ผู้หญิงคนเดียวเที่ยว "สังขละ" 3วัน2คืน #ทำไมเราพึ่งเจอกันทำไมฉันพึ่งมาหาเธอ

สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปค่ะมาช้าไปหน่อยที่จริงไปเที่ยวตั้งแต่ปลายปีที่แล้วแต่พึ่งจะมาเล่าให้ฟังกัน  เราเป็นคนไม่ค่อยมีใครคบค่ะเลยคิดอยากจะไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่บ่อยๆ  ทำงาน  กลับบ้าน  กินข้าว  ซื้อของ  ดูหนัง  ฟังเพลง ก็มักจะไปคนเดียวอยู่บ่อยๆเหมือนกัน แต่เรื่องเที่ยวต่างจังหวัดก็ทำใจอยู่นานเหมือนกันกว่าจะกล้าออกไปเที่ยวคนเดียวเพราะด้วยโลกปัจจุบันมันเปลี่ยนไปผู้คนน่ากลัวมากขี้น น่ากลัวมากกว่า ผี มากกว่า สัตว์ร้าย แต่ก็พยายามศึกษาสถานที่ที่เค้าว่ากันว่า”ไปเที่ยวคนเดียวได้อย่างปลอดภัย”
ก็มาเจอที่นี่เลยค่ะ “สังขละบุรี” อ่านหลายกระทู้ในพันทิป อ่านหลายรีวิวในเวปอื่นๆ อ่านหนังสือท่องเที่ยว รอเวลาอันเหมาะสม แล้วก็ถึงเวลาแล้วค่ะที่เราจะลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำและไม่รู้ว่าวินาทีข้างหน้าจะเป็นยังไง (ตื่นเต้นสุดๆ)
ก่อนอื่นลาพักร้อนก่อนเลยค่ะ 3 วันรวดตั้งแต่วันพุธถึงวันศุกร์แล้วหยุดต่อ เสาร์ อาทิตย์ แต่ที่แพลนไว้คือจะไปสามวันสองคืนค่ะ เพราะไม่อยากเจอกับมหาชนที่ออกไปแย่งกันเที่ยวแย่งกันกินแย่งกันอยู่ในวันเสาร์อาทิตย์ค่ะ เหตุการณ์นี้ที่ไหนก็เกิดขึ้นเสมอในสถานที่ท่องเที่ยวดังๆไม่แปลกเลย ก็เลยขอไปวันธรรมดาสงบๆและได้สัมผัสวิถีชีวิตสโลว์ไลฟ์ที่แท้จริงดีกว่าค่ะ พล่ามมาเยอะละ ไปสังขละกันดีกว่าเน้าะ
23.12.15
เมื่อวานเลิกงานมาก็ค่ำแล้วค่ะแล้วก็เพลียมากด้วย ก่อนนอนยังไม่ได้เตรียมกระเป๋าเลยเพราะก่ำกึ่งคิดว่าถ้าลุกไม่ไหวก็จะเลื่อนไปอีกซักวันไหนๆเราก็มีเวลาตั้ง 5 วัน แต่เหมือนมันมีอะไรดลจิตดลใจอยู่ดีๆก็ลุกพรวดจากที่นอน ทั้งๆที่ปกติเป็นคนลุกยากค่ะ ยิ่งถ้าวันที่ต้องไปทำงานยิ่งต่อแล้วต่ออีกอยู่นั่นแหละบนที่นอนไม่ยอมลุกซักทีจนต้องได้วิ่งออกกำลังตอนเช้าทุกทีก่อนจะถึงที่ทำงาน   ตื่นมาตี 5 ครึ่ง รถไฟออกจากสถานีธนบุรี  7.45 น. คิดว่าจัดกระเป๋าก็น่าจะทันไม่รอช้าเลยค่ะอาบน้ำแต่งตัวเก็บของเสร็จเรียบร้อย 7 โมงค่ะยังคิดอีกค่ะว่าตัวเองจะทัน บ้านอยู่หนองแขมค่ะ ซอยติดต่อกับบางแค ซอยนี้สามารถทะลุไปถึงบางบอนได้และมีโรงเรียนเอกชนเยอะเป็นพิเศษ ตอนนี้  7 โมง เฮ้ยยยยยยยยยยยย ซวยแล้ว เป็นเวลาที่รถติดมโหราฬเลยค่ะซอยนี้ ตายๆๆๆๆๆๆๆทำไงล่ะทีนี้ 45 นาทีเดินทางไปสถานีรถไฟกรุงธนไม่ทันแน่ๆ ทำไงๆๆๆๆๆๆๆ ทำไงดี ต้องไปนะต้องไปให้ได้วันนี้ วันนี้ต้องไปให้ได้ ไม่ยอมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ปิ้ง!