สวัสดีค่ะ
ความเดิมตอนที่แล้วค่ะ
http://ppantip.com/topic/33945193
มาจนถึงวันนี้เคลียร์กันเรียบร้อย เค้าขอโอกาส กลับตัวกลับใจ เปลี่ยนแปลงตัวเอง และอยากสร้างอนาคตกับเรา
และเราให้อภัย มาเริ่มต้นกันใหม่
แต่ที่อยากเล่าคือ หลังจากวันนั้นที่เรารู้ว่าเรื่องวัน และสถานที่นัด ที่เหลืออีก 1 อาทิตย์เหมือนกับนับเคาท์ดาวน์ เราฟูมฟาย ไปหาแม่ ไปหาเพื่อน คร่ำครวญ ไหว้พระ ขอให้เรามีความเข้มแข็งที่เจอกับวิกฤต และต้องผ่านมันไปให้ได้ หลังจากตั้งสติได้ เราทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ไม่เห็นอะไร ทำดีกับเค้าเหมือนเดิม ทำข้าวเช้าให้ ทำข้าวเย็นให้ ออกไปทำงาน เหมือนไม่มีอะไรเลย เรามีติดต่อนักสืบว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง คอนเซปงานคือ ตาม+ถ่ายรูป ไปทำอะไร ไปที่ไหน พักตรงไหน ห้องอะไร แล้วเราจะตามไปเอง สรุปคือนักสืบทำข้อสุดท้ายให้ไม่ได้ค่ะ เนื่องจากพี่ๆ เค้าเป็นตำรวจรับจ๊อบนอก สามารถตามได้อย่างเดียว เราเลยเก็บไว้ก่อน เผื่อเป็นทางเลือก
ระหว่างนี้เราก็เอามือถือเครื่องเก่า มาชาร์ตแบทให้เต็ม แล้วอัดเสียงทิ้งไว้ที่บ้าน เผื่อจะได้หลักฐาน เช้าเราออกไปทำงานปกติ บ่ายเราเข้าบ้าน (ทั้งเราและสามีเป็นเซลล์ ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ)
สามีชวนไปไหนก็ไป ไม่หือไม่อืออะไร พวกรุ่นน้องที่เจอกันก็เริ่มทักเรา ว่าเราเป็นอะไร ทำไมโทรมมาก ซึ่งตลอดเวลาที่น้องๆ ทัก สามีไม่สนใจเราเลยค่ะ เราก็ตอบแต่ว่า เราไม่สบาย
เชื่อไม๊คะ เราแทบไม่ได้นอน ไม่ได้นอนจริงๆ มีวูบไปบ้าน 20-30 นาที แล้วก็ตื่น ตื่นมาก็มองสามี
นี่หรือคนที่เรารักมา 11 ปี
นี่หรือคนที่เรารู้จักมา 11 ปี
ไม่เป็นไรค่ะ เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน ความรักของเรามันหมดอายุ เราคิดแค่นี้ เราเอาคลิปเสียงที่เราอัดไว้มาฟัง แค่คล้อยหลังเราขับรถออกจากบ้าน เค้าก็โทรรายงานตัวกัค่ะ
อี๋อ๋อกันสารพัด ตอนแรกเราคิดว่า ทางนั้นไม่น่าจะรู้ว่าสามีเราแต่งงานแล้ว เพราะหลังจากนั้น ผู้หญิงมีโทรเข้ามาตอนกลางวัน คือดูโทรแบบไม่เป็นเวล่ำ เวลา อยากโทรก็โทรเหมือนโทรหาแฟน เราคิดว่าถ้าเค้ารู้ เค้าน่าจะต้องเตี๊ยมเวลากันมากกว่า
วันนึงโชคเข้าข้างค่ะ เรากับสามีออกไปข้างนอกด้วยกันมีโทรศัพท์เข้ามา แล้วเค้าพูดตัดบท ว่าไม่สะดวกคุยแล้วกดวางไปเลย เรารู้ทันทีแล้วค่ะว่าทางนั้นโทรมา แล้วบังเอิญรถที่นั่งมา มากัน 3 คน ระหว่างทางเรากับน้องอีกคนจะลงไปซื้อของ เลยให้เค้าเฝ้ารถไป
