สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาว Pantip ทุกคน วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์การมาเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษให้ทุกคนได้อ่านกัน
คือ มีเพื่อนๆ ทักมาถามในเฟซบุ๊คอะไรงี้หลายคน เรื่องการมาเรียนต่อที่นี่ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนอะไรอย่างงี้เท่าไหร่ เลยจะมาแชร์ประสบการณ์
เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับใครหลายๆ คน หรือเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนที่อยากเรียนต่อต่างประเทศ
โดยส่วนตัวแล้วตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะได้มา เพราะปกติพ่อแม่หวงมาก กลับบ้านช้าก็โทรตามแล้วตามอีก
แล้วอีกอย่างค่าใช้จ่ายที่นี่มันก็สูง ก่อนหน้านี้ขอไปเรียนที่ญี่ปุ่นก็ไม่ให้ไป แต่อยู่ดีๆ ก็ให้มาอังกฤษเฉยเลย ฮ่าๆ
ก็อยากจะขอบคุณพ่อกับแม่ สำหรับโอกาสดีๆ แบบนี้
ที่มอบให้กับลูกคนนี้ เงินเก็บทั้งชีวิตของพ่อกับแม่ สัญญาว่าเรียนจบแล้วจะหาเงินคืนพ่อกับแม่ T_T
เนื้อเรื่องด้านบนนี่จะเป็นการเวิ่นเว้อ ตั้งแต่ก่อนออกเดินทางมาจาถึงปัจจุบัน (ยาวมากพูดเลย)
ถ้าใครอยากอ่านบทสรุปรายเดือน และยอดค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน ข้ามไปอ่านด้านล่างได้เลยนะ
### อาจจะมีเขียนภาษาไทยผิดไปบ้าง หรืออาจจะใช้ภาษาแปลกๆ ศัพท์วัยรุ่นไปบ้าง ขออภัย
เพราะเนื้อหาบางส่วน copy มาจากที่เคยเขียนไว้ใน Facebook กลับไปตามแก้ทุกตัวอักษรก็ไม่ไหว เยอะเกิน ###
### สำหรับคนที่อ่านด้านล่างแล้วงงว่า Neko คืออะไร ทำความเข้าใจกันตรงนี้ว่า คือเราชอบแมว
แล้วเรามาอยู่ที่นี่ ชื่อเล่นเรามันความหมายแปลกๆ สำหรับฝรั่ง เขาเลยเรียกเราว่า Neko ###
จริงๆ เราตั้งใจจะเขียนตั้งแต่ตอนมาถึงที่นี่ใหม่ๆ แล้ว
แต่แล้วมันก็ล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งก็อยู่ที่นี่มาจะครบ 6 เดือนแล้ว :/ :/ :/
เข้าเรื่องเลยแล้วกัน คือ ตอนก่อนมาเนี่ยเราก็ติดต่อผ่านเอเจนซี่ชื่อดังเจ้าหนึ่ง ที่ทำคลิปสอนภาษาอังกฤษคู่กับหนุ่มอังกฤษ
(ขอไม่ระบุชื่อ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามาโฆษณา เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้ inbox มาถามนะครัช)
เราสมัครไป 3 Universities; University of Liverpool, University of Kent และ University of Lincoln แล้วก็ได้ offer มา
จากทั้ง 3 ที่ แต่ในท้ายที่สุดเราก็เลือก University of Lincoln เพราะด้วยเหตุผลในเรื่องของเวลาในการเริ่มเรียน