อยู่ดีๆก็รู้สึกฉลาดขึ้นมา เออ ไปกรุงธนไม่ได้ก็ไปศาลายาสิคะมายืนแหกปากอยู่ทำไม กลับลำเลยค่ะ ข้ามสะพานลอยกลับไปขึ้นรถเมล์สายที่ไปถึงศาลายาอย่างด่วน ด้วยความที่ไม่เคยไปทางนู้นเลยแต่เคยอ่านกระทู้ว่ารถเมล์สายนี้มันไปถึง ให้นั่งสายนี้ไปลงที่ มหิดล แล้วสถานีรถไฟอยู่ใกล้ๆเดินไปก็ถึง ชีวิตนี้ไม่เคยไปเลยค่ะ ม. มหิดลหน้าตาเป็นไงใครจะไปรู้ กระเป๋ารถเมล์มาละหยิบแบงค์ยี่สิบออกมายื่นให้แล้วบอกนางไปว่า “ลงมหิดลค่ะ” สวยๆหน้ามั่น  “ประตูไหนคะ?” (ฮึ...???มันมีกี่ประตูแว้)
1..2..3..4..5.. เอ้า มีปากก็ถามสิวะรออะไร “เอิ่มมมม คือหนูจะไปสถานีรถไฟต้องลงป้ายไหนคะ” “ก็ลงสถานีรถไฟสิคะ”
ป๊าดดดดดดด โดนสวนไวอีกรอบ ยิ้มแห้งๆให้พี่สาวกระเป๋ารถเมล์ที่หน้ามั่นกว่ากูเป็นร้อยเท่า แล้วพยักหน้าหลับตาปริบๆให้พี่สาวสองที “สรุปลงสถานีรถไฟนะคะ” “ค่ะ” ตอบไปทำหน้าแบ๊วไปพี่แกจะหมั่นไส้เรารึป่าวก็ไม่รุเน้อะ พอพี่แกยื่นตังทอนกับตั๋วราคา 17 บาท เราก็กระซิบบอกพี่แกอีกที่ “พี่คะๆถึงแล้วบอกหนูหน่อยนะคะ หนูไม่เคยไป” “ค่ะ” พี่เค้าก็ตอบเฉยๆสวยๆหน้านิ่งดูมีออร่าขึ้นมายังกะแก้วหน้าม้าเวลาถอดรูป  เอ๊ะ!อันนั่นมันเงาะนี่ เออช่างมันเหอะๆ อย่างน้อยวันนี้เราก็จะได้ไปถึงสถานีรถไฟศาลายาแน่นอนละซึ่งเวลาที่รถไฟจะออกมาจากสถานีธนบุรีมาถึงและออกจากสถานีศาลายาเท่าที่อ่านกระทู้อื่นมาก็ประมาณ 8.15 น. แต่ก็ได้ยินมาเหมือนกันว่ารถไฟเนี๊ยเลทเป็นประจำถึงขั้นเป็นปกติเลยทีเดียว แต่เราก็ไม่อยากเสี่ยงไปถึงไวกว่าเวลายังไงก็ชัวร์ว่าเน้อะ  7.25 น. ยังไม่ถึง 7.30 น. ยังไม่ถึง 7.45 น. ยังไม่ถึง 7.50 น. ยังไม่ถึง 8.00 น. ยังไม่ถึง  8.15 น. ยังไม่ถึง  8.30 น. ยังไม่ถึง เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย มันเลยเวลารถไฟออกแล้วอ่ะ ทำไงอ่ะ แต่ในใจคิดว่าถ้าไม่ทันรถไฟจริงๆก็จะกลับไปหารถตู้ขึ้นเพื่อที่จะไปภายในวันนี้ให้ได้ 8.37 น. ในที่สุดก็ถึงแล้วโว้ยเห็นป้ายและรั่ว ม.มหิดลก็เลยชะโงกหน้าหาพี่กระเป๋ารถเมล์สุดสวย แล้วก็ได้รับการพยักหน้าตอบกลับนั่นหมายความว่า
