คงไม่มีใครคนไหน "มอบหมาย" งานให้เราทำไม่ว่าจะ "ยาก" หรือ "ง่าย" ถ้าไม่ใช่ "เจ้านาย" ของเราเอง
มาดูวิธีตั้งคำถามกับตัวเองก่อน "ตกปากรับคำ" กับเจ้านาย เพื่อจะได้มีแต้มเพิ่มขึ้นในเวลาที่เจ้านายประเมินผลเรากันดีกว่านะ
คนไทยติดนิสัย "ได้ครับพี่" จนชิน ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะกลัวว่าถ้าตอบ "ปฏิเสธ" ออกไปอาจเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะเจ้านายอาจไม่รักและโอกาสเติบโตก็ยากขึ้นไปอีก
แต่ถ้าไม่ปฏิเสธ รับงานนั้นมา แล้วทำไม่ได้ตามที่รับ มันจะไม่ยิ่งหนักเท่ากับฆ่าตัวตาย 2 รอบหรือ?
ลองมาใช้คำถาม 5 คำถามนี้ถามตัวเองดูก่อนดีไหม ก่อนที่จะรับงานชิ้นไหนมาจากเจ้านาย ไม่ได้หมายความว่าจะให้ปฏิเสธ แต่อย่างน้อยมันก็จะทำให้เราได้รู้ก่อนว่า เรายังขาดตรงไหน ไม่รู้อะไร จะได้ถามเจ้านายซะเดี๋ยวนั้น ก่อนที่มันจะสายเกินไป จนทำให้งานนั้นสำเร็จไม่ได้ แล้วเจ้านายนั่นแหละจะเป็นคนจัดการเรา น่ากลัวไหมล่ะ !!!
คำถามทั้ง 5 คำถามนี้ ผมได้มาจาก CEO ของผมเอง การันตีได้เลยว่า คำตอบจากคำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่เจ้านายอยากฟังและมันจะช่วยให้เราดูดีมีราคาว่าอย่างน้อย เราก็ไม่ได้ "ตกปากรับคำ" แบบมั่วซั่ว แล้วก็ทำไม่ได้ตามที่พูด
คำถามที่ 1 เข้าใจหรือเปล่าว่าเจ้านายสั่งงานอะไร ?
อันนี้คือจุดแรกเริ่มเลยเพราะถ้าเข้าใจผิด ก็ไปผิดทิศผิดทางกันตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นถามตัวเองก่อนว่า "เข้าใจคำสั่งไหม?" ถ้าไม่เข้าใจ ลองถามกลับเจ้านายแบบเนียนๆ ว่า "ตามข้อสรุปจากที่เราเข้าใจ ทั้งหมดนี้คืองานที่พี่ต้องการใช่ไหมจ๊ะ?"
คำถามที่ 2 เห็นด้วยกับเจ้านายมั้ย
เมื่อเข้าใจโจทย์ ก็ลองถามตัวเองอีกว่า "เห็นด้วย" กับคำสั่งเจ้านายหรือเปล่า ถ้าเห็นด้วยก็ไปขั้นตอนต่อไป แต่ถ้าไม่เห็นด้วย ก็ต้องคุยกันล่ะ แล้วหาข้อสรุปของโจทย์อันใหม่ให้ได้ก่อนจะไปขั้นต่อไป
ใช้ความกล้าเพื่อบอกเจ้านายนะว่า "ไม่เห็นด้วย" พร้อมกับเหตุผลว่าเพราะอะไร เพราะการฝืนทำอะไรแบบไม่เห็นด้วย มั่นไม่เคยจะออกมาดี
คำถามที่ 3 เราจะลงมือทำมันใช่มั้ย
คำถามนี้เอาไว้ถามเพื่อสร้างความมั่นใจและมั่นคงในตัวเราว่าเราจะลงมือทำมันจริงๆ
ทุกคนรู้กันอยู่แล้วนะว่า ถ้ารับปากมาแล้ว รับงานมาแล้วไม่ทำ มันจะเกิดผลอย่างไร
คำถามที่ 4 แล้วจะทำมันเมื่อไหร่
คำถามนี้ก็เอาไว้ผูกพันตัวเองเช่นกัน เพราะเราเข้าใจโจทย์หมดแล้วว่าต้องการอะไร รับปากมาแล้วด้วย ที่เหลือคือลงมือทำ อย่างที่คำถามว่าเอาไว้นั่นแหละ "จะทำเมื่อไหร่กันล่ะ" รอช้าคงไม่ดีใช่มั้ย?
