ถ้าพูดถึงอดีตแล้วก็คงเสียดายที่เราพลาดโอกาสดีๆ ในการลงทุนกันมาไม่มากก็น้อย สำหรับผมถ้าพูดถึงซุปเปอร์สต๊อกที่สุดในดวงใจคงหนีไม่พ้นหุ้นร้านกาแฟที่ทุกท่านรู้จักกันดี ถูกต้องแล้วครับหุ้นของบริษัท Starbuck นั้นเอง ถ้านักลงทุนซื้อหุ้น Starbuck 1 ล้านบาทตั้งแต่วัน IPO ถึงวันนี้ท่านๆ จะมีเงินประมาณ 180 ล้านบาทครับ
(((((Looking Back Going Forward)))))
ถามว่าจะมีประโยชน์อะไรกับการนึกถึงโอกาสที่ผ่านไปแล้ว คำตอบของผมคือเราต้องการมองอดีตเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าครับ ผมคิดว่าสิ่งที่น่าสนใจมากกว่า 180 เด้ง ของราคาหุ้น Starbuck คือ“วิสัยทัศน์”ครับ วิสัยทัศน์แบบไหนที่จะทำให้เรามองเห็นว่าจากร้านกาแฟเล็กๆ ในรัฐซีแอทเทิล สหรัฐอเมริกา ขายกาแฟวันละหลักร้อยแก้ว ทุกวันนี้ Starbuck ขายกาแฟวันละหลักล้านแก้ว มีมากกว่าหนึ่งพันสาขาทั่วโลก ยอดขายปีที่ผ่านมาสูงถึง 19.16 พันล้านเหรียญหรือ 7 แสนล้านบาท เทียบเท่ากับ 5% ของ GDP ประเทศไทยกันเลยทีเดียว
แน่นอนอาจจะมีหุ้นตัวอื่นที่เติบโตมากกว่า Starbuck แต่สิ่งที่ผมเลือกหุ้นตัวนี้มาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะผมเองก็ขอสารภาพและยอมรับว่าวิสัยทัศน์ของผม ณ เวลานั้นก็มองไม่ออกว่าบริษัทจะมาไกลขนาดนี้ แถมยังแอบคิดด้วยว่ามันคือฟองสบู่ที่รอวันแตก วันแรกที่ผมรู้จักสตาร์บัคคือตอนที่ไปเที่ยวอเมริกาและที่สนามบิน LAX ใน San Francisco มีร้านกาแฟร้านหนึ่ง มีคนทั้งท้องถิ่นและต่างชาติต่อคิวกันซื้อยาวเยียด เพื่อนร่วมทัวร์ที่ไปด้วยกันก็ตื่นเต้นเข้าไปรวมวงซื้อมาแก้วสองแก้วทำให้ผมมีโอกาสลิ้มรสชาติและรู้จักกาแฟชื่อ Starbuck ผ่านไปไม่กี่ปีร้านกาแฟเจ้านี้ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในบ้านเราและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในไทยไปอย่างไม่รู้ตัว รวมไปถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลก
วิสัยทัศน์ที่ดีทำให้เรามองเห็นโอกาสในอนาคตได้มากกว่าคนอื่น วิเคราะห์ได้ว่าความฝันนั้นมีโอกาสเป็นจริงเท่าไร ไม่มองโอกาสในแง่บวกหรือลบจนเกินไป ผมเชื่อว่าทุกวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า มีบริษัทขนาดกลางและเล็กที่กำลังเติบโตและเปลี่ยนแปลงอุตสหกรรมเก่าๆ ให้ดีขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างโอกาสมากมายมหาศาลที่น่าตื่นเต้นและท้าทายสำหรับการลงทุน ถึงแม้ผมจะพลาดโอกาสการลงทุนในซูปเปอร์สต๊อกอย่าง Starbuck ไป แต่ด้านดีคือมันเป็นสิ่งเตือนใจผมตลอดเวลาให้ผมมองหาบริษัทที่มีศักยภาพและจะเติบโตได้ไม่น้อยหน้าไปกว่า Starbuck