..เมิงลุกได้ละ..เครค่ะพี่ รู้เรื่อง หลังจากที่ลุกไปยืนจ่อหน้าประตูรถเมล์เป็นคนแรก พี่แกก็แหกปากบอกผู้โดยสายท่านอื่น “สถานีรถไฟศาลายาค่ะ สถานีรถไฟศาลายาค่ะ” แล้วก็มีป้าคนนึงหอบขอพะรุงพะรังมายืนข้างๆเตรียมลงเช่นกันกับเรา
พอประตูรถเมล์เปิดแทบพุ่งแล้ววิ่งไปข้างหน้า แต่โอ้โอ้โอ้  ไม่ไม่ไม่ พี่กระเป๋ารถเมล์คนสวยบอกว่าลงป้ายแล้วให้ข้ามถนนไป พอคิดได้ปุ๊บก็กลับหลังหันทันที ฮึ๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยู่ตรงไหนวะป้ายก็ไม่มี ไหนอ่ะ? มองไปข้างเห็นป้าคนที่ลงมาจากรถพร้อมกัน ก็ถามสิคะ “ป้าไปไหนคะ” “ไปสถานีรถไฟลูก” “อ๋อค่ะๆ อยู่มันอยู่ตรงไหนอ่ะคะ หนู่ไปด้วยหนูไปไม่ถูกพึ่งเคยมา” “อ๋อในซอยนี้แหละลูก” แกชี้ไปที่ซอยข้างหน้าระหว่างที่เราสองคนกำลังข้ามถนนพร้อมกัน “หนูจะไปไหนอ่ะลูก”แกถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดูเลยแหละ ทำให้รู้สึกดีและกล้าพูดคุยด้วย “หนูจะไปกาญค่ะไม่รู้จะทันรถรึป่าว มันเลยเวลามาแล้ว” “เหรองั้นรีบวิ่งเลยลูกทันทัน วิ่งเลยๆเนี๊ยสถานีรถไฟอยู่สุดซอยเนี๊ยข้ามไปเอาตั๋วอีกฝั่งนึงนะลูก ไปเลยไปเลย วิ่งๆ” อ้าวววววววววว ก็วิ่งสิคะรออะไร ฟิ้ววววววววว ขณะที่วิ่งไปก็ยังมีอารมตะโกนออกมาถามป้าแกอีกว่าแล้วแกจะไปไหน แกก็บอกจะไปหัวหิน อ๋ออออออออออ แกเลยไม่รีบ แล้วก็ได้แต่ตะโกนขอบคุณแกในระหว่างที่จ่ำอ้าวไปที่สถานีพอวิ่งไปใกล้สาถานีก็ได้ยินเสียงประกาศแว่วมาจากหอกระจายเสียงของสถานี “สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการจะเดินทางจากสถานีศาลายาไปยังสถานีปลายทาง น้ำตก กรุณาเตรียมสัมภาระและรอที่ชานชลาได้เลยครับ” ฮึ๊...สปี๊ดดดดดดดดดดดดดด รถไฟยังไม่มาเย้.......................สปี๊ดเร็วมุ่งไปที่ช่องรับตั๋วฟรีแทบจะทะลุกระจกเข้าไปนั่งตักเฮียเค้าเลย พอเฮียเห็นหน้าเราแล้วหอบแฮกเฮียแกก็หันข้างให้ซะงั้น เรานี่เรียกว่าก้มหน้าเอามือค้ำเข่าหอบแล้วรีบค้นหาบัตรประชาชนในกระเป็น พอเงยหน้าขึ้นได้ก็ยืนบัตรประชาชนให้เฮียเฮียแกก็ยืนตั๋วรถไฟสวนออกมาให้ทันควัน

