สวัสดีชาวpantip ...วันนี้เจ้าของกระทู้ขอพาเพื่อนๆไปเที่ยวมะละกากันค่ะ.....มะละกา (Melaka) เมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยวนะ.....แต่ไหนๆก็มีเวลาอยู่มาเลย์ ถึง 6 วัน มะละกาจึงถูกบรรจุอยู่ในแผนการเดินทางในวันท้ายๆก่อนกลับเมืองไทย....และเชื่อว่าหลายๆคนที่ไปถึงมาเลย์..คงจะอดแวะที่นี่ไม่ได้.....ข้อมูลจากวิกิพีเดีย ระบุว่า "มะละกาเป็นเมืองเอกของรัฐมะละกา ประเทศมาเลเซีย ในอดีตที่นี่เป็นเมืองท่าสำคัญที่เติบโตจนกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นเส้นทางเดินเรือค้าขายระหว่างชาติตะวันตกและตะวันออก ต่อมามะละกาได้ตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกทั้งโปรตุเกส, เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ".....เราจึงสังเกตได้ว่าอาคารต่างๆจึงเป็นการผสานกันระหว่างศิลปท้องถิ่น กับเจ้าอาณานิคมนั้นๆ....และในปี 2008 มะละกายังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เหมือนจอร์จทาวน์อีกด้วย....การได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ทำให้เราอุ่นใจว่าที่นี่ต้องมีอะไรดีๆแน่นอน....ก่อนหน้านี้เราเดินทางมาจากปีนัง มีโอกาสได้เจอกับน้องนักเรียนไทยกลุ่มหนึ่ง ที่มาเรียนภาษาที่มาเลย์..น้องคนหนึ่งบอกว่ามะละกาเป็นเมืองที่เขาชอบที่สุดในมาเลย์ โดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่นี่สวยมาก...แหม!!เสียดายจังที่เราไม่ได้ค้างที่นี่สักคืน...จริงๆแล้วเราอยากจะมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนเพื่อมาพัก แต่เพื่อนอยากค้างที่กัวลาลัมเปอร์มากกว่า
ตึกแดงๆ ที่เห็นในหนังสือ และในเน็ต ดูจะเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เรามั่นใจว่าเรามาถึงมะละกาแน่ๆแล้ว....จัตุรัสดัตซ์ (Dutch Square) หรือจัตุรัสแดง...ไม่รู้ว่าการออกเสียง และสำเนียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง ต้องพูดอย่างไร เพราะตอนเราจะขึ้นรถมาที่นี่ ถามแล้วเขาฟังเราไม่ออก 555 พอมีต่างชาติอีกคนเดินมาพูดทีเดียวเขาเข้าใจเลย...การพกหนังสือแล้วชี้ที่รูปดูจะเป็นตัวช่วยที่ดีมาก...
ที่จัตุรัสดัตซ์...เหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นเมื่อเรามาถึงมะละกา ...ที่นี่จะมีตึกสีแดงหลายๆตึกรายล้อมทั้งซ้ายและขวา...คึกครื้น และคึกคักไปด้วยผู้คน
"Christ Church Melaka" โบสถ์คริสต์สีแดงแห่งนี้ ใครมาถึงมะละกา แล้วไม่ถ่ายรูปคู่ตึกนี้ ถือว่ามาไม่ถึงนะจ๊ะ
หอนาฬิกา (Melaka Clock Tower)
และสัญลักษณ์อีกอย่างของมะละกา ที่ใครเห็นเป็นต้องอมยิ้ม นั่นก็คือ สามล้อถีบ สีสันสดใสเหล่านี้นี่เอง
ถ้าต่างชาติมาเมืองไทยแล้วรู้จักตุ๊ก ตุ๊ก ..คนที่มามะละกา ก็คงต้องรู้จักสามล้อถีบของที่นี่เหมือนกัน
