาดเลย ที่แปลกที่สุดคือร้านเหล้า คิคิคิคิคิคิคิ ทุกๆอย่างจะมีหลายร้านมาก เดินกินเกือบทุกร้าน
คือเราเป็นคนกินง่ายๆ อะไรก็กินได้ถ้าไม่เผ็ด ละคิดว่าจีนคงไม่กินเผ็ด คงอยู่ได้สบาย ก่อนมาพ่อเตรียมมาม่ากระป๋องไว้ให้ 2 ลังใหญ่ๆ แต่คือแบบกระเป๋าเต็มเอามาได้แค่ 10 กว่ากระป๋อง 55555555 ทุกวันนี้อีอันที่ไม่ได้เอาไปยังอยู่ๆเลย
อาหารจีนที่มหาลัยส่วนใหญ่เผ็ดนะ คือหลายๆอย่างจะเผ็ด จะใส่พริก ข้าวผัดยังใส่พริกเลยแกร และที่สำคัญน้ำมัน !!!!!!คืออาหารทุกอย่างน้ำมันมันเยอะมาก เยอะแบบ เฮ้ยยยยยยยยยยย น้ำมันเยอะไปปปปปปปปปป แต่พอผ่านไปได้สักพักก็ชินและกินได้ แรกๆก็กินไม่หมด อยู่ไปอยู่มา กินไม่พอ 55555 กลับมาอ้วนแน่ !!!!
ในมหาลัยจะมีร้านชานมอยู่ 4-5 ร้าน ตั้งอยู่ระแวกเดียวกัน ทุกร้านจะมี wi-fi ที่แรงดีไม่มีตกกับบรรดาเกมส์ และไพ่ต่างๆ ไว้ดึงลูกค้า เรานั่งทุกร้านสลับๆกัน กิจกรรมยามว่างของพวกเราคือการเล่นยูโน่ อูโน่ หรือเรียกอะไรสักอย่าง
จริงๆไม่ต้องกลัวเลยเรื่องอาหารการกิน มีให้เลือกกินหลายแบบ อาหารตามสั่งยังมี แต่ถ้าไปกินคนเดียวเราว่าแพง เคยอยากกินข้าวไข่เจียวมากๆ เลยไปสั่ง กะว่าไม่เกิน 30 บาทหรอก อยู่ไทยคือแพงแล้ว 30 บาท พอถามราคาเท่านั่นแหละ 60 บาทโอโห้ นี่ช็อคมากตกใจแรง กลืนน้ำตาแล้วหันไปตักข้าวแบบแทบหมดหม้อ(ให้ตักข้าวเองมากน้อยตามความชอบของเรา)
พูดถึงเรื่องกิจกรรมหรือการเข้าสังคม ก็เป็นเลิศ นึกถึงตอนเราอยู่ไทยแล้วมี นักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียน เราก็จะตื่นตาตื่นใจเล็กน้อย หรือบางคนก็มากกกกก
"แชร์ประสบการเรียนภาษาจีนที่กุ้ยหลิน 1 เดือน [กระทู้ช่วยประกอบการตัดสินใจ]"
คือเอาจริงๆที่อยากมาเล่ามาแชร์เพราะว่าก่อนจะตัดสินใจไปพยามหาข้อมูลเกี่ยวกับกุ้ยหลินอย่างที่สุดในทุกสารทิศ ทุกช่องทาง คือมันแทบจะไม่มีอะไรที่เราอยากรู้เลย เช่นบ้านเมืองเป็นอย่างไร มีห้างไหม เจริญไหม มีแต่ป่าเขาหรือเปล่า ที่นั่นหนาวไหม หนาวแค่ไหน