☼ ☼ 12:: องค์ชายใหญ่ ☼ ☼
กลางดินแดนสวนบุปผาอันงดงามตระการตาภายในอุทยานวังหลวง
แสงอ่อนๆยามเช้าอบอุ่นแจ่มใส เด็กสาวในชุดชาววังงดงามอ่อนหวาน นั่งพิงกายอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน ใบหน้าของนางซีดขาวเนื่องจากเจ็บป่วยมานานปี แม้ไร้การตกแต่งประทินโฉมใดใด หากทว่าวงพักตร์นี้กลับยังคงงดงามสะคราญตามธรรมชาติ ชวนพิศชวนใหลหลง
อาภรณ์ที่นางสวมใส่สีขาวพิสุทธิ์สะอาดสะอ้าน บนหน้าตักยังมีผ้าคลุมขนจิ้งจอกขาวห่มคลุมอยู่ นางดูบริสุทธิ์ บอบบาง อ่อนแอ น่าทะนุถนอม ร่างน้อยกลางหมอกขาวบางเบาที่ลอยอ้อยอิ่งคลอแสงอรุณ จึงแลคลับคล้ายเทพธิดาน้อยจุติหยาดฟ้ามาดิน
ข้างกายของนางมีบุรุษหนุ่มงามสง่าในชุดสีเหลืองสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง คอยเป็นคนเข็นเก้าอี้ล้อเลื่อนเคลื่อนพานางไปบนถนนสายเล็กๆกลางอุทยานอย่างช้าๆ ราวผู้พิทักษ์คอยเคียงข้างไม่ว่านางจะไป ณ ที่ใด
“ ดอกไม้ตรงนั้นสวยจังเลย เจ้าพี่ใหญ่..โปรดพาข้าไปตรงนั้น “
บุรุษผู้นั้นย่อมตามใจนาง เข็นรถนั่งพาไปยังที่ที่นางต้องการ ล้อรถพอหยุดชะงักลง เด็กสาวชุดขาวพลันทรงกายขึ้นยืนพยายามจะลุกจากเก้าอี้ล้อเลื่อนเพื่อเอื้อมมือออกไปหมายเด็ดดอกไม้ บุรุษหนุ่มที่ด้านหลังถึงกับใจหายวาบ รีบอ้อมกายเข้ามายื่นแขนออกไปประคอง
“ หัวเอ๋อ.. เจ้าอยากได้อะไรบอกพี่ดีกว่า อย่าลุกเองเลย อาการป่วยของเจ้าเพิ่งทุเลา ประเดี๋ยวจะเดี๋ยวจนทรุดลงไปอีก “
เด็กสาวผงกศีรษะอย่างเชื่อฟัง ทรุดนั่งลงอีกครั้ง แย้มยิ้มอ่อนหวานเงยหน้าขึ้นมองเขา
“ เจ้าพี่ใหญ่ วันนี้ข้ารู้สึกเบิกบานใจจริงๆ “
บุรุษหนุ่มคุกเข่าลงข้างๆเก้าอี้ล้อเลื่อน จับกุมมือนางไว้อย่างทะนุถนอม ในประกายตาอันหม่นหมอง หากแต่ยังคงพยายามฝืนเค้นสีหน้าเบิกบานแจ่มใสออกมาต่อหน้านาง
“ หัวเอ๋อ หากเจ้าพอใจ พี่จะพาเจ้าออกมาเล่นเล่นเช่นนี้ทุกวันดีหรือไม่ ? “
“ ย่อมดียิ่ง ...ขอบคุณท่าน “
“ ขอเพียงเจ้าสัญญาว่าจะแย้มยิ้มแบบนี้บ่อยๆ และจะต้องหายเร็วๆ เจ้าอยากจะได้อะไร พี่จะทำให้เจ้าทุกอย่าง“
“ แต่ว่า.. ท่านมีภารกิจมากมาย ข้ารบกวนท่านหรือไม่ ? “
“ เด็กโง่.. ข้าเต็มใจทำเพื่อเจ้า อย่าได้คิดมากสิ “
เด็กสาวชุดขาวที่แท้คือองค์หญิงเซียงหัว พระธิดาในองค์รัชทายาทหยุนหลงไทจือ ส่วนบุรุษหนุ่มผู้เคียงข้างคือองค์ชายก่วงหยาง พระโอรสองค์โตของอ๋องหนันเจิ้งนั่นเอง
นางเหม่อมองหน้าเขา แล้วทอดถอนใจอย่างหดหู่
“ น่าเสียดาย.. คืนวันสุขสันต์ในชีวิตคนมักกระชั้นสั้น แต่ช่างเถอะนะ.. ขอเพียงในชีวิตนี้ จะได้มีช่วงเวลาเช่นนั้นสักครั้ง เราก็สมควรพึงพอใจแล้ว..”