สามล้อถีบของที่นี่หน้าตาน่ารักมากกกกก รถทั้งคันถูกประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ปลอมสีสันสดใส และตุ๊กตาตัวเล็กตัวใหญ่ ทั้งคิดตี้ โดราเอมอน เลือกใช้บริการได้ตามที่เราชอบเลย
ความน่ารักของรถสามล้อเหล่านี้ไม่ใช่แค่การตกแต่งอย่างสวยงามเท่านั้น ...แต่เวลาที่มีลูกค้ามาใช้บริการเขาจะเปิดเพลงสนุกๆ สร้างบรรยากาศให้ด้วย....เราเห็นลูกค้าที่นั่งยิ้มกันเป็นแถว...เราเป็นคนยืนมองก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้
ไม่รู้เหมือนกันแฮะว่าค่าบริการคิดเท่าไหร่อย่างไร
ชอบค่ะ น่ารัก ดูตั้งใจ
เราใช้เวลาอยู่แถวนี้ค่อนข้างนาน ยืนหันซ้าย หันขวา เพลิดเพลิน ไปเลย
แถวนี้เป็นตึกสีแดงทั้งนั้นเลยค่ะ
นักท่องเที่ยวเยอะ แต่ก็ไม่วุ่นวาย
มีริมน้ำให้เดินเพลินๆ ..แต่เราไม่เพลินเท่าไหร่เพราะมาช่วงเที่ยงๆ แดดกำลังรุนแรง..เราว่าถ้ามาเดินช่วงแดดร่มลมตก...น่าจะโรแมนติกไม่น้อย...ระหว่างเดินมาแถวริมน้ำก็มาเจอกับพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง...พี่ผู้หญิงเข้ามาทักว่าเราเป็นคนไทยหรือเปล่า...จากนั้นพี่แกก็คุยยาวเลยว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วมีสามีเป็นคนที่นี่ ระหว่างที่คุยพี่แกก็เฟสไทม์กับลูกชายถามว่าเราสวยไหม ..ลูกชายไม่ยอมตอบ คงกลัวว่าเราเสียใจ....5555 พี่เขาเล่าว่าลูกชายทำงานที่กรุงเทพฯ คุยกันสักพักก็แยกกัน...จริงๆตลอดการเดินทางในมาเลเซีย ตั้งแต่ปีนัง คาเมลอนไฮแลนด์ จนมาถึงมะละกา พอคนท้องถิ่นรู้ว่าเรากับเพื่อนเป็นคนไทยก็แสดงความเป็นมิตรกับเรามาก
เดินเล่นท้าแดดไปเรื่อยๆ
มาถึงมามะละกาห้ามพลาดชิม "ข้าวมันไก่" ...เอ๊ะ!!ข้าวมันไก่เมืองไทยไม่มีหรืออย่างไร....555...นั่นไงเราว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องลองว่ามันต่างจากเมืองไทยอย่างไร...อร่อยหรือเปล่าไม่รู้เพราะตอนแรกยังไม่ได้ชิม...รู้แต่ว่าแถวยาววววมากกกกก...ลูกค้ายืนต่อคิวกันยาวววว...แต่ไม่ต้องห่วงไม่นานมากค่ะ เพราะคนที่มากินคือตั้งใจมากินแล้วก็ไป ไม่มีการนั่งแช่ ...เพราะบรรยากาศร้านมันไม่ใช่บรรยากาศที่จะมานั่งแช่นานๆ...สหายเลยรับอาสาต่อคิว ...เราเลยเดินไปแอบส่องร้านอื่นที่ใกล้ๆกัน ..ร้านแถวนั้นคนต่อคิวกันยาวเกือบทุกร้าน
เพื่อความอร่อยต้องอดทนรอ....เจ้าไหนเจ้าดัง เจ้าเก่าแก่ ดังเดิม..อันนี้บอกเลย ไม่รู้ค่ะ 55
แอบส่องเข้าไปข้างในร้าน....แหม++ขายดีจังเริ่มอิจฉา...ถ้าอยู่เมืองไทย...จะแอบคิดว่าออกจากงานมาขายข้าวมันไก่ดีกว่า...อารมณ์ประมาณว่าเห็นใครทำอะไรดีก็จะทำตาม
เห็นลูกกลมๆ แล้ว...มันคืออะไรหนอ?
ระหว่างที่สหายรอคิว เราก็เดินไปสำรวจร้านอื่นๆ เพื่อเป้าหมายต่อไป
ร้านแถวนี้คึกคัก คนเยอะทุกร้าน ยืนรอคิวเหมือนแจกฟรี
ร้านนี้คนเยอะมาก จนมีความรู้สึกหลอนว่า ร้านไหนดีกว่ากันนะ...