ความคิดข้างต้นคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมและทีมงานออกกองทุนตัวหนึ่งชื่อว่า Maybank Ultimate Global Growth ซึ่งจะเน้นในการเฟ้นหาหุ้นจำนวน 20 ถึง 30 ตัว ทั่วทั้งโลกที่มีศักยภาพในการเติบโตแบบซูปเปอร์สต๊อกและจะปฏิรูปอุตสหกรรมแบบดั้งเดิมไปอย่างมหาศาล เช่น บริษัทรถยนต์พลังงานสะอาดอย่าง Tesla ที่กำลังเขย่าวงการรถยนตร์โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำให้รถไฟฟ้าวิ่งได้ด้วยความเร็ว 100 กม. ต่อ ชม. ภายใน 3 วินาที อีกทั้งยังวิ่งได้ 300 กม. ด้วยการชาร์จไฟแค่ 30 นาทีเร็วกว่าชาร์จมือถือในปัจจุบันซะอีก เมื่อปี 2015 บริษัทขายรถได้ 50,000 คัน ในขณะที่ทั้งโลกขายได้รถ 72 ล้านคัน คิดเป็น 0.07% เท่านั้น ตอนนี้บริษัท Tesla มีรถแค่หนึ่งรุ่นเท่านั้น ราคา 8 หมื่นเหรียญสหรัฐ และมีดีลเลอร์ในเอเชียไม่ถึง 30 ดีลเลอร์ทั้งที่ตลาดเอเชียเป็นตลาดรถที่ใหญ่ที่สุดในโลก หากมองกันถึงศักยภาพของสินค้าและการเติบโตที่ทางบริษัทตั้งไว้ว่าจะโตอีก 10 เท่า หรือ 5 แสนคันภายใน 4 ปีข้างหน้าคงจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้ยาก หรือบริษัทเครื่องมือทางการแพทย์ด้านการวิเคราะห์ลำดับ DNA อย่าง Illumina ซึ่งเครื่องมีชนิดนี้ทำให้เกิดการคิดค้นยาแบบเฉพาะบุคคลหรือ Personalized medicine ขึ้นมา เพราะแต่ละคนมีการตอบสนองต่อยาในระดับ DNA ที่แตกต่างกัน ลองจินตนาการดูซิครับอุตสาหกรรมการแพทย์และเภสัชจากนี้ไปจะเปลี่ยนแปลงไปมากมายขนาดไหน รวมไปถึงการตรวจสุขภาพในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็คงต้องมีการตรวจลำดับ DNA เพิ่มเติ่มมาจากการตรวจเลือดที่เราคุ้นเคยกัน เครื่องมือตัวนี้จะมีความจำเป็นในโรงพยาบาลต่างๆ ไม่ต่างจากเครื่องเอ็กซเรย์ที่เราเห็นกันในโรงพยาบาลทั่วไป
หุ้นสองตัวที่กล่าวมาผมเชื่อว่ามีศักยภาพเติบโตได้ไม่น้อยหน้าไปกว่า Starbuck และมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของกองทุนนี้และอุตสหกรรมที่ทางกองทุนเข้าไปลงทุนยังมีอีกมากมาย ซึ่งตอนนี้เป็นช่วง IPO ของกองทุนตัวนี้ของเรา ทางเราพร้อมและยินดีที่จะตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียดของกองทุน รวมไปถึงข้อมูล ข้อสงสัยต่างๆ แก่ลูกค้า สุดท้ายนี้ผมหวังว่าบทความนี้จะทำให้ท่านผู้อ่านรับรู้ถึงความตั้งใจและ Passion ของเราที่ได้นำกองทุนมาเสนอและอยากส่งต่อให้แก่นักลงทุนทุกท่านได้ร่วมเติบโตไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ยิ่งใหญ่และกำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
Looking Back Going Forward - มองไปในอดีตเพื่อที่จะก้าวเดินต่อไปในอนาคต
ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการลงทุนครับ
ขอบคุณครับ
ถ้าย้อนอดีตได้อยากซื้อหุ้นตัวไหนกันครับ (ได้ทั่วโลกเลยครับ) + ขออนุญาตแนะนำกองทุนครับ
(((((Looking Back Going Forward)))))
ถามว่าจะมีประโยชน์อะไรกับการนึกถึงโอกาสที่ผ่านไปแล้ว คำตอบของผมคือเราต้องการมองอดีตเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าครับ ผมคิดว่าสิ่งที่น่าสนใจมากกว่า 180 เด้ง ของราคาหุ้น Starbuck คือ“วิสัยทัศน์”ครับ วิสัยทัศน์แบบไหนที่จะทำให้เรามองเห็นว่าจากร้านกาแฟเล็กๆ ในรัฐซีแอทเทิล สหรัฐอเมริกา ขายกาแฟวันละหลักร้อยแก้ว ทุกวันนี้ Starbuck ขายกาแฟวันละหลักล้านแก้ว มีมากกว่าหนึ่งพันสาขาทั่วโลก ยอดขายปีที่ผ่านมาสูงถึง 19.16 พันล้านเหรียญหรือ 7 แสนล้านบาท เทียบเท่ากับ 5% ของ GDP ประเทศไทยกันเลยทีเดียว
แน่นอนอาจจะมีหุ้นตัวอื่นที่เติบโตมากกว่า Starbuck แต่สิ่งที่ผมเลือกหุ้นตัวนี้มาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะผมเองก็ขอสารภาพและยอมรับว่าวิสัยทัศน์ของผม ณ เวลานั้นก็มองไม่ออกว่าบริษัทจะมาไกลขนาดนี้ แถมยังแอบคิดด้วยว่ามันคือฟองสบู่ที่รอวันแตก วันแรกที่ผมรู้จักสตาร์บัคคือตอนที่ไปเที่ยวอเมริกาและที่สนามบิน LAX ใน San Francisco มีร้านกาแฟร้านหนึ่ง มีคนทั้งท้องถิ่นและต่างชาติต่อคิวกันซื้อยาวเยียด เพื่อนร่วมทัวร์ที่ไปด้วยกันก็ตื่นเต้นเข้าไปรวมวงซื้อมาแก้วสองแก้วทำให้ผมมีโอกาสลิ้มรสชาติและรู้จักกาแฟชื่อ Starbuck ผ่านไปไม่กี่ปีร้านกาแฟเจ้านี้ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในบ้านเราและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในไทยไปอย่างไม่รู้ตัว รวมไปถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลก
วิสัยทัศน์ที่ดีทำให้เรามองเห็นโอกาสในอนาคตได้มากกว่าคนอื่น วิเคราะห์ได้ว่าความฝันนั้นมีโอกาสเป็นจริงเท่าไร ไม่มองโอกาสในแง่บวกหรือลบจนเกินไป ผมเชื่อว่าทุกวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า มีบริษัทขนาดกลางและเล็กที่กำลังเติบโตและเปลี่ยนแปลงอุตสหกรรมเก่าๆ ให้ดีขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างโอกาสมากมายมหาศาลที่น่าตื่นเต้นและท้าทายสำหรับการลงทุน ถึงแม้ผมจะพลาดโอกาสการลงทุนในซูปเปอร์สต๊อกอย่าง Starbuck ไป แต่ด้านดีคือมันเป็นสิ่งเตือนใจผมตลอดเวลาให้ผมมองหาบริษัทที่มีศักยภาพและจะเติบโตได้ไม่น้อยหน้าไปกว่า Starbuck