คำถามที่ 5 รู้ใช่มั้ยว่าจะทำมันอย่างไร
คำถามนี้เปิดเอาไว้ให้สามารถใช้ถามกลับเจ้านายได้นะครับ เพราะถ้ายังไม่ร็ว่าจะทำมันอย่างไร ก็ขอคำปรึกษาไว้ก่อน หรือไม่ก็อาจบอกเจ้านายไปก่อนว่างานนี้ยังไม่เคยทำจริงๆ แต่จะลองไปหาวิธีการทำมันดูแต่ถ้าติดขัดตรงไหนก็จะเข้ามาขอคำปรึกษานะจ๊ะ
คำถามนี้มีข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือเพื่อเอาไว้ประเมินสถานการณ์ว่าเรายังขาดทรัพยากรสนับสนุนอะไรอีกไหม เพราะถ้ารู้ว่าต้องทำอย่างไรแต่ไม่มีสิ่งที่ต้องนำมาสนับสนุนในการทำงาน มันก็คงไม่พ้นต้องขออนุมัติจากเจ้านายในการหาทรัพยากรนั้นๆ มาสนับสนุนใช่ไหมล่ะครับ
เมื่อตอบคำถามทั้ง 5 คำถามได้หมดแล้ว
ก็ถึงคราวที่ต้องบอกเจ้านายได้แล้วล่ะว่า "เยสสสสส" แล้วถึงกำหนดก็จะเอางานมาส่งนะคร้าบบบ
ทำยังไงเวลาเจอเจ้านายสั่งงานที่ไม่เคยทำมาก่อน
มาดูวิธีตั้งคำถามกับตัวเองก่อน "ตกปากรับคำ" กับเจ้านาย เพื่อจะได้มีแต้มเพิ่มขึ้นในเวลาที่เจ้านายประเมินผลเรากันดีกว่านะ
คนไทยติดนิสัย "ได้ครับพี่" จนชิน ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะกลัวว่าถ้าตอบ "ปฏิเสธ" ออกไปอาจเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะเจ้านายอาจไม่รักและโอกาสเติบโตก็ยากขึ้นไปอีก
แต่ถ้าไม่ปฏิเสธ รับงานนั้นมา แล้วทำไม่ได้ตามที่รับ มันจะไม่ยิ่งหนักเท่ากับฆ่าตัวตาย 2 รอบหรือ?
ลองมาใช้คำถาม 5 คำถามนี้ถามตัวเองดูก่อนดีไหม ก่อนที่จะรับงานชิ้นไหนมาจากเจ้านาย ไม่ได้หมายความว่าจะให้ปฏิเสธ แต่อย่างน้อยมันก็จะทำให้เราได้รู้ก่อนว่า เรายังขาดตรงไหน ไม่รู้อะไร จะได้ถามเจ้านายซะเดี๋ยวนั้น ก่อนที่มันจะสายเกินไป จนทำให้งานนั้นสำเร็จไม่ได้ แล้วเจ้านายนั่นแหละจะเป็นคนจัดการเรา น่ากลัวไหมล่ะ !!!
คำถามทั้ง 5 คำถามนี้ ผมได้มาจาก CEO ของผมเอง การันตีได้เลยว่า คำตอบจากคำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่เจ้านายอยากฟังและมันจะช่วยให้เราดูดีมีราคาว่าอย่างน้อย เราก็ไม่ได้ "ตกปากรับคำ" แบบมั่วซั่ว แล้วก็ทำไม่ได้ตามที่พูด
คำถามที่ 1 เข้าใจหรือเปล่าว่าเจ้านายสั่งงานอะไร ?
