[CR] รีวิวเส้นทางสายโรแมนติกเยอรมัน-ออสเตรีย-เชค วันที่ 6 (ปราก เมืองหลวงสาธารณรัฐเชค)

วันที่ 6 เส้นทางสายโรแมนติกเยอรมัน ออสเตรีย เชค (เที่ยวปรากร่องรอยแห่งโบฮีเมียน)

==========================================
วันที่ 6 ของการเดินทาง 4 พ.ค. 58
:At Prague ณ ปราก ร่องรอยแห่งอาณาจักรโบฮีเมีย


คำเตือน:
1. ร้านแลกเงินจะโกงมากในบริเวณนี้ แนะนำให้ใช้บริการของ Xchange
ซึ่งอยู่ที่หัวมุมถนน Kaprova กับถนน Maiselova เนื่องจากจะได้ราคาดีที่สุด
(ใกล้กับจัตุรัสเมืองเก่า อยู่หลังโบสถ์นักบุญนิโคลัส)
หรืออาจใช้บริการธนาคารซึ่งให้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีเช่นกัน และมีค่าคอมมิชชั่นเพียง 2%
2. เมืองปรากขึ้นชื่อเรื่องล้วงกระเป๋าพอๆกับพิพิธภัณฑ์ลูฟที่ฝรั่งเศส ระวังกันด้วยค่ะ!
(เดี๋ยวนะ! กล้าสาบานไหมว่าเมืองไทยไม่มีล้วงกระเป๋า! คือ...เที่ยวไหนก็ต้องระวังตัวนะคะ ทุกที่มีทั้งคนดี และคนไม่ดี)
3. ขอเตือนก่อนว่าวันนี้รูปเยอะค่ะ!

ปราก สวย-ใหญ่โต-คลาสสิค-มีเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ถ้าจะพูดให้เห็นภาพถึงความใหญ่โตของปราสาทโบราณแห่งปราก
อดีตอาณาจักรโบฮีเมียอันยิ่งใหญ่ ที่รอดพ้นจากการทำลายล้างของสงครามและการสู้รบ
มาจนให้พวกเราได้มีโอกาสได้ชื่นชมกันมาถึงทุกวันนี้
….มันคือสิบเท่า หรืออาจจะยี่สิบเท่าของปราสาทที่เชสกี้ ครุมลอฟ ที่เราเดินทางผ่านมาเมื่อวาน

07.00  ทานอาหารเช้าแบบ breakfast มาตรฐานทั่วไป ณ โรงแรม Cloister Inn
วันนี้....เราเดินทางด้วยการขับรถไม่สะดวกแน่นอนค่ะ ตรอก ซอก ซอย เยอะแยกคดเคี้ยวเต็มไปหมดสำหรับเมืองปราก
เช้านี้เราจึงใช้การโดยสารรถรางค่ะ ง่ายและสะดวกกว่าเยอะเลย
แค่ออกจากโรงแรม เดินเลาะมาตามซอยประมาณสองซอยก็จะเจอถนนหลักที่มีรถรางวิ่งผ่านแล้ว


หารถรางที่วิ่งไปลงปราสาทนะคะ ถามเจ้าหน้าที่ที่โรงแรมก็ได้ค่ะว่า...
ต้องขึ้นรถคันเลขที่เท่าไหร่? มารอรถที่ป้าย เมื่อรถคันเลขที่ที่เราต้องการมาก็ขึ้นไปเลยค่ะ

เย้…..เดินทางไปเข้าชมปราสาทปราก ปราสาทโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกกันคร้า!
ตอนจะลงจากรถค่อยหย่อนเงินลงตู้เก็บเงินตรงทางลงรถ

ป้ายที่เราต้องลงคือป้ายปราสาทปรากค่ะ สังเกตคำว่า "Prazsky hrad" ในตารางเดินรถ
ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเองค่ะก็ถึงแล้ว ลงจากรถรางแล้วเดินดุ่ยๆไปเรื่อยๆตามๆเค้าเข้าไปค่ะ
ผ่านสวนดอกไม้ ผ่านทางเดินไปเรื่อยๆสัก 1 กิโลได้ค่ะ
ก็จะเจอทางเข้าปราสาทมีทหารเฝ้าประตูอยู่ตามธรรมเนียม




หาที่ซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทค่ะ จะมีให้เลือกชมเต็มไปหมดเพราะมันใหญ่ไงคะ
มีอะไรให้ชมเต็มไปหมด เราเลือกชม:มหาวิหารเซนต์วิตัส (Cathedral of St Vitus) พระราชวังเก่า,
เซนต์จอร์จบาซิลลิกา (St George‘s Basilica), ถนนโกเด้นเลน แค่นี้ก็ดูชมไม่หมดแล้วค่ะ กว้างใหญ่มาก