ความคิดข้างต้นคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมและทีมงานออกกองทุนตัวหนึ่งชื่อว่า Maybank Ultimate Global Growth ซึ่งจะเน้นในการเฟ้นหาหุ้นจำนวน 20 ถึง 30 ตัว ทั่วทั้งโลกที่มีศักยภาพในการเติบโตแบบซูปเปอร์สต๊อกและจะปฏิรูปอุตสหกรรมแบบดั้งเดิมไปอย่างมหาศาล เช่น บริษัทรถยนต์พลังงานสะอาดอย่าง Tesla ที่กำลังเขย่าวงการรถยนตร์โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำให้รถไฟฟ้าวิ่งได้ด้วยความเร็ว 100 กม. ต่อ ชม. ภายใน 3 วินาที อีกทั้งยังวิ่งได้ 300 กม. ด้วยการชาร์จไฟแค่ 30 นาทีเร็วกว่าชาร์จมือถือในปัจจุบันซะอีก เมื่อปี 2015 บริษัทขายรถได้ 50,000 คัน ในขณะที่ทั้งโลกขายได้รถ 72 ล้านคัน คิดเป็น 0.07% เท่านั้น ตอนนี้บริษัท Tesla มีรถแค่หนึ่งรุ่นเท่านั้น ราคา 8 หมื่นเหรียญสหรัฐ และมีดีลเลอร์ในเอเชียไม่ถึง 30 ดีลเลอร์ทั้งที่ตลาดเอเชียเป็นตลาดรถที่ใหญ่ที่สุดในโลก หากมองกันถึงศักยภาพของสินค้าและการเติบโตที่ทางบริษัทตั้งไว้ว่าจะโตอีก 10 เท่า หรือ 5 แสนคันภายใน 4 ปีข้างหน้าคงจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้ยาก หรือบริษัทเครื่องมือทางการแพทย์ด้านการวิเคราะห์ลำดับ DNA อย่าง Illumina ซึ่งเครื่องมีชนิดนี้ทำให้เกิดการคิดค้นยาแบบเฉพาะบุคคลหรือ Personalized medicine ขึ้นมา เพราะแต่ละคนมีการตอบสนองต่อยาในระดับ DNA ที่แตกต่างกัน ลองจินตนาการดูซิครับอุตสาหกรรมการแพทย์และเภสัชจากนี้ไปจะเปลี่ยนแปลงไปมากมายขนาดไหน รวมไปถึงการตรวจสุขภาพในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็คงต้องมีการตรวจลำดับ DNA เพิ่มเติ่มมาจากการตรวจเลือดที่เราคุ้นเคยกัน เครื่องมือตัวนี้จะมีความจำเป็นในโรงพยาบาลต่างๆ ไม่ต่างจากเครื่องเอ็กซเรย์ที่เราเห็นกันในโรงพยาบาลทั่วไป
หุ้นสองตัวที่กล่าวมาผมเชื่อว่ามีศักยภาพเติบโตได้ไม่น้อยหน้าไปกว่า Starbuck และมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของกองทุนนี้และอุตสหกรรมที่ทางกองทุนเข้าไปลงทุนยังมีอีกมากมาย ซึ่งตอนนี้เป็นช่วง IPO ของกองทุนตัวนี้ของเรา ทางเราพร้อมและยินดีที่จะตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียดของกองทุน รวมไปถึงข้อมูล ข้อสงสัยต่างๆ แก่ลูกค้า สุดท้ายนี้ผมหวังว่าบทความนี้จะทำให้ท่านผู้อ่านรับรู้ถึงความตั้งใจและ Passion ของเราที่ได้นำกองทุนมาเสนอและอยากส่งต่อให้แก่นักลงทุนทุกท่านได้ร่วมเติบโตไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ยิ่งใหญ่และกำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
Looking Back Going Forward - มองไปในอดีตเพื่อที่จะก้าวเดินต่อไปในอนาคต
ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการลงทุนครับ
ขอบคุณครับ