ใช่ค่ะ เราเอาโทรศัพท์ตั้งอัดเสียงทิ้งไว้ในรถ ข้อความที่เรามาฟังหลังจากนั้นคือ
เค้าอธิบายกับทางนู้น ว่าตอนนี้อยู่ร.พ.พาเรามาหาหมอ จำเป็นต้องพามา เพราะเราเรียกให้เค้าไป ตอนนี้คบกับเราแค่เพราะเราไม่มีใคร เราอยู่ตัวคนเดียว ถ้าวันนี้ไม่มีเราเค้าก็ไม่รู้สึกอะไร
ระหว่างที่ฟังบทสนทนานี้ เราแอบเอาสมอลทอล์คเข้าห้องน้ำ แล้วกดฟัง ไม่ร้องไห้เลยด้วย ในใจมีแต่แค้น อยากเอามือถือไปเขวี้ยงหน้า อยากโทรไปด่าทางนั้น ว่าคันมากหรอคะน้อง รู้ทั้งรู้ว่าเค้ามีเมียก็ยังจะเอา
แต่ไม่ค่ะ เราต้องเข้มแข็งไว้ ตีนิ่ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อไป
เราเอามือถือตั้งอัดเสียงไว้ที่บ้านทุกวัน เพราะช่วงนั้นสามีไม่ออกไปไหนคงตั้งใจจะเก็บเงินไว้ไปหาสาวเต็มที่
มีวันนึง เพื่อนเค้ามาบ้าน เค้าก็เล่าให้เพื่อนฟัง น้ำเสียงร่าเริงมาก ว่าเนี่ย จะไปหาสาวงี้งั้นโง้นนะ เพื่อนก็เตือน
ว่าคุ้มหรอ ไม่คุ้มมั้ง ทางเรารู้หรือยัง เค้าก็บอกด้วยความมั่นใจค่ะ ว่าไม่รู้แน่นอน เพราะเราไม่เคยเชคอะไรเค้าเลย
((ค่ะ สามีเชื่อแบบนั้นต่อไปนะคะ))
ผ่านมาจนถึงวันนัด วันสุดท้ายของการรอคอย เช้าวันนั้นเกิดไรไม่รู้ จู่ๆ เค้าบอกว่าเค้าไม่ไปแล้ว ให้เพื่อนเค้าไปกันเหอะ
((คือสามีอ้าง ว่าเพื่อนที่ทำงานเก่า ชวนไปตจว.ด้วยกัน)) เราก็เฉย ไม่พูดอะไรยิ้มๆ อย่างเดียว แต่ปรากฏอีก 2 ชม.สามีโทรมาบอก
ปฏิเสธเพื่อนไม่ได้จริงๆ ยังไงเค้าก็ต้องไป โอเคค่ะ เมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้เราก็จัดกระเป๋าให้เค้าเลย โดยที่เราเองก็จัดกระเป๋าของเราเช่นกัน
พอเค้ากลับมา เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งหล่อ เราก็เอากระเป๋าไปไว้ที่รถ พร้อมทั้งมือถือเครื่องเก่า + Power Bank ที่โหลดโปรแกรม Find My Phone ไว้ พร้อมทั้งเครื่องดักที่ไปซื้อมาเตรียมมาสอดใต้เบาะเรียบร้อย เราก็บ้ายบายค่ะ ยืนหน้าบ้านโบกไม้โบกมือให้เค้าไป หลังจากนั้นเราก็เก็บของของตัวเองหมดบ้านเลยค่ะ ขนทุกอย่างที่เป็นของเรา เอาออกไปให้หมด เพราะตั้งใจว่า ถ้าเค้ากลับมาบ้าน เค้าจะไม่เจอซากอะไรของเราอีกเลย หลังจากนั้นเราก็เชคโปรแกรม Find My Phone ไว้ค่ะ ว่าเป็นยังไง
