"ทักษิณ" พ่ายยกแรก ศาลปกครองยกคำขอให้เพิกถอนคำสั่งยกเลิกพาสปอร์ต ชี้ไม่ปรากฏว่าการยกเลิกไม่ชอบด้วยกฎหมาย รับหากทุเลาคำสั่งอาจเป็นอุปสรรคการทำงาน กต. เปิดคำให้การเจ้าตัวอ้างเดินทางไปชาติอื่นกลับไทยไม่ได้ ทำธุรกรรมการเงิน ตปท.ไม่ได้ กต.แจง ยกเลิกนำกลับมาใช้ไม่ได้ตามหลักสากล ต้องออกใหม่ "ทนายแม้ว" รอพิจารณาเนื้อคดี เหตุอุทธรณ์ไม่ได้
วันนี้ (11ม.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอของนายทักษิณ ชินวัตร หรือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้ศาลสั่งชะลอการมีผลบังคับใช้ของคำสั่งกระทรวงการต่างประเทศที่ยกเลิกหนังสือเดินทางเลขที่ U957411 และ Z530117 ของนายทักษิณไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร ยื่นฟ้องอธิบดีกรมการกงสุล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการต่างประเทศที่ยกเลิกหนังสือเดินทางทั้งสองฉบับดังกล่าว
โดยเหตุที่ศาลยกคำขอดังกล่าว ระบุว่า ศาลได้พิจารณาหลักการกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาประกอบการให้ข้อเท็จจริงในชั้นการไต่สวนคู่กรณีเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 58 แล้วเห็นว่าในชั้นนี้ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าการมีคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทาง 2 ฉบับของผู้ถูกฟ้องคดีน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใด และเหตุผลที่ผู้ถูกฟ้องนำมาใช้ในการพิจารณายกเลิกหนังสือเดินทางก็เป็นไปตามรายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่าถ้อยคำสัมภาษณ์ของนายทักษิณมีเนื้อหาบางส่วนอาจกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัย ชื่อเสียง เกียรติภูมิของประเทศ รวมทั้งอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญา มาตรา 112 มาตรา 326 มาตรา 328 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 14 (3)และ(4)ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หากศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองของผู้ถูกฟ้องคดีอาจเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นหน่วยงานต้นสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดี หรือแก่บริการสาธารณะได้ จึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลระงับคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางสองฉบับดังกล่าวไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำสั่งดังกล่าวยังได้ระบุถึงการให้ถ้อยคำของคู่กรณีในชั้นไต่สวนเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยนายวัฒนา เตียงกูล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ ให้เหตุผลถึงการขอให้ศาลมีคำสั่งระงับคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางสองฉบับดังกล่าวว่า นอกจากจะเห็นว่า การออกคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่มีอำนาจ ไม่เป็นธรรม เป็นการใช้ดุลยพินิจไม่ชอบ เลือกปฏิบัติแล้ว หากคำสั่งดังกล่าวยังมีผลใช้บังคับต่อไปจะทำให้นายทักษิณ ไม่สามารถใช้หนังสือเดินทางดังกล่าวเดินทางไปยังประเทศใด ๆ หรือเดินทางกลับประเทศได้ รวมทั้งไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินในต่างประเทศได้ หากรอจนกว่าศาลมีคำพิพากษาจะทำให้เกิดความเสียหายจนไม่อาจเยียวยาแก้ไขให้นายทักษิณกลับสู่สถานะเดิมได้ หากศาลมีคำสั่งระงับคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางฯก็มีผลเฉพาะตัวนายทักษิณเท่านั้น ทำให้มีสิทธิใช้หนังสือเดินทางดังกล่าวต่อไปเพียงเท่าระยะเวลาที่ระบุในหนังสือเดินทางเท่านั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคหรือกระทบต่อการบริหารงานของกระทรวงการต่างประเทศแต่อย่างใด