หลักสูตร สิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัย และที่สำคัญ U นี้ให้ทุน แล้ว U นี้ก็ให้เราเรียนปรับพื้นฐานภาษาแค่ 5 สัปดาห์
ซึ่งคำนวณดูแล้วมันประหยัดกว่าเรียนที่อื่น เราก็เลยเอาวะ เลือกที่นี่แล้วกัน
จากนั้นเราก็ทำการหาข้อมูล review ต่างๆ ของเมืองนี้ แล้วก็หาข้อมูลนักเรียนไทยที่เคยเรียนที่นี่
แต่หายากมาก ข้อมูลทั้งหมดที่เราได้มา คือ เมือง Lincoln เป็นเมืองเล็กๆ และมีความปลอดภัยมากที่สุด
เมือง Lincoln มีโบสถ์ขนาดใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เดียว ที่มี 555+
จากการส่องใน Google street view เมือง Lincoln มีร้านอาหารไทยอยู่ 3 ร้าน (ณ ตอนนั้น ตอนนี้มี 4 ร้านแล้ว)
แต่เราไม่พบข้อมูลของ นศ ไทยที่นี่เลย เราก็เลยคิดว่า เราคงจะเป็น นศ ไทยคนเดียว เราคงไม่มีเพื่อนเป็นคนไทย... T__T
University of Lincoln ตั้งอยู่ในเมือง Lincoln ซึ่งประมาณว่าเป็นอำเภอเมือง ของจังหวัด Lincolnshire
ในภูมิภาค East Midland หรือทางตอนกลาง แถบตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ อยู่ใกล้ๆ กับ Nottinghamshire และ Yorkshire
เมืองเล็กๆ ในชนบทที่คนไทยไม่รู้จัก
ด้านล่างนี่เป็นแผนที่แสดงเมือง Lincoln ว่าอยู่ตรงส่วนไหนของประเทศอังกฤษ
พอรวบรวมข้อมูล เอกสารสำคัญต่างๆ เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็ถึงวันออกเดินทาง พ่อกับแม่มาส่งเราที่สนามบิน
เราออกเดินทางตอนเวลาประมาณตี 1 กว่าๆ ของวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม 2015 คือกลัวมาก เราไม่เคยไปต่างประเทศ
ไม่เคยขึ้นเครื่องบิน ไม่เคยอยู่คนเดียว แล้วนี่เราต้องบินคนเดียวตอนกลางคืนเป็นเวลา 12 ชั่วโมง และไปอยู่คนเดียวเป็นปี
ตอนเครื่องจะ Take off นี่คือแบบ ความรู้สึกทั้งหมดมันหดหู่ คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงน้อง ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่กลับถึงบ้านรึยัง
พ่อกับแม่ต้องมาส่งเรากลางดึก ขับรถตอนกลางคืนอันตราย เราก็คิดไปต่างๆ นาๆ พอเครื่องขึ้นอยู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมา
ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากกลับบ้าน ไม่ไปแล้วได้ไหม T__T
อีก 2 คนที่นั่งข้างๆ บนเครื่องบินก็มีอาการไม่ต่างกัน พอแอร์โฮสเตรสเอาใบมาแจกให้เราเขียน
เรากับสองคนที่นั่งข้างๆ เลยมีโอกาสได้คุยกัน และก็ได้รู้ว่ามาเรียน ป.โท เหมือนกัน
