#ร่วมสนทนานินทาชาวญี่ปุ่น

เรามีโอกาสได้มาเรียนระยะสั้นที่ ชิกะ เมืองใกล้ๆเกียวโต
ได้ฟังคนอื่นเล่า หรือ อ่านมา ก็เยอะ เกี่ยวกับคนญี่ปุ่น
แต่พอมาอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่ก็เหมือน ที่คนอื่นเค้าบอกกันนั่นแหละ 555555

อยากให้พี่ๆน้องๆที่นี้ มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เคยเจอเกี่ยวกับคนญี่ปุ่นบ้าง




เอาเรื่องที่น่าทึ่งสำหรับหนูเลยดีกว่า

ประเทศไร้ขโมยและการคดโกง
หนูมาเรียนมหาลัยแห่งหนึ่ง หากมองไปตามโต๊ะ ในโรงอาหาร หรือ ที่ต่างๆ จะเห็นกระเป๋า โน๊ตบุค กระเป๋าสตางค์บ้าง วางเกลื่อน คือไม่กลัวหายกันหรือ!! ถ้าทางบ้านเค้าจะไม่ยุ่งของกันและกันจริงๆ หนูเคยเห็นของตก ก็มีคนเดินผ่านไปมาแต่ไม่สนใจ เพื่อนหนูเล่าว่า จะไม่มีใครเก็บ ต่อให้เก็บไปให้ตำรวจก็เถอะ แต่ถ้าจะมีคนเก็บก็คือเป็นตำรวจเอง รุ่นพี่หนูก็เคยลืมกระเป๋าไว้ในรถไฟ ข้างในมีเงินและเอกสารมากมาย มีเจ้าหน้าที่รถไฟโทรกลับมาแจ้ง เพื่อจะส่งไปรษณีย์ไปให้ตามที่อยู่ในบัตร คือไม่มีใครหยิบไปเลย ถ้าเป็นบ้านเราเนี่ยนะ เครื่องดักขโมยยังหาย 555
เวลาซื้อของ หายห่วง ต่อคิวเป็นระเบียบเรียบร้อย ถ้าจ่ายแบงค์ หมื่นเยน คนทอนตังนี่นับให้ดูแล้ว นับให้ดูอีก



คนญี่ปุ่นตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองมาก
อันนี้เป็นที่ทราบโดยทั่วกัน ว่าคนญี่ปุ่นจริงจังกับการทำงานมาก แต่หนูก็ไม่เคยเห็นพนักงานที่ทำงานในออฟฟิศ หนูจะเห็นเป็นพวกร้านขายของมากกว่า พนักงานร้านค้า พนักงานซุปเปอร์ ของที่นี่ ยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าตารับแขกกว่าพนักงานขายทองบ้านเราอีก ทุกๆร้าน ตั้งแต่ข้างทาง ยัน ห้างใหญ่ๆ ทุกคนจะยิ้มแย้ม และ ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น การขอดูสินค้า ถามราคา (ในใจเค้าอาจว่าเราแต่ภาพลักษณ์เค้าไม่ทำให้เราอึดอัดเลย) มีพนักงานทำความสะอาดที่แคมปัส เราคนนึง แกจะทักทายทุกครั้งที่เจอ วันนั้นหนูเดินเท้าปล่าวไปเข้าห้องน้ำ (ใส่ถุงเท้านะ) ป้าแกเห็น ป้าแกถาม หนูเลยบอกว่า อิตั้ย อิตั้ยยยย 55555  เจ็บ ๆ อะไรประมาณนี้ นั่งเรียนสักพัก แกหิ้วรองเท้าแตะมาเคาะห้องและยื่นให้หนู คุณพระ!!!!!! คือแกก็ไม่รุ้ว่าหนูเรียนห้องไหน แสดงว่าแกต้องเดินหาเรา คนญี่ปุ่นนี่ service mind เค้าสุดยอดเลยยยย !!