คนที่นั่นแต่งตัวกันประมานไหนก็พยาม ไล่ดูจาก #guilin ตาม IG twitter facebook ก็ไม่ค่อยมีอะไร แล้วก็ไม่มีใครให้ถาม เอาจริงคนถามก็มี แต่คืออยากเห็นเป็นรูปภาพ(สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น(รูป)โน๊ะ) เลยเป็นที่มาของกระทู้เพื่อประกอบการตัดสินใจของใครหลายๆคนที่กำลัง ลังเลใจว่าไปดีไหม บอกก่อนว่าภาษาจีนเราอยู่ที่เลเวล 0.3 และภาษาอังกฤษก็พอเอาตัวรอดไม่ได้เก่งอะไรเลย
เอาหล่ะเราไปเริ่มกันเลย
ปล.เราไม่เคยเขียนกระทู้ ซุ่มอ่านอย่างเดียว ฉะนั้นสกิลการเขียนเท่ากับศูนย์รวมถึงการสะกดภาษาไทย 555
ปล.2 รูปภาพบางภาพมาจากมือถือซึ่งกากมาก(iphone4s) บางภาพมาจากกล้องเราที่เพื่อนถ่าย(nikonD3200) คิคิ
ปล.3 อาจมีภาพที่ติดหน้าเรา เพื่อนร่วมโครงการ อาจารย์ ขออนุญาตทุกท่านตรงนี้แล้วกันนะ (คือเราหวังดีเว่ย เราอยากแชร์สิ่งดีดี)
ปล.4 กระทู้นี้เรายืมล็อคอินเพื่อนมานะ
เริ่มเถอะ !!!!!
Part1 ไปได้ไงอ่ะ ?
ที่เราไปคือโครงการหนึ่งของมหาลัย บอกชื่อได้ไหม ไม่รู้ เอาเป็นว่ามหาลัยย่านเขาดินที่นศ.ใส่เสื้อแขนสั้น นั่งเรียนอยู่อยู่ดีดีอาจารย์ประจำวิชาก็บอกว่ารออีกแปปนึงเดี่ยวจะมีอาจารย์จากหลักสูตรท่องเที่ยวมาแนะแนวเกี่ยวกับโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยน เราก็เอ่อออออ อยากไปๆ เลยรอฟัง (ลืมบอกเราเรียนธุรกิจการโรงแรม) พออาจารย์มาก็เล่าๆ นู่นนี่ พอบอกราคาก็กับระยะเวลาก็แอบตกใจเล็กน้อยแต่ก็นะ ประสบการณ์ที่ได้มันต้องคุ้มค่าสิ ไปอยู่ต่างประเทศมันต้องแพงอย่างนี้ปกติแหละ เลยลองบอกแม่ดู บอกไปแล้วก็ตุ้มๆต่อมๆ แม่จะว่ายังไงน้า แต่แล้วก็..............”ไปเลยลูกดีนะแม่ว่า ลูกจะได้ฝึกภาษาทั้งจีน ทั้งอังกฤษ ไปได้แม่โอเค”
ความรู้สึกตอนนั้นคือแบบ เฮ้ยยยแม่ น่าร๊อคเอ๊าะ ด่านต่อไปคือพ่อ ก็ไปบอกพ่อ พ่อก็ ”ก็ไปสิ แต่ไปแค่เดือนเดียวมันจะได้อะไร อยากจะไปเที่ยวมากกว่ามั้ง” สรุปทั้งสองคน say yes วางมัดจำ ดำเนินการทุกสิ่ง
Part2 แล้วไปเรียนที่ไหนอะไรยังไง หื๊อ ?