มหาวิหารเซนต์วิตัส …มหาวิหารแห่งนี้ใหญ่โตสมคำล่ำลือจริงๆ
ภายนอกดูยิ่งใหญ่อลังการ
(เราพลาดมากที่มีแค่เลน fix มา ใครมีเลน wide หรือพาโนรามา พกมาด้วยก็จะดีนะคะ)
ความใหญ่ของที่ปราสาทปรากแห่งนี้ ทำให้ต้องพยายามหามุมที่เก็บภาพได้
แต่ก็ไม่สามารถเก็บภาพได้หมดใน 1เฟรมจริงๆค่ะ =='





เข้ามาด้านในยิ่งอึ้งในความงามและเค้าไม่หวงค่ะ สามารถถ่ายภาพภายในวิหารได้ค่ะ


คนเยอะ มากมาย จากทั่วโลก เดินทางเพื่อมายลโฉมความงามของปราสาทปรากแห่งนี้




ดิฉันเป็นอะไรกับบานกระจกสีไม่รู้ค่ะ ชอบมากๆถ่ายมาเต็มไปหมด มันสวยอ่ะ
ส่วนมากเรื่องราวในกระจกสีจะเป็นเรื่องของคริสต์ศาสนา






มหาวิหารแห่งนี้ใช้เวลาสร้างกว่า 500 ปี และเพิ่งจะเสร็จเมื่อต้น ศตวรรษที่ 20 นี่เอง
ศิลปะด้านในจึงดูหลากหลายตั้งแต่แบบโกธิค ซึ่งเป็นยุคที่เริ่มสร้างเรื่อยไปจนถึงนีโอโกธิคและเรเนอซองส์

ถัดจากมหาวิหารเซนต์วิตัสแล้ว เราก็ได้เข้าชมพระราชวังเก่าซึ่งห้ามถ่ายภาพ
เราปิดท้ายกันที่ Golden lane หรือหมู่บ้านช่างทองที่มีสีสันสวยงาม
ทำให้นึกถึงเทพนิยาย หรือหนังพวกเจ้าหญิง-อัศวินอะไรแบบนั้น
แบบพอขี่ม้าออกจากปราสาทจะมาเจอหมู่บ้าน มีชาวบ้าน
บ้างก็เย็บผ้า ตีเหล็ก ทำดาบ ทำทองเครื่องประดับ (จินตนาการตามดูค่ะ)

แอบมาส่องห้องนอนคนเย็บผ้า และพิพิธภัณฑ์ชุดเกราะ ชุดของราชวงศ์ในยุคนั้นกัน
ริมซอย Golden lane ในบริเวณปราสาท





เดินชมมาเจอะเจอชุดคุ่แฝด ถ่ายคู่ซะหน่อย มาอาณาจักรโบฮีเมีย เราก็ต้องกลมกลืนให้มีกลิ่นอายโบฮีเมียนนะคะ

ภาพด้านหลังตัวปราสาท


เราพักทานอาหารกลางวัน กันในร้านด้านหลังตัวปราสาท จะเรียกว่าทานอาหารก็...?
คือ…เค้าไม่ค่อยให้ความสำคัญกับมื้อเที่ยงกันนะคะ จะมีก็แซนวิช เบอร์เกอร์ง่ายๆ
จะไปจัดหนักกันจริงๆก็ดินเนอร์ค่ะ ดังนั้นจะเห็นว่าฝรั่งเค้าพักทานกลางวันกันแป๊บเดียว
ไม่ได้กินข้าวเที่ยงเป็นเรื่องเป็นราวแบบคนไทย
ดิฉันคิดไปเองนะคะ จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แฮ่!


หลังจากอิ่มท้อง เราเดินออกจากบริเวณปราสาท ทางประตูฝั่งที่ติดกับ Golden lane
ซึ่งเป็นจุดชมวิวเห็นเมืองปรากจากมุมสูง นั่งพักเหนื่อยใต้ร่มไม้อากาศเย็นสบาย
บริเวณนี้ยังมีซากุระ รอบๆอีกด้วย แต่ดอกจะใหญ่กว่าซากุระญี่ปุ่น
มีเผลอนอนเล่นงีบไปแป๊บนึงด้วยค่ะ อิอิ


ใช้เวลาเดินเล่นต่อไปตามถนน จนมาเจอถนนที่เชื่อมมาเจอสะพานชาร์ล
ก็ช่วงบ่ายๆเย็นๆแล้วค่ะ แดดกำลังอ่อนๆ ชิลๆ

ร้านรวงจำหน่ายของที่ระลึก หน้าตาน่ารัก กระจุ๊กกระจิ๊กมากค่ะ
Magnet Postcard ออกแบบน่ารักมากๆ ไม่แพงด้วย ดิฉันช้อปมากระจาย เพลินมากพูดเลย



โค้งสุดถนน ก่อนจะเชื่อมต่อสู่สะพานชาร์ล เจอร้านบรรยากาศดี
กลุ่มนักดนตรีรุ่นใหญ่ ใหญ่มากๆ เล่นดนตรีกันอย่างสนุกสนาน ดูเล่นเข้าขากันและมีความสุขมาก
จริงๆชีวิตมันก็แค่นี้เองเนอะ ได้ทำอะไรที่รัก ที่ชอบ ความสุขหาได้ง่ายมาก

มีอีกเรื่องที่สงสัยคือ ขอทานที่นี่ ทำไมต้องนั่งท่าเดียวกันหมดเลยคือ
โค้งโด่งก้น คือ...?