“ ทำไมพูดจาอัปมงคลเช่นนั้น ? “
“ แต่มันคือสัจธรรมมิใช่หรือ ท่านไหนเลยบอกว่าเป็นวาจาอัปมงคล เจ้าพี่ใหญ่ หัวเอ๋อมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามท่าน...”
“ เจ้าถามมาเถอะ...”
องค์หญิงเซียงหัวเงียบงันไปชั่วขณะอย่างลังเล ก่อนจะรับสั่งถามเสียงอ้อยอิ่ง
“ ข้าป่วยมานานจนน่ารำคาญ นี่หากมิใช่เพราะพระบรมราชโองการของเสด็จปู่ ที่กำหนดให้ท่านกันเจ้าพี่รอง ผู้หนึ่งผู้ใดที่ได้แต่งงานกับข้า จะได้สืบครองราชย์บัลลังก์.. ท่าน.. จะมาเอาใจใส่ข้าแบบนี้หรือไม่ ? “
องค์ชายก่วงหยางบีบหัตถ์น้อยๆนั้นเบาๆ ตรัสสุรเสียงหนักแน่น
“ หัวเอ๋อ.. ชีวิตนี้ของพี่ เพียงต้องการเจ้าคนเดียวเท่านั้น พี่ไม่เคยประสงค์ในราชบัลลังก์ใดใด “
“ นี่เป็นความจริง ? “
“ เป็นคำพูดจากใจจริง.. พี่เพียงหวังขอให้เจ้าหายป่วยเร็วๆ ..แต่ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร พี่ก็จะขออยู่เคียงข้างเจ้า.. พวกเราจะไม่แยกจากกัน .. เข้าใจหรือไม่ “
“ แต่ว่า.. ย่อมมีสักวันที่ข้าต้องจากท่านไป...”
“ เจ้าจะไปที่ใด ? “
“ หัวเอ๋อป่วยมานาน...”
เอ่ยไม่ทันจบประโยค องค์ชายก่วงหยางหลันยื่นพระหัตถ์เข้ามา แตะปิดโอษฐ์นางไว้เบาๆ
“ ไม่ต้องพูดแล้ว.. พี่ไม่อยากให้เจ้าพูดเรื่องแบบนี้ “
องค์หญิงเซียงหัวทรงกดแขนเขาลง แย้มพระสรวลประโลมปลอบโยน
“ เจ้าพี่ใหญ่.. ไม่มีใครสามารถหลีกหนีความจริงไปได้ คำวินิจฉัยของแพทย์หลวงข้ารู้หมดแล้ว ชีวิตของหัวเอ๋อคงอยู่ได้อีกไม่พ้นเดือนนี้ แต่ขอเพียงมีท่านอยู่เคียงข้างข้าเช่นนี้ แม้หัวเอ๋อต้องตายภายในวันนี้ ก็ไม่ตัดพ้อต่อสวรรค์ เจ้าพี่ใหญ่.. ข้าซึ่งเป็นคนป่วยยังปลงได้ ท่านไฉนไม่สามารถทำใจได้ ? “
“ หัวเอ๋อ...”