สรุปคือรายงานละเอียดมาก ตอนนี้ถึงไหน หยุดรถตรงนี้กี่นาที ระหว่างเก็บของไปก็ร้องไห้ไป ว่ามันจบแล้วนะ กับ 1 อาทิตย์ที่รอคอยมา ในใจก็แอบหวัง ว่าพอกดเชคอีกรอบเค้าจะคิดได้แล้วกลับรถมาหาเรา แต่ไม่ค่ะ เค้าก็ไปของเค้า เราเก็บของเสร็จ เราไปบ้านเพื่อน นัดกันไว้แล้วค่ะ ว่าเพื่อนจะขับรถตามให้ เพราะตอนนั้นเราไม่ไหวแล้ว เพื่อนบอกตาลอยมาก อยู่มาได้ยังไง น้ำหนักนี่ลดวูบเลยค่ะ อาทิตย์เดียว 5 กิโลกรัม
(T26 เอย กินคลีนเอย สู้จับว่าผัวมีกิ้กไม่ได้เลยค่ะ อิ่มทิพย์ ข้าวปลาไม่กิน ไม่นอน)
ตอนเดินทางไปจุดหมาย เหมือนอยากตาย + อยากบ้าค่ะ มันว้าวุ่น มันตื่นเต้น มันแค้น มันโกรธ ทุกอย่างรวมกันหมด ระหว่างนี้สามีมีโทรมาบอก ว่าแบตจะหมด จะคุยไม่ได้นะ เดี๋ยวซื้อที่ชาร์ตได้แล้วจะโทรมาบอก เราก็จ้ะจ๋าไป คิดอยู่ในใจ เดี๋ยวก็ไม่ต้องโทรแล้ว เจอกันเลยนี่แหล่ะ พอกลางคืนเค้าโทรมา ทำเสียงเป็นว่าเมาค่ะ อ้อๆ แอ้ๆ ว่าจะให้เพื่อนไปส่งกลับที่พักก่อน เพื่อนชวนกินเหล้านี่นั่นโน่น เราก็เออ ออ ไป เราขับตาม app ในมือถือ จนกระทั่งเค้าไปจอดที่ๆ นึงซึ่งเป็นร้านอาหาร เราเจอรถ เราก็หวังว่าจะเห็นเพื่อนเดินออกมาด้วยตามที่เค้าบอก แต่เปล่าค่ะ เราเห็นว่าเค้าขึ้นรถคนเดียว
ไม่มีเพื่อนมาด้วย เราก็โทรหาถามชื่อโรงแรม เพื่อเราจะได้ไม่เป็นห่วง ซึ่งโชคดีที่เค้าตอบชื่อโรงแรมจริงๆ มา เราก็ตามค่ะ ตามไปยันโรงแรม
พอไปถึงเจอรถเค้าจอด เค้าขึ้นไปแล้ว เรากระวนกระวายกับเพื่อนว่าเอาไงดี ลักษณะโรงแรมเป็นอพาร์ทเมนท์ค่ะ นึกถึงตึกหน้ากว้าง มีลานจอดรถหน้าอาคารนะคะ ทางขึ้นตึกอยู่ตรงกลาง ห้องพักก็จะแบ่งเป็นฝั่งซ้าย-ขวา เรากับเพื่อนเลยไปถามรปภ. ว่าเห็นผช.คนนี้ไม๊ มากับใคร อะไรยังไง ได้ใจความว่า มาคนเดียว ขึ้นไปนอนคนเดียว พักห้อง ...... ตอนนั้นเที่ยงคืนแล้ว เราเลยไปเชคอินค่ะ บอกว่าขอชั้นเดียวกันนี่แหล่ะ ส่วนรถ เอาไปจอดแอบไว้ พอเราเข้าห้องไป ระหว่างว้าวุ่นว่าต้องทำยังไงต่อ รถก็เจอ ห้องก็รู้แล้ว (ตอนนั้นยัง 50-50 ว่ารปภ.โกหกไม๊) เอาไงดี พอดีเพื่อนออกไปที่หน้าประตู บอกว่ามีผู้หญิงคนนึง เดินเข้าห้องที่รปภบอกไป
เราก้อวิ่งออกไปเอาหูแนบค่ะ กะว่าถ้าได้ยินเสียงสามีเมื่อไหร่ เคาะทันที แล้วเราก็โทรเข้ามือถือสามีไปด้วย กะถ้าได้ยินเสียง เราก็จะเคาะประตูเช่นกัน แต่ปรากฎสามีปิดเสียงโทรศัพท์ ได้ยินแต่เสียงหัวเราะของผู้หญิง แล้วเป็นเสียงจะเปิดประตู เรารีบเดินหันหลังเข้าห้องตัวเอง (ห่างกันแค่บันไดตรงกลางตึก) เรากับเพื่อนไปดักตรงระเบียงห้องที่เห็นลานจอดรถ เป้ะค่ะ ผู้หญิงที่เราเห็นในมือถือ เป็นคนเดียวกับที่อยู่หน้าตึก หน้าตาดีนะคะ ขับรถหลักล้าน (สามีขับ Eco Car) แป้บนึงสามีเราเดินออกมา แล้วพากันขึ้นรถสามี จังหวะที่ประตูกำลังจะปิด