เดินจนมาถึง.......


ณ สะพานชาร์ล Charle Bridge ดิฉันไม่แปลกใจเลยที่ปรากขึ้นชื่อเรื่องการล้วงกระเป๋า
เพราะบรรยากาศมันแสนเพลิน มันสวย มันเคลิ้ม
ใครๆก็อยากมีภาพสวยๆบนสะพาน ที่นี่จึงไม่เคยปลอดผู้คนเลย




ภาพมุมสูงก็สวยงามสุดจะบรรยาย เห็นภาพปราสาทอยู่ด้านหลังเชื่อมต่อจากสะพาน
เห็นภาพถึงความใหญ่โตอลังฯ ของเมืองปราก



ภาพมุมไกลจากด้านข้างของสะพาน


มีกล้องส่องทางไกลแบบหยอดเหรียญด้วย คนคิดทำกล้องนี้น่ารักจัง


และเมื่อใครๆก็อยากได้ภาพบนสะพานแบบไม่มีผู้คน แต่ท่าจะยากค่ะ
แม้จะพยายามตื่นเช้าเพียงใด ก็จะมีคนคิดเหมือนเราเช่นกัน
แต่ยังไงช่วงเช้าตรู่ก็น่าจะคนน้อยกว่าช่วงเย็นแบบนี้
=============================================
อีกวันลองตื่นเช้า...


เพื่อมาถ่ายภาพบนสะพานชาร์ลอีกรอบก็ยังไม่ปลอดคนค่ะ แค่น้อยกว่าช่วงเย็นหลายเท่า
และมีการถ่ายพรีเวดดิ้งในช่วงเวลาเช้าตรู่แบบนี้ด้วย
ก็บอกแล้วว่า "เส่นทางสายโรแมนติก!"
ดู..... ดูเค้าทำกัน ชริ!!!! ขอยิ้มเป็นสระอิ นิดนึงค่ะ เบลอหน้าซะก็เด่ะ!

====================================

เริ่มจะเข้าสู่เพลาเย็น
เรามารอดูนาฬิกา Astronomical Clock ออกมาร้องเต้น
ซึ่งบริเวณนี้จะมีนักท่องเที่ยวมากมาย ไม่แพ้สะพานชาร์ล
รอเวลา 6 โมงเย็น ก็แล้ว....
ตุ๊กตาก็ยังไม่ออกมาเต้น สงสัยจะตื่นคน


สัก 6:30 น. ก็ได้ชมสมใจ น่ารักดีเป็นตุ๊กตาหมุนๆ ยื่นออกมาจากหอนาฬิกาแบบกุ๊กๆกู๊
ระหว่างรอเหลือบไปเห็น Starbuck เข้าไปสำรวจราคาและรสชาตินิดนึงค่ะ
ปรากฎว่าเช็คบิลมา คิดอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินเชคเป็นเงินบาทดู
ราคาเท่า Starbuck เมืองไทยเลย รสชาติก็ไม่แตกต่างกัน ในเมนูเดียวกัน
มาตรฐานเดียวทั่วโลกจริง!


หลังจากเพิ่มพลังจากคาเฟอีนแล้ว เราเดินไปนั่งรถม้าชมเมืองกัน ม้าวิ่งผ่านบริเวณรอบๆ Old town hall
ได้บรรยากาศย้อนยุคสุดๆเหลือแค่เปลี่ยนชุดให้เป็นแบบในเทพนิยายก็ใช่แล้วค่ะ



ค่ำลงได้เวลาดินเนอร์่ค่ะ เราเดินหาร้านนั่งบริเวณรอบ Old town แล้วช้อปต่อเรื่อยเปื่อย

วันนี้เป็นวันแรกของทริปที่เราไม่ต้องขับรถเพื่อไปนอนอีกเมือง
เพราะเราจะพักที่นี่ ปราก เย้ๆๆๆๆ คร็อก-ฟี่ zzzZZZ
=========================================
พรุ่งนี้จะแวะเที่ยวเมือง Karlovy Vary เมืองสปา
และเดินทางไปเมือง Rothenburg ob de Tauber
โรเทนบวร์ก ออบเดียร์ เทาเบอร์ เมืองแห่งเทพนิยายของจริง
ชื่อสินค้า:   ปราก ร่องรอยแห่งอาณาจักรโบฮีเมีย
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่