ช่วงปีที่ผ่านมา ชีวิตเราจัดว่าดิ่งสุดๆเลยค่ะ อะไรที่เคยคิดว่าดิ่งมาก่อนหน้านี้ ยังเทียบไม่ได้กับปีที่ผ่านมาเลย
เริ่มปีด้วยการเลิกรากับแฟนที่เตรียมเรื่องหมั้นหมายกันแล้ว ไปจนถึงพบรักใหม่ แต่เค้ายังลืมแฟนเก่าไม่ได้ ต่อด้วยเรื่องที่ใหญ่ที่สุดจริงๆคือ เสียคุณพ่อไปค่ะ
เป็นช่วงที่ยากสำหรับครอบครัวมากๆ เพราะคุณพ่อเป็นที่รักมาก และยิ่งเราเป็นลูกสาวที่สนิทกับคุณพ่อที่สุด หัวใจมันสลายไปแล้วค่ะ
ก่อนหน้าคุณพ่อเสีย 2-3 วัน เพิ่งตกลงคบกับเพื่อนที่เคยทำงานด้วยกันไป อยากลองเปิดใจดูอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าเค้าจะกลายเป็นฝันร้ายในชีวิต
ในขณะที่เราคร่ำครวญเรื่องคุณพ่อ เค้ากลับเอาเวลาไปหาผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอด พอจับได้เพราะผู้หญิงมาเปิดตัว รับปากว่าเลิกแล้ว แต่สุดท้ายก็โกหกทั้งสองฝ่าย เรื่องคาราคาซังอยู่ 2 เดือนกว่าๆ และไม่ว่ากี่ครั้งที่เราทะเลาะกัน ทุกๆครั้งจะเป็นความผิดของเราเสมอ เราแบกรับความผิดที่ไม่ได้ก่อจนเหนื่อยมากๆ เพราะแม้แต่เรื่องที่เค้านอกใจเรา เค้าก็โทษว่าเป็นความผิดของเราเช่นกัน
เค้าด่าเราหยาบๆคายๆ ทั้งเวลาโมโห และไม่โมโห ไล่เราทุกครั้งที่โมโห ตี 3-4 เค้าก็ไม่ได้แคร์อะไรเราเลย พูดกับเพื่อนเค้าแต่เราด้านไม่ดี และบอกให้เราสำนึกบุญคุณที่เค้ายังรักเรา ทั้งๆที่เราไม่มีอะไรดีเลย นักธุรกิจอย่างเค้ากลับมาเลือกเรา เราควรขอบคุณเค้า ...
มันหลายอย่างมากๆจริงๆค่ะ รู้สึกกดดัน รู้สึกไม่ได้รับการให้เกียรติอย่างที่สมควรได้รับ เราเคยตัดสินใจบอกเลิกเค้าไปครั้งนึง แต่กลับทำใจไม่ได้เสียเอง สุดท้ายก็กลับมาคบกันต่อ
ทุกวันนี้รอเวลาเลิกอย่างเดียวค่ะ พร้อมเมื่อไหร่ก็จะไป การที่เค้าไม่ให้เกียรติเรามันแย่แล้ว แต่การไม่ให้เกียรติแม้แต่การเสียชีวิตของพ่อเรานับว่าแย่ยิ่งกว่า หรือการที่เค้าด่าเพื่อนเราให้เราฟัง ... ทุกๆอย่างมันไม่ใช่เลย
มันทำให้เราคิดว่า เราอยากหนีไป หนีไปจากคนๆนี้ สถานการณ์นี้ ช่วงจังหวะชีวิตแบบนี้ ... เพราะเค้าไม่ใช่คนที่คุยแล้วรู้เรื่องค่ะ เราพยายามมากกี่ครั้ง ก็เป็นการเพิ่มความผิดให้ตัวเองเท่านั้น
ช่วงที่จับได้ว่าเค้ามีคนอื่น ได้แต่นอนร้องไห้คิดถึงพ่อแทบทุกคืนอยู่เป็นเดือน และต้องร้องไห้กับตัวเอง เพราะเค้าไม่ให้เราร้อง แต่กลับให้ผู้หญิงอีกคนร้องได้ ...
เหนื่อยค่ะ อยากหนีไปไหนสักที่ สัก 1 เดือนก็ยังดี ให้เค้าตามหาเราไม่เจอ ให้เค้าด่าทอสาดสีเราให้เพื่อนเค้าฟังแค่ไหนก็ได้ แต่ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้วจริงๆค่ะ ... มีใครเคยเป็นอย่างนี้ แล้วสุดท้ายได้หนีจริงๆ หรือเปลี่ยนความคิดอย่างไรบ้างมั้ยคะ? เรารู้ว่าการหนีไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่บางครั้ง ก็อยากให้เวลาตัวเองจริงๆจังๆค่ะ
เคยรู้สึกอยากหนีไปไหนไกลๆมั้ยคะ?
