ออรัลเซ็กซ์ เสี่ยง ติดเชื้อ HPV

ลดความเข้าใจผิดเรื่อง ออรัลเซ็กซ์ ชี้หากทำแล้วอันตรายเสี่ยงโรคมะเร็ง หรือ ติดเชื้อ HPV เท่ากัน
นักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาเตือนว่า ผู้ที่ทำ ออรัลเซ็กซ์ กับคู่นอนมากกว่า 5 คนขึ้นไปมีโอกาสเป็นมะเร็งในลำคอทั้งชายและหญิง เหตุจากออรัลเซ็กซ์ แพร่กระจายเชื้อไวรัส ที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เรียกว่า Human papillomavirus หรือ เชื้อHPV นั่นเอง
ผลการศึกษาเรื่องนี้เป็นของ ของ ดร.มอร่า กิลลิสัน (Dr. Maura Gillison) และทีมงานนักวิจัยจาก Johns Hopkins Bloomberg School of Public Health ในบัลติมอร์ (Baltimore) รัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชื่อ New England Journal of Medicine ซึ่งเป็นวารสารฉบับเดียวกับที่ได้ตีพิมพ์เรื่อง เชื้อ HPV และวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกไปหมาดๆ
นักวิจัยพบว่า เชื้อ HPV ทำปฏิกิริยาในระดับโมเลกุลบางอย่างที่ก่อให้เกิดมะเร็งในลำคอ เรียกว่า Oropharyngeal Squamous-cell Carcinoma แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดชี้แจงกระบวนการเกิดปฏิกิริยาดังกล่าว
มะเร็งในช่องปากเกิดจากการติดเชื้อ HPV-16ในช่องปากด้วยระดับ 32 เท่าอย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือ ถ้าได้ติดเชื้อHPV-16ในช่องปากแล้วโอกาสที่จะพัฒนาเป็นมะเร็งก็สูงเป็น 32 เท่า โดยการสูบบุหรี่และดื่มสุราไม่ได้เป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงในกรณีนี้ เนื่องจากเมื่อเซลล์ในปากติดเชื้อ HPV แล้วเชื้อก็จะพัฒนาไปเป็นก้อนมะเร็งโดยไม่ต้องใช้บุหรี่และสุรามาเป็นแนวร่วม (โดยปกติแล้ว บุหรี่และสุราคือตัวการที่ทำให้เกิดมะเร็งในช่องปาก)

ข้อควรทราบประการแรกคือ oral sex นี้ปลอดภัยหรือไม่
     เมื่อกล่าวถึง oral sex ก็ต้องอธิบายว่ามีหลายรูปแบบ ถ้าผู้หญิงเป็นฝ่ายกระตุ้นอวัยวะเพศชายโดยการใช้ปากและลิ้น เรียกเป็นศัพท์แพทย์ว่า fellatio ศัพท์ชาวบ้าน (ฝรั่ง) เรียกว่า Blow job หากผู้ชายกระตุ้นอวัยวะเพศหญิงด้วยลิ้น ศัพท์แพทย์เรียกว่า cunnilingus หากคู่ร่วมเพศกระตุ้นรอบทวาร หนักของฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ด้วยการใช้ลิ้นเรียกว่า rimming
ทั่วไปแล้วถือว่า oral sex นั้นมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ แม้ว่าโอกาสติดเชื้อจะต่ำกว่าเพศสัมพันธ์แบบปกติ (penetrative sex)
     โอกาสติดเชื้อจาก oral sex นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นกับว่า เป็นผู้กระทำหรือถูกกระทำด้วย โดยเฉพาะเพศหญิงมีโอกาสติดเชื้อหนองใน (gonorrhea) ถ้าทำ oral sex ให้ผู้ชายที่เป็นโรคนี้ เพราะเชื้อหนองในอาศัยอยู่แถบรูเปิดท่อปัสสาวะบางครั้งผู้ชายที่เป็นหนองในจะไม่ได้มีหนองสีขาวข้นไหลให้เห็นอย่างชัดเจน จึงต้องระวังไว้เสมอ เพราะมีโอกาสติดเชื้อหนองในเข้าไปในช่องคอได้ นอกจากนั้นหากผู้ชายเป็นหูดหงอนไก่ ก็อาจถ่ายทอดโรคนี้มาได้ ก่อนมี oral sex จึงควรปลิ้นดูปลายอวัยวะเพศ, ตามรอบๆ ส่วนปลาย, ใต้หนังหุ้มปลายและแม้กระทั่งในรูเปิดท่อปัสสาวะว่ามีหูดหงอนไก่ ที่แลเห็นเป็นตุ่มแดงๆ คล้ายหงอนไก่หรือไม่ เพราะถ้าเป็นหูดหงอนไก่ แล้วทำ oral sex ให้ก็จะมีโอกาสเป็นหูดหงอนไก่ที่เพดานปาก
     ต้องขอเพิ่มเติมว่า หลายคนอาจสับสนโรคหูดหงอนไก่กับตุ่มเล็กๆ รอบปลายอวัยวะเพศชายที่เรียกว่า pearly penile papules ซึ่งถ้าเป็นตุ่มชนิดหลังนี้ จัดว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เป็นโรคติดต่อ และพบในผู้ชายจำนวนมากด้วย
    ในกรณีของฝ่ายชาย หากทำ oral sex ให้ฝ่ายหญิง แล้วฝ่ายหญิงเป็นหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศอยู่ ก็จะมีโอกาสติดหูดหงอนไก่ที่ริมฝีปากได้
ออรัลเซ็กซ์ เสี่ยงติด เชื้อซิฟิลิส หรือไม่
      สำหรับเรื่องการติดเชื้อซิฟิลิสนั้น นับเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง เพราะแผลซิฟิลิส ระยะแรก อาจหายไปเองได้ และเข้าสู่ซิฟิลิสระยะที่ 2 และระยะสุดท้าย ซึ่งลุกลามถึงหัวใจและสมอง เนื่องจากปัจจุบัน oral sex เป็นที่นิยมมากขึ้น ทำให้การติดเชื้อซิฟิลิสนอกเหนือจากบริเวณอวัยวะเพศสูงขึ้นด้วย แผลซิฟิลิสที่นอกเหนือจากบริเวณอวัยวะเพศแล้วนั้น 2 ใน 3 จะพบเหนือลำคอขึ้นมา โดยครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้พบที่ริมฝีปากและในช่องปาก แผลซิฟิลิสที่ริมปาก ในผู้ชายส่วนใหญ่จะเป็นที่ริมฝีปากบน ในหญิงมักเป็นที่ริมฝีปากล่าง ถ้าเป็นแผลซิฟิลิสในลำคอ มักเป็นที่ต่อมทอนซิล โดยเฉพาะข้างซ้าย ส่วนที่เหลือพบที่นิ้วมือเต้านม ลำตัว ท้อง และแขนขา ตลอดจนถึงทวารหนัก
ส่วนการกลืนน้ำอสุจินั้น ไม่เป็นอันตราย เพราะกระเพาะอาหารมีกรดที่ฆ่าเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ ดังนั้นอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี จึงเท่ากับที่มี oral sex แล้วคายทิ้ง (แต่ยังไม่จัดเป็น safe sex)
สำหรับ rimming นั้นไม่แนะนำ ทั้งนี้ เพราะลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย มีเชื้อแบคทีเรียและไวรัสมากมาย ซึ่งเชื้อนี้อาจแพร่เข้าในช่องปากได้ แม้จะทำความสะอาดมาก่อนแล้ว เชื่อว่ามะเร็งผิวหนังที่ชื่อ Kaposi’s sarcoma ที่เห็นเป็นตุ่มสีม่วง อาจจะมาจากการติดเชื้อจากลำไส้

