เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 มกราคม ที่ศูนย์ประสานงานเครือข่ายสวนยางพารา อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม นายศุภชัย โพธิ์สุ  (ครูแก้ว) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ในฐานะเครือข่ายแก้ไขปัญหาราคายาง  พร้อมด้วย นายวิชิต  สมรฤทธิ์  ประธานเครือข่ายสวนยางภาคอีสาน  นายสันต์ อยู่บาง  นายกสมาคมสวนยาง จ.นครพนม  นายทัยฮง พ่อสาร อายุ 57 ปี  ประธานสหกรณ์ชาวสวนยางตำบลพุ่มแก จำกัด อ.นาแก จ.นครพนม  รวมถึงแกนนำเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราในพื้นที่ จ.นครพนม  ได้รวมตัวหารือเพื่อวางแนวทางในการหาทางออก ในการแก้ไขปัญหายางพารา จ.นครพนม พร้อมรอดูท่าทีรัฐบาลในการประชุมคณะรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหา

หลังจากชาวสวนยางในพื้นที่ปลูกกว่า 3 แสนไร่ เปิดกรีดประมาณ 2 แสนกว่าไร่ มากสุดในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม จำนวนมากกว่า 70,000 ไร่ กำลังเดือดร้อนอย่างหนักในรอบ 10 หลังราคายางพาราตกต่ำ ยางก้นถ้วยเหลือประมาณ 12 บาท ยางแผ่นเหลือประมาณ 30 บาท  ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดทุน เพราะราคาต่ำกว่าต้นทุน 50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ขายขาดทุนเอาเงินมาหมุนเวียนแก้ไขปัญหา ส่วนเงินหมุนเวียนหายไปเดือนละประมาณ เกือบ 50 ล้านบาท  ล่าสุดทางด้านโรงงานรับซื้อองค์การสวนยาง ได้ปิดตัวลง เหลือโรงงานรับซื้อเอกชนไม่กี่แห่ง ทำให้ถูกกดราคา และต้องงดการว่าจ้างแรงงานกรีดยาง

โดยได้มีการหารือเสนอมาตรการในการแก้ไขให้รัฐบาล ดำเนินการ ชะลอการส่งออกยางพาราให้มากที่สุด  รวมถึงการเพิ่มปริมาณการแปรรูปยางพารา ใช้ในประเทศให้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และการยกเลิกสัญญาส่งออกยางพารากับจีน  เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

แต่หากรัฐบาลเสนอมาตรการแก้ไขไม่เป็นที่พอใจ จะมีการเดินหน้าจริงจังในการเคลื่อนไหวกับทุกพื้นที่ เพื่อเร่งรัดให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา เนื่องจากปัจจุบันเกษตรกรเดือดร้อนขั้นวิกฤติ  ปัญหาภาระหนี้สินล้นตัว แบกภาระต้นทุนมานานนับปี   โดยในครั้งนี้ได้ทำการยื่นหนังสือผ่าน นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ไปยังนายกรัฐมนตรี ให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหา ซึ่งมี นายกนก ศรีวิชัยนันท์ นายอำเภอศรีสงคราม จ.นครพนม เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องทุกข์

นายศุภชัย โพธิ์สุ (ครูแก้ว) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า  วันนี้แกนนำชาวสวนยางนครพนม ได้มาหารือหาแนวทางแก้ไขปัญหา แต่ไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับทางรัฐบาล เพราะเป็นความเดือดร้อนเร่งด่วน ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เกษตรกร เนื่องจากทุกวันนี้เจอปัญหาขั้นวิกฤตถึงทางตัน ที่จะต้องเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขเร่งด่วน

ส่วนการแก้ไขสิ่งสำคัญที่ทางแกนนำได้เสนอให้รัฐบาล คือ มาตรการการชะลอการส่งออกยางพาราเท่านั้น  รวมถึงการแปรรูปสต๊อกนำยางพาราใช้ในประเทศมากที่สุดให้ได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์  จึงจะช่วยเหลือเกษตรกรได้  ไปถึงการจัดตั้งบอร์ดการยางมาดูแลแก้ไขจริงจัง เพราะที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าทางรัฐบาลมีความล่าช้าในการแก้ไข  และยืนยันว่าทางเกษตรกรสวนยางไม่ต้องการเงินช่วยเหลือ แต่ต้องการแก้ไขปัญหาระยะยาว ไม่ให้เกิดซ้ำอีก  

อย่างไรก็ตาม ขอวิงวอนไปยังรัฐบาลให้ดำเนินการแก้ไขเร่งด่วน เราพร้อมที่จะเป็นกำลังใจ และเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาได้ มาถึงวันนี้ต้องยอมรับว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือผลประโยชน์ทุกด้าน แต่เป็นเรื่องปากท้องที่ชาวบ้านเดือดร้อนจริง  หากไม่แก้ไขปัญหาเร่งด่วน ยืนยันว่า เกษตรกรสวนยางนครพนม พร้อมที่จะเดินหน้าขับเคลื่อน เคลื่อนไหว เรียกร้องให้ถึงที่สุด