อันนี้คือจุดแรกเริ่มเลยเพราะถ้าเข้าใจผิด ก็ไปผิดทิศผิดทางกันตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นถามตัวเองก่อนว่า "เข้าใจคำสั่งไหม?" ถ้าไม่เข้าใจ ลองถามกลับเจ้านายแบบเนียนๆ ว่า "ตามข้อสรุปจากที่เราเข้าใจ ทั้งหมดนี้คืองานที่พี่ต้องการใช่ไหมจ๊ะ?"
คำถามที่ 2 เห็นด้วยกับเจ้านายมั้ย
เมื่อเข้าใจโจทย์ ก็ลองถามตัวเองอีกว่า "เห็นด้วย" กับคำสั่งเจ้านายหรือเปล่า ถ้าเห็นด้วยก็ไปขั้นตอนต่อไป แต่ถ้าไม่เห็นด้วย ก็ต้องคุยกันล่ะ แล้วหาข้อสรุปของโจทย์อันใหม่ให้ได้ก่อนจะไปขั้นต่อไป
ใช้ความกล้าเพื่อบอกเจ้านายนะว่า "ไม่เห็นด้วย" พร้อมกับเหตุผลว่าเพราะอะไร เพราะการฝืนทำอะไรแบบไม่เห็นด้วย มั่นไม่เคยจะออกมาดี
คำถามที่ 3 เราจะลงมือทำมันใช่มั้ย
คำถามนี้เอาไว้ถามเพื่อสร้างความมั่นใจและมั่นคงในตัวเราว่าเราจะลงมือทำมันจริงๆ
ทุกคนรู้กันอยู่แล้วนะว่า ถ้ารับปากมาแล้ว รับงานมาแล้วไม่ทำ มันจะเกิดผลอย่างไร
คำถามที่ 4 แล้วจะทำมันเมื่อไหร่
คำถามนี้ก็เอาไว้ผูกพันตัวเองเช่นกัน เพราะเราเข้าใจโจทย์หมดแล้วว่าต้องการอะไร รับปากมาแล้วด้วย ที่เหลือคือลงมือทำ อย่างที่คำถามว่าเอาไว้นั่นแหละ "จะทำเมื่อไหร่กันล่ะ" รอช้าคงไม่ดีใช่มั้ย?
คำถามที่ 5 รู้ใช่มั้ยว่าจะทำมันอย่างไร
คำถามนี้เปิดเอาไว้ให้สามารถใช้ถามกลับเจ้านายได้นะครับ เพราะถ้ายังไม่ร็ว่าจะทำมันอย่างไร ก็ขอคำปรึกษาไว้ก่อน หรือไม่ก็อาจบอกเจ้านายไปก่อนว่างานนี้ยังไม่เคยทำจริงๆ แต่จะลองไปหาวิธีการทำมันดูแต่ถ้าติดขัดตรงไหนก็จะเข้ามาขอคำปรึกษานะจ๊ะ
คำถามนี้มีข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือเพื่อเอาไว้ประเมินสถานการณ์ว่าเรายังขาดทรัพยากรสนับสนุนอะไรอีกไหม เพราะถ้ารู้ว่าต้องทำอย่างไรแต่ไม่มีสิ่งที่ต้องนำมาสนับสนุนในการทำงาน มันก็คงไม่พ้นต้องขออนุมัติจากเจ้านายในการหาทรัพยากรนั้นๆ มาสนับสนุนใช่ไหมล่ะครับ
เมื่อตอบคำถามทั้ง 5 คำถามได้หมดแล้ว
ก็ถึงคราวที่ต้องบอกเจ้านายได้แล้วล่ะว่า "เยสสสสส" แล้วถึงกำหนดก็จะเอางานมาส่งนะคร้าบบบ