1 ใน 2 คนนั้น จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เราก็ยังติดต่อกันอยู่ เป็นเพื่อนกันมาจนถึงตอนนี้
พอเครื่องลง หลังจากผ่านเข้า ตม. เสร็จ เราสามคนก็แยกย้ายกัน ของเรามีเจ้าหน้าที่จาก U มารับที่สนามบิน
เรามาถึงสนามบินตอน 7 โมงเช้า (ตามเวลาประเทศอังกฤษ) แต่รถจากทาง U ที่มารับ จะออกจากสนามบิน Heathrow
ตอนบ่าย 2 โมงเย็น เราก็เลยต้องนั่งรอที่สนามบินประมาณ 7 ชั่วโมงได้ - -
ในช่วงเวลาที่นั่งรอคนอื่นๆ เดินทางมานั้น เอเจนซี่เราก็มาหา ซื้อขนมและน้ำให้
และนั่งรอเป็นเพื่อนจนถึงเวลาออกเดินทางไป Lincoln รถออกจาก Heathrow ประมาณ บ่าย 2 โมงครึ่ง
ถึง Lincoln ประมาณ 5 โมงกว่าๆ ด้านล่างนี้เป็นสภาพห้องพัก นศ ของ University of Lincoln (หอใน)
ที่พักเป็นแบบชั้นนึงมี 2 Flats ใน 1 Flat มี 6 En-Suit rooms (ห้องนอนแบบมีห้องน้ำในตัว)
แชร์ห้องครัวร่วมกันใน Flat
คืนแรกที่ไปถึง เพื่อนๆ ต่างชาติก็มารวมกันที่ห้องครัว Flat เรา เรามีปาร์ตี้ทำอาหารกินร่วมกันและมีการเล่นเกม
กระชับความสัมพันธ์กันนิดหน่อย เพื่อนๆ ที่อยู่ตึกเดียวกับเราส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน มีญี่ปุ่น 1 คน ฮ่องกง 1 คน (ซึ่งพูดภาษาจีน)
คนไทย 3 คน (1 ในนั้นมาจากอเมริกา) ที่เหลือจีนล้วนๆ ฮ่าๆๆ ผมนี่นึกว่ามา Summer ที่จีน
ก่อนแยกย้ายกันไปนอน
เราก็นัดแนะกันว่า วันพรุ่งนี้เราจะไปเดินเล่นในเมืองกัน
เช้าวันที่สองพวกเราก็มาเจอกันที่จุดนัดพบ ออกเดินทางไปเดินเล่นรอบเมืองกัน เย่... ก่อนจะเดินไปถึงเมืองเราต้องผ่าน U ก่อน
เนื่องจากว่าหอพักในนี่อยู่ไกลโพ้นมาก ข้อมูลในเน็ตบอกว่าห่างจาก City Center 3 minutes’ walk แต่เราเดินจริงๆ
ประมาณ 10 นาที 555+ ด้านล่างนี้เป็นรูป University of Lincoln นะคะ
เดินผ่าน U ออกมาประมาณ 3 นาที เราจะได้เจอกับถนนที่เป็น City Center ของ Lincoln
หรือที่เรียกว่า High Street พวกเรามาได้แจ็คพอตมาก วันนี้ที่ High street มีงานอะไรก็ไม่รู้มีคนมาขายของเยอะมาก
และก็มีคนมาเดินเยอะมากๆ (หลังจากวันนั้นเราก็ยังไม่เจองานใหญ่แบบนั้นบน High street อีกเลย ฮ่าๆ) ข้างล่างนี่จะแปะรูปรัวๆ นะ
บรรยากาศของ High street
มีขนมสายไหมของโปรดด้วย แต่ว่าซื้อไม่ลง มาวันแรกทุกอย่างคือดูแพงไปหมด
ณ ตอนนั้น 1 ปอนด์นี่คือ 55 บาท ถ้าจำไม่ผิดสายไหมนี่ราคาประมาณ 2 ปอนด์ - -
เจ้าของหวานที่หน้าตาเหมือนไส้เดือนนี่ เขาว่ากันว่ามันเป็น Candy อร่อยไหมไม่รู้ไม่เคยลอง
หน้าตามันดูน่ากลัวมากกว่าน่ากิน และที่สำคัญ ราคามันก็น่ากลัวเช่นกัน เส้นละ 1 ปอนด์ 555+
