นักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาเตือนว่า ผู้ที่ทำ ออรัลเซ็กซ์ กับคู่นอนมากกว่า 5 คนขึ้นไปมีโอกาสเป็นมะเร็งในลำคอทั้งชายและหญิง เหตุจากออรัลเซ็กซ์ แพร่กระจายเชื้อไวรัส ที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เรียกว่า Human papillomavirus หรือ เชื้อHPV นั่นเอง
นักวิจัยพบว่า เชื้อ HPV ทำปฏิกิริยาในระดับโมเลกุลบางอย่างที่ก่อให้เกิดมะเร็งในลำคอ เรียกว่า Oropharyngeal Squamous-cell Carcinoma แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดชี้แจงกระบวนการเกิดปฏิกิริยาดังกล่าว
มะเร็งในช่องปากเกิดจากการติดเชื้อ HPV-16ในช่องปากด้วยระดับ 32 เท่าอย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือ ถ้าได้ติดเชื้อHPV-16ในช่องปากแล้วโอกาสที่จะพัฒนาเป็นมะเร็งก็สูงเป็น 32 เท่า โดยการสูบบุหรี่และดื่มสุราไม่ได้เป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงในกรณีนี้ เนื่องจากเมื่อเซลล์ในปากติดเชื้อ HPV แล้วเชื้อก็จะพัฒนาไปเป็นก้อนมะเร็ง
โอกาสติดเชื้อจาก oral sex นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นกับว่า เป็นผู้กระทำหรือถูกกระทำด้วย โดยเฉพาะเพศหญิงมีโอกาสติดเชื้อหนองใน (gonorrhea) ถ้าทำ oral sex ให้ผู้ชายที่เป็นโรคนี้ เพราะเชื้อหนองในอาศัยอยู่แถบรูเปิดท่อปัสสาวะบางครั้งผู้ชายที่เป็นหนองในจะไม่ได้มีหนองสีขาวข้นไหลให้เห็นอย่างชัดเจน จึงต้องระวังไว้เสมอ เพราะมีโอกาสติดเชื้อหนองในเข้าไปในช่องคอได้ นอกจากนั้นหากผู้ชายเป็นหูดหงอนไก่ ก็อาจถ่ายทอดโรคนี้มาได้ ก่อนมี oral sex จึงควรปลิ้นดูปลายอวัยวะเพศ, ตามรอบๆ ส่วนปลาย, ใต้หนังหุ้มปลายและแม้กระทั่งในรูเปิดท่อปัสสาวะว่ามีหูดหงอนไก่ ที่แลเห็นเป็นตุ่มแดงๆ คล้ายหงอนไก่หรือไม่ เพราะถ้าเป็นหูดหงอนไก่ แล้วทำ oral sex ให้ก็จะมีโอกาสเป็นหูดหงอนไก่ที่เพดานปาก
หลายคนอาจสับสนโรคหูดหงอนไก่กับตุ่มเล็กๆ รอบปลายอวัยวะเพศชายที่เรียกว่า pearly penile papules ซึ่งถ้าเป็นตุ่มชนิดหลังนี้ จัดว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เป็นโรคติดต่อ และพบในผู้ชายจำนวนมากด้วย
ในกรณีของฝ่ายชาย หากทำ oral sex ให้ฝ่ายหญิง แล้วฝ่ายหญิงเป็นหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศอยู่ ก็จะมีโอกาสติดหูดหงอนไก่ที่ริมฝีปากได้
มี oral sex แบบใดจึงจะปลอดภัย ?
