Autumn in Normandy and The Loire Castles ใบไม้ร่วง ณ นอร์มังดีและปราสาทแห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์

เมื่อพูดถึงฝรั่งเศสทุกคนคงนึกถึงเมืองปารีส แต่ที่จริงแล้วฝรั่งเศสยังมีที่เที่ยวอีกมากมายสถาปัตยกรรมที่งดงามและประวัติศาสตร์อันยาวนานน่าสนใจจนอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง….

4 สหายพาขับรถลุยฝรั่งเศสตะวันตก 4 วัน 4 คืน จาก Paris สู่ Roeun - ผ่าน Honfleur -ไปยัง Caen - Mont Saint Michel – Tours – กลับถึง Paris
ตอนที่ 1 Roeun
ตอนที่ 2 Honfleur, Caen, Beuvron en Auge
ตอนที่ 3 Mont Saint Michel
ตอนที่ 4 Castle of Loire

ตอนที่ 1 Roeun

จากสุวรรณภูมิ มุ่งสู่ ท่าอากาศยานปารีส-ชาร์ล เดอ โกล ( Paris-Charles de Gaulle Airport) พวกเราไปรับรถที่จองไว้ที่สนามบินได้รถ Ranault Captur เป็นรถ compact ใหม่เอี่ยม พวงมาลัยซ้าย นั่งสบายๆ สำหรับ 4 คนด้านหลังกว้างพอใส่กระเป๋าเดินทางของพวกเราขนาด 24-26 นิ้วได้ 4 ใบ แบบพอดีๆ ควรทำประกันแบบจัดเต็มไม่ต้องขี้เหนียวนะคะจะได้ไม่เกิดปัญหาเพราะมีโอกาสมีรอยขีดข่วนบนรถหรืออุบัติเหตุใดๆ ทำให้ต้องจ่ายส่วนต่างที่อาจไม่คุ้มและปวดหัวอีกต่างหาก ขับรถขึ้นเหนือไปยังเมืองรูอ็อง ( Rouen)กันเลย ถนนที่มุ่งสู่รูอ็องขับง่ายมากๆ เราใช้ GPS ในรถ ร่วมกับ app. "Here" ซึ่ง off line ได้ในการบอกเส้นทาง ระหว่างทางเตรียมเงินค่าผ่านทางเป็นระยะๆ ไว้ด้วยนะคะ ควรเป็นแบงค์ย่อยและเหรียญ เพราะบางครั้งพนักงานก็ไม่มีเงินทอน ต้องรวบรวมเศษเงินจากสมาชิกในรถเป็นค่าผ่านทาง ราคาก็ต่างกันไปในแต่ละด่านตั้งแต่ 2-10 กว่ายูโร ระยะทาง 159 กิโลเมตร ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง หลังเชคอินเข้าโรงแรม เราก็ออกมาเดินเล่นชิวๆ ชมเมืองและโบสถ์เก็บภาพยามค่ำคืน



รูอ็อง (Rouen) ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแซน(Seine)เช่นเดียวกับ Paris เป็นเมืองในหุบเขาติดกับแม่น้ำ เป็นอดีตเมืองหลวงของนอร์ม็องดี (Normandy)ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ในปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของนอร์ม็องดีตอนเหนือ เดิมรูอ็องเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมั่งคั่งที่สุดของยุคกลาง ที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานที่รับผิดชอบในการเก็บภาษีของนอร์มองดีในยุคกลาง และเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์แองโกล-นอร์มันที่ปกครองทั้งอังกฤษและบริเวณส่วนใหญ่ของฝรั่งเศสระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 11 ถึง 15 รูอ็องเป็นเมืองที่โจนออฟ ถูกเผาทั้งเป็นในปี ค.ศ. 1431

อากาศสบายๆ เดินเล่นเย็นๆ ใจ แล้วกลับไปนอนเตรียมลุยต่อพรุ่งนี้เลย

วันที่สอง จากโรงแรมสามารถเดินเที่ยวชมเมืองได้ เดินไปตามถนนเส้นหลัก Rue de la Republique ผ่านโบสถ์แรกทางขวามือ St-Maclou Church

ลักษณะโบสถ์คงความมีเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมแบบกอธิค (Gothic) สไตล์ Flamboyant สร้างขึ้นระหว่างปี คศ. 1437 และ 1517. กรอบประตูทางเข้าเป็นแบบเรเนซองส์


ส่วนทางซ้ายมือใจกลางเมืองเก่าจะพบ Cathedral Norte-Dame de Rouen

เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดใน Roeun และเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมโกธิค (Gothic) ที่สมบรูณ์ที่สุดของฝรั่งเศสเลยทีเดียว สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 แต่เสร็จสมบูรณ์ในศตวรรษที่ 16 และถูกทำลายไปมากในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ยังคงความงาม เมื่อเทียบกับ Norte-Dame Paris ที่นี่ดูยิ่งใหญ่มากมาก

ยอดตรงกลางทำจากเหล็กสูงถึง 151 เมตรช่วยทำให้ Norte-Dame de Rouen เด่นเป็นสง่าจากระยะไกล




