Spotlight / คริสตจักร / นักข่าว



เป็นเรื่องตลกดี ที่ Spotlight เข้ามาฉายในช่วงที่นักข่าวบ้านเราโดนด่าเรื่องจรรยาบรรณแบบไม่เหลือความเป็นผู้เป็นคน

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เราต้องตบมือให้ตอนจบเบาๆ (จริงๆ อยากลุกขึ้นยืนปรบมือดังๆ แบบตอนประกาศรางวัลออสการ์ แต่เขิน) นั่งดูเครดิตทีมงานต่ออีกหลายนาที และเดินออกจากโรงด้วยความรู้สึกที่แน่นมาก รู้สึกว่าเป็นบุญชีวิตที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ได้รู้ว่ามีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นกับวงการสื่อและวงการคริสตจักร เราอ่านเรื่องนักข่าวโดนด่ามาทั้งวัน แล้วก็เคยมีชีวิตอยู่ในคริสตจักรที่เต็มไปด้วยความบ้าบอ การเมือง การปกป้องคนผิดอะไรแบบนี้อยู่หลายปี หนังเรื่องนี้ยิ้มเลยทำให้เราจุกยิ้ม

เอาเรื่องนักข่าวก่อน นี่คือเกียรติประวัติของวิชาชีพ นี่คือความสูงส่งของการทำงานข่าว และนี่คือการบอกว่า การเป็นสื่อมวลชนที่มีคุณภาพ คุณต้องทำงานหนักและใช้สมอง ในขณะที่สื่อบ้านเราโดนด่าเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ คนรับสื่อไม่รู้ไม่อยู่ในเหตุการณ์ยิ้มก็แชร์ด่า โพสต์ด่านักข่าวตามกระแสด้วยประเด็นเดิมๆ คำพูดเดิมๆ (น่าเบื่อ รกฟีดยิ้ม) คือบางทีก็ไม่ได้อินขนาดนั้นหรอก ก็ตามข่าวที่มันทำนั่นแหละ (บางทีกูก็ตาม) แต่ก็ด่าเพราะอารมณ์ขึ้นไปตามโพสต์คนอื่น คือเอาเวลามาดูหนังเรื่องนี้สัก 2-3 รอบมั้ย รักษาสมองให้อยู่ในร่องในรอยหน่อยมั้ย อย่าไปตามกระแสมาก มาดูว่า สื่อดีๆ สื่อที่เค้าทุ่มเท นักข่าวที่เค้าทำประโยชน์เพื่อโลกในเรื่องที่ไม่มีใครสนใจหรือเรื่องที่อันตรายต่อที่ยืนในสังคมเนี่ย เค้าคิดอะไร เค้าทำยังไง แล้วสิ่งที่ได้รับกลับมามันยิ่งใหญ่แค่ไหน ตอนจบที่มีการลิสต์รายชื่อเมืองที่มีการล่วงละเมิดทางเพศจากคริสตจักรเนี่ย เราได้ยินเสียงคนดูร้อง  ยิ้ม ชิท โห กันทั้งโรง คือเค้าทำงานหนักรอบเดียว ฟื้นฟูความเลวได้ทั้งระบบ มันยิ่งใหญ่มาก ละนี่ทำอะไรกันอยู่ จะคนรับสื่อ คนด่าสื่อ หรือนักข่าว ต้นสังกัดที่ยิ้มโดนด่า มาศึกษามาคิดอะไรพวกนี้มั้ย นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นเป็น 10 กว่าปีละเนี่ย คือจะถอยหลังเข้าคลองกันไปหมดเลยใช่มั้ย

มาถึงเรื่องคริสตจักร อเมริกามีเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ ประเทศไทยนี่ต้องบอกว่าเรื่องเงินทองเป็นหลักเลย (เรื่องละเมิดก็มั่นใจว่าต้องมี) เราเคยอยู่ในโบสถ์ไทยปัญญาอ่อน สอนให้คนคิดเหมือนๆ กัน พูดเหมือนๆ กัน ถวายเหมือนๆ กัน คนก็เชื่อก็ทำตาม อ้างว่าพระเจ้าบอกผ่านผู้นำมาใครจะกล้าขัด เดี๋ยวโดนพระเจ้าลงโทษ สุดท้ายคนตั้งโบสถ์เอาเงินไปลงการเมืองหาเสียงให้ตัวเองยิ้มหมดเกลี้ยง ทะเลาะกันใหญ่โต โบสถ์แตกกระจาย (ดูเหมือนจะลงข่าวด้วย เป็นหัวข้อเล็กๆ เบาๆ) แล้วก็ไปตั้งโบสถ์ใหม่ หมกเม็ดกันใหม่ คือเรื่องหมกเม็ดในวงการศาสนาบ้านเรานี่เยอะแยะมากมายทุกแห่งหนทุกศาสนา เอาศรัทธามาสร้างรายได้สร้างอำนาจ แล้วคนก็เชื่อ เป็นพระเป็นเจ้าแอบซั่มกับสัตว์ เป็นคริสเตียนที่ดีให้คนเทิดทูนแต่มีเมียน้อยสามคน แล้วก็ปกป้องกันให้มันอยู่ใต้พรมเพราะกลัวศาสนาเสื่อม เราเชื่อพระเจ้าแต่ไม่ศรัทธาองค์กรศาสนาใดๆ อีกต่อไปแล้ว

เราไม่รู้ว่าคนอื่นไปดูหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกยังไงคิดอะไร สะอึกมั้ยกับวงการสื่อบ้านเรา สะอึกมั้ยกับอำนาจของศาสนาที่มีผลแย่ๆ ต่อสังคม แต่เราอินมาก เราดีใจมากที่โลกมีหนังแบบนี้และคนไทยได้ดูอะไรแบบนี้ นี่คือหน้าที่ของสื่อ คือการเล่าความจริง ตีแผ่ความจริง สร้าง สะสม ปลุกปั้นสมองคนให้อยู่กับสิ่งที่ถูกต้อง นำเสนอบทบาทที่ใช่ให้กับวิชาชีพต่างๆ คือเรื่องชั่วๆ เล่าได้ แต่จุดประสงค์ถ้ามันดี มันก็จะเล่าออกมาได้ดีแบบนี้แหละ
จบ/ ฝันดี / Spotlight ดีมาก อย่าลืมไปดู
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่