ขณะที่ฝ่ายผู้ถูกฟ้องคดี คืออธิบดีกรมการกงสุล และปลัดกระทรวงต่างประเทศ ให้ถ้อยคำว่า ตามกระบวนการเมื่อมีการยกเลิกหนังสือเดินทางก็จะแจ้งไปยังสถานทูตไทยในต่างประเทศทั่วโลก มีผลให้ผู้ถือหนังสือเดินทางดังกล่าวไม่สามารถใช้หนังสือเดินทางเพื่อประโยชน์ในการเดินทางได้อีก และเมื่อมีการยกเลิกหนังสือเดินทางฉบับใดแล้วจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลว่าด้วยความปลอดภัยในการออกหนังสือเดินทาง อีกทั้งระบบอิเล็คทรอนิกส์ที่ใช้ในการออกหนังสือเดินทาง สำหรับหนังสือเดินทางที่เคยถูกยกเลิกไม่ว่าด้วยเหตุสูญหาย หรือชำรุดจะไม่สามารถนำหนังสือเดินทางที่ถูกยกเลิกกลับมาใช้ใหม่ได้อีก นอกจากใช้วิธีการออกหนังสือเดินทางฉบับใหม่แทนฉบับเดิมเท่านั้น เพื่อความเป็นมาตรฐาน ความมั่นคงปลอดภัย ของข้อมูลส่วนบุคคลและเป็นไปตามหลักสากล หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวสั่งระงับคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางสองฉบับดังกล่าว ไว้จนกกว่าศาลจะมีคำพิพากษาเกรงว่าการที่นายทักษิณ นำหนังสือเดินทางสองฉบับที่ถูกยกเลิกไปแล้วกลับมาใช้ใหม่ จะไม่เป็นไปตามแนวปฏิบัติสากล
ด้านนายวัฒนา เตียงกูล ทนายความผู้รับมอบอำนาจ กล่าวว่า เมื่อศาลมีคำสั่งยกคำขอดังกล่าว ก็คงต้องรอการพิจารณาในส่วนเนื้อคดีที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางทั้งสองฉบับ เพราะไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ จากนี้ก็ต้องรอศาลส่งคำให้การของฝ่ายผู้ถูกฟ้องคดีมาเพื่อที่ฝ่ายของตนจะได้ยื่นคำคัดค้านคำให้การของผู้ถูกฟ้องคดีกลับไปให้ศาลภายใน 30 วัน
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9590000003408
ศาลปกครองยกคำร้อง"แม้ว"ขอคืนพาสปอร์ต ชี้ไม่พบคำสั่งเพิกถอนมิชอบด้วยกฎหมาย
วันนี้ (11ม.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอของนายทักษิณ ชินวัตร หรือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้ศาลสั่งชะลอการมีผลบังคับใช้ของคำสั่งกระทรวงการต่างประเทศที่ยกเลิกหนังสือเดินทางเลขที่ U957411 และ Z530117 ของนายทักษิณไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร ยื่นฟ้องอธิบดีกรมการกงสุล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการต่างประเทศที่ยกเลิกหนังสือเดินทางทั้งสองฉบับดังกล่าว
โดยเหตุที่ศาลยกคำขอดังกล่าว ระบุว่า ศาลได้พิจารณาหลักการกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาประกอบการให้ข้อเท็จจริงในชั้นการไต่สวนคู่กรณีเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 58 แล้วเห็นว่าในชั้นนี้ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าการมีคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทาง 2 ฉบับของผู้ถูกฟ้องคดีน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใด และเหตุผลที่ผู้ถูกฟ้องนำมาใช้ในการพิจารณายกเลิกหนังสือเดินทางก็เป็นไปตามรายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่าถ้อยคำสัมภาษณ์ของนายทักษิณมีเนื้อหาบางส่วนอาจกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัย ชื่อเสียง เกียรติภูมิของประเทศ รวมทั้งอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญา มาตรา 112 มาตรา 326 มาตรา 328 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 