เอิ่มมมมมมมมมมมม หยิบสิคะ อย่างไว แล้วก็ถามแกไปนิดนึงว่า “บัตรประชาชนต้องใช้มั๊ยคะ?” เฮียแกโบกมือแว๊บๆแล้วก็นั่งหันข้างให้ตามเดิม เฮ้อ! ขอถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ แล้วก็สูดลมหายใจให้เต็มปอด พอสติกลับคือมาก็ได้ยินเสียงหวูดรถไฟ รถไฟมาแล้ว ไปๆยืนรอหน้าชานชลากัน อ่า.....จอดแล้วรถไฟสายที่รอคอย ขึ้นโบกี้ไหนดีน้า......................เลือกๆๆๆ เวลานี้สินะที่เราจะมีสิทธิ์เลือกอ่ะ ตรงนี้แล้วกันตรงข้ามซิ้งล้างมือ (นี่เมิงเลือกแล้วใช่มั๊ย) อืมตรงนี้แหละ ตรงนี้ที่เดียวที่ไม่มีใครนั่งเราจะได้นั่งคนเดียวชิลชิลไปถึงน้ำตกเล๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เฮ้อ ถอนหายใจอีกซักรอบแล้ววางเป้อันหนังอึ้งที่หลังไว้เบาะตรงข้าม

จากนั่นยังไม่ทำอะไรก็ได้ยินเสียงสวรรค์ “เหนียวหมูจ้าเหนียวหมู หมูหวานหมูเค็มก็มีนะจ๊ะ” เรานี่ค้นหากระเป๋าตังค์แทบไม่ทัน ไม่รู้ตัวเลยนะเนี๊ยว่าตัวเองหิวมากขนาดนี้  “หมูเค็มค่ะ ข้าวเหนียวห่อนึง” “ข้าวเหนียวห่อนึงพอเหรอลูก”  
(ฮึ๊...ป้าคะถึงหนูจะตัวใหญ่ หนูก็ไม่ได้กินเยอะขนาดนั่นนะคะ) “ห่อเดียวก็พอค่ะป้า”  นางก็หยิบใส่ถุงให้แล้วคิดตังค์เป็นราคา  35 บาท พอหยิบห่อข้าวเหนียวออกมาดู อ๋อ........... มันเล็กกว่าปกติค่ะ ไม่เหมือนตามตลาดในกรุงเทพหรือทั่วไปจะห่อใหญ่กว่านี้ครึ่งนึงได้ห่อละ 10 บาท (แล้วไมป้าไม่ทำห่อใหญ่กว่านี้ล่ะคะถ้ากลัวหนูไม่อิ่ม โห ...ป้าอ่ะ) แต่หมูเค้าก็ได้เยอะนะคะ ไม่เยอะได้ไง 25 บาท เน้อะ

ตอนนี้ 8.45 น. รถไฟออกตัวแล้วค่ะ ว๊าวววววววววววววตื่นเต้นจังเริ่มควักล้องคู่ใจ ไอ้เพื่อนตายfujis200 แก่ๆซื้อมาตั้งแต่สมัยนางยังเป็นเด็ก แล้วก็ยังไม่มีใครมาแทนที่นางได้เลยเพราะไร (เพราะไม่มีตังซื้อกล้องใหม่) เพราะนางน่ารักถ่ายรูปยังคงคมชัดอยู่เสมอ แต่หลายครั้งที่เบลอคือมือเราเอง บางทีรีบๆถ่ายไปก็มือสั่นแล้วก็ด้วยตัวนางที่เป็นกล้องที่แม่มหนัก ถือไม่นานก็เหนื่อยมือละ ลด น้ำหนัก บ้างนะลูก(บอกกล้องหรือบอกตัวเอง)
แต่ตอนนี้ขอกินเหนียวหมูก่อนได้มะ หิวจริงไรจริง กินๆๆๆ อืม รสชาติใช้ได้ อิ่มพอดีเพราะหมูเยอะข้าวเหนียวก็แน่นดี
พออิ่มแล้วไงกะว่าจะถ่ายรูปวิวไปเรื่อยๆ แต่ความจริงเป็นไงท้องที่อิ่ม ลมที่เย็นสบายกระทบหนังหน้าบานๆ เคลิ่ม เคลิ่ม เคลิ่ม คร่อกกกกกกกกกก  
ตื่นมาอีกทีรถไฟจอดสถานีนึงทีดูวุ่นวายและเสียงดังมากกกกกกกกกกก จนสะดุ้งตื่นอัลไรกันวะโห กำลังหลับสบาย