มหาวิทยาที่เราไปเป็นมหาลัยการท่องเที่ยวที่เน้นสอนแต่สายงานบริการล้วนๆ เช่น การโรงแรม การบิน การท่องเที่ยว การบบริการบนรถไฟฟ้าความเร็วสูง(เพิ่งรู้ว่าต้องมีด้วย) เรือสำราญ แต่ก็มีรู้จักเพื่อนที่เรียนเอกอังกฤษ เอกภาษาไทย และน่าจะมีเอกอื่นๆอีกมากมาย ส่วนตัวคิดว่าเน้นสอนที่สายบริการ แต่ก็มีให้เลือกอีกหลายสาขา
ไม่มีรูปแบบที่ไม่มีคน อดเห็นห้องม็อคอัพเลย แต่ก็คล้ายๆที่ไทยในหลายๆมหาลัยแหละ แต่ที่นี่นางจะมีด่านเหมือน ต.ม. เหมือนเวลาเราออกนอกประเทศจริงๆจำลองไว้ด้วย แสกนกระเป๋า แสกนร่างกายกันสุดฤทธิ์
อาจารย์สอนภาษาไทยที่จีนแอบบอกมาว่าถ้ามาเรียนที่จบไปแล้วจะได้ทำสายการบินของจีนแน่นอน จริงเท็จอย่างไรเรามิอาจรู้ แต่ได้ยินแล้วก็ “ขนลุกเลยค่ะ” เบาๆ (อยากเรียน)
เรือสำราญ กับท่องเที่ยวไม่ได้ถ่ายรูปมาขออภัยจริงๆ น้องผิดไปแล้ว
คลาสเรียนก็จะมีด้วยกันทั้งหมด 4 คลาสไม่รวมวัฒนธรรมจีนก็แบ่งเป็น ฟัง พูด อ่าน เขียน เหมือนเรียนที่ไทย จะเรียนเฉพาะผู้ที่ร่วมโครงการไปด้วยกัน ในห้องก็มีอยู่ 17 ชีวิต ชิวๆ
เพลงที่ร้องคุณครูบอกฮิตมากในจีน ถ้าจะมีชาวต่างชาติมาเรียนร้องเพลง ต้องร้องเพลงนี้กันทุกคนไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกันนางบอก 555555555555 ยิ่งไปนั่งเรียนจะยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมฮิตจัง ร้องยากสุดอะไรสุด
Part 3 เราใช้ชีวิตยังไงมีเพื่อนคบไหม ห๊ะ ?
วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของนักเรียนแลกเปลี่ยนช่างดีมากเหลือเกินเมื่อเทียบกับนักเรียนจีน ห้องนึงนอน 2 คน ทุกอย่างมี2อย่าง เตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ(ที่เราและรูมเมทเปลี่ยนเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง) โต๊ะเล็กๆหัวเตียง โดยรวมคือดีมาก ดีกว่าที่เราคิดไว้มากๆ และในห้องยังมี ฮีตเตอร์ที่หน้าร้อนสามารถเปลี่ยนเป็นแอร์ได้ และเครื่องทำน้ำร้อนน้ำเย็นพร้อมน้ำดื่ม อีกอย่างที่อึ่งมากคือมีเราเตอร์ wi-fi ให้ในห้องเลย หอพักแยกหญิง แยกชาย นะจ๊ะ มีอาอี๋เฝ้าตลอดเวลา ปิดหอประมาน 5 ทุ่ม มีอะไรก็ลงมาเรียกอาอี๋ เอ่อนึกขึ้นได้ ไท่กั๋วหลิวเซียเชิง มีเครื่องซักผ้าให้ใช้ด้วย โอโห้ อลังการดาวล้านดวง
มาต่อกันที่ห้องน้ำ ใครที่คิดว่าห้องน้ำจีนน่ากลัว ไม่กล้าใช้ ไม่สะอาด หรืออะไรก็แล้วแต่
คุณคิดถูกค่ะ 55555555 แต่ก็ไม่ถูกเลยสะทีเดียว ห้องน้ำที่หอพักจะเป็นแบบนั่งยองแบบราบ มีประตู คือหารูปไม่เจอเซ็งมาก คิดภาพตามนะ ห้องพัก 2 ห้องจะใช้ห้องน้ำด้วยกันเท่ากับมีคนใช้ห้องน้ำห้องนี้ 4 คน ห้องน้ำจะเป็นห้องใหญ่ๆ แล้วมีห้องย่อยๆอีก 3 ห้องโดยแบ่งเป็นห้องอาบ 1 ห้อง ละก็ห้องขับถ่าย 2 ห้อง มีซึ้ง 4 อัน กระจกบานใหญ่ๆ อาการศก็ถ่ายเทตลอดเพราะค่อนข้างโปร่ง เวลาอาบน้ำหรือถ่ายก็จะหนาวๆหน่อย
ถ้าจะใช้น้ำร้อนต้องใช้บัตรเงินสดแตะ น้ำร้อนถึงจะออกมา โดยรวมของหอพักถือว่าโอเคนะ
ของกินหล่ะ !!!