คิดดูเส้นละ 55 บาท อ่ะแกร๊ แล้วถ้าชั้นซื้อมาแล้วมันไม่อร่อยล่ะ ใครจะรับผิดชอบ พอคิดได้แบบนี้ก็อดกินไปดิ - -
ถัดมานี่เป็นของภูมิใจนำเสนอ เพราะเคยลองกินแล้ว ฮ่าๆๆๆ วันนั้นที่เจอก็ไม่ได้ซื้อกินหรอกนะ แพงเกินไป 555+
มันคือ ฟัดจ์แสนอร่อย ซึ่งหน้าตาและรสชาติ คล้ายๆ น้ำตาลปิ๊ปบ้านเรานั่นแหละ ฮิฮิ แต่มันจะมีหลายรสชาตินะ
เราเคยลองแค่ Original นั่นละฮะท่านผู้ชม เหตุผลเดิมๆ คือ มันแพง แล้วถ้าซื้อมาแล้วไม่อร่อยล่ะ - -“
ก็เลยไม่เคยลองชิมรสแปลกๆ
อันนี้เป็นคลอง หรือว่าคูน้ำ หรือว่า ไม่รู้มันเรียกว่าอะไรอ่ะ แต่ว่ามันสวยดี มันจะมีทริปล่องเรือผ่านมาทางนี้
ราคาค่าทริป 5 ปอนด์ มีเครื่องดื่มให้ ไม่รู้มีอาหารรึป่าว ยังไม่เคยลองเคยแต่อ่านผ่านๆ ก็นั่นแหละตรงนี้มันสวย
คนที่นี่ชอบมานั่งเล่น Slow life ชิลๆ นับเป็ดนับห่านกันชิคๆ ตรงนี้
ช่วงที่เรามาเนี่ย มันจะมีรูปปั้นคน ลายแปลกๆ อยู่ทั่วเมือง มีทั้งหมด 25 ตัว ตอนหลังมารู้ว่า อ่อ ปีนี้เขามีการเฉลิมฉลอง 800 ปี
Magna Carta เราก็ไม่รู้หรอกว่าความสำคัญที่แท้จริงแล้วคืออะไร แต่เท่าที่รู้ก็คือ เหมือนกับเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย
ที่ถูกประกาศใช้ในสมัยก่อน ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับ บารอน อะไรซักอย่าง คือ เคยไปฟังประวัติแล้วลืม
เพราะตอนนั้นภาษายังไม่แข็งแรง แล้วภาษามันค่อนข้างเข้าใจยาก ถ้าหากใครสนใจเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่เว็บข้างล่างนี้นะคะ
ในนี้มีบอกด้วยว่ารูปปั้น Baron แต่ละตัว มีความเป็นมายังไง น่าสนใจดีค่ะ
http://www.lincolnbarons.com/
ด้านล่างนี้เป็นคลิปกิจกรรมต้อนรับนักศึกษาต่างชาติ 2 วันแรกที่จัดโดย English Language Center ของ University of Lincoln นะคะ
ของแถมค่ะ อาจารย์ที่เป็น Head ของ English Language Center ค่ะ
วันถัดมา.. ก็เริ่มเรียนภาษาแล้ว หมดเวลาสนุกแล้วสิ - - ห้องเรียนเป็นแบบ นศ นั่งรอบๆ ห้อง
หันหน้าเข้าสู่จุดศูนย์กลาง ทาง English Language Center จัดแบ่ง นศ ออกเป็นกลุ่มเล็กๆ กลุ่มละ 8 คน
เนื่องจาก นศ จากจีนมีเยอะมากๆ ห้องเรียนห้องนึง จึงมีคนจีนประมาณ 6-7 คน
และ นศ จากชาติอื่นๆ 1-2 คน ซึ่งนั่นล่ะค่ะ ห้องเรามีคนจีน 7 คน และมีเราเป็นต่างชาติคนเดียว
ได้บรรยากาศ Summer ที่จีนมากๆ ทุกคนคุยกันเป็นภาษาจีน ฮ่าๆ เพื่อนๆ ในคลาสเรียนน่ารักดีค่ะ แต่เขาดูกลัวๆ เรา
เวลาจะมาคุยกับเราต้องมากันเป็นกลุ่ม 2-3 คนค่ะ ไม่กล้ามาคุยตัวต่อตัว ....ทำไม T__T