เดินกลับมาดีกว่า ยิ่งดูยิ่งทางเลือกเยอะ....แอบมาส่องร้านที่ต่อคิวไว้ต่อดีกว่า...ความอร่อยของร้านนี้ ก็คงไม่แพ้ร้านอื่นหรอกน่า
ระหว่างรอก็แอบส่องในครัวไปเรื่อย
สงสัยเคล็ดลับความอร่อยต้องอยู่ตรงนี้แน่ๆ...อึ๋ย...ยังไงก็ไม่เปลี่ยนใจมาถึงนี่แล้วไงต้องลอง
และแล้วเราก็ได้ที่นั่งแล้วค่ะ....พนักงานนำน้ำใส่ถาดหลายๆแบบมาเสริฟ ...เราก็งงๆ ไม่รู้ว่าคือน้ำอะไร ราคาเท่าไหร่ ...แต่เอาน่าคงไม่แพงจนเกินไป ก็เลยเลือกมาลองชิมดูรสชาติเหมือนน้ำจับเลี้ยง ไม่หวาน อร่อยดีค่ะ
ระหว่างรอก็แอบส่องโต๊ะอื่นอีกแล้ว...อร่อยแน่ๆกินซะกระจัดกระจายขนาดนี้
เราไปกันสองคนก็เลยสั่งไก่ครึ่งตัว แล้วสั่งข้าว 5 ลูก ...พนักงานนำมาเสริมให้พร้อมเครื่องในอีกหนึ่งจาน..เราบอกว่าไม่ได้สั่งเครื่องใน..เขาบอกว่ามันเป็น set เครื่องในทั้งจานจึงตกถึงท้องเพื่อนแต่เพียงผู้เดียว 555
ข้าวมันไก่ของที่นี่ไม่เหมือนที่บ้านเราค่ะ ...นี่แหล่ะมั้งที่ทำให้เราต้องลองชิมสักครั้ง...ที่นี่เขาจะนำข้าวมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเล็กกว่าลูกปิงปองหน่อย...ข้าวมีรสชาติแต่บอกไม่ถูกว่าเป็นรสอะไร น่าจะมีส่วนผสมของกระเทียม ด้วยหรือเปล่า ตัวข้าวออกเหนียวแฉะนิดๆ.... ...แต่ข้าวมันเย็นเกิ๊น...ก็อร่อยแปลกๆนะ เคี้ยวเพลินหนึบๆ...ส่วนไก่ก็ออกเหนียวหน่อยๆจิ้มกับน้ำจิ้ม
เราว่ารสชาติของน้ำจิ้มใช้ได้นะ อร่อยถูกปาก เพื่อนบอกว่าเหมือนมีรสของขิงอยู่ด้วย ...แต่กินแล้วหิวน้ำมากกก...
จานนี้ยกให้เพื่อนคนเดียว
เราว่าน้ำไก่ที่อยู่ในจานอร่อยดี มันออกเค็มๆเล็กๆ....ตอนแรกนึกว่าจะไม่หมด..แต่สุดท้ายก็ไม่เหลือแม้แต่นิด...สรุปแล้วอร่อยไหม...เราว่าก็อร่อยนะ ...ไหนๆก็ไปถึงที่นั่นแล้ว ยังไงเราว่าควรต้องลอง สรุปราคาอยู่ที่ ข้าวมันไก่ครึ่งตัวราคา 22.3 RM ,ข้าวปั้น 5 ก้อนๆละ 0.40 RM ,น้ำ 2 แก้ว เท่าไหร่ก็ไม่รู้ รวมทั้งหมด 31 RM หารสอง ก็ตกคนละ 15.5 RM ค่ะ
หลังจากท้องอิ่ม หนังตาก็หย่อน....อัยยะ...ไม่ได้ค่ะหนังตาหย่อนไม่ได้เด็ดขาดเราต้องออกเดินสำรวจเมืองเขาก่อน...แถวนี้คนจะคึกคักเพราะมีของกิน ของขายเยอะ...และอะไรก็แล้วแต่ที่ทำมาจากทุเรียน จะได้รับความสนใจมาก เพราะคนมาเลย์ชอบกินทุเรียน ....ยืนชิมกันเพลินไปเลย...
