บทความ:น้ำมันจะเหลือ 20$ จริงหรือ ??




**แม้น้ำมันจะมีข่าวร้ายท่วมตลาด
แต่ระยะสั้น มีโอกาสที่ราคาจะฟื้นตัว**

ประเด็นที่กำลังร้อนแรงตอนนี้ หนีไม่พ้นเรื่อง
ราคาน้ำมันที่ตกต่ำอย่างหนัก
ล่าสุด ราคาน้ำมัน WTI Crude Oil อยู่ที่ 29.42 $
ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี

คำถามน่าสนใจคือ
ราคาน้ำมันจะลงไปที่ 20$/บาเรล ตามกระแสข่าวหรือไม่

ซึ่งส่วนตัวผมเห็นว่า
ปัจจัยพื้นฐานของน้ำมันเปลี่ยนแปลงไปแล้วจริง
สาเหตุเพราะการมาของ shale oil
ที่ทำให้ซัพพลายน้ำมันในโลกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

ในอดีตสหรัฐเคยเป็นประเทศที่บริโภคน้ำมันมากที่สุดในโลก
แต่ผลิตน้ำมันในประเทศได้ไม่เพียงพอ
จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นปริมาณมหาศาล
เนื่องด้วยน้ำมันมีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน
และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสหรัฐและประเทศอื่นทั่วโลก
ทำให้ OPEC ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่
สามารถตั้งราคาขายได้สูง
ซึ่งทั่วโลกก็ต้องยอมซื้อ
เพราะหากไม่ซื้อ น้ำมันจะไม่พอใช้
ก่อให้เกิดความวุ่นวายทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมาก

แต่ปัจจุบัน สถานการณ์เปลี่ยนไป
เพราะ การพัฒนาของเทคโนโลยี shale oil
ที่ทำให้การผลิตน้ำมันมีต้นทุนต่ำลงเรื่อยๆ
โดยมีข้อมูลว่าปี 2015 จุดคุ้มทุนของ shale oil
ลดลงจาก 70-85$ หลือ 60$ / บาเรล และคาดว่าจะลดลงอีก
จึงเป็นเหตุให้ปริมาณน้ำมันที่ผลิตในสหรัฐพุ่งกระฉูด
สหรัฐกลายประเทศที่มีน้ำมันอุดมสมบูรณ์
พึ่งพาการนำเข้าน้อยลงเรื่อยๆ
ประกอบกับเศรษฐกิจโลกตกต่ำ
ยิ่งซ้ำเติมความต้องการน้ำมันให้ต่ำลง
เมื่อซัพพลายมากขึ้นสวนทางกับดีมานด์ที่น้อยลง
ราคาน้ำมันจึงดิ่งเหวตามกลไกตลาด

***อ่านข้อมูลจุดคุ้มทุน shale oil ได้ที่
https://www.rt.com/op-edge/325635-oil-shale-prices-saudi/
.
.
.
อย่างไรก็ตาม เพราะแม้ทุกอย่างจะชวนให้คิดว่า
ราคาน้ำมันจะดำดิ่งเหลือ 20$จริง
แต่ในระยะสั้น ราคาสินค้ากับปัจจัยพื้นฐาน
ก็ไม่ไปทางเดียวกันเสมอไป
โดยผมขอตั้งข้อสังเกตุเรื่องราคาน้ำมัน 2 ประเด็นดังนี้

(1) กลไกตลาด
กระแสเรื่องน้ำมันราคาเหลือ 20$
มีต้นตอจากบทวิเคราะห์ของ โกลด์แมนแซคส์
แต่โกลด์แมนแซคส์เป็นวาณิชธนกิจซึ่งมีส่วนได้เสียโดยตรง
เพราะสามารถ short ฟิวเจอร์
ซึ่งทำกำไรจากลดลงของราคาน้ำมันได้
ทำให้ชวนคิดว่า บทวิเคราะห์นี้
ออกโดยบริสุทธิ์ใจหรือเพื่อประโยชน์ส่วนตัวแน่
เพราะบริษัทมีประวัติทำเรื่องงามหน้าทำนองนี้มาแล้ว
ด้วยการขายตราสารที่อยู่อาศัยให้ลูกค้าตัวเอง
เพื่อสร้างแรงขายจนราคาลดลง
แล้วก็วางเดิมพันในตลาดทุนว่า ราคาตราสารนี้จะร่วง
จึงเป็นการเอาเปรียบลูกค้าเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