ในมหาลัยจะมีแหล่งรวมของกินทั้งหมดรวมอยู่ด้วยกัน เค้าเรียกอะไรไม่รู้แต่ความรู้สึกเรามันเป็นซอยๆ เหมือนสยาม ก็เรียกสยามมาตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ในสยามจะมีทุกอย่าง ร้านอาหาร ร้านขายของชำ(ที่ราคาไม่เท่ากันจะซื้ออะไรต้องเดินเช็ค) ร้านตัดผม ร้านชา ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายขนม ร้านขายซูชิ ร้านขายขนมปัง กิ๊ฟท์ช็อบ ธนาคาร ร้านโทรศัพท์ โรงอาหาร(ของมหาลัย) ร้านขายผลไม้ ออกแนวตลาดเลย ที่แปลกที่สุดคือร้านเหล้า คิคิคิคิคิคิคิ ทุกๆอย่างจะมีหลายร้านมาก เดินกินเกือบทุกร้าน
คือเราเป็นคนกินง่ายๆ อะไรก็กินได้ถ้าไม่เผ็ด ละคิดว่าจีนคงไม่กินเผ็ด คงอยู่ได้สบาย ก่อนมาพ่อเตรียมมาม่ากระป๋องไว้ให้ 2 ลังใหญ่ๆ แต่คือแบบกระเป๋าเต็มเอามาได้แค่ 10 กว่ากระป๋อง 55555555 ทุกวันนี้อีอันที่ไม่ได้เอาไปยังอยู่ๆเลย
อาหารจีนที่มหาลัยส่วนใหญ่เผ็ดนะ คือหลายๆอย่างจะเผ็ด จะใส่พริก ข้าวผัดยังใส่พริกเลยแกร และที่สำคัญน้ำมัน !!!!!!คืออาหารทุกอย่างน้ำมันมันเยอะมาก เยอะแบบ เฮ้ยยยยยยยยยยย น้ำมันเยอะไปปปปปปปปปป แต่พอผ่านไปได้สักพักก็ชินและกินได้ แรกๆก็กินไม่หมด อยู่ไปอยู่มา กินไม่พอ 55555 กลับมาอ้วนแน่ !!!!
ในมหาลัยจะมีร้านชานมอยู่ 4-5 ร้าน ตั้งอยู่ระแวกเดียวกัน ทุกร้านจะมี wi-fi ที่แรงดีไม่มีตกกับบรรดาเกมส์ และไพ่ต่างๆ ไว้ดึงลูกค้า เรานั่งทุกร้านสลับๆกัน กิจกรรมยามว่างของพวกเราคือการเล่นยูโน่ อูโน่ หรือเรียกอะไรสักอย่าง
จริงๆไม่ต้องกลัวเลยเรื่องอาหารการกิน มีให้เลือกกินหลายแบบ อาหารตามสั่งยังมี แต่ถ้าไปกินคนเดียวเราว่าแพง เคยอยากกินข้าวไข่เจียวมากๆ เลยไปสั่ง กะว่าไม่เกิน 30 บาทหรอก อยู่ไทยคือแพงแล้ว 30 บาท พอถามราคาเท่านั่นแหละ 60 บาทโอโห้ นี่ช็อคมากตกใจแรง กลืนน้ำตาแล้วหันไปตักข้าวแบบแทบหมดหม้อ(ให้ตักข้าวเองมากน้อยตามความชอบของเรา)
พูดถึงเรื่องกิจกรรมหรือการเข้าสังคม ก็เป็นเลิศ นึกถึงตอนเราอยู่ไทยแล้วมี นักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียน เราก็จะตื่นตาตื่นใจเล็กน้อย หรือบางคนก็มากกกกก