เหนื่อยใจกับการดูแลลูกค้าสินเชื่อบ้าน SCB First ของ SCB

เหนื่อยใจกับการดูแลลูกค้าสินเชื่อบ้าน SCB First ของ SCB (ยืมไอดีเพื่อนมาโพส)
     เนื่องจากครอบครัวผมตัดสินใจที่จะซื้อบ้านหลังหนึ่ง จึงได้พิจารณาสินเชื่อจากธนาคารต่างๆ และเมื่อพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยแล้ว จึงเลือกที่จะกู้กับ SCB (ผู้ใหญ่ของ SCB ได้ติดต่อมาโดยตรง เพื่อเสนออัตราดอกเบี้ยด้วยตัวเอง อาจเป็นเพราะสินเชื่อบ้านหลังนี้ค่อนข้างสูง > 10 mb.) และในวันนัดทำสัญญาที่โครงการฯ ผู้ใหญ่คนนั้นบอกว่าจะมาทำสัญญาด้วยตัวเอง กลับติดประชุมกะทันหัน โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า แล้วส่งเด็กมาเดินเอกสารแทน ในขณะที่จะเซ็นเอกสาร คุณพ่อก็ได้อ่านสัญญาอีกครั้ง กลับพบว่า อัตราดอกเบี้ยไม่ได้เป็นอย่างที่ตกลงกันไว้ จึงต้องรอแก้ไขเอกสารอีกรอบ นอกจากนั้น พ่อเลือกที่จะทำประกันชีวิตพร้อมกับการกู้เพื่อที่จะได้อัตราดอกเบี้ยที่ดี ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะต้องมีการตรวจสุขภาพให้เรียบร้อยก่อนที่จะเซ็นเอกสาร และทางเราได้บอกกับเด็กที่มาเดินเอกสารทุกอย่างว่า พ่อป่วยเป็นโรคเบาหวาน ทำประกันชีวิตแล้วจะได้อัตราดอกเบี้ยบ้านและทุนประกันรวมถึงระยะเวลาคุ้มครองตามที่ระบุในสัญญาหรือเปล่า(ตามที่ผู้ใหญ่ของ SCB เสนอมา) ถ้าไม่ได้จะได้เปลี่ยนให้แม่เป็นคนกู้แทน (เพราะเป็นเจ้าของกิจการร่วมกัน) แต่เด็กที่มาแทนก็ตอบว่า ได้ไม่มีปัญหาแน่นอน ได้ตามที่ระบุในสัญญาอยู่แล้ว ซึ่งไม่ได้โทรไปหารือกับทางผู้ใหญ่คนนั้น โดยที่ทางเราก็ถามย้ำหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหา เพราะถ้าเป็นอย่างที่ตกลง แสดงว่า SCB ให้เรทที่ดีที่สุด เด็กที่มาแทนก็ยืนยันคำตอบเดิมว่า “ได้”   พอระยะเวลาผ่านไปผลตรวจสุขภาพออกมาก็มีปัญหาตามมา คือ คนเป็นเบาหวานยังไงก็เสี่ยงที่จะทำประกันไม่ผ่านหรือจะต้องลดทุนประกันและระยะเวลาคุ้มครองลง ซึ่งเมื่อทางเราได้รับผลแบบนี้ รู้สึกผิดหวังและเริ่มเสียความรู้สึกกับทาง SCB อย่างมากกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้จากการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดของพนักงานที่ไม่มีความพร้อมในการให้ข้อมูลมาพบลูกค้าคนเดียวโดยไม่มีผู้ใหญ่มาคอยดูแล
     หลังจากนั้น ทางผมจึงได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังคอลเซ็นเตอร์(CC) เพื่อให้สำนักงานใหญ่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบปัญหานี้และหาข้อสรุปที่ดีแก่ลูกค้า ซึ่งทาง CC ก็ได้ดูแลและรับฟังข้อมูลเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่มีผู้ใหญ่ท่านใดติดต่อมา มีเพียงพนักงานที่ดูแลได้ไลน์มาว่า ลูกค้าจะเลือกทางเลือกไหน ระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น หรือ จะลดทุนประกันและระยะเวลาคุ้มครองลง ซึ่งถ้ายังไม่เลือก ก็จะทำการปรับอัตราดอกเบี้ยไปเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ได้ทำประกันชีวิต (อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าที่ตกลงกันไว้) เรื่องเกิดขึ้นประมาณปลายเดือนธันวาคม 2558 สุดท้ายนี้อยากให้ช่วยแนะนำทางเลือกให้ด้วย ว่าเราสามารถเปลี่ยนธนาคารได้หรือไม่ หรือมีวิธีใดบ้างเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่ผมควรต้องทำ กรุณาให้คำแนะนำด้วยครับขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่