หากโกลด์แมนแซคส์และ hedge fund ทั้งหลาย
กักตุนสัญญา Short ไว้จริง
มันก็มีแรงจูงใจในการสร้างกระแสว่า
ราคาน้ำมันจะดำดิ่งถึง 20$
เพราะเป็นการดึงดูดให้คนมา Short ฟิวเจอร์
เพื่อรับของต่อจากโกลด์แมนและพวกอีกที
สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ
เมื่อเหล่า smartmoney ปิดสัญญา Short จนหมด
เวลานั้น ต่อให้น้ำมันท่วมโลก
ราคาก็จะไม่ลง เพราะแรงขายฟิวเจอร์น้ำมันลดลงมาก
(ล่าสุด โกลด์แมนพลิกลิ้นมาเชียร์ซื้อน้ำมันแล้ว
แสบจริงๆ บริษัทนี้ =_=)

แม้ผมไม่มีข้อมูลว่า โกลด์แมนและพวกอม short มากขนาดไหน
แต่เมื่อดูข้อมูลจำนวนสัญญาฟิวเจอร์
ของ CME NYMEX WTI Crude Oil Futures (CL) พบว่า
จำนวนสัญญา short ไม่มีจุดสูงใหม่
นัยยะคือ กลุ่ม Smartmoney
ไม่มีการเพิ่มสัญญา short ไม้หนักๆอีกแล้ว
สะท้อนว่า ระดับราคาน้ำมันต่ำขนาดนี้
ไม่จูงใจต่อการ short แล้วลุ้นยาวๆอีกต่อไป





***ดูข้อมูลปริมาณสัญญาshortฟิวเจอร์น้ำมันที่
https://goo.gl/i3pftZ

.
.
.

(2)ปริมาณน้ำมันในตลาดที่ลดลง

ปัจจุบัน ความกังวลเรื่องน้ำมันพูดถึงแต่
ข่าวที่อิหร่านจะส่งออกน้ำมันมากขึ้น
ความจริงคือ ยังไม่ชัดเจนว่า
น้ำมันที่อิหร่านจะส่งออกมีจำนวนเท่าไหร่
ทำให้ปริมาณน้ำมันโลกเพิ่มอย่างมีนัยยะสำคัญหรือไม่ ??
แต่ที่แน่ๆ มีข้อมูลที่แสดงว่า
ปริมาณน้ำมันที่ผลิตและส่งออกของโลกในปี 2016
มีโอกาสลดลง
เพียงแต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเท่านั้น

ต้นปี 2016 หน่วยงานพลังงานของสหรัฐคาดการณ์ว่า
ในปี 2016 และ 2017 ปริมาณน้ำมันที่ผลิตในสหรัฐ
จะลดลงเมื่อเทียบกับ 2015
สาเหตุจาก แม้ shale oil มีต้นทุนต่ำลง
แต่ระดับราคา 30-40 เหรียญ
ก็ทำลายความน่าสนใจในการขุดน้ำมันมาขายอย่างสิ้นเชิง
บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่จึงระงับขุดเจาะบ่อน้ำมันใหม่ๆ
เพราะขุดมาก็ขายไม่ได้ราคา
สวนทางกับปริมาณความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น
เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและ
ราคาต่ำ จึงเป็นแรงจูงใจให้คนเติมน้ำมันมากขึ้น
โดยคาดว่าปี 2016 ต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.8%
ปี 2017 ต้องการเพิ่ม 1.4 %