เราเรียกเค้า แล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร ไปต่อเหอะ เราเข้าใจแล้ว” ตอนนั้นเหมือนภาพสโลโมชันเลยค่ะ สามีเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ หน้าเหวอมากก ส่วนผู้หญิงคนนั้น รีบหลบเข้าไปนั่งในรถ ประมาณ 10 นาทีได้ สามีเรามาเคาะห้อง มาคุยด้วย ใจความว่า เค้าจะเลิกแล้ว จะไม่มาแล้ว แต่ "น้อง" ขอให้มาเลี้ยงข้าวมื้อสุดท้าย "น้อง" บอกว่าขอครั้งนี้ครั้งเดียว เราก็ตอบไป แล้วจะไปใส่ใจทำไม เค้าอยู่ที่นี่ เธออยู่ที่โน่น จะสนใจทำไม ทำไมต้องทำตามเค้า เค้าเป็นใคร ถ้าไม่รักกันแล้วก็บอก ไม่ต้องมาทำแบบนี้ เคลียร์กันอยู่เกือบๆ ชั่วโมง คำพูดก็วนไปวนมา เราก็ไล่เค้ากลับห้องค่ะ แล้วซักพักเราก็กลับกรุงเทพฯเลย
หลังจากกลับมาเราไปอยู่บ้านเพื่อน เพราะรู้ว่าเค้าต้องตามบ้านพ่อแม่แน่ๆ เราไม่อยากเจอ ไม่พร้อมคุย ก็จะรู้เรื่องเค้าผ่านทางเพื่อนๆ เพราะเค้าตามเราทุกที่ พยายามหาเราว่าเราไปอยู่ที่ไหน ระหว่างที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราได้อยู่เงียบๆ คนเดียวเราก็เริ่มทบทวน เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง เมื่อไหร่ที่เรา 2 คนไม่เหมือนเดิม ก็สรุปเองเออเองได้ว่า เพราะเราไม่คุยกัน เราเบื่อที่เค้าติดเกมส์ เบื่อที่เค้าไม่ช่วยเราทำอะไรเลย พอเบื่อหนักๆ เราก็ไม่คุยด้วย ไม่พูด ไม่ถาม ทำทุกอย่างที่มันต้องทำ ส่วนทางเค้าคงคิดว่าเราไม่สนใจ เอาแต่ออกไปข้างนอก ไม่พูดไม่จา ไม่สนใจอะไรเลย ก็เลยพาลเข้าใจว่าเรามีคนอื่น ก็เลยไปโหลด appผึ้งสวาท มาหาคนอื่นคุย เราเองก็เอาแต่ด่าระบายความในใจกับเหล่าเพื่อนฝูง โดยไม่เคยคุยกันเลยว่า สรุปแล้วเนี่ย ที่แต่งงานกันมามีปัญหาอะไรบ้าง (แต่งงานกันมาไม่เคยทะเลาะกันเลย เพราะเราเอาแต่เงียบ) เลยคิดว่าถ้ามีโอกาสกลับมา (ถ้าเค้าอยากกลับมาเหมือนกัน) หลังจากนี้เราจะไม่เก็บแล้ว มีอะไรเราจะพูดหมดเลย เพราะเราคิดว่ากับปัญหาที่มีมา เราเองก็เป็นส่วนนึงที่ทำให้เรื่องมันมาไกลขนาดนี้ เราเองก็ยังไม่ได้พยายามแก้ไขอะไร กับปัญหาชีวิตคู่เราเลย แต่บังเอิญเรื่องมันดันมาเกิด มันเลยต้องมาแยกกันอยู่แบบนี้
