[CR] รีวิว จาก ภูเข้ แล้ว เตร่ ไป ดอยเสมอดาว part I By Touch Your Life

รีวิว จาก ภูเข้ แล้ว เตร่ ไป ดอยเสมอดาว part I  By Touch Your Life/center]

จากในการเดินทางท่องเที่ยวในทริปที่แล้ว http://ppantip.com/topic/34282587
ยังไม่สนองความต้องการได้เพียงพอ เราจึงได้จัดทริปยอดภูเข้ โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,079 เมตรเพื่อไปตอบโจทย์
การเดินป่าในหน้าฝน การไปภูเข้นั้นสิ่งหนึ่งที่ยากมากคือการติดต่อกับ จนท ตำรวจตระเวนชายแดนที่ รร. เนื่องจากสัญญาณโทรศัพท์ไม่มี
ทำให้ติดต่อกันได้เฉพาะ จนท เค้าลงมาข้างล่างเท่านั้น โดยในทริปนี้ เรามีสมาชิกเหมือนเดิม คือ2 คนถ้วน โดยมีแผนการเดินทางในครั้งนี้คือ
วันที่ออกเดินทางคือ วันที่ 31 ส.ค.58 ไปที่อุทยานแห่งชาติขุนน่านแล้วเราจะเริ่มเดินขึ้นภูเข้ในวันที่ 1 - 3 ก.ย.58 และแล้ววันที่ 31 นั้นเราก็ได้เริ่ม
ออกเดินทางจากกรุงเทพกันตอน 6โมงเช้า  โดยระยะทาง 770 กิโลเมตร+โค้งไปโค้งมา +เจอทำถนนมาตลอดทาง +ฝนตกตั้งแต่เข้าเขตน่าน
ทำให้กว่าจะถึงอุทยานก็ปาเข้าไป 17.30น.

เราแวะเข้าห้องน้ำ+กับถามทางไป โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านสะไลไน เราขับรถเลยจากอุทยานมาได้ไม่ไกล
ก็เจอกับปากทางเข้า อยู่ตรงด่านตรวจพอดีเลย ตอนนั้นฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และมีข่าวร้ายคือ ทางขึ้นไปที่ รร.นั้นโดนน้ำเซาะ
ทางขาด เหลือเพียงช่องที่ไปได้ แต่ช่องนั้นพอดีกับรถและทางเละอีกต่างหาก เราจึงจอดรถไว้ที่ด่านแล้วให้พี่ จนท ขับรถ 4x4 มารับ
ในคืนนี้เราจะนอนกันที่ รร. กางเต็นท์ได้ตามสะดวก

รร.ที่เรานอนเมื่อคืนนี้ หลังจากตื่นเช้ามา ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เตรียมเก็บของเพื่อให้ลูกหาบแบกขึ้นไปยอดภูเข้


นี่คือลูกหาบและคนนำทางของเราในการเดินทางทริปนี้ ราวๆ 9 โมงกว่า เราเริ่มออกเดินทางกัน

ในทางเดินช่วงแรกนั้นเราจะใช้ทางเดินที่คนในหมู้บ้านไปมาหาสู่กัน เป็นทางที่เด็กต้องเดินมาเรียนหนังสือทุกวัน


สองข้างทางนั้นส่วนใหญ่จะเป็นไร่ข้าวโพดและไร่นาของชาวบ้าน ระหว่างทางเดินในตอนแรกมีน้ำตกเล็กๆด้วย

เราเดินมาได้สักหนึ่งเหนื่อย เราก็มานั่งพักกันที่โขดหิน แต่พอเห็นวิวแบบนี้ละชื่นใจ เจงๆ
ไร่นาของชาวบ้านนั้น เขียวขจีไปหมดทุกทิศทาง ดูเหมือนธรรมชาติที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้น คล้ายจะกลมกลืนกับที่นี่เป็นอย่างมาก
หลังจักพักพอหายเหนื่อยเราก็เดินทางกันต่อ ระยะทางของเรายังอีกไกลโข

เราเดินกันอย่างไม่รีบร้อนอะไรแต่สิ่งที่เราร้อนรนใจคือ พายุฝนที่กำลังจะกระหน่ำลงมาใส่เรา ทำให้เราต้องคอยหากระต๊อบ
ของชาวบ้านตามทุ่งนาไว้หลบฝน


เราเดินกันยาวและต่อเนื่อง แรกๆนั้นเราก็หลบฝนระหว่างทาง แต่หลังๆเห็นทีจะหยุดไม่ได้แล้วเนื่องจากเสียเวลากับการหลบฝน
บวกกับกระต๊อบของชาวบ้านเริ่มน้อยลง จึงจำใจที่จะต้องเดินตากฝน