14 (3)และ(4)ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หากศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองของผู้ถูกฟ้องคดีอาจเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นหน่วยงานต้นสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดี หรือแก่บริการสาธารณะได้ จึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลระงับคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางสองฉบับดังกล่าวไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำสั่งดังกล่าวยังได้ระบุถึงการให้ถ้อยคำของคู่กรณีในชั้นไต่สวนเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยนายวัฒนา เตียงกูล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ ให้เหตุผลถึงการขอให้ศาลมีคำสั่งระงับคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางสองฉบับดังกล่าวว่า นอกจากจะเห็นว่า การออกคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่มีอำนาจ ไม่เป็นธรรม เป็นการใช้ดุลยพินิจไม่ชอบ เลือกปฏิบัติแล้ว หากคำสั่งดังกล่าวยังมีผลใช้บังคับต่อไปจะทำให้นายทักษิณ ไม่สามารถใช้หนังสือเดินทางดังกล่าวเดินทางไปยังประเทศใด ๆ หรือเดินทางกลับประเทศได้ รวมทั้งไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินในต่างประเทศได้ หากรอจนกว่าศาลมีคำพิพากษาจะทำให้เกิดความเสียหายจนไม่อาจเยียวยาแก้ไขให้นายทักษิณกลับสู่สถานะเดิมได้ หากศาลมีคำสั่งระงับคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางฯก็มีผลเฉพาะตัวนายทักษิณเท่านั้น ทำให้มีสิทธิใช้หนังสือเดินทางดังกล่าวต่อไปเพียงเท่าระยะเวลาที่ระบุในหนังสือเดินทางเท่านั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคหรือกระทบต่อการบริหารงานของกระทรวงการต่างประเทศแต่อย่างใด
ขณะที่ฝ่ายผู้ถูกฟ้องคดี คืออธิบดีกรมการกงสุล และปลัดกระทรวงต่างประเทศ ให้ถ้อยคำว่า ตามกระบวนการเมื่อมีการยกเลิกหนังสือเดินทางก็จะแจ้งไปยังสถานทูตไทยในต่างประเทศทั่วโลก มีผลให้ผู้ถือหนังสือเดินทางดังกล่าวไม่สามารถใช้หนังสือเดินทางเพื่อประโยชน์ในการเดินทางได้อีก และเมื่อมีการยกเลิกหนังสือเดินทางฉบับใดแล้วจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลว่าด้วยความปลอดภัยในการออกหนังสือเดินทาง อีกทั้งระบบอิเล็คทรอนิกส์ที่ใช้ในการออกหนังสือเดินทาง สำหรับหนังสือเดินทางที่เคยถูกยกเลิกไม่ว่าด้วยเหตุสูญหาย หรือชำรุดจะไม่สามารถนำหนังสือเดินทางที่ถูกยกเลิกกลับมาใช้ใหม่ได้อีก นอกจากใช้วิธีการออกหนังสือเดินทางฉบับใหม่แทนฉบับเดิมเท่านั้น เพื่อความเป็นมาตรฐาน ความมั่นคงปลอดภัย ของข้อมูลส่วนบุคคลและเป็นไปตามหลักสากล หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวสั่งระงับคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางสองฉบับดังกล่าว ไว้จนกกว่าศาลจะมีคำพิพากษาเกรงว่าการที่นายทักษิณ นำหนังสือเดินทางสองฉบับที่ถูกยกเลิกไปแล้วกลับมาใช้ใหม่ จะไม่เป็นไปตามแนวปฏิบัติสากล
ด้านนายวัฒนา เตียงกูล ทนายความผู้รับมอบอำนาจ กล่าวว่า เมื่อศาลมีคำสั่งยกคำขอดังกล่าว ก็คงต้องรอการพิจารณาในส่วนเนื้อคดีที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางทั้งสองฉบับ เพราะไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ จากนี้ก็ต้องรอศาลส่งคำให้การของฝ่ายผู้ถูกฟ้องคดีมาเพื่อที่ฝ่ายของตนจะได้ยื่นคำคัดค้านคำให้การของผู้ถูกฟ้องคดีกลับไปให้ศาลภายใน 30 วัน
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9590000003408