เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2558 ช่วงเวลาประมาณ 01.45 -02.00 น. รถยนต์ของพ่อตาโดนรถเก๋งมาชนท้ายจนเสียหลักพลิกตะแคงลงร่องน้ำระหว่างกลางถนน เป็นเหตุให้แม่ยายที่นั้งมาด้วยในรถโดนกระจกบาดตั้งแต่กลางศรีษะผ่านมาหน้าผากลงมาจนถึงหางคิ้ว(ด้านซ้าย) แผลดังกล่าวบาดลึกถึงกระโหลก จนทำให้ตาด้านซ้ายมองเห็นสิ่งของเลือนลาง และที่สำคัญใบหน้าเสียโฉม ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2558 เจ้าพนักงานร้อยเวรเจ้าของคดีนัดตกลงค่าสินไหมซึ่งในวันนั้นมีดังนี้คือ 1. ฝ่ายวิริยะประกันภัยจะซ่อมรถให้กลับมามีสภาพใช้งานได้ดังเดิม (เป็นจำนวนเงินประมาณ สองแสนหกหมื่นเศษๆ) 2. ฝ่ายวิริยะประกันภัยจะชดใช้ค่าเสียเวลาให้ระหว่างซ่อม (หนึ่งหมื่นหกพันบาทถ้วน) 3.ฝ่ายวิริยะประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหม-ค่าทำขวัญ (ยังตกลงกันไม่ได้) เบื้องต้นแม่ยายได้ร้องไปสามแสนบาท แต่ทางวิริยะประกันภัยบอกว่ายังไม่รับปาก แต่ทางวิริยะประกันภัยบอกว่าให้แม่ยายไปขอเอกสารยืนยันจากแพทย์เพิ่มเติม และให้รอบอกว่าทางวิริยะประกันภัยจะติดต่อมาเองและได้ได้ให้เบอร์ติดต่อใดๆกับทางแม่ยาย จนล่าสุด แม่ยายได้ไปขอเอกสารจากแพทย์มาแล้ว ปัญหามันอยู่ที่ว่าติดต่อยื่นเอกสารสำคัญนี้กับทางวิริยะไม่ได้ เพราะติดต่อเจ้าหน้าที่ของวิริยะประกันภัยไม่ได้เพราะเขาไม่ให้เบอร์ติดต่อเขาใว้เลย บอกเพียงว่าจะติดต่อมาเอง ทางแม่ยายจำได้แต่ว่า เจ้าหน้าที่คนนี้ ชื่อนาย ธนรัตน์ เจ้าหน้าที่ของวิริยะประกันภัยจังหวัดชุมพร   โดยส่วนตัวผมแล้วผมไม่แปลกใจเพราะประกันภัยทั่วๆไปแล้วไม่อยากจ่ายเราอยู่แล้วบ้างก็ต้องฟ้องศาลเสียเวล่ำเวลา ถ้าเงียบไปก็เข้าทางประกันภัย สุดท้ายแม่ยายฝากถามมาแบบบ้านๆว่า 1. ทำไมนายธนรัตน์ไม่ให้ข้อมูลติดต่อกลับ ทั้งที่ตอนแรกขอเบอร์ติดต่อแล้วแต่เขาบ่ายเบี่ยงที่จะให้ 2. ระบบการทำงานของวิริยะประกันภัยจังหวัดชุมพรมีนัยยะแอบแฝงหรือไม่ 3.ถ้าสมมุติว่านายธนรัตน์โดยยิงตาย หรือรถชน หรือเครื่องบินตกตาย จะส่งเรื่องนี้ถึงใครได้บ้าง?