เราเดินตามท่อปะปาภูเขาไปคับ ถ้าเกิดหลงก็ให้เดินตามท่อนี้กลับไปยังหมู่บ้านได้
ระหว่างทางเดินนั้นเราจะเจอธารน้ำตกตลอดทางเบยย


เดินไปได้เกือบครึ่งทางเราก็ต้องหยุดรอ เนื่องจากทางขาดจากดินถล่ม ทำให้ลูกหาบของเรา ต้องเปิดทางใหม่ให้เรา โดยการใช้ไม้ขุด
เป็นร่องให้พอสำหรับวางเท้าแล้วก็เดินเลาะหน้าผาไป ถึงตอนนี้ผมที่มีพื้นฐานกลัวความสูง มันเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง เพราะข้างล่างเป็นเหว
อีกทั้งดินที่โดนฝนตกกระหน่ำนั้นทำให้เละไปหมด ทั้งลื่นและสูง



หลังจากเดินผ่านทางที่ขาดช่วงนั้นมา ตอนนี้ที่เราเดินอยู่นั้นชาวบ้านเค้าเรียกว่าปางวัว เนื่องจากชาวบ้านจะปล่อยวัว ให้ไปหาอาหารกินบน
ภูเขา ชาวบ้านจึงมีการทำที่กั้นเพื่อจะได้ให้วัวแต่ละเจ้าของนั้นไม่ปนกัน จึงทำให้เราต้องผ่านประตูเป็นด่านๆไป

เราเดินผ่าประตูแล้วประตูเร่า สะพานแล้วสะพานเล่า ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะถึงสักที


อีกสักหนึ่งเหนื่อยใหญ่ๆเราก็มาถึงแคมป์ในคืนนี้ของเรา นอนกลางป่า + ฝนตกหนัก มาถึงก็ประมาน 4โมงกว่าๆ
เราจัดการกางเต้นท์ หุงหาอาหารกินกัน

ในวันนี้เรานอนกันเร็วมากด้วยความเหนื่อย โดยระยะทางรวมทั้งหมดในวันนี้ก็คือ 12 กิโลเมตร ขาลากกันเลยทีเดียว
ในวันรุ่งขึ้นเราจะเดินขึ้นไปพืชืตยอดภูเข้กัน


ตื่นเช้ามาทำธุระส่วนตัวเสดเรียบร้อยก็เตรียมอาหารขึ้นไปกินกันบนยอดภุเข้คับ นี่คือการอุ่นข้าวเหนียวที่เราเตรียมมาจากข้างล่าง
หลังจากเตรียมอาหารเรียบร้อยก็เดินขึ้นไปยอดภูเข้กันเลยคับ ขอบอกว่าชันมาก ปลายเท้านี่แหงนจนปวดไปหมด
ใครเดินไม่ดีละก็มีสิทธิ์ลงไปวัดพื้นกันละงานนี้



ภาพระหว่างทางเดินไป-กลับ ภูเข้


ขออธิบายเกี่ยวกับยอดภูเข้คับ เป็นหลักกั้นเขตแดนระหว่างไทย-ลาว โดยในพื้นที่ตรงนี้มีทั้งหมด 3 หลัก คือมีหลักที่ 35-37 หลักที่สูงที่สุดคือหลักที่37
หรือเค้าเรียกกันว่าภูเข้ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 2,079 เมตร เราเดินเข้าเขตลาวในบางช่วง


ในวันที่เราไปนั้นเราเจอกับพายุฝนทั้งวันทั้งคืนทำให้ฟ้าปิด คนนำทางเห็นในและสงสารเราว่าขึ้นมาไกลขนาดนี้ แต่วิว ไม่เปิดโล่ง เค้าจึงอยากจะช่วงเราโดยการทำพิธีบางอย่าง (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคับ) แต่พอทำพิธีเสดแล้วแดดออกเฉยเลย ผมกับเพื่อนมองหน้ากันอย่างงุนงง ของแบบนี้ไม่เชื่ออย่าหลบหลู่ของเค้ามีกันจิงๆ

ตอนแรกมองไม่เห็นอะไรเลย ขาวโพนไปหมด แต่เจ้าป่าเจ้าเขาก็เห็นใจเราหน่อยนึง55
เราเฝ้ารอเพื่อเก็บภาพบรรยากาศ แต่ด้วยความที่มันเป็นพายุก็ต้องทำใจคับ เราไม่เคยเสียใจที่ขึ้นมาแล้ววิวไม่เปิดโล่งหรือไม่สวย หรือมองไม่เห็นอะไรเลย
แต่สิ่งที่จะเสียใจที่สุดคือเราไม่ได้ทำใรสิ่งที่ตั้งใจและวางแผนไว้ ถึงแม้ครั้งนี้เราอาจจะไม่ได้รูปภาพสวยๆกลับไป แต่ครั้งหน้าเรากลับมาอีกแน่นอน
ระหว่างรอฟ้าเปิดก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่องคับ แต่ดูแล้วไร้วี่แวว อีกทั้งยังฝนดันจะตกอีก เราเลยตัดสินใจกลับเต้นท์เพื่อพักผ่อนกัน โดยในวันนี้ได้คุยกับพี่ลูกหาบและคนนำทางว่าเราอยากจะนั่งหน้าเต้นกินข้าว ดื่นด่ำบรรยากาศ และแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างคนเมืองกับคนท้องถิ่นที่นั่น จึงให้พี่ๆเค้าทำ Terrace ยื่นไปหน้าเต้นให้เราหน่อย พี่เค้าตอบกลับมาว่า ได้ ไม่มีปันหา