ทุเรียนกวนนี่เห็นเยอะมากในมาเลย์....คนมาเลย์ชอบกินทุเรียนมากขนาดเวลาเราแวะที่จุดพักรถระหว่างทางที่เดินทางจากคาเมลอนไฮแลนด์มากัวลาลัมเปอร์ เราเห็นคนมาเลย์ยืนกินทุเรียนเป็นเรื่องเป็นราว แต่คนมาเลย์จะชอบกินทุเรียนออกเละๆ ...ถ้านำทุเรียนเละๆมาขายในไทย ขาดทุนแน่
สำหรับคนถ่ายรูปกดเพลินไปเลยค่ะ
ร้านนี้ขายชามตราไก่ แหม!!กะจะซื้อมาฝากเพื่อนเสียหน่อย 555
เราว่าสินค้าที่นำมาขายส่วนหนึ่งน่าจะมาจากไทย...เพราะเคยเจอคนมาเลย์ ตอนไปเที่ยวที่เวียดนาม เขาเล่าให้ฟังว่าเขามาเมืองไทยบ่อย เพราะมาซื้อของไปขาย...แต่ก็ไม่ได้ถามว่าขายอะไร
เดินกันต่อ
[CR] สวัสดีมะละกา | MELAKA
ตึกแดงๆ ที่เห็นในหนังสือ และในเน็ต ดูจะเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เรามั่นใจว่าเรามาถึงมะละกาแน่ๆแล้ว....จัตุรัสดัตซ์ (Dutch Square) หรือจัตุรัสแดง...ไม่รู้ว่าการออกเสียง และสำเนียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง ต้องพูดอย่างไร เพราะตอนเราจะขึ้นรถมาที่นี่ ถามแล้วเขาฟังเราไม่ออก 555 พอมีต่างชาติอีกคนเดินมาพูดทีเดียวเขาเข้าใจเลย...การพกหนังสือแล้วชี้ที่รูปดูจะเป็นตัวช่วยที่ดีมาก...
ที่จัตุรัสดัตซ์...เหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นเมื่อเรามาถึงมะละกา ...ที่นี่จะมีตึกสีแดงหลายๆตึกรายล้อมทั้งซ้ายและขวา...คึกครื้น และคึกคักไปด้วยผู้คน
"Christ Church Melaka" โบสถ์คริสต์สีแดงแห่งนี้ ใครมาถึงมะละกา แล้วไม่ถ่ายรูปคู่ตึกนี้ ถือว่ามาไม่ถึงนะจ๊ะ
หอนาฬิกา (Melaka Clock Tower)
และสัญลักษณ์อีกอย่างของมะละกา ที่ใครเห็นเป็นต้องอมยิ้ม นั่นก็คือ สามล้อถีบ สีสันสดใสเหล่านี้นี่เอง
ถ้าต่างชาติมาเมืองไทยแล้วรู้จักตุ๊ก ตุ๊ก ..คนที่มามะละกา ก็คงต้องรู้จักสามล้อถีบของที่นี่เหมือนกัน
สามล้อถีบของที่นี่หน้าตาน่ารักมากกกกก รถทั้งคันถูกประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ปลอมสีสันสดใส และตุ๊กตาตัวเล็กตัวใหญ่ ทั้งคิดตี้ โดราเอมอน เลือกใช้บริการได้ตามที่เราชอบเลย
ความน่ารักของรถสามล้อเหล่านี้ไม่ใช่แค่การตกแต่งอย่างสวยงามเท่านั้น ...แต่เวลาที่มีลูกค้ามาใช้บริการเขาจะเปิดเพลงสนุกๆ สร้างบรรยากาศให้ด้วย....เราเห็นลูกค้าที่นั่งยิ้มกันเป็นแถว...เราเป็นคนยืนมองก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้