ทำไมไม่คิดว่าเราก็กลัวบ้าง เราก็ไม่ได้พูดเก่ง - -
<<ยังไม่จบ ข้อความเกิน เดี๋ยวมาต่อนะ>>
ประสบการณ์เรียนต่อ ณ University of Lincoln ประเทศอังกฤษ
คือ มีเพื่อนๆ ทักมาถามในเฟซบุ๊คอะไรงี้หลายคน เรื่องการมาเรียนต่อที่นี่ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนอะไรอย่างงี้เท่าไหร่ เลยจะมาแชร์ประสบการณ์
เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับใครหลายๆ คน หรือเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนที่อยากเรียนต่อต่างประเทศ
โดยส่วนตัวแล้วตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะได้มา เพราะปกติพ่อแม่หวงมาก กลับบ้านช้าก็โทรตามแล้วตามอีก
แล้วอีกอย่างค่าใช้จ่ายที่นี่มันก็สูง ก่อนหน้านี้ขอไปเรียนที่ญี่ปุ่นก็ไม่ให้ไป แต่อยู่ดีๆ ก็ให้มาอังกฤษเฉยเลย ฮ่าๆ
ก็อยากจะขอบคุณพ่อกับแม่ สำหรับโอกาสดีๆ แบบนี้
ที่มอบให้กับลูกคนนี้ เงินเก็บทั้งชีวิตของพ่อกับแม่ สัญญาว่าเรียนจบแล้วจะหาเงินคืนพ่อกับแม่ T_T
เนื้อเรื่องด้านบนนี่จะเป็นการเวิ่นเว้อ ตั้งแต่ก่อนออกเดินทางมาจาถึงปัจจุบัน (ยาวมากพูดเลย)
ถ้าใครอยากอ่านบทสรุปรายเดือน และยอดค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน ข้ามไปอ่านด้านล่างได้เลยนะ
### อาจจะมีเขียนภาษาไทยผิดไปบ้าง หรืออาจจะใช้ภาษาแปลกๆ ศัพท์วัยรุ่นไปบ้าง ขออภัย
เพราะเนื้อหาบางส่วน copy มาจากที่เคยเขียนไว้ใน Facebook กลับไปตามแก้ทุกตัวอักษรก็ไม่ไหว เยอะเกิน ###
### สำหรับคนที่อ่านด้านล่างแล้วงงว่า Neko คืออะไร ทำความเข้าใจกันตรงนี้ว่า คือเราชอบแมว
แล้วเรามาอยู่ที่นี่ ชื่อเล่นเรามันความหมายแปลกๆ สำหรับฝรั่ง เขาเลยเรียกเราว่า Neko ###
จริงๆ เราตั้งใจจะเขียนตั้งแต่ตอนมาถึงที่นี่ใหม่ๆ แล้ว
แต่แล้วมันก็ล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งก็อยู่ที่นี่มาจะครบ 6 เดือนแล้ว :/ :/ :/
เข้าเรื่องเลยแล้วกัน คือ ตอนก่อนมาเนี่ยเราก็ติดต่อผ่านเอเจนซี่ชื่อดังเจ้าหนึ่ง ที่ทำคลิปสอนภาษาอังกฤษคู่กับหนุ่มอังกฤษ
(ขอไม่ระบุชื่อ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามาโฆษณา เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้ inbox มาถามนะครัช)
เราสมัครไป 3 Universities; University of Liverpool, University of Kent และ University of Lincoln แล้วก็ได้ offer มา
จากทั้ง 3 ที่ แต่ในท้ายที่สุดเราก็เลือก University of Lincoln เพราะด้วยเหตุผลในเรื่องของเวลาในการเริ่มเรียน