เสดแว้ว บ้านน้อยหลังงามในป่าใหญ่ บางทีเราไม่ได้ต้องการรถยนต์หรูๆ บ้านที่ใหญ่หลังโด หรือเสื้อผ้าแบรนด์เนม แต่ขอเพียงแค่ที่หลับนอนคุ้มแดดฝน
มีสายน้ำที่ใสสะอาด มีอาหารการกินที่อิ่มท้องพอประทังชีวิตไปได้ ก็เพียงพอแล้ว หลังร่วงวงสนทนากันสัพักนึงก็แยกย้ายกลับไปนอน เพราะในวันรุ่งขึ้นต้องเดินทางกลับระยะไกลมาก


เก็บของเตรียมตัวเดินกลับไปที่ รร

ระหว่างทางขากลับ วิวยังคงสวยเหมือนเดิม
ขากลับนั้นเราได้บอกกับพี่คนนำทางว่าเราจะแวะน้ำตกรางจานด้วยนะ เค้าบอกว่าทางเดินโหดมากเลยนะ อันตรายมาก เราเริ้มหวั่น แต่มาถึงขนาดนี้ ต้องลุยให้สุดดิหวะ ก็เลยเดินไปกัน ทางเดินไปน้ำตกต้องทำทางใหม่หมดเลยคับ พี่เขาบอกว่าเดิน1กิโลก็ถึงละ เราคิดในใจ เออ ไม่ไกลนี่หว่า แต่เดินไปสักพักก็ยังรู้สึกว่าเดินอยู่ในระดับเดียวกับน้ำตกอยู่เลย เริ่มสงสัยแล้วว่าทางลงจิงๆป่าวว้า ระหว่างทางมีเรื่องไม่คาดฝัน เพื่อนผมเป็นคนเดินคนสุดท้าย เกิดลื่นคับ ไถลลงมาแล้วเป็นช่วงโค้งพอดี เราหันไปเพราะได้ยินเสียงอะไรดังจัง 55 หันกลับไป ตัวเพื่อนผมลงเหวไปแล้วขานึง แต่จังหวะที่หันไปเราเอื้อมมือไปคว้าไว้ได้พอดี โอ๊ยย ตอนนั้นเครียดเลย เพราะทางที่เดินต้องใช้ไม้เซาะดินทำทางตลอด ผมหันไปคุยกับเพื่อนว่า oึงจะลงไปทางลัดหรอ555 ถ้าล่วงลงไปก็ถึงก้นน้ำตกเลยคับ มันเป็นเหวหน้าผา หลังจากขวัญเสียไปสักพักเราก็ถึงน้ำตกแล้ว

และนี่คือน้ำตกรางจานคับ เป็นน้ำตกสูง ที่ไม่มีคนเดินเข้ามานานถึง 9 ปีแล้ว เราเป็นกร็ปแรกที่เดินเข้ามา เห็นแบบนี้ก็หายเหนื่อยเลย
และแล้วเราเดินมาถึง รร.กันประมานสี่โมงกว่าๆ จ่ายตังค่าลูกหาบ พร้อมอำลาพี่ๆ จนท ที่น่ารักทุกคน
หลังจากลงมาถึงรถได้นั้นเราไม่ได้อาบน้ำมา 4 วัน ก็หาที่พักใกล้ๆแถวนั้น จึงได้เข้าไปพักที่บ่อเกลือวิว เมื่อถึงที่พักก็ไม่ต้องพูดไรมากคับ เข้าห้องน้ำให้ไว
ที่พักที่นี้บรรยากาศดีมากคับ มีวิวแม่น้ำสวยๆด้วย พนักงานต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม เลยจัดมื้อเย็นชุดใหญ่ไปเลยคับเอาเป็นว่าค่าอาหารมื้อเย็นแพงกว่าค่าห้องพักอะคับ 555


อาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ด้วย ขนมปังที่นี่นปิ้งด้วยเตาถ่านคับ ห๊อมหอม
เดี๋ยวจะมาต่อ part II ให้นะค้าบ

ฝากติดตามเพจเราด้วยนะคับ https://www.facebook.com/Touch-Your-Life-1114852641859980/
ชื่อสินค้า:   TOUCH YOUR LIFE
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่