“ รับปากข้าเรื่องหนึ่งได้ไหม ? “
“ เจ้าบอกมาเถอะ “
“ หากวันใดที่ข้าต้องจากท่านไป ขอให้ท่านโปรดลืมเลือนข้าไปโดยเร็ววัน อย่าจมอยู่กับความเศร้าเสียใจ ที่ผ่านมาระหว่างพวกเรา ขอให้มันเป็นแค่ความฝัน ให้มันอยู่แค่ในความทรงจำก็เพียงพอ อย่าคิดถึงข้า อย่าให้ข้าต้องห่วงพะวงถึงท่าน รับปากข้าได้ไหม “
องค์ชายใหญ่ทรงรับฟังจนส่ายพระพักตร์อย่างปวดร้าว โพล่งว่า
“ ไม่.. ข้าทำไม่ได้หรอก หัวเอ๋อ.. อย่าได้พูดอีกแล้ว เจ้าจะให้ข้าลืมเจ้าได้อย่างไร ? “
องค์หญิงเซียงหัวพลันพริ้มเนตรลงอย่างเหน็ดเหนื่อย องค์ชายก่วงหยางชมดูจนสะท้านพระทัย เขย่าแขนร้องเรียกนาง
“ หัวเอ๋อ.. เจ้าเป็นอะไรไป ? “
องค์หญิงน้อยทรงนิ่งไปเนิ่นนานไม่ตรัสขานตอบ สร้างความร้อนรุ่มใจแก่เขา โอบแขนรั้งร่างของนางเข้ามาโอบไว้ในอ้อมกอด
“ หัวเอ๋อ.. อย่าแกล้งทำเฉยกับพี่แบบนี้... รีบลืมตาขึ้นมา เจ้าเพลียมากใช่ไหม งั้นเรากลับเข้าไปบนตำหนักกันเถอะนะ “
ยามนั้นองค์หญิงเซียงหัวค่อยระบายลมหายใจช้าๆ ลืมพระเนตรขึ้นอย่างอ่อนล้าพลางส่ายพระพักตร์
“ ข้ายังไม่อยากกลับไป “
“ หัวเอ๋อ ?“
“ ข้าไม่สบายใจ.. เพราะท่านทำให้ข้าผิดหวัง...”
องค์ชายก่วงหยางถอนพระทัยอย่างหดหู่ ได้แต่พยักพระพักตร์รับ ครางออกมาอย่างยอมแพ้
“ ตกลง.. ข้ารับปากเจ้าก็ได้.. ข้ารับปากเจ้า “
นั่นเอง.. จึงจุดรอยยิ้มบนดวงหน้าเยาว์งามให้แย้มออกอย่างพึงพอใจ
“ ขอบคุณท่าน...”
“ เจ้าคงเหนื่อยมากแล้ว.. ให้พี่พาเจ้ากลับตำหนักนะ...”
เอ่ยถึงตอนนี้ พลันปรากฏนางกำนัลสองคนเข้ามาอย่างเร่งร้อนรายงานว่า ทางตำหนักองค์ชายใหญ่ส่งข่าวมาว่า อำมาตย์เฉินกับเสนาธิการกรมทหารมีเรื่องสำคัญกำลังมารอปรึกษาอยู่ที่ตำหนัก
องค์ชายก่วงหยางลังเลจะไม่ไป แต่องค์หญิงน้อยกลับทักท้วง
“ งานแผ่นดินเป็นเรื่องสำคัญ ท่านพี่รีบไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก ประเดี๋ยวให้นางกำนัลเข็นข้ากลับตำหนักก็ได้ “
“ แต่ว่า.. ข้าจะทิ้งเจ้าไปในสภาพแบบนี้ได้อย่างไร “
“ ไม่ต้องเป็นห่วง “
นางแย้มสรวลให้เขาอย่างอ่อนโยน
“ ข้ารับปากท่าน.. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น.. ข้าจะรอท่าน “
............................................
♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 12: องค์ชายใหญ่ ]
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
อ่านตอนก่อนหน้านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[ขอบคุณ :ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต]
กลางดินแดนสวนบุปผาอันงดงามตระการตาภายในอุทยานวังหลวง
แสงอ่อนๆยามเช้าอบอุ่นแจ่มใส เด็กสาวในชุดชาววังงดงามอ่อนหวาน นั่งพิงกายอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน ใบหน้าของนางซีดขาวเนื่องจากเจ็บป่วยมานานปี แม้ไร้การตกแต่งประทินโฉมใดใด หากทว่าวงพักตร์นี้กลับยังคงงดงามสะคราญตามธรรมชาติ ชวนพิศชวนใหลหลง
อาภรณ์ที่นางสวมใส่สีขาวพิสุทธิ์สะอาดสะอ้าน บนหน้าตักยังมีผ้าคลุมขนจิ้งจอกขาวห่มคลุมอยู่ นางดูบริสุทธิ์ บอบบาง อ่อนแอ น่าทะนุถนอม ร่างน้อยกลางหมอกขาวบางเบาที่ลอยอ้อยอิ่งคลอแสงอรุณ จึงแลคลับคล้ายเทพธิดาน้อยจุติหยาดฟ้ามาดิน
ข้างกายของนางมีบุรุษหนุ่มงามสง่าในชุดสีเหลืองสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง คอยเป็นคนเข็นเก้าอี้ล้อเลื่อนเคลื่อนพานางไปบนถนนสายเล็กๆกลางอุทยานอย่างช้าๆ ราวผู้พิทักษ์คอยเคียงข้างไม่ว่านางจะไป ณ ที่ใด
“ ดอกไม้ตรงนั้นสวยจังเลย เจ้าพี่ใหญ่..โปรดพาข้าไปตรงนั้น “
บุรุษผู้นั้นย่อมตามใจนาง เข็นรถนั่งพาไปยังที่ที่นางต้องการ ล้อรถพอหยุดชะงักลง เด็กสาวชุดขาวพลันทรงกายขึ้นยืนพยายามจะลุกจากเก้าอี้ล้อเลื่อนเพื่อเอื้อมมือออกไปหมายเด็ดดอกไม้ บุรุษหนุ่มที่ด้านหลังถึงกับใจหายวาบ รีบอ้อมกายเข้ามายื่นแขนออกไปประคอง
“ หัวเอ๋อ.. เจ้าอยากได้อะไรบอกพี่ดีกว่า อย่าลุกเองเลย อาการป่วยของเจ้าเพิ่งทุเลา ประเดี๋ยวจะเดี๋ยวจนทรุดลงไปอีก “
เด็กสาวผงกศีรษะอย่างเชื่อฟัง ทรุดนั่งลงอีกครั้ง แย้มยิ้มอ่อนหวานเงยหน้าขึ้นมองเขา
“ เจ้าพี่ใหญ่ วันนี้ข้ารู้สึกเบิกบานใจจริงๆ “
บุรุษหนุ่มคุกเข่าลงข้างๆเก้าอี้ล้อเลื่อน จับกุมมือนางไว้อย่างทะนุถนอม ในประกายตาอันหม่นหมอง หากแต่ยังคงพยายามฝืนเค้นสีหน้าเบิกบานแจ่มใสออกมาต่อหน้านาง
“ หัวเอ๋อ หากเจ้าพอใจ พี่จะพาเจ้าออกมาเล่นเล่นเช่นนี้ทุกวันดีหรือไม่ ? “
“ ย่อมดียิ่ง ...ขอบคุณท่าน “
“ ขอเพียงเจ้าสัญญาว่าจะแย้มยิ้มแบบนี้บ่อยๆ และจะต้องหายเร็วๆ เจ้าอยากจะได้อะไร พี่จะทำให้เจ้าทุกอย่าง“
“ แต่ว่า.. ท่านมีภารกิจมากมาย ข้ารบกวนท่านหรือไม่ ? “
“ เด็กโง่.. ข้าเต็มใจทำเพื่อเจ้า อย่าได้คิดมากสิ “
เด็กสาวชุดขาวที่แท้คือองค์หญิงเซียงหัว พระธิดาในองค์รัชทายาทหยุนหลงไทจือ ส่วนบุรุษหนุ่มผู้เคียงข้างคือองค์ชายก่วงหยาง พระโอรสองค์โตของอ๋องหนันเจิ้งนั่นเอง
นางเหม่อมองหน้าเขา แล้วทอดถอนใจอย่างหดหู่
“ น่าเสียดาย.. คืนวันสุขสันต์ในชีวิตคนมักกระชั้นสั้น แต่ช่างเถอะนะ.. ขอเพียงในชีวิตนี้ จะได้มีช่วงเวลาเช่นนั้นสักครั้ง เราก็สมควรพึงพอใจแล้ว..”