***ดูข้อมูลการคาดการณ์น้ำมันในอเมริกาที่
http://www.eia.gov/forecasts/steo/report/us_oil.cfm

ซึ่งเมื่อหาข่าวเกี่ยวกับน้ำมันในอินเตอร์เน็ต จะพบว่า
ปี2015 สื่อหลักอย่าง CNฺBC Bloomberg
เสนอแต่ข่าวว่า อิหร่านจะพ้นโทษแบน
ทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกมีมากขึ้น
แต่ต้นปี 2016 เริ่มมีข่าวว่า
บริษัทน้ำมันเจ็บหนักจากราคาน้ำมันตกต่ำ
จนต้องลดกำลังการผลิตลง

อีกปัจจัยหนึ่งคือความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับซาอุ
ซึ่งทวีความตึงเตรียดขึ้น
ถ้า 2 ประเทศฟัดกันจริง
อิหร่านอาจปิดช่องแคบเฮอร์มุสซเพื่อตอบโต้ซาอุ
เพราะช่องแคบดังกล่าวเป็นเส้นเลือดใหญในการขนส่งน้ำมันของกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รวมถึงซาอุด้วย
การขนส่งที่ยากลำบาก
ย่อมทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลงตาม

หากการลดลงของปริมาณน้ำมันเกิดขึ้นจริง
ก็เป็น Story ชั้นดี ที่หนุนให้ราคาน้ำมันดีดตัวในระยะสั้นได้
.
.
.

จากข้อมูลข้างต้น ความเห็นส่วนตัวผมคือ

ปี 2016 ราคาน้ำมันมีโอกาสฟื้นตัว
แต่เป็นลักษณะ Sideway Up ที่ผันผวนอย่างหนัก
ประมาณว่า เปลี่ยนแปลง บวกลบวันละ 4-5%
เพราะแรงขายจากข่าวร้ายของน้ำมัน
ต้องสู้กับแรงซื้อจากคนที่คิดว่าราคาต่ำมากแล้ว
บวกกับปริมาณสัญญา short ที่ไม่มีจุดสูงใหม่
สะท้อนว่า ความน่าสนใจ short น้อยลง
คนเริ่มสนใจการ long มากขึ้น เพราะ upside เยอะกว่า
จากประสบการณ์ผม ภาวะไม่ชัดเจนแบบนี้
เม็ดเงินที่เข้ามาในตลาดน้ำมัน
จะเป็นเม็ดเงินระยะสั้น เข้าไวออกไว
ดังนั้นหากอยากซื้อขายน้ำมันในช่วงนี้
กลยุทธ์เล่นสั้นๆ กำไรแล้วตีหัวเข้าบ้าน น่าจะปลอดภัยกว่า

ส่วนในระยะยาว
ราคาน้ำมันคงไม่สูงระดับ 100$ ต่อบาเรลขึ้นไปอีกแล้ว
สาเหตุสำคัญจากการบูมของ shale oil ในสหรัฐ
แม้ระยะสั้นบริษัทน้ำมันอาจลดกำลังผลิตลง เนื่องจากราคาตกต่ำ
ส่งผลให้ราคาดีดกลับได้บ้าง
แต่เมื่อราคาเพิ่มขึ้น จะมีบริษัทขุดมาขายมากขึ้นอยู่ดี
อีกทั้ง shale oil มีการพัฒนาเพื่อลดต้นทุนตลอดเวลา
ถึงราคาน้ำมันไม่สูงเหมือนเดิม
ก็ยังอยู่รอดได้
ดังนั้น ฐานของปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ส่งผลให้ราคาลดต่ำลง  ตามหลักของดีมานด์ซัพพลาย

อย่างไรก็ตาม บทความข้างต้น
เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น
การลงทุนมีความเสี่ยง
นักลงทุนโปรดพิจารณาอย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุน
ขอบคุณครับ
ท็อป
#เล่นหุ้นพื้นฐานผสานเทคนิค

พูดคุยกับผมได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่