ลืมตาขึ้นมา โหหหหหหหหหหหหหหหหหหห ลูกสิงโต ลูกแมว ลูกเสือ  ลูกเนตรนารี อะไรเนี๊ยเต็มสถานีเต็มไปหมด  

เด็กๆประถมกำลังรอขึ้นรถไฟประมาณเกือบร้อยคนได้พอรถไฟจอดสนิทเท่านั้นแหละ นกกระจิบนกกระจอกมากันเต็มทุ่งจากที่นั่งเอาขาพาดไปที่เบาะตรงข้ามก็หดขาเข้ามาแทบไม่ทัน มีคุณยายใส่ชุดเหมือนชุดปฏิบัติธรรมมานั่งเบาะตรงข้ามเรา
แล้วก็มีคุณครูพาเด็กนั่งเรียนมานั่งข้างๆเราอีกคู่นึงด้วยความอยากรู้ก็ถามซิคะ ไม่รอช้า “จะไปไหนกันคะคุณครู” คุณครูทำหน้ากลัวๆ นี่ชั้นดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ “ไปค่ายค่ะ” เธอตอบออกมาสั้นๆ สั้นจริงๆ “ค่าย” ค่ายไรว้า สงสัยแต่ก็ช่างมันเหอะดูเหมือนเค้าไม่อยากจะเสวนากันเราเท่าไหร่ เตรียมตัวงีบต่อดีกว่า แล้วรถไฟก็ออกจากสถานี ยังไม่ทันได้หลับตางีบต่อ สายตาก็เหลือไปเห็นป้ายชื่อสถานี  ...กาญจนบุรี...

ห๊า......นี่มันถึงกาญตั้งแต่เมื่อไหร่เนี๊ย ตายละหลับไม่ได้แล้วซิ แลวหลังจากนั้นวิวข้างทางก็ทำให้เราหลับไม่ลงจริงๆ มันสวย ด้วยความเป็น หุบเขา ภูผา ภูเขาสูง ป่าไม้สวย สีเขียวสีเหลืองสลับกันไป เพลินนนนนนนนนนนนนน  แล้วจากนั้นไม่นานก็ถึงแล้ว ด่านแรกที่เรารอคอย ...สถานีสะพานข้ามแม่น้ำแคว... รถไฟมาจอดที่สถานีซึ่งที่ตั้งสถานีจะอยู่ก่อนสะพานข้ามแม่น้ำค่ะ สถานีนี้ก็คนเยอะใช่ย่อยส่วนมากจะเป็นฝรั่งค่ะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพราะเคยอ่านกระทู้อื่นมาค่ะว่าถ้าใครอยากไปดูแค่ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ทางรถไฟสายมรณะ ก็ให้ไปขึ้นรถไฟที่สถานีนี้ไปสถานี   สะพานข้ามแม่น้ำแคว-น้ำตก ไม่ต้องทนนั่งไปจากกรุงเทพจนผมแข็งเป็นเส้นโรตีสายไหมแบบเรา


และแล้วรถไฟก็เคลื่อนตัวออกจากสถานีค่ะค่อยๆเคลื่อน ค่อยๆเคลื่อน ค่อยจริงๆค่ะ น่าจะเป็นเพราะเค้าต้องการให้เราชมวิวและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกค่ะ เราก็ไม่รอช้า ทุกคนลุกจากที่นั่งพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมายเลยแหละค่ะ  ที่จริงเคยมาเที่ยวสะพานข้ามแม่น้ำแควแล้วนะคะ แต่ยอมรับเลยว่าการที่ได้อยู่บนรถไฟมันจะเป็นความรู้สึกอีกแบบที่ดีมากอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ  ใครที่ยังไม่เคยต้องลองซักครั้งนะคะ!


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่