“ ทำไมพูดจาอัปมงคลเช่นนั้น ? “
“ แต่มันคือสัจธรรมมิใช่หรือ ท่านไหนเลยบอกว่าเป็นวาจาอัปมงคล เจ้าพี่ใหญ่ หัวเอ๋อมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามท่าน...”
“ เจ้าถามมาเถอะ...”
องค์หญิงเซียงหัวเงียบงันไปชั่วขณะอย่างลังเล ก่อนจะรับสั่งถามเสียงอ้อยอิ่ง
“ ข้าป่วยมานานจนน่ารำคาญ นี่หากมิใช่เพราะพระบรมราชโองการของเสด็จปู่ ที่กำหนดให้ท่านกันเจ้าพี่รอง ผู้หนึ่งผู้ใดที่ได้แต่งงานกับข้า จะได้สืบครองราชย์บัลลังก์.. ท่าน.. จะมาเอาใจใส่ข้าแบบนี้หรือไม่ ? “
องค์ชายก่วงหยางบีบหัตถ์น้อยๆนั้นเบาๆ ตรัสสุรเสียงหนักแน่น
“ หัวเอ๋อ.. ชีวิตนี้ของพี่ เพียงต้องการเจ้าคนเดียวเท่านั้น พี่ไม่เคยประสงค์ในราชบัลลังก์ใดใด “
“ นี่เป็นความจริง ? “
“ เป็นคำพูดจากใจจริง.. พี่เพียงหวังขอให้เจ้าหายป่วยเร็วๆ ..แต่ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร พี่ก็จะขออยู่เคียงข้างเจ้า.. พวกเราจะไม่แยกจากกัน .. เข้าใจหรือไม่ “
“ แต่ว่า.. ย่อมมีสักวันที่ข้าต้องจากท่านไป...”
“ เจ้าจะไปที่ใด ? “
“ หัวเอ๋อป่วยมานาน...”
เอ่ยไม่ทันจบประโยค องค์ชายก่วงหยางหลันยื่นพระหัตถ์เข้ามา แตะปิดโอษฐ์นางไว้เบาๆ
“ ไม่ต้องพูดแล้ว.. พี่ไม่อยากให้เจ้าพูดเรื่องแบบนี้ “
องค์หญิงเซียงหัวทรงกดแขนเขาลง แย้มพระสรวลประโลมปลอบโยน
“ เจ้าพี่ใหญ่.. ไม่มีใครสามารถหลีกหนีความจริงไปได้ คำวินิจฉัยของแพทย์หลวงข้ารู้หมดแล้ว ชีวิตของหัวเอ๋อคงอยู่ได้อีกไม่พ้นเดือนนี้ แต่ขอเพียงมีท่านอยู่เคียงข้างข้าเช่นนี้ แม้หัวเอ๋อต้องตายภายในวันนี้ ก็ไม่ตัดพ้อต่อสวรรค์ เจ้าพี่ใหญ่.. ข้าซึ่งเป็นคนป่วยยังปลงได้ ท่านไฉนไม่สามารถทำใจได้ ? “
“ หัวเอ๋อ...”