ภายในมีกระจกหลากสีแสดงเรื่องราวของพระเยซู บางมุมจะมีรูปปั้นของนักบุญต่างๆ


เดินตรงไปตามถนนเส้นหลัก จะพบโบสถ์ Saint Quen


เป็นที่ที่ตัดสินประหารชีวิตของนักบุญโจนออฟอาคส์ ที่เรารู้จักกันดี ในศตวรรษ ที่ 13 เนื่องจากถูกทรยศและถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดเมื่ออายุเพียงแค่ 21 ปีเท่านั้น นักบุญโจนออฟอาคส์ เป็นผู้ที่เห็นนิมิตของพระเยซูคริสต์ และนำชาวฝรั่งเศสต่อสู้กับอังกฤษ จนสามารถสถาปนาพระเจ้าหลุยส์


เรื่องของ โจน ออฟ อาคส์ (Joan of Arc) เป็นเรื่องจริงที่ไม่ใช่นิยายปรัมปรา เมื่อราวๆปลายสมัยกลาง เกิดสงครามร้อยปีระหว่างฝรั่งเศสและอังกฤษ ต่างฝ่ายต่างได้เปรียบ เสียเปรียบผลัดกันเรื่อยมา แต่ในช่วงปลายสมัยกลาง กองทัพอังกฤษตีรุกเข้ามายึดเมืองต่างๆทางตอนเหนือของฝรั่งเศสได้มาก และวันหนึ่ง หญิงสาวชาวฝรั่งเศสอายุเพียงแค่ 19 ปีก็ได้ตื่นขึ้นมาจากผวังเพราะได้ยินเสียงจากพระเจ้าให้ไปช่วยปลดปล่อยเมืองต่างๆของฝรั่งเศส ในสมัยก่อนไม่ปรากฏว่ามีอิสตรีเป็นทหารทำการสู้รบ ดังนั้น เจน ออฟ อาร์ท ก็เลยต้องตัดผมสั้น แต่งชุดเกราะออกศึกเหมือนชายทั่วไป โจน ออฟ อาร์ท สามารถกอบกู้เมืองต่างๆของฝรั่งเศสคืนจากอังกฤษได้มาก เหลือเมืองเดียวก็คือเมือง Rouen นี่แหละ ฝ่ายคริสตศาสนาเห็นว่าการกระทำของโจน ออฟ อาร์ท ผิดหลักศาสนา แอบอ้างพระเจ้า ปลอมตัวเป็นชาย เป็นแม่มดปีศาจ เป็นเรื่องเศร้าที่โจน ออฟ อาร์ทถูกจับเผาทั้งเป็นที่เมืองแห่งนี้


เดินข้ามไปอีกฟากหนึ่งของถนนหลักไปยัง โบสถ์โจนออฟอาคส์ Jeanne de Arc Church

สร้างขึ้นมาภายหลัง โดยหลังคาโบสถ์เป็นรูปทรงของหมวกทหารโบราณของฝรั่งเศส

นักบุญ โจนออฟอาคส์ ถูกนำมาประหารชีวิต โดยการเผาทั้งเป็นตรงนี้เลย ปัจจุบันเป็นตลาดสดและโบสถ์


ส่วนพิพิธภัณฑ์ประวัติของ Jeanne D’Arc ก็ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามโบสถ์นั่นเอง ที่มีเสาธงอยู่ข้างหน้านะคะ

เสียดายที่พิพิธภัณฑ์ปิดในวันที่ไปเที่ยวเลยไม่มีโอกาสเข้าไปชม

เดินย้อนกลับมายัง Big Clock tower หรือ Gros Horloge

หอนาฬิการูปแบบเรอเนสซอง สังเกตว่ามีเข็มเดียว เป็นนาฬิกาดาราศาสตร์ในสมัยศตวรรษที่ 14 เป็นหนึ่งในนาฬิกาเครื่องกลที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศสที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1389. ในยุคเรเนซองส์

แสดงให้เห็นถึง ดวงอาทิตย์สีทอง 24 รังสี บนพื้นหลังสีฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว หน้าปัดมี เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 เมตร เปลี่ยนเป็นกลไกไฟฟ้าในปี ค.ศ. 1920 และได้รับการบูรณะในปี 1997


ผ่านไปดูที่ทำการศาล Palias de Justice อยู่กลางเมืองเลย

สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Gothic ถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมทางด้าน civil ที่สำคัญและสวยที่สุด ตั้งแต่ปลายยุคกลางเป็นต้นมา เป็นที่หนึ่งที่รอดจากการทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเยอรมันยกทัพขึ้นที่ Normande เพื่อเข้าตีฝรั่งเศส


บ้านไม้มีอยู่ทั่วเมือง ดูแล้วเหมือนอยู่ในเมืองเทพนิยาย

มาฝรั่งเศสทั้งทีอดไม่ได้ต้องเข้าร้านขนมชิมมาการองซักหน่อย...น่ากินมากเลยใช่ไหมค่ะ

พาชมสถานที่หลักๆของเมือง Rouen มาพอสมควร ด้วยเวลาที่จำกัดทำให้ไม่สามารถไปได้ครบ ต้องไปเมืองอื่นต่อแล้วค่ะ รอพบตอน 2 Honfleur, Caen, Beuvron-en-Auge
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่