เล่าประสบการณ์ตามจับสามีไปหากิ้กคาหนังคาเขาค่ะ
ความเดิมตอนที่แล้วค่ะ http://ppantip.com/topic/33945193
มาจนถึงวันนี้เคลียร์กันเรียบร้อย เค้าขอโอกาส กลับตัวกลับใจ เปลี่ยนแปลงตัวเอง และอยากสร้างอนาคตกับเรา
และเราให้อภัย มาเริ่มต้นกันใหม่
แต่ที่อยากเล่าคือ หลังจากวันนั้นที่เรารู้ว่าเรื่องวัน และสถานที่นัด ที่เหลืออีก 1 อาทิตย์เหมือนกับนับเคาท์ดาวน์ เราฟูมฟาย ไปหาแม่ ไปหาเพื่อน คร่ำครวญ ไหว้พระ ขอให้เรามีความเข้มแข็งที่เจอกับวิกฤต และต้องผ่านมันไปให้ได้ หลังจากตั้งสติได้ เราทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ไม่เห็นอะไร ทำดีกับเค้าเหมือนเดิม ทำข้าวเช้าให้ ทำข้าวเย็นให้ ออกไปทำงาน เหมือนไม่มีอะไรเลย เรามีติดต่อนักสืบว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง คอนเซปงานคือ ตาม+ถ่ายรูป ไปทำอะไร ไปที่ไหน พักตรงไหน ห้องอะไร แล้วเราจะตามไปเอง สรุปคือนักสืบทำข้อสุดท้ายให้ไม่ได้ค่ะ เนื่องจากพี่ๆ เค้าเป็นตำรวจรับจ๊อบนอก สามารถตามได้อย่างเดียว เราเลยเก็บไว้ก่อน เผื่อเป็นทางเลือก
ระหว่างนี้เราก็เอามือถือเครื่องเก่า มาชาร์ตแบทให้เต็ม แล้วอัดเสียงทิ้งไว้ที่บ้าน เผื่อจะได้หลักฐาน เช้าเราออกไปทำงานปกติ บ่ายเราเข้าบ้าน (ทั้งเราและสามีเป็นเซลล์ ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ)
สามีชวนไปไหนก็ไป ไม่หือไม่อืออะไร พวกรุ่นน้องที่เจอกันก็เริ่มทักเรา ว่าเราเป็นอะไร ทำไมโทรมมาก ซึ่งตลอดเวลาที่น้องๆ ทัก สามีไม่สนใจเราเลยค่ะ เราก็ตอบแต่ว่า เราไม่สบาย
เชื่อไม๊คะ เราแทบไม่ได้นอน ไม่ได้นอนจริงๆ มีวูบไปบ้าน 20-30 นาที แล้วก็ตื่น ตื่นมาก็มองสามี
นี่หรือคนที่เรารักมา 11 ปี
นี่หรือคนที่เรารู้จักมา 11 ปี
ไม่เป็นไรค่ะ เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน ความรักของเรามันหมดอายุ เราคิดแค่นี้ เราเอาคลิปเสียงที่เราอัดไว้มาฟัง แค่คล้อยหลังเราขับรถออกจากบ้าน เค้าก็โทรรายงานตัวกัค่ะ
อี๋อ๋อกันสารพัด ตอนแรกเราคิดว่า ทางนั้นไม่น่าจะรู้ว่าสามีเราแต่งงานแล้ว เพราะหลังจากนั้น ผู้หญิงมีโทรเข้ามาตอนกลางวัน คือดูโทรแบบไม่เป็นเวล่ำ เวลา อยากโทรก็โทรเหมือนโทรหาแฟน เราคิดว่าถ้าเค้ารู้ เค้าน่าจะต้องเตี๊ยมเวลากันมากกว่า
วันนึงโชคเข้าข้างค่ะ เรากับสามีออกไปข้างนอกด้วยกันมีโทรศัพท์เข้ามา แล้วเค้าพูดตัดบท ว่าไม่สะดวกคุยแล้วกดวางไปเลย เรารู้ทันทีแล้วค่ะว่าทางนั้นโทรมา แล้วบังเอิญรถที่นั่งมา มากัน 3 คน ระหว่างทางเรากับน้องอีกคนจะลงไปซื้อของ เลยให้เค้าเฝ้ารถไป