“ รับปากข้าเรื่องหนึ่งได้ไหม ? “
“ เจ้าบอกมาเถอะ “
“ หากวันใดที่ข้าต้องจากท่านไป ขอให้ท่านโปรดลืมเลือนข้าไปโดยเร็ววัน อย่าจมอยู่กับความเศร้าเสียใจ ที่ผ่านมาระหว่างพวกเรา ขอให้มันเป็นแค่ความฝัน ให้มันอยู่แค่ในความทรงจำก็เพียงพอ อย่าคิดถึงข้า อย่าให้ข้าต้องห่วงพะวงถึงท่าน รับปากข้าได้ไหม “
องค์ชายใหญ่ทรงรับฟังจนส่ายพระพักตร์อย่างปวดร้าว โพล่งว่า
“ ไม่.. ข้าทำไม่ได้หรอก หัวเอ๋อ.. อย่าได้พูดอีกแล้ว เจ้าจะให้ข้าลืมเจ้าได้อย่างไร ? “
องค์หญิงเซียงหัวพลันพริ้มเนตรลงอย่างเหน็ดเหนื่อย องค์ชายก่วงหยางชมดูจนสะท้านพระทัย เขย่าแขนร้องเรียกนาง
“ หัวเอ๋อ.. เจ้าเป็นอะไรไป ? “
องค์หญิงน้อยทรงนิ่งไปเนิ่นนานไม่ตรัสขานตอบ สร้างความร้อนรุ่มใจแก่เขา โอบแขนรั้งร่างของนางเข้ามาโอบไว้ในอ้อมกอด
“ หัวเอ๋อ.. อย่าแกล้งทำเฉยกับพี่แบบนี้... รีบลืมตาขึ้นมา เจ้าเพลียมากใช่ไหม งั้นเรากลับเข้าไปบนตำหนักกันเถอะนะ “
ยามนั้นองค์หญิงเซียงหัวค่อยระบายลมหายใจช้าๆ ลืมพระเนตรขึ้นอย่างอ่อนล้าพลางส่ายพระพักตร์
“ ข้ายังไม่อยากกลับไป “
“ หัวเอ๋อ ?“
“ ข้าไม่สบายใจ.. เพราะท่านทำให้ข้าผิดหวัง...”
องค์ชายก่วงหยางถอนพระทัยอย่างหดหู่ ได้แต่พยักพระพักตร์รับ ครางออกมาอย่างยอมแพ้
“ ตกลง.. ข้ารับปากเจ้าก็ได้.. ข้ารับปากเจ้า “
นั่นเอง.. จึงจุดรอยยิ้มบนดวงหน้าเยาว์งามให้แย้มออกอย่างพึงพอใจ
“ ขอบคุณท่าน...”
“ เจ้าคงเหนื่อยมากแล้ว.. ให้พี่พาเจ้ากลับตำหนักนะ...”
เอ่ยถึงตอนนี้ พลันปรากฏนางกำนัลสองคนเข้ามาอย่างเร่งร้อนรายงานว่า ทางตำหนักองค์ชายใหญ่ส่งข่าวมาว่า อำมาตย์เฉินกับเสนาธิการกรมทหารมีเรื่องสำคัญกำลังมารอปรึกษาอยู่ที่ตำหนัก
องค์ชายก่วงหยางลังเลจะไม่ไป แต่องค์หญิงน้อยกลับทักท้วง
“ งานแผ่นดินเป็นเรื่องสำคัญ ท่านพี่รีบไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก ประเดี๋ยวให้นางกำนัลเข็นข้ากลับตำหนักก็ได้ “
“ แต่ว่า.. ข้าจะทิ้งเจ้าไปในสภาพแบบนี้ได้อย่างไร “
“ ไม่ต้องเป็นห่วง “
นางแย้มสรวลให้เขาอย่างอ่อนโยน
“ ข้ารับปากท่าน.. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น.. ข้าจะรอท่าน “
............................................