ถ้าผู้ชายสวมถุงยางอนามัย ฝ่ายหญิงไม่น่าจะติดเชื้ออะไร จึงเรียกว่าน่าจะปลอดภัยได้ ถ้าไม่ชอบรสชาติของถุงยางทั่วไป ก็แนะนำให้ใช้ถุงยางที่มีกลิ่นรสดู เช่น รสสตอเบอรี ส่วนถุงยางประเภทมีปุ่มปม เป็นหนามนั้นไม่แนะนำ เพราะทำให้ปากเป็นแผล
ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องความเสี่ยงของผู้ที่เป็นฝ่าย oral sex ให้คนอื่น แต่สำหรับผู้ที่ถูกทำ oral sex จะมีโอกาสเสี่ยงหรือไม่? พบว่าความเสี่ยงของผู้ถูกทำที่พบบ่อยที่สุดคือ เป็นแผลเพราะถูกกัด (being bitten) รองลงมาก็คือ ติดโรคเริม ถ้าผู้ที่ทำ oral sex ให้ เป็นเริมที่ริมฝีปาก
ที่น่าสนใจก็คือ โรคเริมนี้อาจติดต่อได้ตั้งแต่ก่อนระยะที่เป็นตุ่มน้ำใสขึ้นมาให้เห็น คือก่อนมีตุ่มน้ำใส บางคนจะเจ็บๆ คันๆ ที่ริมฝีปากมาก่อน ระยะนี้เชื้อไวรัสเริ่มติดต่อได้ ดังนั้นจึงเป็นอันตรายสำหรับฝ่ายผู้ถูกทำ เพราะไม่มีโอกาสทราบได้ว่าริมฝีปากนั้น มีเชื้อเริมแอบแฝงอยู่หรือไม่
ส่วนในกรณีของการติดเชื้อเอชไอวีของฝ่ายถูกทำ ก็เช่นเดียวกับฝ่ายผู้ทำ คือมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เพราะเชื้อนี้อยู่ในน้ำลายแม้โอกาสเสี่ยงจะต่ำ แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยร้อยละ 100 จึงต้องแนะนำให้ระวังไว้ก่อน เพราะโรคนี้เป็นแล้ว มีโอกาสเสียชีวิตสูและก่อนมีเพศสัมพันธ์ ถ้าฝ่ายผู้ทำแปรงฟันมาก่อน ผู้ถูกกระทำก็มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีสูงขึ้น เพราะเกิดแผลในปากทำให้เชื้อออกมาอยู่ในน้ำลายมากขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : thaihealth และ women.mthai
Report by LIV APCO
ออรัลเซ็กซ์ เสี่ยง ติดเชื้อ HPV
นักวิจัยพบว่า เชื้อ HPV ทำปฏิกิริยาในระดับโมเลกุลบางอย่างที่ก่อให้เกิดมะเร็งในลำคอ เรียกว่า Oropharyngeal Squamous-cell Carcinoma แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดชี้แจงกระบวนการเกิดปฏิกิริยาดังกล่าว
มะเร็งในช่องปากเกิดจากการติดเชื้อ HPV-16ในช่องปากด้วยระดับ 32 เท่าอย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือ ถ้าได้ติดเชื้อHPV-16ในช่องปากแล้วโอกาสที่จะพัฒนาเป็นมะเร็งก็สูงเป็น 32 เท่า โดยการสูบบุหรี่และดื่มสุราไม่ได้เป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงในกรณีนี้ เนื่องจากเมื่อเซลล์ในปากติดเชื้อ HPV แล้วเชื้อก็จะพัฒนาไปเป็นก้อนมะเร็ง