เริ่มปีด้วยการเลิกรากับแฟนที่เตรียมเรื่องหมั้นหมายกันแล้ว ไปจนถึงพบรักใหม่ แต่เค้ายังลืมแฟนเก่าไม่ได้ ต่อด้วยเรื่องที่ใหญ่ที่สุดจริงๆคือ เสียคุณพ่อไปค่ะ
เป็นช่วงที่ยากสำหรับครอบครัวมากๆ เพราะคุณพ่อเป็นที่รักมาก และยิ่งเราเป็นลูกสาวที่สนิทกับคุณพ่อที่สุด หัวใจมันสลายไปแล้วค่ะ
ก่อนหน้าคุณพ่อเสีย 2-3 วัน เพิ่งตกลงคบกับเพื่อนที่เคยทำงานด้วยกันไป อยากลองเปิดใจดูอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าเค้าจะกลายเป็นฝันร้ายในชีวิต
ในขณะที่เราคร่ำครวญเรื่องคุณพ่อ เค้ากลับเอาเวลาไปหาผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอด พอจับได้เพราะผู้หญิงมาเปิดตัว รับปากว่าเลิกแล้ว แต่สุดท้ายก็โกหกทั้งสองฝ่าย เรื่องคาราคาซังอยู่ 2 เดือนกว่าๆ และไม่ว่ากี่ครั้งที่เราทะเลาะกัน ทุกๆครั้งจะเป็นความผิดของเราเสมอ เราแบกรับความผิดที่ไม่ได้ก่อจนเหนื่อยมากๆ เพราะแม้แต่เรื่องที่เค้านอกใจเรา เค้าก็โทษว่าเป็นความผิดของเราเช่นกัน
เค้าด่าเราหยาบๆคายๆ ทั้งเวลาโมโห และไม่โมโห ไล่เราทุกครั้งที่โมโห ตี 3-4 เค้าก็ไม่ได้แคร์อะไรเราเลย พูดกับเพื่อนเค้าแต่เราด้านไม่ดี และบอกให้เราสำนึกบุญคุณที่เค้ายังรักเรา ทั้งๆที่เราไม่มีอะไรดีเลย นักธุรกิจอย่างเค้ากลับมาเลือกเรา เราควรขอบคุณเค้า ...
มันหลายอย่างมากๆจริงๆค่ะ รู้สึกกดดัน รู้สึกไม่ได้รับการให้เกียรติอย่างที่สมควรได้รับ เราเคยตัดสินใจบอกเลิกเค้าไปครั้งนึง แต่กลับทำใจไม่ได้เสียเอง สุดท้ายก็กลับมาคบกันต่อ
ทุกวันนี้รอเวลาเลิกอย่างเดียวค่ะ พร้อมเมื่อไหร่ก็จะไป การที่เค้าไม่ให้เกียรติเรามันแย่แล้ว แต่การไม่ให้เกียรติแม้แต่การเสียชีวิตของพ่อเรานับว่าแย่ยิ่งกว่า หรือการที่เค้าด่าเพื่อนเราให้เราฟัง ... ทุกๆอย่างมันไม่ใช่เลย
มันทำให้เราคิดว่า เราอยากหนีไป หนีไปจากคนๆนี้ สถานการณ์นี้ ช่วงจังหวะชีวิตแบบนี้ ... เพราะเค้าไม่ใช่คนที่คุยแล้วรู้เรื่องค่ะ เราพยายามมากกี่ครั้ง ก็เป็นการเพิ่มความผิดให้ตัวเองเท่านั้น
ช่วงที่จับได้ว่าเค้ามีคนอื่น ได้แต่นอนร้องไห้คิดถึงพ่อแทบทุกคืนอยู่เป็นเดือน และต้องร้องไห้กับตัวเอง เพราะเค้าไม่ให้เราร้อง แต่กลับให้ผู้หญิงอีกคนร้องได้ ...
เหนื่อยค่ะ อยากหนีไปไหนสักที่ สัก 1 เดือนก็ยังดี ให้เค้าตามหาเราไม่เจอ ให้เค้าด่าทอสาดสีเราให้เพื่อนเค้าฟังแค่ไหนก็ได้ แต่ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้วจริงๆค่ะ ... มีใครเคยเป็นอย่างนี้ แล้วสุดท้ายได้หนีจริงๆ หรือเปลี่ยนความคิดอย่างไรบ้างมั้ยคะ? เรารู้ว่าการหนีไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่บางครั้ง ก็อยากให้เวลาตัวเองจริงๆจังๆค่ะ