ใช่ค่ะ เราเอาโทรศัพท์ตั้งอัดเสียงทิ้งไว้ในรถ ข้อความที่เรามาฟังหลังจากนั้นคือ
เค้าอธิบายกับทางนู้น ว่าตอนนี้อยู่ร.พ.พาเรามาหาหมอ จำเป็นต้องพามา เพราะเราเรียกให้เค้าไป ตอนนี้คบกับเราแค่เพราะเราไม่มีใคร เราอยู่ตัวคนเดียว ถ้าวันนี้ไม่มีเราเค้าก็ไม่รู้สึกอะไร
ระหว่างที่ฟังบทสนทนานี้ เราแอบเอาสมอลทอล์คเข้าห้องน้ำ แล้วกดฟัง ไม่ร้องไห้เลยด้วย ในใจมีแต่แค้น อยากเอามือถือไปเขวี้ยงหน้า อยากโทรไปด่าทางนั้น ว่าคันมากหรอคะน้อง รู้ทั้งรู้ว่าเค้ามีเมียก็ยังจะเอา
แต่ไม่ค่ะ เราต้องเข้มแข็งไว้ ตีนิ่ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อไป
เราเอามือถือตั้งอัดเสียงไว้ที่บ้านทุกวัน เพราะช่วงนั้นสามีไม่ออกไปไหนคงตั้งใจจะเก็บเงินไว้ไปหาสาวเต็มที่
มีวันนึง เพื่อนเค้ามาบ้าน เค้าก็เล่าให้เพื่อนฟัง น้ำเสียงร่าเริงมาก ว่าเนี่ย จะไปหาสาวงี้งั้นโง้นนะ เพื่อนก็เตือน
ว่าคุ้มหรอ ไม่คุ้มมั้ง ทางเรารู้หรือยัง เค้าก็บอกด้วยความมั่นใจค่ะ ว่าไม่รู้แน่นอน เพราะเราไม่เคยเชคอะไรเค้าเลย
((ค่ะ สามีเชื่อแบบนั้นต่อไปนะคะ))
ผ่านมาจนถึงวันนัด วันสุดท้ายของการรอคอย เช้าวันนั้นเกิดไรไม่รู้ จู่ๆ เค้าบอกว่าเค้าไม่ไปแล้ว ให้เพื่อนเค้าไปกันเหอะ
((คือสามีอ้าง ว่าเพื่อนที่ทำงานเก่า ชวนไปตจว.ด้วยกัน)) เราก็เฉย ไม่พูดอะไรยิ้มๆ อย่างเดียว แต่ปรากฏอีก 2 ชม.สามีโทรมาบอก
ปฏิเสธเพื่อนไม่ได้จริงๆ ยังไงเค้าก็ต้องไป โอเคค่ะ เมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้เราก็จัดกระเป๋าให้เค้าเลย โดยที่เราเองก็จัดกระเป๋าของเราเช่นกัน
พอเค้ากลับมา เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งหล่อ เราก็เอากระเป๋าไปไว้ที่รถ พร้อมทั้งมือถือเครื่องเก่า + Power Bank ที่โหลดโปรแกรม Find My Phone ไว้ พร้อมทั้งเครื่องดักที่ไปซื้อมาเตรียมมาสอดใต้เบาะเรียบร้อย เราก็บ้ายบายค่ะ ยืนหน้าบ้านโบกไม้โบกมือให้เค้าไป หลังจากนั้นเราก็เก็บของของตัวเองหมดบ้านเลยค่ะ ขนทุกอย่างที่เป็นของเรา เอาออกไปให้หมด เพราะตั้งใจว่า ถ้าเค้ากลับมาบ้าน เค้าจะไม่เจอซากอะไรของเราอีกเลย หลังจากนั้นเราก็เชคโปรแกรม Find My Phone ไว้ค่ะ ว่าเป็นยังไง