หลักสูตร สิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัย และที่สำคัญ U นี้ให้ทุน แล้ว U นี้ก็ให้เราเรียนปรับพื้นฐานภาษาแค่ 5 สัปดาห์
ซึ่งคำนวณดูแล้วมันประหยัดกว่าเรียนที่อื่น เราก็เลยเอาวะ เลือกที่นี่แล้วกัน
จากนั้นเราก็ทำการหาข้อมูล review ต่างๆ ของเมืองนี้ แล้วก็หาข้อมูลนักเรียนไทยที่เคยเรียนที่นี่
แต่หายากมาก ข้อมูลทั้งหมดที่เราได้มา คือ เมือง Lincoln เป็นเมืองเล็กๆ และมีความปลอดภัยมากที่สุด
เมือง Lincoln มีโบสถ์ขนาดใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เดียว ที่มี 555+
จากการส่องใน Google street view เมือง Lincoln มีร้านอาหารไทยอยู่ 3 ร้าน (ณ ตอนนั้น ตอนนี้มี 4 ร้านแล้ว)
แต่เราไม่พบข้อมูลของ นศ ไทยที่นี่เลย เราก็เลยคิดว่า เราคงจะเป็น นศ ไทยคนเดียว เราคงไม่มีเพื่อนเป็นคนไทย... T__T
University of Lincoln ตั้งอยู่ในเมือง Lincoln ซึ่งประมาณว่าเป็นอำเภอเมือง ของจังหวัด Lincolnshire
ในภูมิภาค East Midland หรือทางตอนกลาง แถบตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ อยู่ใกล้ๆ กับ Nottinghamshire และ Yorkshire
เมืองเล็กๆ ในชนบทที่คนไทยไม่รู้จัก
ด้านล่างนี่เป็นแผนที่แสดงเมือง Lincoln ว่าอยู่ตรงส่วนไหนของประเทศอังกฤษ
พอรวบรวมข้อมูล เอกสารสำคัญต่างๆ เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็ถึงวันออกเดินทาง พ่อกับแม่มาส่งเราที่สนามบิน
เราออกเดินทางตอนเวลาประมาณตี 1 กว่าๆ ของวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม 2015 คือกลัวมาก เราไม่เคยไปต่างประเทศ
ไม่เคยขึ้นเครื่องบิน ไม่เคยอยู่คนเดียว แล้วนี่เราต้องบินคนเดียวตอนกลางคืนเป็นเวลา 12 ชั่วโมง และไปอยู่คนเดียวเป็นปี
ตอนเครื่องจะ Take off นี่คือแบบ ความรู้สึกทั้งหมดมันหดหู่ คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงน้อง ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่กลับถึงบ้านรึยัง
พ่อกับแม่ต้องมาส่งเรากลางดึก ขับรถตอนกลางคืนอันตราย เราก็คิดไปต่างๆ นาๆ พอเครื่องขึ้นอยู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมา
ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากกลับบ้าน ไม่ไปแล้วได้ไหม T__T
อีก 2 คนที่นั่งข้างๆ บนเครื่องบินก็มีอาการไม่ต่างกัน พอแอร์โฮสเตรสเอาใบมาแจกให้เราเขียน
เรากับสองคนที่นั่งข้างๆ เลยมีโอกาสได้คุยกัน และก็ได้รู้ว่ามาเรียน ป.โท เหมือนกัน
1 ใน 2 คนนั้น จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เราก็ยังติดต่อกันอยู่ เป็นเพื่อนกันมาจนถึงตอนนี้