เวลา
เรื่องเวลากับคนญี่ปุ่นนี่สำคัญมาก ที่ป้ายรถเมล์จะมีตารางบอกเวลา สมมุติบอก 10 โมง 23 นาที นางมาเป๊ะเลยจ้าาาาาา
ถ้าเป็นรถไฟ ก็เป๊ะเหมือนกัน แต่ถ้าหากมีเหตุฉุกเฉิน คนกระโดดฆ่าตัวตาย หรือระบบพัง เค้าก็จะมีป้ายไฟวิ่งเตือนว่า เกิดเหตุขัดข้อง ต้องรอกี่นาที และเวลาก็จะตามนั้นเป๊ะะ  สุดยอดดดดดด !!!


สถาพแวดล้อมดูแลเรา
ตั้งแต่มาที่นี่ จะเห็นเด็ก อนุบาล เด็กประถม เดินตามถนนเยอะมาก เดินเป็นกลุ่มบ้าง เดินคนเดียวบ้าง จากที่หนูมอง หนูว่า สภาพแวดล้อมดูแลเค้าเป็ยอย่างมาก คนใช้รถ จะระวังคนเป็นอันดับหนึ่ง คนใหญ่สุดในถนน ละถนนหนทาง เค้าจะสะอาด สะอาดมากๆ และเซฟตี้มาก เด็กที่นี่ดูเก่ง ดูแลตัวเองได้ เวลาหนูไป พิพิธภัณฑ์ อาจารย์ก็เหมือนจะปล่อยให้เด็กเดินดูกันเอง ไม่ตามคุม ละก็นัดเวลามาเจอ เช่น เที่ยงตรงเจอกันหน้าประตู


คนแก่แข็งแรง
คนแก่เยอะมาก แปดสิบ ยังขึ้นรถเมล์ และที่นี่เหมือนเค้าจะดูแลคนแก่ดี (อาจจะเพราะเสียภาษีมาเยอะ) และเวลาเห็นคนแก่ญี่ปุ่นอยู่ด้วยกัน เค้าจะดูแลกันดี จูงกัน พยุงกัน ป้อนข้าวกันหนูเคยเห็น สองคนตายาย เอาขาตั้งกล้องมา ละถ่ายรุป คนตาก็ตั้งกล้อง แล้วก็รีบวิ่งมายืนคู่ยาย ละยังไม่ลืมชูสองนิ้วตามสไตล์คนญี่ปุ่นด้วยนะ น่าร๊ากกกกก >///<


คมนาคมแพงมาก
ตั้งแต่หนูมาอยู่ หนูคิดว่าของใช้ทั่วไป ราคาไม่ได้แพงมาก อาหาร ก็แพงกว่านิดหน่อย บางชนิดก็พอพอกัน แต่สิ่งที่แพงเวอร์คือ ค่ารถ รถเมล์ สตาร์ทที่ 170 เยน หรือ ประมาณ 50 บาท (เรท30บาทต่อ100เยน) ค่ารถไฟวิ่งใกล้ๆ เหมือน แบริ่ง - สยาม ประมาณ 300 เยน หรือ 90 บาท  taxi ส่วนใหญ่ สตาร์ท 680 เยน หรือ ประมาณ 200 บาท ละรถเมล์บ้านเค้าวิ่งแค่ระยะสั้นๆ ไม่มีข้ามจังหวัดแบบบ้านเราเลย

ชายหญิงไม่สุงสิงกัน
ในแคมปัสที่หนูอยู่ เท่าที่หนูสังเกตุ ไม่ค่อยมีกลุ่มชายหญิงรวมกัน ส่วนมากก็ ผู้ชาย ก็เป็นกลุ่มเพื่อนผู้ชาย ผู้หญิงก็คบกัน เป็นกลุ่ม
ละไม่เคยเห็น ชายมองหญิงสวย หญิงมองชายหล่อ แบบบ้านเรา เห็นงามๆไม่ได้เหลียวคอเคล็ด 55555


เท่าที่นึกออกมีแค่นี้ เดี๋ยวโอากาสหน้าจะเอารูปราคาสินค้ามาลงนะคะ
ใครอยากทราบอะไรเป็นพิเศษหลังไมค์มาได้เน้ออออ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่