สรุปคือรายงานละเอียดมาก ตอนนี้ถึงไหน หยุดรถตรงนี้กี่นาที ระหว่างเก็บของไปก็ร้องไห้ไป ว่ามันจบแล้วนะ กับ 1 อาทิตย์ที่รอคอยมา ในใจก็แอบหวัง ว่าพอกดเชคอีกรอบเค้าจะคิดได้แล้วกลับรถมาหาเรา แต่ไม่ค่ะ เค้าก็ไปของเค้า เราเก็บของเสร็จ เราไปบ้านเพื่อน นัดกันไว้แล้วค่ะ ว่าเพื่อนจะขับรถตามให้ เพราะตอนนั้นเราไม่ไหวแล้ว เพื่อนบอกตาลอยมาก อยู่มาได้ยังไง น้ำหนักนี่ลดวูบเลยค่ะ อาทิตย์เดียว 5 กิโลกรัม
(T26 เอย กินคลีนเอย สู้จับว่าผัวมีกิ้กไม่ได้เลยค่ะ อิ่มทิพย์ ข้าวปลาไม่กิน ไม่นอน)
ตอนเดินทางไปจุดหมาย เหมือนอยากตาย + อยากบ้าค่ะ มันว้าวุ่น มันตื่นเต้น มันแค้น มันโกรธ ทุกอย่างรวมกันหมด ระหว่างนี้สามีมีโทรมาบอก ว่าแบตจะหมด จะคุยไม่ได้นะ เดี๋ยวซื้อที่ชาร์ตได้แล้วจะโทรมาบอก เราก็จ้ะจ๋าไป คิดอยู่ในใจ เดี๋ยวก็ไม่ต้องโทรแล้ว เจอกันเลยนี่แหล่ะ พอกลางคืนเค้าโทรมา ทำเสียงเป็นว่าเมาค่ะ อ้อๆ แอ้ๆ ว่าจะให้เพื่อนไปส่งกลับที่พักก่อน เพื่อนชวนกินเหล้านี่นั่นโน่น เราก็เออ ออ ไป เราขับตาม app ในมือถือ จนกระทั่งเค้าไปจอดที่ๆ นึงซึ่งเป็นร้านอาหาร เราเจอรถ เราก็หวังว่าจะเห็นเพื่อนเดินออกมาด้วยตามที่เค้าบอก แต่เปล่าค่ะ เราเห็นว่าเค้าขึ้นรถคนเดียว
ไม่มีเพื่อนมาด้วย เราก็โทรหาถามชื่อโรงแรม เพื่อเราจะได้ไม่เป็นห่วง ซึ่งโชคดีที่เค้าตอบชื่อโรงแรมจริงๆ มา เราก็ตามค่ะ ตามไปยันโรงแรม
พอไปถึงเจอรถเค้าจอด เค้าขึ้นไปแล้ว เรากระวนกระวายกับเพื่อนว่าเอาไงดี ลักษณะโรงแรมเป็นอพาร์ทเมนท์ค่ะ นึกถึงตึกหน้ากว้าง มีลานจอดรถหน้าอาคารนะคะ ทางขึ้นตึกอยู่ตรงกลาง ห้องพักก็จะแบ่งเป็นฝั่งซ้าย-ขวา เรากับเพื่อนเลยไปถามรปภ. ว่าเห็นผช.คนนี้ไม๊ มากับใคร อะไรยังไง ได้ใจความว่า มาคนเดียว ขึ้นไปนอนคนเดียว พักห้อง ...... ตอนนั้นเที่ยงคืนแล้ว เราเลยไปเชคอินค่ะ บอกว่าขอชั้นเดียวกันนี่แหล่ะ ส่วนรถ เอาไปจอดแอบไว้ พอเราเข้าห้องไป ระหว่างว้าวุ่นว่าต้องทำยังไงต่อ รถก็เจอ ห้องก็รู้แล้ว (ตอนนั้นยัง 50-50 ว่ารปภ.โกหกไม๊) เอาไงดี พอดีเพื่อนออกไปที่หน้าประตู บอกว่ามีผู้หญิงคนนึง เดินเข้าห้องที่รปภบอกไป
เราก้อวิ่งออกไปเอาหูแนบค่ะ กะว่าถ้าได้ยินเสียงสามีเมื่อไหร่ เคาะทันที แล้วเราก็โทรเข้ามือถือสามีไปด้วย กะถ้าได้ยินเสียง เราก็จะเคาะประตูเช่นกัน แต่ปรากฎสามีปิดเสียงโทรศัพท์ ได้ยินแต่เสียงหัวเราะของผู้หญิง แล้วเป็นเสียงจะเปิดประตู เรารีบเดินหันหลังเข้าห้องตัวเอง (ห่างกันแค่บันไดตรงกลางตึก) เรากับเพื่อนไปดักตรงระเบียงห้องที่เห็นลานจอดรถ เป้ะค่ะ ผู้หญิงที่เราเห็นในมือถือ เป็นคนเดียวกับที่อยู่หน้าตึก หน้าตาดีนะคะ ขับรถหลักล้าน (สามีขับ Eco Car) แป้บนึงสามีเราเดินออกมา แล้วพากันขึ้นรถสามี จังหวะที่ประตูกำลังจะปิด