พอเครื่องลง หลังจากผ่านเข้า ตม. เสร็จ เราสามคนก็แยกย้ายกัน ของเรามีเจ้าหน้าที่จาก U มารับที่สนามบิน
เรามาถึงสนามบินตอน 7 โมงเช้า (ตามเวลาประเทศอังกฤษ) แต่รถจากทาง U ที่มารับ จะออกจากสนามบิน Heathrow
ตอนบ่าย 2 โมงเย็น เราก็เลยต้องนั่งรอที่สนามบินประมาณ 7 ชั่วโมงได้ - -
ในช่วงเวลาที่นั่งรอคนอื่นๆ เดินทางมานั้น เอเจนซี่เราก็มาหา ซื้อขนมและน้ำให้
และนั่งรอเป็นเพื่อนจนถึงเวลาออกเดินทางไป Lincoln รถออกจาก Heathrow ประมาณ บ่าย 2 โมงครึ่ง
ถึง Lincoln ประมาณ 5 โมงกว่าๆ ด้านล่างนี้เป็นสภาพห้องพัก นศ ของ University of Lincoln (หอใน)
ที่พักเป็นแบบชั้นนึงมี 2 Flats ใน 1 Flat มี 6 En-Suit rooms (ห้องนอนแบบมีห้องน้ำในตัว)
แชร์ห้องครัวร่วมกันใน Flat
คืนแรกที่ไปถึง เพื่อนๆ ต่างชาติก็มารวมกันที่ห้องครัว Flat เรา เรามีปาร์ตี้ทำอาหารกินร่วมกันและมีการเล่นเกม
กระชับความสัมพันธ์กันนิดหน่อย เพื่อนๆ ที่อยู่ตึกเดียวกับเราส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน มีญี่ปุ่น 1 คน ฮ่องกง 1 คน (ซึ่งพูดภาษาจีน)
คนไทย 3 คน (1 ในนั้นมาจากอเมริกา) ที่เหลือจีนล้วนๆ ฮ่าๆๆ ผมนี่นึกว่ามา Summer ที่จีน ก่อนแยกย้ายกันไปนอน
เราก็นัดแนะกันว่า วันพรุ่งนี้เราจะไปเดินเล่นในเมืองกัน
เช้าวันที่สองพวกเราก็มาเจอกันที่จุดนัดพบ ออกเดินทางไปเดินเล่นรอบเมืองกัน เย่... ก่อนจะเดินไปถึงเมืองเราต้องผ่าน U ก่อน
เนื่องจากว่าหอพักในนี่อยู่ไกลโพ้นมาก ข้อมูลในเน็ตบอกว่าห่างจาก City Center 3 minutes’ walk แต่เราเดินจริงๆ
ประมาณ 10 นาที 555+ ด้านล่างนี้เป็นรูป University of Lincoln นะคะ
เดินผ่าน U ออกมาประมาณ 3 นาที เราจะได้เจอกับถนนที่เป็น City Center ของ Lincoln
หรือที่เรียกว่า High Street พวกเรามาได้แจ็คพอตมาก วันนี้ที่ High street มีงานอะไรก็ไม่รู้มีคนมาขายของเยอะมาก
และก็มีคนมาเดินเยอะมากๆ (หลังจากวันนั้นเราก็ยังไม่เจองานใหญ่แบบนั้นบน High street อีกเลย ฮ่าๆ) ข้างล่างนี่จะแปะรูปรัวๆ นะ
บรรยากาศของ High street
มีขนมสายไหมของโปรดด้วย แต่ว่าซื้อไม่ลง มาวันแรกทุกอย่างคือดูแพงไปหมด
ณ ตอนนั้น 1 ปอนด์นี่คือ 55 บาท ถ้าจำไม่ผิดสายไหมนี่ราคาประมาณ 2 ปอนด์ - -
เจ้าของหวานที่หน้าตาเหมือนไส้เดือนนี่ เขาว่ากันว่ามันเป็น Candy อร่อยไหมไม่รู้ไม่เคยลอง
หน้าตามันดูน่ากลัวมากกว่าน่ากิน และที่สำคัญ ราคามันก็น่ากลัวเช่นกัน เส้นละ 1 ปอนด์ 555+
คิดดูเส้นละ 55 บาท อ่ะแกร๊ แล้วถ้าชั้นซื้อมาแล้วมันไม่อร่อยล่ะ ใครจะรับผิดชอบ พอคิดได้แบบนี้ก็อดกินไปดิ - -
