จากที่ได้อ่านข่าวนี้จากเว็บไซด์ต่างๆ และมีผู้มาแสดงความคิดเห็นกับหลากหลายแต่หลายๆความคิดเห็น กลับทำให้ผมแปลกใจ กับคนไทย และสังคมไทย ในปัจจุบัน
คนร้ายลอบยกตู้เซฟบ้านตระกูลเจียรวนนท์ ญาติธนินทร์ เจียรวนนท์ กวาดทรัพย์ได้ร่วม 10 ล้านบาท ขณะที่เจ้าของบ้านไปต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ที่บ้านของ นางอังคณา เจียรวนนท์ ญาติของนายธนินทร์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวซีพี ที่บ้านเลขที่ 45 ซอยทองหล่อ 25 เขตวัฒนา ทั้งนี้ นางอังคณา เดินทางไปต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ถึงวันที่ 10 มกราคม 2559 ดังนั้นจึงให้ นายสารัชต์ รัตนสภรณ์ บุตรเขยเข้าแจ้งความแทน
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น พบว่าตู้เซฟนิรภัยขนาดเท่าตู้ไมโครเวฟ ถูกคนร้ายยกหายไป ซึ่งข้างในนั้นมีเครื่องเพชรและทองรูปพรรณหลายอย่าง ขณะเดียวกันกระเป๋าและรองเท้าหนังแบรนด์เนมจากต่างประเทศที่อยู่ใกล้ ๆ กัน ก็ถูกขโมยไปด้วย รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท ทว่ากลับไม่พบร่องรอยงัดแงะหรือรื้อค้นแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี จากการสอบสวนพบว่า แม่บ้านเห็นทรัพย์สินครั้งสุดท้ายวันที่ 31 ธันวาคม ก่อนจะหายไปในช่วงเช้าวันที่ 3 มกราคม อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังมีแม่บ้านที่เคยทำงาน แต่ถูกไล่ออกไปเนื่องจากชอบขโมยของ ซึ่งทางตำรวจจะรอให้นางอังคณากลับมาถึงประเทศไทยในวันที่ 10 มกราคมนี้ เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
หลังจากอ่านข่าวจบก็มีผู้มาคอมเม้นท์หลายหลาย หลายๆ คอมเม้นท์ ทำเอาผมอึ้งกับความคิดของคนชนชั้นกลางและชั้นล่าง ที่แสดงออกมา แล้วคุณล่ะคิดยังไงกับข่าวนี้ครับ
คนร้ายลอบยกเซฟบ้านตระกูลเจียรวนนท์ กับความคิดของคนไทยที่น่าสนใจ ถึงความเปลี่ยนไปของจิตใจ
คนร้ายลอบยกตู้เซฟบ้านตระกูลเจียรวนนท์ ญาติธนินทร์ เจียรวนนท์ กวาดทรัพย์ได้ร่วม 10 ล้านบาท ขณะที่เจ้าของบ้านไปต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ที่บ้านของ นางอังคณา เจียรวนนท์ ญาติของนายธนินทร์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวซีพี ที่บ้านเลขที่ 45 ซอยทองหล่อ 25 เขตวัฒนา ทั้งนี้ นางอังคณา เดินทางไปต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ถึงวันที่ 10 มกราคม 2559 ดังนั้นจึงให้ นายสารัชต์ รัตนสภรณ์ บุตรเขยเข้าแจ้งความแทน
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น พบว่าตู้เซฟนิรภัยขนาดเท่าตู้ไมโครเวฟ ถูกคนร้ายยกหายไป ซึ่งข้างในนั้นมีเครื่องเพชรและทองรูปพรรณหลายอย่าง ขณะเดียวกันกระเป๋าและรองเท้าหนังแบรนด์เนมจากต่างประเทศที่อยู่ใกล้ ๆ กัน ก็ถูกขโมยไปด้วย รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท ทว่ากลับไม่พบร่องรอยงัดแงะหรือรื้อค้นแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี จากการสอบสวนพบว่า แม่บ้านเห็นทรัพย์สินครั้งสุดท้ายวันที่ 31 ธันวาคม ก่อนจะหายไปในช่วงเช้าวันที่ 3 มกราคม อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังมีแม่บ้านที่เคยทำงาน แต่ถูกไล่ออกไปเนื่องจากชอบขโมยของ ซึ่งทางตำรวจจะรอให้นางอังคณากลับมาถึงประเทศไทยในวันที่ 10 มกราคมนี้ เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
หลังจากอ่านข่าวจบก็มีผู้มาคอมเม้นท์หลายหลาย หลายๆ คอมเม้นท์ ทำเอาผมอึ้งกับความคิดของคนชนชั้นกลางและชั้นล่าง ที่แสดงออกมา แล้วคุณล่ะคิดยังไงกับข่าวนี้ครับ