เราเรียกเค้า แล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร ไปต่อเหอะ เราเข้าใจแล้ว” ตอนนั้นเหมือนภาพสโลโมชันเลยค่ะ สามีเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ หน้าเหวอมากก ส่วนผู้หญิงคนนั้น รีบหลบเข้าไปนั่งในรถ ประมาณ 10 นาทีได้ สามีเรามาเคาะห้อง มาคุยด้วย ใจความว่า เค้าจะเลิกแล้ว จะไม่มาแล้ว แต่ "น้อง" ขอให้มาเลี้ยงข้าวมื้อสุดท้าย "น้อง" บอกว่าขอครั้งนี้ครั้งเดียว เราก็ตอบไป แล้วจะไปใส่ใจทำไม เค้าอยู่ที่นี่ เธออยู่ที่โน่น จะสนใจทำไม ทำไมต้องทำตามเค้า เค้าเป็นใคร ถ้าไม่รักกันแล้วก็บอก ไม่ต้องมาทำแบบนี้ เคลียร์กันอยู่เกือบๆ ชั่วโมง คำพูดก็วนไปวนมา เราก็ไล่เค้ากลับห้องค่ะ แล้วซักพักเราก็กลับกรุงเทพฯเลย
หลังจากกลับมาเราไปอยู่บ้านเพื่อน เพราะรู้ว่าเค้าต้องตามบ้านพ่อแม่แน่ๆ เราไม่อยากเจอ ไม่พร้อมคุย ก็จะรู้เรื่องเค้าผ่านทางเพื่อนๆ เพราะเค้าตามเราทุกที่ พยายามหาเราว่าเราไปอยู่ที่ไหน ระหว่างที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราได้อยู่เงียบๆ คนเดียวเราก็เริ่มทบทวน เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง เมื่อไหร่ที่เรา 2 คนไม่เหมือนเดิม ก็สรุปเองเออเองได้ว่า เพราะเราไม่คุยกัน เราเบื่อที่เค้าติดเกมส์ เบื่อที่เค้าไม่ช่วยเราทำอะไรเลย พอเบื่อหนักๆ เราก็ไม่คุยด้วย ไม่พูด ไม่ถาม ทำทุกอย่างที่มันต้องทำ ส่วนทางเค้าคงคิดว่าเราไม่สนใจ เอาแต่ออกไปข้างนอก ไม่พูดไม่จา ไม่สนใจอะไรเลย ก็เลยพาลเข้าใจว่าเรามีคนอื่น ก็เลยไปโหลด appผึ้งสวาท มาหาคนอื่นคุย เราเองก็เอาแต่ด่าระบายความในใจกับเหล่าเพื่อนฝูง โดยไม่เคยคุยกันเลยว่า สรุปแล้วเนี่ย ที่แต่งงานกันมามีปัญหาอะไรบ้าง (แต่งงานกันมาไม่เคยทะเลาะกันเลย เพราะเราเอาแต่เงียบ) เลยคิดว่าถ้ามีโอกาสกลับมา (ถ้าเค้าอยากกลับมาเหมือนกัน) หลังจากนี้เราจะไม่เก็บแล้ว มีอะไรเราจะพูดหมดเลย เพราะเราคิดว่ากับปัญหาที่มีมา เราเองก็เป็นส่วนนึงที่ทำให้เรื่องมันมาไกลขนาดนี้ เราเองก็ยังไม่ได้พยายามแก้ไขอะไร กับปัญหาชีวิตคู่เราเลย แต่บังเอิญเรื่องมันดันมาเกิด มันเลยต้องมาแยกกันอยู่แบบนี้