ถัดมานี่เป็นของภูมิใจนำเสนอ เพราะเคยลองกินแล้ว ฮ่าๆๆๆ วันนั้นที่เจอก็ไม่ได้ซื้อกินหรอกนะ แพงเกินไป 555+
มันคือ ฟัดจ์แสนอร่อย ซึ่งหน้าตาและรสชาติ คล้ายๆ น้ำตาลปิ๊ปบ้านเรานั่นแหละ ฮิฮิ แต่มันจะมีหลายรสชาตินะ
เราเคยลองแค่ Original นั่นละฮะท่านผู้ชม เหตุผลเดิมๆ คือ มันแพง แล้วถ้าซื้อมาแล้วไม่อร่อยล่ะ - -“
ก็เลยไม่เคยลองชิมรสแปลกๆ
อันนี้เป็นคลอง หรือว่าคูน้ำ หรือว่า ไม่รู้มันเรียกว่าอะไรอ่ะ แต่ว่ามันสวยดี มันจะมีทริปล่องเรือผ่านมาทางนี้
ราคาค่าทริป 5 ปอนด์ มีเครื่องดื่มให้ ไม่รู้มีอาหารรึป่าว ยังไม่เคยลองเคยแต่อ่านผ่านๆ ก็นั่นแหละตรงนี้มันสวย
คนที่นี่ชอบมานั่งเล่น Slow life ชิลๆ นับเป็ดนับห่านกันชิคๆ ตรงนี้
ช่วงที่เรามาเนี่ย มันจะมีรูปปั้นคน ลายแปลกๆ อยู่ทั่วเมือง มีทั้งหมด 25 ตัว ตอนหลังมารู้ว่า อ่อ ปีนี้เขามีการเฉลิมฉลอง 800 ปี
Magna Carta เราก็ไม่รู้หรอกว่าความสำคัญที่แท้จริงแล้วคืออะไร แต่เท่าที่รู้ก็คือ เหมือนกับเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย
ที่ถูกประกาศใช้ในสมัยก่อน ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับ บารอน อะไรซักอย่าง คือ เคยไปฟังประวัติแล้วลืม
เพราะตอนนั้นภาษายังไม่แข็งแรง แล้วภาษามันค่อนข้างเข้าใจยาก ถ้าหากใครสนใจเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่เว็บข้างล่างนี้นะคะ
ในนี้มีบอกด้วยว่ารูปปั้น Baron แต่ละตัว มีความเป็นมายังไง น่าสนใจดีค่ะ
http://www.lincolnbarons.com/
ด้านล่างนี้เป็นคลิปกิจกรรมต้อนรับนักศึกษาต่างชาติ 2 วันแรกที่จัดโดย English Language Center ของ University of Lincoln นะคะ
ของแถมค่ะ อาจารย์ที่เป็น Head ของ English Language Center ค่ะ
วันถัดมา.. ก็เริ่มเรียนภาษาแล้ว หมดเวลาสนุกแล้วสิ - - ห้องเรียนเป็นแบบ นศ นั่งรอบๆ ห้อง
หันหน้าเข้าสู่จุดศูนย์กลาง ทาง English Language Center จัดแบ่ง นศ ออกเป็นกลุ่มเล็กๆ กลุ่มละ 8 คน
เนื่องจาก นศ จากจีนมีเยอะมากๆ ห้องเรียนห้องนึง จึงมีคนจีนประมาณ 6-7 คน
และ นศ จากชาติอื่นๆ 1-2 คน ซึ่งนั่นล่ะค่ะ ห้องเรามีคนจีน 7 คน และมีเราเป็นต่างชาติคนเดียว
ได้บรรยากาศ Summer ที่จีนมากๆ ทุกคนคุยกันเป็นภาษาจีน ฮ่าๆ เพื่อนๆ ในคลาสเรียนน่ารักดีค่ะ แต่เขาดูกลัวๆ เรา
เวลาจะมาคุยกับเราต้องมากันเป็นกลุ่ม 2-3 คนค่ะ ไม่กล้ามาคุยตัวต่อตัว ....ทำไม T__T
ทำไมไม่คิดว่าเราก็กลัวบ้าง เราก็ไม่ได้พูดเก่ง - -
<<ยังไม่จบ ข้อความเกิน เดี๋ยวมาต่อนะ>>