ไม่รู้เหมือนกันแฮะว่าค่าบริการคิดเท่าไหร่อย่างไร
ชอบค่ะ น่ารัก ดูตั้งใจ
เราใช้เวลาอยู่แถวนี้ค่อนข้างนาน ยืนหันซ้าย หันขวา เพลิดเพลิน ไปเลย
แถวนี้เป็นตึกสีแดงทั้งนั้นเลยค่ะ
นักท่องเที่ยวเยอะ แต่ก็ไม่วุ่นวาย
มีริมน้ำให้เดินเพลินๆ ..แต่เราไม่เพลินเท่าไหร่เพราะมาช่วงเที่ยงๆ แดดกำลังรุนแรง..เราว่าถ้ามาเดินช่วงแดดร่มลมตก...น่าจะโรแมนติกไม่น้อย...ระหว่างเดินมาแถวริมน้ำก็มาเจอกับพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง...พี่ผู้หญิงเข้ามาทักว่าเราเป็นคนไทยหรือเปล่า...จากนั้นพี่แกก็คุยยาวเลยว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วมีสามีเป็นคนที่นี่ ระหว่างที่คุยพี่แกก็เฟสไทม์กับลูกชายถามว่าเราสวยไหม ..ลูกชายไม่ยอมตอบ คงกลัวว่าเราเสียใจ....5555 พี่เขาเล่าว่าลูกชายทำงานที่กรุงเทพฯ คุยกันสักพักก็แยกกัน...จริงๆตลอดการเดินทางในมาเลเซีย ตั้งแต่ปีนัง คาเมลอนไฮแลนด์ จนมาถึงมะละกา พอคนท้องถิ่นรู้ว่าเรากับเพื่อนเป็นคนไทยก็แสดงความเป็นมิตรกับเรามาก
เดินเล่นท้าแดดไปเรื่อยๆ
มาถึงมามะละกาห้ามพลาดชิม "ข้าวมันไก่" ...เอ๊ะ!!ข้าวมันไก่เมืองไทยไม่มีหรืออย่างไร....555...นั่นไงเราว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องลองว่ามันต่างจากเมืองไทยอย่างไร...อร่อยหรือเปล่าไม่รู้เพราะตอนแรกยังไม่ได้ชิม...รู้แต่ว่าแถวยาววววมากกกกก...ลูกค้ายืนต่อคิวกันยาวววว...แต่ไม่ต้องห่วงไม่นานมากค่ะ เพราะคนที่มากินคือตั้งใจมากินแล้วก็ไป ไม่มีการนั่งแช่ ...เพราะบรรยากาศร้านมันไม่ใช่บรรยากาศที่จะมานั่งแช่นานๆ...สหายเลยรับอาสาต่อคิว ...เราเลยเดินไปแอบส่องร้านอื่นที่ใกล้ๆกัน ..ร้านแถวนั้นคนต่อคิวกันยาวเกือบทุกร้าน
เพื่อความอร่อยต้องอดทนรอ....เจ้าไหนเจ้าดัง เจ้าเก่าแก่ ดังเดิม..อันนี้บอกเลย ไม่รู้ค่ะ 55
แอบส่องเข้าไปข้างในร้าน....แหม++ขายดีจังเริ่มอิจฉา...ถ้าอยู่เมืองไทย...จะแอบคิดว่าออกจากงานมาขายข้าวมันไก่ดีกว่า...อารมณ์ประมาณว่าเห็นใครทำอะไรดีก็จะทำตาม
เห็นลูกกลมๆ แล้ว...มันคืออะไรหนอ?
ระหว่างที่สหายรอคิว เราก็เดินไปสำรวจร้านอื่นๆ เพื่อเป้าหมายต่อไป
ร้านแถวนี้คึกคัก คนเยอะทุกร้าน ยืนรอคิวเหมือนแจกฟรี
ร้านนี้คนเยอะมาก จนมีความรู้สึกหลอนว่า ร้านไหนดีกว่ากันนะ...