โอกาสติดเชื้อจาก oral sex นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นกับว่า เป็นผู้กระทำหรือถูกกระทำด้วย โดยเฉพาะเพศหญิงมีโอกาสติดเชื้อหนองใน (gonorrhea) ถ้าทำ oral sex ให้ผู้ชายที่เป็นโรคนี้ เพราะเชื้อหนองในอาศัยอยู่แถบรูเปิดท่อปัสสาวะบางครั้งผู้ชายที่เป็นหนองในจะไม่ได้มีหนองสีขาวข้นไหลให้เห็นอย่างชัดเจน จึงต้องระวังไว้เสมอ เพราะมีโอกาสติดเชื้อหนองในเข้าไปในช่องคอได้ นอกจากนั้นหากผู้ชายเป็นหูดหงอนไก่ ก็อาจถ่ายทอดโรคนี้มาได้ ก่อนมี oral sex จึงควรปลิ้นดูปลายอวัยวะเพศ, ตามรอบๆ ส่วนปลาย, ใต้หนังหุ้มปลายและแม้กระทั่งในรูเปิดท่อปัสสาวะว่ามีหูดหงอนไก่ ที่แลเห็นเป็นตุ่มแดงๆ คล้ายหงอนไก่หรือไม่ เพราะถ้าเป็นหูดหงอนไก่ แล้วทำ oral sex ให้ก็จะมีโอกาสเป็นหูดหงอนไก่ที่เพดานปาก
หลายคนอาจสับสนโรคหูดหงอนไก่กับตุ่มเล็กๆ รอบปลายอวัยวะเพศชายที่เรียกว่า pearly penile papules ซึ่งถ้าเป็นตุ่มชนิดหลังนี้ จัดว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เป็นโรคติดต่อ และพบในผู้ชายจำนวนมากด้วย
ในกรณีของฝ่ายชาย หากทำ oral sex ให้ฝ่ายหญิง แล้วฝ่ายหญิงเป็นหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศอยู่ ก็จะมีโอกาสติดหูดหงอนไก่ที่ริมฝีปากได้
มี oral sex แบบใดจึงจะปลอดภัย ?
ถ้าผู้ชายสวมถุงยางอนามัย ฝ่ายหญิงไม่น่าจะติดเชื้ออะไร จึงเรียกว่าน่าจะปลอดภัยได้ ถ้าไม่ชอบรสชาติของถุงยางทั่วไป ก็แนะนำให้ใช้ถุงยางที่มีกลิ่นรสดู เช่น รสสตอเบอรี ส่วนถุงยางประเภทมีปุ่มปม เป็นหนามนั้นไม่แนะนำ เพราะทำให้ปากเป็นแผล
ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องความเสี่ยงของผู้ที่เป็นฝ่าย oral sex ให้คนอื่น แต่สำหรับผู้ที่ถูกทำ oral sex จะมีโอกาสเสี่ยงหรือไม่? พบว่าความเสี่ยงของผู้ถูกทำที่พบบ่อยที่สุดคือ เป็นแผลเพราะถูกกัด (being bitten) รองลงมาก็คือ ติดโรคเริม ถ้าผู้ที่ทำ oral sex ให้ เป็นเริมที่ริมฝีปาก
ที่น่าสนใจก็คือ โรคเริมนี้อาจติดต่อได้ตั้งแต่ก่อนระยะที่เป็นตุ่มน้ำใสขึ้นมาให้เห็น คือก่อนมีตุ่มน้ำใส บางคนจะเจ็บๆ คันๆ ที่ริมฝีปากมาก่อน ระยะนี้เชื้อไวรัสเริ่มติดต่อได้ ดังนั้นจึงเป็นอันตรายสำหรับฝ่ายผู้ถูกทำ เพราะไม่มีโอกาสทราบได้ว่าริมฝีปากนั้น มีเชื้อเริมแอบแฝงอยู่หรือไม่
ส่วนในกรณีของการติดเชื้อเอชไอวีของฝ่ายถูกทำ ก็เช่นเดียวกับฝ่ายผู้ทำ คือมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เพราะเชื้อนี้อยู่ในน้ำลายแม้โอกาสเสี่ยงจะต่ำ แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยร้อยละ 100 จึงต้องแนะนำให้ระวังไว้ก่อน เพราะโรคนี้เป็นแล้ว มีโอกาสเสียชีวิตสูและก่อนมีเพศสัมพันธ์ ถ้าฝ่ายผู้ทำแปรงฟันมาก่อน ผู้ถูกกระทำก็มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีสูงขึ้น เพราะเกิดแผลในปากทำให้เชื้อออกมาอยู่ในน้ำลายมากขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : thaihealth และ women.mthai
Report by LIV APCO