มี oral sex แบบใดจึงจะปลอดภัย ?
มีข้อแนะนำว่า ถ้าผู้ชายสวมถุงยางอนามัย ฝ่ายหญิงไม่น่าจะติดเชื้ออะไร จึงเรียกว่าน่าจะปลอดภัยได้ ถ้าไม่ชอบรสชาติของถุงยางทั่วไป ก็แนะนำให้ใช้ถุงยางที่มีกลิ่นรสดู เช่น รสสตอเบอรี ส่วนถุงยางประเภทมีปุ่มปม เป็นหนามนั้นไม่แนะนำ เพราะทำให้ปากเป็นแผล
ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องความเสี่ยงของผู้ที่เป็นฝ่าย oral sex ให้คนอื่น แต่สำหรับผู้ที่ถูกทำ oral sex จะมีโอกาสเสี่ยงหรือไม่? พบว่าความเสี่ยงของผู้ถูกทำที่พบบ่อยที่สุดคือ เป็นแผลเพราะถูกกัด (being bitten) รองลงมาก็คือ ติดโรคเริม ถ้าผู้ที่ทำ oral sex ให้ เป็นเริมที่ริมฝีปาก
ที่น่าสนใจก็คือ โรคเริมนี้อาจติดต่อได้ตั้งแต่ก่อนระยะที่เป็นตุ่มน้ำใสขึ้นมาให้เห็น คือก่อนมีตุ่มน้ำใส บางคนจะเจ็บๆ คันๆ ที่ริมฝีปากมาก่อน ระยะนี้เชื้อไวรัสเริ่มติดต่อได้ ดังนั้นจึงเป็นอันตรายสำหรับฝ่ายผู้ถูกทำ เพราะไม่มีโอกาสทราบได้ว่าริมฝีปากนั้น มีเชื้อเริมแอบแฝงอยู่หรือไม่
ส่วนในกรณีของการติดเชื้อเอชไอวีของฝ่ายถูกทำ ก็เช่นเดียวกับฝ่ายผู้ทำ คือมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เพราะเชื้อนี้อยู่ในน้ำลายแม้โอกาสเสี่ยงจะต่ำ แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยร้อยละ 100 จึงต้องแนะนำให้ระวังไว้ก่อน เพราะโรคนี้เป็นแล้ว มีโอกาสเสียชีวิตสูและก่อนมีเพศสัมพันธ์ ถ้าฝ่ายผู้ทำแปรงฟันมาก่อน ผู้ถูกกระทำก็มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีสูงขึ้น เพราะเกิดแผลในปากทำให้เชื้อออกมาอยู่ในน้ำลายมากขึ้น
แต่อย่างไรแล้วก็ตาม การมีเซ็กซ์นั้นต้องมีเมื่อถึงวัยที่เหมาะสมเพื่อป้องกันปัญหาสังคม และอื่นที่จะตามมาอีกมากมาย…. และเมื่อมีต้องมีอย่างปลอดภัยใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : thaihealth และ women.mthai

Report by LIV Capsule APCO
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่