เดินกลับมาดีกว่า ยิ่งดูยิ่งทางเลือกเยอะ....แอบมาส่องร้านที่ต่อคิวไว้ต่อดีกว่า...ความอร่อยของร้านนี้ ก็คงไม่แพ้ร้านอื่นหรอกน่า
ระหว่างรอก็แอบส่องในครัวไปเรื่อย
สงสัยเคล็ดลับความอร่อยต้องอยู่ตรงนี้แน่ๆ...อึ๋ย...ยังไงก็ไม่เปลี่ยนใจมาถึงนี่แล้วไงต้องลอง
และแล้วเราก็ได้ที่นั่งแล้วค่ะ....พนักงานนำน้ำใส่ถาดหลายๆแบบมาเสริฟ ...เราก็งงๆ ไม่รู้ว่าคือน้ำอะไร ราคาเท่าไหร่ ...แต่เอาน่าคงไม่แพงจนเกินไป ก็เลยเลือกมาลองชิมดูรสชาติเหมือนน้ำจับเลี้ยง ไม่หวาน อร่อยดีค่ะ
ระหว่างรอก็แอบส่องโต๊ะอื่นอีกแล้ว...อร่อยแน่ๆกินซะกระจัดกระจายขนาดนี้
เราไปกันสองคนก็เลยสั่งไก่ครึ่งตัว แล้วสั่งข้าว 5 ลูก ...พนักงานนำมาเสริมให้พร้อมเครื่องในอีกหนึ่งจาน..เราบอกว่าไม่ได้สั่งเครื่องใน..เขาบอกว่ามันเป็น set เครื่องในทั้งจานจึงตกถึงท้องเพื่อนแต่เพียงผู้เดียว 555
ข้าวมันไก่ของที่นี่ไม่เหมือนที่บ้านเราค่ะ ...นี่แหล่ะมั้งที่ทำให้เราต้องลองชิมสักครั้ง...ที่นี่เขาจะนำข้าวมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเล็กกว่าลูกปิงปองหน่อย...ข้าวมีรสชาติแต่บอกไม่ถูกว่าเป็นรสอะไร น่าจะมีส่วนผสมของกระเทียม ด้วยหรือเปล่า ตัวข้าวออกเหนียวแฉะนิดๆ.... ...แต่ข้าวมันเย็นเกิ๊น...ก็อร่อยแปลกๆนะ เคี้ยวเพลินหนึบๆ...ส่วนไก่ก็ออกเหนียวหน่อยๆจิ้มกับน้ำจิ้ม
เราว่ารสชาติของน้ำจิ้มใช้ได้นะ อร่อยถูกปาก เพื่อนบอกว่าเหมือนมีรสของขิงอยู่ด้วย ...แต่กินแล้วหิวน้ำมากกก...
จานนี้ยกให้เพื่อนคนเดียว
เราว่าน้ำไก่ที่อยู่ในจานอร่อยดี มันออกเค็มๆเล็กๆ....ตอนแรกนึกว่าจะไม่หมด..แต่สุดท้ายก็ไม่เหลือแม้แต่นิด...สรุปแล้วอร่อยไหม...เราว่าก็อร่อยนะ ...ไหนๆก็ไปถึงที่นั่นแล้ว ยังไงเราว่าควรต้องลอง สรุปราคาอยู่ที่ ข้าวมันไก่ครึ่งตัวราคา 22.3 RM ,ข้าวปั้น 5 ก้อนๆละ 0.40 RM ,น้ำ 2 แก้ว เท่าไหร่ก็ไม่รู้ รวมทั้งหมด 31 RM หารสอง ก็ตกคนละ 15.5 RM ค่ะ
หลังจากท้องอิ่ม หนังตาก็หย่อน....อัยยะ...ไม่ได้ค่ะหนังตาหย่อนไม่ได้เด็ดขาดเราต้องออกเดินสำรวจเมืองเขาก่อน...แถวนี้คนจะคึกคักเพราะมีของกิน ของขายเยอะ...และอะไรก็แล้วแต่ที่ทำมาจากทุเรียน จะได้รับความสนใจมาก เพราะคนมาเลย์ชอบกินทุเรียน ....ยืนชิมกันเพลินไปเลย...
ทุเรียนกวนนี่เห็นเยอะมากในมาเลย์....คนมาเลย์ชอบกินทุเรียนมากขนาดเวลาเราแวะที่จุดพักรถระหว่างทางที่เดินทางจากคาเมลอนไฮแลนด์มากัวลาลัมเปอร์ เราเห็นคนมาเลย์ยืนกินทุเรียนเป็นเรื่องเป็นราว แต่คนมาเลย์จะชอบกินทุเรียนออกเละๆ ...ถ้านำทุเรียนเละๆมาขายในไทย ขาดทุนแน่
สำหรับคนถ่ายรูปกดเพลินไปเลยค่ะ
ร้านนี้ขายชามตราไก่ แหม!!กะจะซื้อมาฝากเพื่อนเสียหน่อย 555
เราว่าสินค้าที่นำมาขายส่วนหนึ่งน่าจะมาจากไทย...เพราะเคยเจอคนมาเลย์ ตอนไปเที่ยวที่เวียดนาม เขาเล่าให้ฟังว่าเขามาเมืองไทยบ่อย เพราะมาซื้อของไปขาย...แต่ก็ไม่ได้ถามว่าขายอะไร
เดินกันต่อ